ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #42 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่05

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 825
      29
      3 พ.ย. 60


         หยางจิวเทียนสบช่องรีบส่งเสียงกระซิบไปยังหลิวเสียะหัวในทันที  ด้วยรู้ว่าประสบการณ์ของเจ้าหนุ่มในสนามยังด้อยกว่าคู่ต่อสู้อีกโข  ดังนั้นคงเป็นการดีหากยื่นมือเข้าช่วยเหลือในตอนนี้  และคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากบุญคุณที่ได้ทำไว้ในภายภาคหน้า  ประมุขแห่งหมาป่าเงินจึงออกอาการหัวเสียเล็กน้อย  หากได้ความช่วยเหลือจากพรรคอื่นมีหวังขายขี้หน้าประชาชีแน่ 

         "ท่านจงอยู่เฉย ๆ เถอะประมุขหยาง  รับชมการประลองไปแบบเงียบ ๆ ก็พอแล้ว"

         หลิวเสียะหัวกระซิบตอบ  ในขณะที่การต่อสู้ยังดำเนินไปอย่างเข้มข้น  ทั้งกรงเล็บและอาวุธอื่นของเกาฟานเฉียงมิอาจทำอันตรายใดแก่หลิวเย่อจื่อก็จริง  หากแต่กำลังของเด็กหนุ่มก็เริ่มถดถอยลงเช่นกัน  เนื่องด้วยขาดประสบการณ์การประมือกับยอดฝีมือในยุทธภพ  คู่มือที่มันเคยเจอมาก็มีเพียงลูกศิษย์ในสำนักที่ล้วนอ่อนด้อยกว่าตนทั้งนั้น  ไม่นานนักปลายกระบี่ก็ทื่อลงตามที่บิดาคาดเอาไว้

         "ปล่อยไว้แบบนี้จะดีหรือประมุขหลิว  ท่านมีลูกชายคนเดียวนี่นา?"

         ไอ้เฒ่านี่เจ้าเล่ห์นัก  ประมุขหมาป่าเงินคิด  คนอย่างหลิวเสียะหัวไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกขนาดต้องยืมจมูกคนอื่นหายใจ  ซ้ำเมื่อครู่ขนาดจางเหอลู่ยังพูดเองกับปากว่ามันมองศึกครั้งนี้อย่างปรุโปร่ง  แสดงว่าประมุขจางต้องสังเกตหรือหยั่งรู้อะไรล่วงหน้าแล้วแน่ ๆ  เพราะฉะนั้นหากจะมีปัจจัยใดที่ทำให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของตนพิชิตชัยได้ล่ะก็...

         "ฮ่า ๆ ไอ้หนูแรงเริ่มตกแล้วนะ  ถ้าเหนื่อยก็ไปพักเสียเถอะ!"

         เกาฟานเฉียงแกล้งยั่วเย่อจื่อ  ปราณกระบี่ที่เคยดุดันร้ายกาจก็ดูด้อยประสิทธิภาพลง  และในที่สุดประมุขพรรคพยัคฆ์แดงก็พบกับช่องโหว่ในระหว่างกระบวนท่าจนได้  มันสะกดลมหายใจเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวิชาลับพยัคฆ์เหนือตะวันทันที  ทว่าหลิวเย่อจื่อกลับสงบนิ่งไม่ลนลานราวกับกำลังรอคอยจังหวะนี้มานานแล้ว

         "ผู้อาวุโส  ข้าน้อยขอล่วงเกินด้วย!"

