ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #110 : ศึกถล่มวังหลวง ตอนที่03

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 162
      8
      27 ส.ค. 62


         เมื่อจัดการกับเจ้าหุ่นรบอวกาศได้ตัวนึงผมก็เริ่มย่ามใจไล่ล่าพวกตัวอื่น ๆ ด้วยในทันที  แต่ความนี้ดันไม่ง่ายเหมือนเมื่อกี้ที่มีมือมืดช่วยยิงทำลายจุดอ่อนของพวกมันที่ช่วงเอวให้ก่อน  เจ้าพวกหุ่นรบเมื่อเห็นพรรคพวกโดนจับแยกชิ้นส่วนกลางอากาศก็พากันบินวนแยกห่างออกจากกันโดยเว้นระยะไม่มีตัวไหนแตกแถว  ถ้าจำไม่ผิดเหมือนเคยเห็นภาพคุ้นตาแบบนี้จากในทีวีนะ  คงจะเป็นพวกฟอร์เมชั่นหรืออะไรสักอย่างที่ฝูงบินรบชอบใช้กันในหนังแน่ ๆ เลย  แถมมันยังทำให้ไล่จับยากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย  เพราะยิ่งทีก็ยิ่งบินห่างออกไปขนาดที่ผมเพิ่มสปีดไล่ตามด้วยความเร็วสูงสุดยังไม่ทันเลย  โธ่ว้อย! เมื่อกี้นี่คือแค่ลองเชิงกันเฉย ๆ สินะว่าบาเรียจะใช้ได้ผลหรือเปล่า?  พอได้ผลทดลองสมใจแล้วก็ใช้วิธีขี้ขลาดบินหนีไปไกล ๆ แล้วยิงด้วยอาวุธอานุภาพสูงอย่างพวกปืนลำแสงสินะไอ้พวกหอกหักนี่!  ผมกำหมัดทั้งสองข้างแน่นด้วยความโกรธแค้น 

         "หนอยแน่ะมาหยามหน้ากันได้นะ!!!"

         คราวนี้ผมรวบพลังลมปราณไว้ที่ท้องน้อย  ค่อย ๆ ไล่ขึ้นมาจนถึงหน้าอกแผ่ซ่านออกไปทางหัวไหล่  ทั่วร่างรับรู้ได้ว่าคลื่นอันทรงพลังกำลังไหลเวียนไปตามส่วนต่าง ๆ อย่างถ้วนทั่ว  บินไล่ตามงั้นรึ?  เรื่องอะไรจะปล่อยให้พวกมันได้ใจแบบนี้อีกล่ะ  ในเมื่ออยากบินเล่นนักเดี๋ยวจะจัดให้สมใจอยากเลยพวกเอ็ง!

         "ฮ่าห์!!!"

        วิชามารประสานจิต เทพประสานใจเมื่อสำเร็จได้ถึงขั้นสีแดงแล้วนั้นจะสามารถควบคุมธาตุต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ  แม้ตอนนี้ความสามารถของผมอาจจะไม่ได้มากมายเหมือนเส้าเทียนอิ้ง  แต่อย่างน้อย ๆ แค่ดึงสายลมให้มาเป็นพวกเดียวกันก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร  เพียงกระชากฝ่ามือทั้งสองข้างเข้าหาลำตัวเท่านั้น  เจ้าพวกหุ่นรบที่บินไปไกลลิบ ๆ ก็เริ่มเคลื่อนไหวช้าลง  ช้าลง...  ไม่สิ  ต้องบอกว่ากำลังถูกดูดกลับมาทางนี้ต่างหาก  ด้วยแรงลมวายุมหาศาลจนสุดจะต้านทานไหว  ตอนนี้รอบตัวผมเกิดเป็นลมหมุนขนาดมหึมาราวกับพายุไต้ฝุ่นที่มีตนเองเป็นจุดศูนย์กลาง

         "พวกแกจงมาทางนี้ซะดี ๆ"

