ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #38 : ศึกประลองจ้าวยุทธจักร ตอนที่01

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.09K
      39
      26 ต.ค. 60


         จางเหอลู่นั่งลงบนบัลลังก์อย่างสง่างามสมฐานะของผู้นำแห่งห้าพรรคใหญ่  ท่าทีของมันไม่ยี่หระต่อบรรดายอดฝีมือที่มารวมตัวกัน ณ ลานประลองแห่งนี้เลยสักนิด  มีก็แต่พวกจอมยุทธทั่วไปและบรรดาคนจากพรรคอื่นที่ประหวั่นพรั่นพรึงถึงไอพลังอันร้ายกาจที่แผ่ซ่านออกมาจากภายในร่างของมันอย่างไม่หยุดหย่อน

         "ราวกับเป็นคนละคนกับเมื่อก่อนหน้านี้เลย..."

         แม้แต่ผู้ผ่านโลกมามากอย่างหยางจิวเทียนซึ่งนั่งบัลลังก์ในปะรำของพรรคเหยี่ยวดำยังรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอันสุดจะหยั่งถึงนี้จากสหายที่รู้จักกันมานาน  มันยังสังเกตเห็นกระทั่งรายละเอียดยิบย่อยอย่างท่าทีขลาดกลัวที่แฝงอยู่ในทีของพวกลูกชายลูกสาวที่เดินทางมาด้วยกันกับบิดา  หากเจ็ดยอดยุทธแห่งมังกรทองยังหวาดกลัว  แล้วพวกชาวยุทธตาดำ ๆ จะเหลือรึ?

         "เยี่ยม! สหายจางดูท่าจะบรรลุเคล็ดวิชาใหม่แล้ว  แบบนี้การประลองจ้าวยุทธจักรค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย ฮ่า ๆ"

         ขณะที่พวกชาวยุทธต่างโจษขานถึงประมุขพรรคมังกรทอง  คงมีเพียงเกาฟานเฉียงผู้นำพรรคพยัคฆ์แดงคนเดียวซึ่งเนื้อเต้นกับพลังที่เพิ่มพูนขึ้นของพรรคคู่แข่ง  เพราะนอกจากเป้าหมายเดิมนั่นคือการกระทืบจอมมารให้จมดินในวันนี้  ก็มีเป้าหมายใหม่เพิ่มเข้ามานั่นคือการทดสอบฝีมือกับผู้นำยุทธภพคนปัจจุบัน  ใจของเกาฟานเฉียงอยากจะกระโดดขึ้นลานประลองเสียเดี๋ยวนี้เลยด้วยซ้ำเพื่อพิสูจน์ว่าใครคือที่หนึ่งในแดนดิน!

         "เจ้าเองก็เห็นแล้วใช่หรือไม่?  ดูท่าว่าการประลองในคราวนี้คงจะยุ่งยากและมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่คิดเสียแล้ว..."

         หลิวเสียะหัวกล่าวแก่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอย่างหลิวเย่อจื่อ  แม้ว่าปะรำของพรรคหมาป่าเงินจะตั้งอยู่ไกลจากของพรรคมังกรทองมากที่สุด  แต่ไอพลังอันรุนแรงนั้นก็ยังส่งผ่านมาถึงพวกตนอย่างถ้วนทั่ว  คาดว่าเจ้าสำนักที่ป่วยกระเสาะกระแสะเรื้อรังนานปีคงจะมอบหมายให้ลูกชายรับหน้าที่ประลองแทนเป็นแน่       

    ......

    ...

         และแล้วก็ถึงเวลาเที่ยงตรง  ยามที่อาทิตย์ขึ้นตรงศีรษะพอดีท่านหัวหน้านักพรตเจ็ดดาวก็เดินมาหยุดยืนที่กึ่งกลางของลานกว้าง  ก่อนจะกล่าวทักทายเปิดงานประลองศึกจ้าวยุทธจักรในครั้งที่สองนี้อย่างเป็นทางการ  โดยการประลองจะดำเนินไปตามกฎหลักที่เรียกกันว่า ห้าศึกจ้าวยุทธจักร
    นั่นคือเมื่อผู้ใดก้าวเข้ามาในแดนประลองและชนะผู้ท้าชิงได้ห้าคนก่อนก็จะถือว่าเป็นผู้ชนะเลิศไปในทันที  โดยจะจัดการประลองแบบตัวต่อตัวทีละสองคนเท่านั้นห้ามมิให้ผู้ใดสอดมือยุ่งเกี่ยว  ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์ท้าประลองจะต้องเป็นบุคคลที่นั่งบนบัลลังก์ของแต่ละพรรคเพียงเท่านั้น  และเมื่อการประลองล่วงเข้าสู่ยามอัสดง  กระทั่งตะวันลับขอบฟ้าไปแล้วหากยังไม่รู้ผลจะถือว่าไม่มีผู้ชนะในการประลองครั้งนี้

         "ฮ่า ๆ งั้นมือแรกข้าขอก่อนเลยแล้วกัน!"

         เกาฟานเฉียงเปล่งเสียงหัวเราะอันทรงพลังออกมาก่อนจะทะยานเข้าสู่ลานประลองในทันใด  มันเกร็งพลังเต็มที่จนกระดูกลั่นไปทั่วร่าง  เจ้าสำนักพยัคฆ์แดงทนอัดอั้นมานานวันนี้จึงขอให้ได้อาละวาดอย่างเต็มที่

         "หึ ๆ ใจร้อนเสียจริงนะประมุขเกา  ไม่รอให้เส้าเทียนอิ้งลงสู่สนามก่อนหรือ?"

