ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #112 : ศึกถล่มวังหลวง ตอนที่05

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 114
      9
      4 ต.ค. 62


         "ชิ! เจ้าหนุ่มนั่นไม่ได้เรื่องเอาซะเลย  โดนทีเดียวจอดแบบนั้นน่ะนะ"

         เกรแฮมบ่นอุบในระหว่างลอบสังเกตการณ์ด้วยลำกล้องปืนไรเฟิล  ที่แท้คนที่แอบซุ่มเงียบส่งความช่วยเหลือให้กับพวกเทียนซานก็คือเขานั่นเอง  และโชคดีที่เขาอยู่ห่างจากรัศมีแรงระเบิดเมื่อครู่ทำให้รอดตายไปได้แบบหวุดหวิดเลยทีเดียว

         "ถ้าเจออาวุธระดับทำลายดวงดาวก็คงไปโทษทางนั้นไม่ได้หรอกนะ  ช่องว่างระหว่างเทคโนโลยีของพวกเรากับพวกเขามันต่างกันมากเกินไปน่ะ"

         โทมัสที่แอบอยู่ข้าง ๆ อีกคนกล่าว  เขาเองก็รู้สึกตกใจไม่น้อยที่พวกสหราชอาณาจักรมันกล้าลงมือด้วยอาวุธลำแสงจากยานแม่กันเลยทีเดียว  เรียกว่างานนี้คงไม่ต้องการให้เจ้าพวกผู้คนบนดาวต้าหลงคิดลุกฮือขึ้นมาอีก  เพราะไม่ว่าใครถ้าได้เห็นอำนาจทำลายล้างอันรุนแรงมหาศาลชนิดที่ชั่วชีวิตนี้คงไม่ได้พบเจออีกแน่  ก็คงต้องยอมศิโรราบหมอบกราบอีกฝ่ายแต่โดยดีไม่มีเงื่อนไขอยู่แล้ว 

         "แล้วทีนี้พวกเราจะเอายังไงดี  มันแบกไอ้หนูนั่นพาขึ้นยานไปแล้วด้วย!"

         "ถ้าจะตามมันก็คงเสี่ยงเกินไปหน่อย  เพราะฉะนั้นตอนนี้พวกเราหนีกลับไปตั้งหลักก่อนดีกว่า  ชักจะเป็นห่วงองค์หญิงชาล็อตแล้วด้วยสิ"

         หัวหน้ากองยานออกความเห็นซึ่งทางเกรแฮมก็ไม่มีข้อโต้แย้ง  ดังนั้นทั้งคู่จึงจัดเก็บข้าวของพร้อมกับรีบหลบหนีออกจากพื้นที่ไปก่อนที่โดรนลานตระเวนของอีกฝ่ายจะตามมาสำรวจตรวจตราแถว ๆ นี้ในทันที  เกรแฮมรู้สึกเจ็บใจที่อีกนิดเดียวก็จะไล่ต้อนพวกมันได้แล้วแท้ ๆ แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียว  ยังไงก็ต้องมีโอกาสเล่นงานพวกมันได้อีกแน่  ขอเพียงแค่ไม่ล้มเลิกความตั้งใจไปเสียก่อน

         "แล้วถ้าได้เจอกับลูกทีมของผมอีก  จะเอายังไงดี?"

         เกรแฮมมีสีหน้าเจ็บปวดเล็กน้อยเมื่อนึกถึงลูกทีมของเขาที่เดินทางลงมาบนดาวดวงนี้ด้วยกัน  ถ้าพูดตามสถานะปัจจุบันก็คงไม่พ้นเป็นศัตรูคู่ปรปักษ์  เพราะช่วงก่อนหน้านี้เขาดันทำตามคำสั่งของภารกิจลับในการลอบสังหารองค์หญิง  เคราะห์ดีที่ได้ล่วงรู้ความลับของอีกฝ่ายเสียก่อนจึงยังไม่ได้พลั้งมือทำอะไรไป  กระนั้นหากต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้งก็คงลำบากใจในการต่อสู้เป็นแน่

         "นี่เป็นเรื่องที่นายตัดสินใจไปแล้วนี่นา  เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก  ถึงเวลานั้นค่อยลองเจรจากับพวกคนอื่น ๆ ดูก็ได้  ถึงยังไงทางนี้ก็ถือไพ่เหนือกว่าอยู่นะ?"

         โทมัสให้คำแนะนำเพื่อปลอบใจอีกฝ่าย  ซึ่งตนก็รู้ดีแก่ใจว่าหากเจอกันอีกครั้งต่างฝ่ายต่างต้องหันปากกระบอกปืนเข้าใส่เป็นแน่  แต่เรื่องนั้นยังพอมีเวลาให้เก็บไปคิดบ้าง  ตอนนี้สำคัญที่สุดคือจะทำยังไงเพื่อขัดขวางไม่ให้พวกมันได้ในสิ่งที่กำลังต้องการที่สุดต่างหากล่ะ

         "ใช่... ยังไงก็ต้องชนะให้ได้ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตามที!"

         เกรแฮมขบฟันแน่น  หากอยากเอาชนะในเกมสงครามครั้งนี้ให้ได้ก็ต้องไม่เลือกวิธี  ต่อให้ต้องร่วมมือกับพวกศัตรูอย่างเทียนซานก็ต้องทำ  เพราะนี่คือการเดิมพันครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขา  เรื่องอะไรจะยอมแพ้ไอ้พวกชาติชั่วนั่นกันเล่า!  ถ้ายังปล่อยให้พวกมันทำตามใจชอบแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จักรวาลนี้ก็คงต้องเผชิญกับโศกนาฎกรรมเหมือนกับดาวดวงนี้และอีกหลาย ๆ ดวงที่ผ่านมาอย่างแน่นอน


    @@@@@@@@@@@@


         "อุ... อือออ..."

         ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก  รู้สึกหนาววูบยังไงชอบกล?  พยายามเหลียวมองไปรอบ ๆ เพียงเพื่อจะพบว่าตอนนี้ตนเองกำลังถูกจัดมัดขึงแขนขาด้วยโซ่ตรวนขนาดมหึมาอยู่ที่ใจกลางห้องมืดสลัวแห่งหนึ่ง  นี่มันอะไรกันเนี่ยที่นี่มันคือที่ไหนแล้วผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน?

         "แต่เฮ้ย! นี่ตรูแก้ผ้าล่อนจ้อนอยู่นี่หว่า! เกิดอะไรขึ้นฟะเนี่ยยยย!!!"

         ไอ้ที่มันห้อยอยู่ตรงช่วงกลางลำตัวกำลังกระดิกสั่นไหวอย่างร่าเริงผิดกับสีหน้าของผมในตอนนี้  ที่มันเหยเกและรู้สึกเจ็บปวดแถว ๆ ชายโครงชะมัดเพราะมีสายยางประหลาดบางอย่างห้อยระโยงระยางไปทั่วลำตัว  บางอันยังเป็นปลายเข็มแทงทะลุเข้าไปในร่างอีก  ยิ่งขยับก็ยิ่งปวดแถมรู้สึกเสียวแปลบอย่างบอกไม่ถูกอีกด้วย

         "อ้าวฟื้นแล้วหรือ?  ให้ตายสิขนาดให้ยาแรงสุดเท่าที่มีแล้วนะเนี่ย หึหึ!"

         เสียงพูดระคนหัวเราะน่าหมั่นไส้ดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง  ชายวัยกลางคนท่าทางไม่น่าไว้ใจเดินเข้ามาประชิดหลังผมก่อนจะใช้นิ้วจิ้มไปตามจุดต่าง ๆ ทั่วร่างกายของผมอย่างหยาบคาย

         "เฮ้ยนี่มันอะไรกันฟะ  รีบปล่อยตัวข้าเดี๋ยวนี้นะ!!!"

         ผมร้องขึ้นด้วยความโกรธ  แต่อีกฝ่ายกลับหันไปใส่ใจกับข้อมูลตัวเลขที่กำลังวิ่งขึ้นลงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ ๆ แทนซะงั้น  ยิ่งทำให้หงุดหงิดมากกว่าเดิมอีก  ผมตะโกนซ้ำอีกรอบพลางดิ้นรนขัดขืนเต็มกำลัง  ทว่าพลังปราณในร่างกลับไม่ยอมทำงานซะนี่?  แถมยิ่งเกร็งพลังยิ่งรู้สึกเหมือนพลกำลังในร่างค่อย ๆ หดหายไปเรื่อย ๆ อีกต่างหาก

         "เอ้าอยู่เฉย ๆ สิเดี๋ยวค่าตัวเลขก็เพี้ยนหมดหรอก...  อืมมมม... นี่มันยอดมากเลยนะเนี่ย! ให้ตายสิ!"

         ชายคนนั้นตบมือผางพร้อมรอยยิ้มอันน่าสะอิดสะเอียนที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาในชีวิต  ขนาดเจ้าพวกหน้าไหว้หลังหลอกอย่างห้าสำนักใหญ่ยังไม่มีใครยิ้มได้กวนส้นขนาดนี้เลย  เจ้านั่นขยับนิ้วกลางอากาศเหมือนกำลังพิมพ์อะไรบางอย่างบนหน้าจอสีฟ้าโปร่งใสอยู่  อ้อ... นี่คงจะเป็นหน้าจอโฮโลแกรมหรืออะไรสักอย่างที่เคยเห็นในหนังอวกาศสินะ?  งั้นก็แสดงว่าตอนนี้ตรูโดนจับตัวขึ้นมาอยู่บนยานของพวกมันแล้วสิท่า  เวรเอ๊ยย! แล้วนี่จอมมารโดนจับแยกไปขังที่ไหนฟะเนี่ย?

         "อ้อ ๆ ถ้าเป็นห่วงน้องหมาตัวนั้นล่ะก็สบายใจได้  เพราะตอนนี้กระผมนำมันไปขังกรงให้เป็นที่เป็นทางเรียบร้อย  แถมยังให้อาหารหมาอย่างดีที่สุดเท่าที่ในยานลำนี้จะมีเลยเชียวนะ!"

         ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินคำพูดเหมือนอ่านใจกันได้  ที่สำคัญกว่านั้นคือต้องกลั้นขำแทบตายเมื่อนึกสภาพเส้าเทียนอิ้งเจอป้อนอาหารหมาในกรงแบบหมดสภาพจอมมารผู้ยิ่งใหญ่เทียมฟ้า  โอยนี่มันคือการทรมานกันชัด ๆ ฮ่า ๆ  แต่สำคัญกว่านั้นคือตอนนี้ต้องคิดหาวิธีหลบหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ซะก่อน  จะว่าไปนี่ก็เป็นครั้งที่สองแล้วนะที่เจอเจ้าพวกมนุษย์ต่างดาวมันจับขึ้นมาบนยานแบบนี้น่ะ  เฮ้ออ... นี่มันวันซวยอะไรกันฟะเนี่ย!



    จบตอน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×