ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพเซียนเกรียนยุทธภพ!

    ลำดับตอนที่ #106 : แกรแฮม เบเกอร์ ตอนที่04

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 139
      7
      6 พ.ค. 62


         เสียงระเบิดแหวกอากาศดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ  เปลวเพลิงและแรงอัดของมันทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า  เด็กน้อยหาที่กำบังไม่ทันแต่ยังโชคดีที่ได้นายทหารหนีทัพคนนั้นกระโดดคว้าตัวเอาไว้ในอ้อมกอดเสียก่อน  ทำให้รอดตายจากแรงระเบิดไปแบบหวุดหวิด

         "อ๊ากกก!!!"

         อันว่าคนเรานั้นหาใช่เทพเซียนจากที่ไหน  เมื่อมาอยู่ต่อหน้าวิทยาการแห่งสงครามที่จ้องจะประหัตประหารชีวิตซึ่งกันและกันแล้วมนุษย์เดินดินก็ช่างไร้ค่า  ร่างของนายทหารหนุ่มแทบจะขาดออกจากกัน  แขนขากระจายปลิวไปคนละทิศทางน่าสยดสยอง  เมื่อเด็กน้อยได้สติรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร  นายทหารผู้อารีคนนั้นก็แทบจะขาดใจอยู่ตรงหน้าแล้ว

         "คุณน้า...  ทำไมถึง..."

         เด็กน้อยยังเล็กแต่ก็หาได้ไร้เดียงสา  เพราะตั้งแต่เกิดมาก็ต้องฟันฝ่าหลายต่อหลายสิ่งในชีวิตเพื่อให้อยู่รอดไปได้ในแต่ละวัน  และสิ่งหนึ่งที่มันได้เรียนรู้จากโลกอันกว้างใหญ่แต่จิตใจของคนนั้นช่างคับแคบว่าตนคือที่พึ่งแห่งตน  ไม่มีใครยอมช่วยเหลือซึ่งกันและกันด้วยความโอบอ้อมเช่นดังในนิทาน  มีแต่จะฉวยโอกาสเอารัดเอาเปรียบโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโมงยามแห่งสงครามและการเอาตัวรอดเช่นนี้ด้วยแล้ว  การจะมานั่งรอเทวดามาโปรดนั้นก็เหมือนกับรอให้พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก  มันเป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อยและมันก็รู้ในเรื่องนี้ดี  แล้วทำไมนายทหารคนนี้จึงได้...

         "ก็... เอ็งมันชักช้านี่ หว่า... แค่ก ๆ"

         นายทหารหนุ่มเสียเลือดอย่างรวดเร็วจากบาดแผลฉกรรจ์จนใกล้จะช็อกหมดสติอยู่รอมร่อ  ใจนึกหัวเราะให้กับคุณธรรมบ้าบอในมโนสำนึกที่ทำให้ตนต้องพบกับจุดจบเช่นนี้  แต่อย่างน้อยก่อนตายก็ยังได้ทำความดีฝากไว้กับผืนแผ่นดินนี้บ้างล่ะวะ  คงพอจะเอาไปอวดพวกพ้องที่อยู่โลกโน้นได้กระมัง?

         "น้าไม่ต้องพูดอะไรแล้ว  เดี๋ยวผมจะไปหาเศษผ้ามาทำแผล...!"

         เด็กน้อยเป็นห่วงกลัวว่าผู้มีพระคุณจะตายเสียก่อนจึงรีบมองหาอุปกรร์หรืออะไรก็ได้ที่พอจะปฐมพยาบาลเบื้องต้น  ทว่านายทหารกลับดึงตัวมันเข้ามาใกล้ก่อนจะบอกว่า

         "ไม่ต้องหรอกไอ้หนู...  ข้า... คงไม่รอดแล้ว...!  เอ็งถือไอ้นี่แล้วรีบหนีไป... ซะ!"

         มันมอบแท่งทองคำที่ค้นพบในตู้เซฟให้กับเด็กน้อย  เพราะถึงยังไงตนก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้ประโยชน์จากเจ้านี่แล้ว  สู้ให้คนอื่นเอามันไปใช้จะดีกว่า  ด้านเด็กน้อยได้รับของมีค่ามาแล้วก็ได้แต่ยืนนิ่งน้ำตาริน  นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่อุตส่าห์ได้สมบัติล้ำค่ามาแล้วกลับรู้สึกเสียใจ

         "ไอ้หนูฟังให้ดีนะ... ตรงไปทางทิศตะวันออกจะมีค่ายทหารแห่งใหม่อยู่... เอ็งเอาป้ายเหล็กนี่ไปให้คนที่นั่น... แล้วบอกว่า เกรแฮม เบเกอร์... สละชีวิตเยี่ยงลูก... ผู้..."