         ผมกระชากท่อนแขนหนักขึ้น  อารมณ์เหมือนกำลังใช้มือดึงเชือกที่มองไม่เห็นซึ่งผูกเข้ากับลำตัวของหุ่นรบพวกนั้นให้พุ่งเข้ามาใกล้ ๆ  ระหว่างนี้ก็กำหนดลมหายใจเตรียมพร้อมจะใช้วิชาลับเล่นงานในห้วงเวลาที่หยุดลงไปด้วย  ขนาดน้องหมายังตกใจกับพัฒนาการที่เพิ่มพูนขึ้นของผมเลย

         "ไอ้หนูเจ้าทำได้ดีมาก  ไม่นึกเลยว่าแค่ไม่กี่เดือนจะสามารถควบคุมลมปราณและธาตุหลักได้ถึงขนาดนี้แล้ว ฮ่า ๆ สมน้ำหน้าพวกมันจริง ๆ"

         จะชมก็เอาไว้หลังจากตบพวกมันแล้วจัดการตัวบอสที่ยังหลบอยู่ข้างในวังหลวงเถอะ  ผมยังไม่ลืมว่านอกจากเจ้าพวกหุ่นกระป๋องนี่แล้ว  พวกศัตรูก็ยังมียานอวกาศลำมหึมาลอยเท้งเต้งอยู่นอกวงโคจรของดาวดวงนี้อีก  ซึ่งเหตุผลที่เจ้าพวกนั้นไม่ใช้ลำแสงมหาประลัยเหมือนคราวที่แล้วก็คงเป็นเพราะตัวบอสยังอยู่ที่นี่เป็นแน่  ถึงได้กลัวจะโดนลูกหลงไปด้วย

         "ฮึ่มม! เอานี่ไปกิน"

         ในเมื่อเข้าใกล้ไม่ได้เพราะมีบาเรียขวางกั้นอยู่  ก็จัดการจับพวกมันกระแทกกันซะเลยเป็นไงเล่า!  ผมรวบตัวหุ่นสองตัวให้พุ่งเข้าปะทะกันเองในระยะประชิด  แต่ที่ไหนได้แม้แต่พวกเดียวกันบาเรียก็ยังคงทำงานอย่างแข็งขัน  ป้องกันไม่ให้ตัวหุ่นได้รับอันตรายแม้แต่น้อย  เฮ้ยนี่มันอะไรกันวะ!  ขนาดนี้แล้วยังทำอะไรไม่ได้อีกเรอะ  ทีเมื่อกี้ยังโดนกระสุนยิงเข้าไปง่าย ๆ เลย...  แต่เดี๋ยวก่อนนะ?  กระสุนเหรอ...  กระสุน...  ทำไมลูกกระสุนที่ไม่ได้ดูมีอะไรพิเศษเลยถึงเจาะทะลวงบาเรียเข้าไปแบบนั้น  ทั้ง ๆ ที่ลมปรารขั้นสูงสุดเท่าที่ผมมียังทำอันตรายอะไรไม่ได้เลย  ทำไมกันนะ?

         "ไอ้หนูอย่ามัวเหม่อสิฟะ!"

         น้องหมาตะโกนเรียกสติให้กลับเข้าตัวก่อนจะเจอพายุกระสุนของอีกฝ่ายเล่นงาน  นี่ก็เหมือนกันอีก...  กระสุนของพวกมันพุ่งทะลุบาเรียจากข้างในออกมาเฉย ๆ เหมือนไม่มีอะไรขวางกั้นอีกแล้ว?  เฮ้ยนี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ยไม่ใช่หนังการ์ตูนนะที่บาเรียจะสารพัดประโยชน์ขนาดแยกแยะได้ว่าอันไหนกระสุนจริงอันไหนพลังลมปราณน่ะ...

    หืมมม? พลังลมปราณกับกระสุนงั้นเหรอ?