         ฉับพลัน  ปราณกระบี่ที่อ่อนระโหยโรยแรงก็กลับมาพลุ่งพล่านราวกับปลาได้น้ำ  จากโคนจรดปลาย  ล้วนห่อหุ้มด้วยพลังสายฟ้าอันร้ายกาจสะท้อนแสงแปลบปลาบ  แต่แค่นั้นยังไม่ดีพอจะตอบโต้กรงเล็บที่พุ่งเข้าหาด้วยความเร็วเทียบเท่าแสง  หลิวเย่อจื่อจึงต้องใช้เคล็ดวิชากระบี่ประจำสำนัก จันทราไร้เงา เพื่อแทงสวนกับวิชากรงเล็บชนิดยอมตาย  ผู้ชมที่นั่งทัศนาอยู่รอบนองลานประลองต่างกลั้นลมหายใจ  เมื่อผ่านพ้นนาทีวิกฤต  ผลการดวลจึงเป็นที่ประจักษ์ว่าเพลงกระบี่ของเย่อจื่อนั้นเหนือชั้นกว่า  เพราะปราณเทพวชิระไร้พ่ายแทงเข้าใส่หัวไหล่ของเกาฟานเฉียงในขณะที่กรงเล็บซัดพลาดเป้า  ไม่สิ... ควรจะบอกว่าคมกระบี่นั้นแทงเข้าเป้าก่อนจึงทำให้กรงเล็บพลาดไปมากกว่า  หรือก็คือวิชาจันทราไร้เงาที่ผนวกกับปราณกระบี่เทพวชิระของเด็กหนุ่มคนนี้ไวยิ่งกว่ากระบวนท่าลับของประมุขเกาเสียอีก! 

         "แก! ทำไมถึงได้...!"

         เกาฟานเฉียงทรุดตัวลงกับพื้น  เลือดสด ๆ ไหลอาบลงมาเกือบครึ่งตัว  ความเจ็บปวดที่ทะลักล้นออกมายังอาจไม่หนักหนาเท่าความเจ็บใจที่เสียหน้าเพราะพ่ายให้แก่เด็กเมื่อวานซืนเช่นนี้เสียอีก  มันกัดฟันแน่นส่งเสียงคำรามฮึ่มฮั่มในลำคอ  แม้อยากจะลุกขึ้นสู้ต่อแต่แขนขวาของมันก็ใช้การไม่ได้แล้ว  เจ็ดดาวเห็นอาการจึงประเมินว่าควรจะจบการต่อสู้ลงเพียงเท่านี้ 

         "เช่นนั้นผลการประลองในคู่นี้  ผู้ชนะคือ..."

         "ไอ้นักพรตอย่าสะเออะสอด!  ข้ายังไม่แพ้สักหน่อยโว้ย!!!"

         ด้วยศักดิ์ศรีที่มันค้ำคอ  แถมยศตำแหน่งของการประลองก็ช่างหอมหวานเกินกว่าจะตัดใจ  เกาฟานเฉียงจึงทนเจ็บลุกขึ้นสู้ต่อ  แต่กรงเล็บพยัคฆ์เริ่มหมดพิษสง  กลายเป็นมวยรองทำได้แค่ตั้งรับเพลงกระบี่ของอีกฝ่ายเท่านั้น 

         "ฮึ่มเจ็บใจนัก!"

         ประมุขเการวบพลังเต็มขั้น  ส่งให้เลือดยิ่งทะลักออกจากปากแผลเพิ่มมากขึ้นทว่ามันก็ไม่ใส่ใจแล้ว  เพราะตอนนี้คือช่วงเวลาที่ต้องทุ่มเททุกสิ่งอย่างที่มีเพื่อชัยชนะ  ด้านเย่อจื่อเห็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าประมาท  มันเร่งเดินพลังปราณวชิระไร้พ่ายเพื่อตอบโต้  แล้วหนึ่งลำแสงที่พุ่งทะยานผ่านร่างอันหยิ่งทะนงของเกาฟานเฉียงไปก็ทำให้สติของเจ้าสำนักพยัคฆ์แดงหลุดลอยไปในที่สุด  เป็นอันจบการประลองอันน่าตื่นเต้นนี้ลง

         "ฮ่า ๆ ยอดมาก!  หลิวเย่อจื่อเจ้าทำได้ดีจริง ๆ"

