ลำดับตอนที่ #106
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #106 : แกรแฮม เบเกอร์ ตอนที่04
เสียงระเบิดแหวกอากาศดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ เปลวเพลิงและแรงอัดของมันทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า เด็กน้อยหาที่กำบังไม่ทันแต่ยังโชคดีที่ได้นายทหารหนีทัพคนนั้นกระโดดคว้าตัวเอาไว้ในอ้อมกอดเสียก่อน ทำให้รอดตายจากแรงระเบิดไปแบบหวุดหวิด
"อ๊ากกก!!!"
อันว่าคนเรานั้นหาใช่เทพเซียนจากที่ไหน เมื่อมาอยู่ต่อหน้าวิทยาการแห่งสงครามที่จ้องจะประหัตประหารชีวิตซึ่งกันและกันแล้วมนุษย์เดินดินก็ช่างไร้ค่า ร่างของนายทหารหนุ่มแทบจะขาดออกจากกัน แขนขากระจายปลิวไปคนละทิศทางน่าสยดสยอง เมื่อเด็กน้อยได้สติรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร นายทหารผู้อารีคนนั้นก็แทบจะขาดใจอยู่ตรงหน้าแล้ว
"คุณน้า... ทำไมถึง..."
เด็กน้อยยังเล็กแต่ก็หาได้ไร้เดียงสา เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ต้องฟันฝ่าหลายต่อหลายสิ่งในชีวิตเพื่อให้อยู่รอดไปได้ในแต่ละวัน และสิ่งหนึ่งที่มันได้เรียนรู้จากโลกอันกว้างใหญ่แต่จิตใจของคนนั้นช่างคับแคบว่าตนคือที่พึ่งแห่งตน ไม่มีใครยอมช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยความโอบอ้อมเช่นดังในนิทาน มีแต่จะฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโมงยามแห่งสงครามและการเอาตัวรอดเช่นนี้ด้วยแล้ว การจะมานั่งรอเทวดามาโปรดนั้นก็เหมือนกับรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก มันเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อยและมันก็รู้ในเรื่องนี้ดี แล้วทำไมนายทหารคนนี้จึงได้...
"ก็... เอ็งมันชักช้านี่ หว่า... แค่ก ๆ"
นายทหารหนุ่มเสียเลือดอย่างรวดเร็วจากบาดแผลฉกรรจ์จนใกล้จะช็อกหมดสติอยู่รอมร่อ ใจนึกหัวเราะให้กับคุณธรรมบ้าบอในมโนสำนึกที่ทำให้ตนต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ แต่อย่างน้อยก่อนตายก็ยังได้ทำความดีฝากไว้กับผืนแผ่นดินนี้บ้างล่ะวะ คงพอจะเอาไปอวดพวกพ้องที่อยู่โลกโน้นได้กระมัง?
"น้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เดี๋ยวผมจะไปหาเศษผ้ามาทำแผล...!"
เด็กน้อยเป็นห่วงกลัวว่าผู้มีพระคุณจะตายเสียก่อนจึงรีบมองหาอุปกรร์หรืออะไรก็ได้ที่พอจะปฐมพยาบาลเบื้องต้น ทว่านายทหารกลับดึงตัวมันเข้ามาใกล้ก่อนจะบอกว่า
"ไม่ต้องหรอกไอ้หนู... ข้า... คงไม่รอดแล้ว...! เอ็งถือไอ้นี่แล้วรีบหนีไป... ซะ!"
มันมอบแท่งทองคำที่ค้นพบในตู้เซฟให้กับเด็กน้อย เพราะถึงยังไงตนก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากเจ้านี่แล้ว สู้ให้คนอื่นเอามันไปใช้จะดีกว่า ด้านเด็กน้อยได้รับของมีค่ามาแล้วก็ได้แต่ยืนนิ่งน้ำตาริน นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อุตส่าห์ได้สมบัติล้ำค่ามาแล้วกลับรู้สึกเสียใจ
"ไอ้หนูฟังให้ดีนะ... ตรงไปทางทิศตะวันออกจะมีค่ายทหารแห่งใหม่อยู่... เอ็งเอาป้ายเหล็กนี่ไปให้คนที่นั่น... แล้วบอกว่า เกรแฮม เบเกอร์... สละชีวิตเยี่ยงลูก... ผู้..."