    ท่ามกลางปริศนาอันดำมืดไร้ก้นบึ้งนั้น  เหมือนตัวผมจะค้นพบแสงสว่างเพียงแว่บ ๆ จากปลายอุโมงค์อีกฟากหนึ่ง  ความรู้สึกแปลก ๆ ที่แล่นผ่านไขสันหลังไปราวกับปะจุไฟฟ้า  บาเรียประหลาดที่ผ่านได้เฉพาะเคหะวัตถุที่มีรูปร่าง  ในขณะที่พลังลมปราณซึ่งจับต้องไม่ได้จะถูกกั้นเอาไว้  เมื่อเข้าไปใกล้ยังโดนดีดออกมาเหมือนแม่เหล็กในขั้นเดียวกัน...  มีทางเดียวที่จะรู้ได้ก็คือต้องทดสอบดูเท่านั้น!

         "ไหนขอลองทดสองดูสักหน่อยเถอะว่ะ!"

         ผมรวมสมาธิคว้าจับลูกกระสุนจำนวนหนึ่งที่พวกมันยิงออกมา  แล้วซัดด้วยวิชาดรรชนีเข้าหาบริเวณลำตัวตรงส่วนของกล่องดำนั่น  และมันได้ผล! กระสุนพุ่งตรงผ่านชั้นบาเรียเข้าไปได้อย่างง่ายดาย  แล้วฉีกกระชากเจ้ากล่องดำจนแตกกระจุยกระจายไม่เหลือสภาพเดิมอีกเลย  เจ้าหุ่นรบเสียจังหวะชะงักไปเล็กน้อย  แต่แค่นั้นก็เพียงพอที่จะใช้วิชาหยุดเวลาตรงเข้าไปจัดการทำลายเด็ดแขนขาจนสิ้นสภาพในพริบตา

         "หนอยแน่ะ! บังอาจนักนะพวกแก!!!"

         ไม่ผิดแน่... ในที่สุดปริศนาทั้งหมดก็กระจ่างแจ้งแล้ว  ผมขบฟันแน่นด้วยความโกรธ  บาเรียปริศนาที่ทะลุผ่านได้เฉพาะวัตถุแต่กลับต้านทานลมปราณได้อย่างแข็งขัน  ก็เพราะไอ้บาเรียที่ว่านี่ก็คือสนามพลังงานที่สร้างขึ้นมาจากพลังลมปราณนั่นเอง!

         "ไอ้หนูเอ็งว่ายังไงนะ?"

         "เออ ก็บอกแล้วไงว่าไอ้สนามพลังพวกนั้นน่ะเป็นคลื่นลมปราณไม่ต่างจากที่ชั้นหรือจอมยุทธคนอื่น ๆ ปล่อยออกมาเลยสักนิด  แถมยังมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอีกด้วยนะ!"

         ผมพยายามอธิบายหลักการทำงานของเจ้าบาเรียดังกล่าวให้จอมมารฟัง  ด้วยว่าเจ้าพวกต่างดาวนี่มันคงใช้วิธีอะไรบางอย่างในการสร้างพลังลมปราณเทียมขึ้น  แล้วนำมาบรรจุลงในถังกักเก็บภายในตัวหุ่น  คาดว่าเจ้ากล่องดำนั่นน่าจะเป็นตัวควบคุมการใช้พลังลมปราณดังกล่าวเป็นแน่  เมื่อคิดได้ดังนี้ก็จะมองเห็นสภาพการณืที่แท้จริงได้  เพราะความหนาแน่นของลมปราณเทียมที่มันปล่อยออกมารอบตัวหุ่นจะเป็นคลื่นขัดขวางลมปราณของทางนี้เหมือนกับแม่เหล็กในขั้วเดียวกัน  ในขณะที่วัตถุอย่างอื่นซึ่งไม่ได้ประกอบขึ้นด้วยพลังลมปราณจะทะลุผ่านไปได้เหมือนไม่มีอะไร  กล่าวโดยสรุปก็คือเจ้าบาเรียดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียว  นั่นคือใช้ในการสะกัดดาวรุ่งวิชาลมปราณแทบจะทุกแขนงบนดาวดวงนี้!!!



    จบตอน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×