         เสียงปรบมือและเสียงหัวเราะอันเปี่ยมด้วยพลังอำนาจลอยมาจากทางปะรำของพรรคมังกรทอง  เป็นจางเหอลู่นั่นเองที่นิ่งเงียบชมการต่อสู้มาตลอด  ครั้นเมื่อเห้นเจ้าหนุ่มอนาคตไกลคนนี้เอาชนะยอดฝีมือตัวเอ้ในวงการได้ย่อมรู้สึกชื่นชม

         "เช่นนี้แล้วก็น่าเสียดายที่เจ้าอายุขัยสั้นนัก!"

         เพียงแค่เจ้าสำนักขยับ  ก็บังเกิดสายลมกระชากหมุนวนจนปะรำที่ก่อสร้างมาอย่างปราณีตยังพังทลายไม่เหลือชิ้นดี  มิหนำซ้ำแรงลมยังซัดจนปะรำที่อยู่ข้างเคียงเสียหายตามไปด้วย  ส่วนตัวจางเหอลู่เหินลงมาบนลานประลองเพื่อประจันศึกกับเด็กหนุ่มดังที่เคยประกาศิตเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว  เพียงแค่สบตากันหลิวเย่อจื่อก็รู้สึกถึงความกดดันอันหนักหน่วงที่ถาโถมเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์ในมหาสมุทร  เม็ดเหงื่อผุดขึ้นประปรายบนในหน้าของมันอย่างต่อเนื่อง

         "เป็นอะไรไป?  ถ้าเจ้าไม่เข้ามาข้าจะลงมือเองก็ได้..."

         จางเหอลู่เห็นอีกฝ่ายเอาแต่ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหวจึงคิดแสดงฝีมือให้ดูสักเล็กน้อย  ด้วยการชูแขนขึ้นข้างหนึ่งและสะบัดข้อมือไปทางเย่อจื่อเบา ๆ  ฉับพลันนั้นใบหน้าอันเรียวคมของเด็กหนุ่มก็กระเพื่อมสั่นไหวอย่างรุนแรงจนสะบัดไปอีกทาง  เย่อจื่อตกใจเล็กน้อยแต่ยังตั้งสติกลับมาได้เร็ว  มันเตรียมกระบี่ในมือมั่นหมายตอบโต้  หากแต่ประมุขมังกรทองสะบัดข้อมือตามมาอีกสามถึงสี่ครั้งก็ทำเอาใบหน้าสะบัดไปมาอีกหลายรอบ  ยิ่งทีก็ยิ่งรู้สึกคล้ายหน้าชาเพราะความเจ็บปวด  เย่อจื่อถอยออกห่างจากรัศมีและเร่งปรับพลังลมปราณเสียใหม่

         "พลังภายในช่างร้ายกาจ  หากไม่มีพื้นฐานลมปราณอันกล้าแข็งทั้งภายในและภายนอกคงทำเช่นนี้ไม่ได้แน่"

         สินหุ่ยนึกชมฝีมือของจางเหอลู่  เมื่อคราวที่ปะทะกับเทียนซานประมุขมังกรทองก็มิได้แสดงทีเด็ดอะไรออกมาเลย  ไม่นึกว่าจะซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้พอสมควร

         "ถ้าแค่นั้นข้าเองก็ทำได้  ไม่เห็นจะตื่นเต้นตรงไหน?"

         จอมมารน้องหมาบอกกับสมุนคนสนิท  สำหรับมันจะให้ตบทีเดียวเจ้าเด็กนั่นคอขาดกระเด็นเลยยังได้  เพียงแต่ตอนนี้มันนึกสงสัยไอ้คลื่นพลังสีดำที่แผ่ออกมาจากภายใต้เงาของจางเหอลู่  คลื่นพลังอันน่าสะอิดสะเอียนนั่นว่ามันคืออะไรกันแน่?



    จบตอน

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×