นายทหารหนุ่มยื่นป้ายเหล็กที่สลักชื่อพร้อมยศทหารของตนให้กับอีกฝ่าย ก่อนจะกล่าวสั่งเสียให้กับเด็กน้อยแต่ยังไม่ทันพูดจบก็ขาดใจตายไปเสียก่อน ร่างของเขาพังพาบคล้ายกับตุ๊กตาเปื้อนเลือดไม่ไหวติงใด ๆ อีกต่อไป เด็กน้อยกำป้ายชื่อเอาไว้แน่น แม้เขาจะอ่านตัวหนังสือไม่ออกแต่อย่างน้อยก็ได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามของนายทหารคนนั้นแล้ว และเมื่อกองยานทิ้งระเบิดของพวกสหราชอาณาจักรบนผ่านพ้นไปจนหมดแล้ว เด็กน้อยก็ออกแรงขุดหลุมฝังศพที่ไม่มีป้ายชื่อให้กับผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่แรงของเด็กจะทำได้ อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของนายทหารคนนั้น
เด็กน้อยยืนกอดแท่งทองไว้แน่น ท่ามกลางควันไฟและเศษฝุ่นแห่งสงครามซึ่งยังคงระอุอยู่ที่ไหนสักแห่งในดินแดนอันรกร้างนี้ สายตาของมันเหม่อมองออกไปไกลอย่างไร้จุดหมาย จะมีบ้างไหมที่สักครั้งหนึ่งในห้วงเวลาของเหล่ามนุษย์ จะหยุดย้อนมองดูการกระทำและผลที่ตามมาของมัน แล้วตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของพวกตนนั้นมันหาใช่อนาคต หากแต่เป็นความมืดมิดอันไร้ก้นบึ้งเสียยิ่งกว่าห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลเสียอีก...
@@@@@@@@@@@@
และแล้ววันคืนก็พ้นผ่านไป เด็กน้อยในวันนั้นก็เติบใหญ่ขึ้นกลายเป็นนายทหารชั้นยอดที่สุดเท่าที่กองทัพจะจัดหามาได้ เกรแฮมฝึกฝนตนเองอย่างหนักเพื่อให้ถึงเกณฑ์รับเข้าหน่วยลับขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการระดับสูง แน่นอนว่าประวัติของเขาถูกสร้างขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมดสำหรับภารกิจเสี่ยงอันตรายเช่นนี้ มีเพียงชื่อเกรแฮม เบเกอร์เท่านั้นที่คงไว้เช่นเดิมเพราะถึงอย่างไรก็หาใช่ชื่อสกุลจริงของตนเองอยู่แล้ว ไม่เพียงเท่านั้น... แท่งทองคำล้ำค่าที่เขาได้รับมาในวันนั้นก็ยังคงพกติดตัวไม่เคยเอาไปขายทอดตลาดหรือมอบให้ใครทั้งนั้น เกรแฮมมักจะพกมันติดตัวเสมอคล้ายกับเป็นเครื่องรางประเภทหนึ่ง เพื่อย้ำเตือนถึงความหนักของชีวิตและการเสียสละของชายชาติทหารผู้หนึ่งซึ่งได้พบเจอกันเพียงไม่กี่นาที แต่ส่งผลกระทบกับตัวเขาไปทั้งชีวิต...
"ผม... ผมจะ...!"
เกรแฮมกำหมัดแน่น ไฟสงครามอันยาวนานนั้นช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน เด็ก ๆ มากมายจากทั่วทุกมุมในระบบสุริยะต่างต้องรับผลกระทบมามากพอแล้ว เขาอยากจะจบมันลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างน้อยถ้ามือจะต้องเปื้อนเลือด ก็ขอให้มันเป็นมือของเขาไม่ใช่ของพวกเด็ก ๆ เป็นพอ
"ผมจะทำเพื่ออนาคต! ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อชาติพันธุ์หรืออุดมการณ์ใด ๆ ทั้งนั้น ผมจะนำตัวชาล็อตไปส่งมอบให้กับทางสมาพันธ์ฯ ด้วยตัวเอง แต่หากพวกเบื้องบนคิดจะใช้มันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวล่ะก็..."
"ถ้าใช้มันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว?"
โทมัสถามย้ำเพื่อความแน่ใจ ที่ใต้เสื้อคลุมของเขามีปืนพกรอท่าไว้อยู่แล้ว หากชายคนนี้คิดจะทรยศหรือมีท่าทีตีตัวออกห่างจากสมาพันธ์ฯ ล่ะก็ เขาคงต้องสับไกอย่างไม่มีทางเลือก และจังหวะนั้นเองที่เกรแฮมก็ควักปืนออกมาจ่อที่ตรงหน้าของโทมัส
"พวกสมาพันธ์ก็ไม่ต่างอะไรกับสหราชอาณาจักรน่ะสิ... ถึงตอนนั้นผมคงต้องล้างบางมันทั้งสองฝ่ายเลยล่ะ!"
เมื่อพูดจบเขาก็ยื่นปืนกระบอกนั้นให้กับเพื่อนรักทันที โทมัสรับเอาไว้ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยและสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา เกรแฮมก็ยังคงเป็นเกรแฮม ชายผู้แบกรับหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้ในชีวิต แต่ก็ไม่เคยพ่ายให้กับความอยุติธรรมใด ๆ และนั่นอาจจะเป็นข้อดีเพียงข้อเดียวเท่าที่หมอนี่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ หลังจากที่ผ่านภารกิจชั่วร้ายต่าง ๆ นานาเป็นเวลายาวนาน บางทีอาจจะเพราะผลพวงจากอดีตของชาล็อตที่ดึงเจ้านี่ให้กลับสู่เส้นทางที่ถูกที่ควรก็เป็นได้มั้ง? เส้นทางที่พึงระลึกถึงความสำคัญและหนักหน่วงของชีวิต...
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น