         ต้าเหยียนกังแห่งพรรคคชสารเขียวแค่นหัวเราะใส่  สำหรับมันแล้วการประลองนี่ก็เป็นเหมือนกับปาหี่ราคาแพงที่หาดูได้ยากยิ่ง  เพราะไม่ว่าใครจะประลองใครจะชนะหรือแพ้มันก็หาได้ใส่ใจหรือเป็นเดือดเป็นร้อนไม่  สิ่งสำคัญเพียงอย่างเดียวที่ต้าเหยียนกังจะกระทำนั่นคือการเลียขาผู้ชนะในวันนี้เท่านั้น  ทีแรกมันชั่งใจอยู่ว่าควรสวามิภักดิ์กับเทียนซานเลยดีไหม  แต่เมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวจางเหอลู่ก็ตัดสินใจรอดูท่าทีไปก่อน

         "พูดอะไรอย่างนั้นข้าลงเป็นคนแรกสิดี  หากชนะได้ถึงสี่คนเมื่อไหร่เส้าเทียนอิ้งย่อมร้อนอาสน์จนต้องโดดมาร่วมวงด้วยอยู่ดีนั่นแหละ!"

         ตามที่เกาฟานเฉียงว่า  หากชนะถึงห้าครั้งเป็นอันจบ  เช่นนั้นแล้วจอมมารจะไม่มีทางนิ่งเฉยดูดายให้ใครสักคนในห้าพรรคใหญ่ได้ตำแหน่งนี้ไปอวดแก่สาธารณะเป็นแน่  อย่างน้อยถ้ามีใครชนะได้ถึงสี่ครั้งก่อนย่อมเป็นอาณัติสัญญาณเรียกตัวเส้าเทียนอิ้งลงสู่สนามเป็นแน่แท้

         "ในทางกลับกันจอมมารและพวกยอดฝีมือทั้งหลายก็จะหยุดดูท่าทีไปก่อนสินะขอรับท่านพ่อ?"

         หลิวเย่อจื่อพิเคราะห์สถานการณ์เพื่อเล็งหาโอกาสเหมาะในการเข้าร่วมชิงชัย  กุญแจสำคัญในการพิชิตศึกครั้งนี้มิใช่แค่จัดการกับคู่ต่อสู้ห้าคน  หากแต่จังหวะที่จะลงจรยุทธ์ต่างหากคือเงื่อนไขชี้เป็นชี้ตายในการประลอง

         "อืมม... เจ้าจงดูให้ดี  วิชาของสำนักเราล้วนรวดเร็วรุนแรง  หากต้องรับมือกับจอมพลังที่มีวิชาอันร้ายกาจในลักษณะเดียวกันอย่างเกาฟานเฉียง  เจ้าย่อมเสียเปรียบในด้านประสบการณ์  หากจะหาคู่มือชิงชัย  จงเลือกรับมือต้าเหยียนกังหรือพวกจากสำนักที่เน้นกระบวนท่าดีกว่า"

         หลิวเสียะหัวออกความเห็น  ในสายตาของมันมองว่าเกาฟานเฉียงเลือกเป็นมือแรกเพราะมั่นใจในพลังและฝีมือของตน  มันคงตั้งใจจะกินรวบสี่คู่แรกและปิดท้ายด้วยจอมมารอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่กำลังในกายจะอำนวย  เจ้านั่นย่อมรู้ดีแก่ใจว่าไม่ถนัดศึกยืดเยื้อจึงใช้แผนนี้  ทว่าก็ออกจะดูสะเพร่าและลำพองใจเกินไปเสียหน่อย  นึกว่าพรรคใหญ่ที่เหลือจะมองแผนนี้ไม่ออกหรืออย่างไร?

         "เฮ้ยเกาฟานเฉียง! วันนี้ข้าขอลองฝีมือเจ้าดูหน่อยเป็นไง!"

         ไม่ทันไรผู้ท้าชิงคนแรกก็กระโดดเข้าสู่ลานประลองในทันที  มันผู้นี้คือเจ้าสำนักวัวทะเล  และหากจะให้สืบหาแรงจูงใจในการประลองก็คงไม่พ้นความแค้นเมื่อครั้งที่ประมุขเกาเคยพูดจาถากถางเคล็ดวิชาของสำนัก  จากวิวาทะก็แปรเปลี่ยนเป็นการปะทะ  กระทั่งจบลงด้วยความปราชัยของเจ้าสำนักวัวทะเล  ซึ่งมันยังคงเก็บงำความแค้นและความอับอายมาจนถึงบัดนี้  อันเป็นโอกาสดีที่จะได้รับการสะสางเสียที  เพราะสำหรับพรรคที่ไม่ใช่ห้าพรรคใหญ่ต้องได้รับความเห็นชอบจากเจ็ดดาวกับจอมมารเสียก่อนจึงจะมีสิทธิ์เข้าร่วมด้วยได้

         "แกคือคนแรกงั้นรึ?  ดีเข้ามา!"

         เกาฟานเฉียงจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเจ้านี่คือใคร  เพียงแต่เมื่อเข้าสู่ลานประลองแล้วย่อมไม่มีแบ่งแยกมิตรหรือศัตรู  มีเพียงคู่ต่อสู้ตรงหน้าให้บดขยี้เพียงเท่านั้น  ว่าแล้วเจ้าสำนักพยัคฆ์แดงจึงเกร็งพลังเข้าจู่โจมใส่แบบไม่รีรอ  เป็นอันเปิดม่านการต่อสู้อันรุนแรงดุเดือดที่จะได้รับการกล่าวขานกันไปอีกนานแสนนานในยุทธภพอย่างแน่นอน!


    จบตอน

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×