         นายทหารหนุ่มยื่นป้ายเหล็กที่สลักชื่อพร้อมยศทหารของตนให้กับอีกฝ่าย  ก่อนจะกล่าวสั่งเสียให้กับเด็กน้อยแต่ยังไม่ทันพูดจบก็ขาดใจตายไปเสียก่อน  ร่างของเขาพังพาบคล้ายกับตุ๊กตาเปื้อนเลือดไม่ไหวติงใด ๆ อีกต่อไป  เด็กน้อยกำป้ายชื่อเอาไว้แน่น  แม้เขาจะอ่านตัวหนังสือไม่ออกแต่อย่างน้อยก็ได้รู้ชื่อเสียงเรียงนามของนายทหารคนนั้นแล้ว  และเมื่อกองยานทิ้งระเบิดของพวกสหราชอาณาจักรบนผ่านพ้นไปจนหมดแล้ว  เด็กน้อยก็ออกแรงขุดหลุมฝังศพที่ไม่มีป้ายชื่อให้กับผู้เสียชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่แรงของเด็กจะทำได้  อย่างน้อยก็เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณของนายทหารคนนั้น 

         เด็กน้อยยืนกอดแท่งทองไว้แน่น  ท่ามกลางควันไฟและเศษฝุ่นแห่งสงครามซึ่งยังคงระอุอยู่ที่ไหนสักแห่งในดินแดนอันรกร้างนี้  สายตาของมันเหม่อมองออกไปไกลอย่างไร้จุดหมาย  จะมีบ้างไหมที่สักครั้งหนึ่งในห้วงเวลาของเหล่ามนุษย์  จะหยุดย้อนมองดูการกระทำและผลที่ตามมาของมัน  แล้วตระหนักว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจากน้ำมือของพวกตนนั้นมันหาใช่อนาคต  หากแต่เป็นความมืดมิดอันไร้ก้นบึ้งเสียยิ่งกว่าห้วงอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลเสียอีก...


    @@@@@@@@@@@@ 


         และแล้ววันคืนก็พ้นผ่านไป  เด็กน้อยในวันนั้นก็เติบใหญ่ขึ้นกลายเป็นนายทหารชั้นยอดที่สุดเท่าที่กองทัพจะจัดหามาได้  เกรแฮมฝึกฝนตนเองอย่างหนักเพื่อให้ถึงเกณฑ์รับเข้าหน่วยลับขึ้นตรงต่อผู้บัญชาการระดับสูง  แน่นอนว่าประวัติของเขาถูกสร้างขึ้นมาใหม่เกือบทั้งหมดสำหรับภารกิจเสี่ยงอันตรายเช่นนี้  มีเพียงชื่อเกรแฮม เบเกอร์เท่านั้นที่คงไว้เช่นเดิมเพราะถึงอย่างไรก็หาใช่ชื่อสกุลจริงของตนเองอยู่แล้ว  ไม่เพียงเท่านั้น...  แท่งทองคำล้ำค่าที่เขาได้รับมาในวันนั้นก็ยังคงพกติดตัวไม่เคยเอาไปขายทอดตลาดหรือมอบให้ใครทั้งนั้น  เกรแฮมมักจะพกมันติดตัวเสมอคล้ายกับเป็นเครื่องรางประเภทหนึ่ง  เพื่อย้ำเตือนถึงความหนักของชีวิตและการเสียสละของชายชาติทหารผู้หนึ่งซึ่งได้พบเจอกันเพียงไม่กี่นาที  แต่ส่งผลกระทบกับตัวเขาไปทั้งชีวิต...

         "ผม... ผมจะ...!"

         เกรแฮมกำหมัดแน่น  ไฟสงครามอันยาวนานนั้นช่างโหดร้ายเสียเหลือเกิน  เด็ก ๆ มากมายจากทั่วทุกมุมในระบบสุริยะต่างต้องรับผลกระทบมามากพอแล้ว  เขาอยากจะจบมันลงโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้  อย่างน้อยถ้ามือจะต้องเปื้อนเลือด  ก็ขอให้มันเป็นมือของเขาไม่ใช่ของพวกเด็ก ๆ เป็นพอ

         "ผมจะทำเพื่ออนาคต! ไม่ใช่เพื่อตัวเอง  ไม่ใช่เพื่อชาติพันธุ์หรืออุดมการณ์ใด ๆ ทั้งนั้น  ผมจะนำตัวชาล็อตไปส่งมอบให้กับทางสมาพันธ์ฯ ด้วยตัวเอง  แต่หากพวกเบื้องบนคิดจะใช้มันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวล่ะก็..."

         "ถ้าใช้มันเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวแล้ว?"

         โทมัสถามย้ำเพื่อความแน่ใจ  ที่ใต้เสื้อคลุมของเขามีปืนพกรอท่าไว้อยู่แล้ว  หากชายคนนี้คิดจะทรยศหรือมีท่าทีตีตัวออกห่างจากสมาพันธ์ฯ ล่ะก็  เขาคงต้องสับไกอย่างไม่มีทางเลือก  และจังหวะนั้นเองที่เกรแฮมก็ควักปืนออกมาจ่อที่ตรงหน้าของโทมัส

         "พวกสมาพันธ์ก็ไม่ต่างอะไรกับสหราชอาณาจักรน่ะสิ...  ถึงตอนนั้นผมคงต้องล้างบางมันทั้งสองฝ่ายเลยล่ะ!"

         เมื่อพูดจบเขาก็ยื่นปืนกระบอกนั้นให้กับเพื่อนรักทันที  โทมัสรับเอาไว้ก่อนจะเลิกคิ้วเล็กน้อยและสุดท้ายก็ถอนหายใจออกมา  เกรแฮมก็ยังคงเป็นเกรแฮม  ชายผู้แบกรับหลายสิ่งหลายอย่างเอาไว้ในชีวิต  แต่ก็ไม่เคยพ่ายให้กับความอยุติธรรมใด ๆ และนั่นอาจจะเป็นข้อดีเพียงข้อเดียวเท่าที่หมอนี่ยังคงหลงเหลืออยู่ในใจ  หลังจากที่ผ่านภารกิจชั่วร้ายต่าง ๆ นานาเป็นเวลายาวนาน  บางทีอาจจะเพราะผลพวงจากอดีตของชาล็อตที่ดึงเจ้านี่ให้กลับสู่เส้นทางที่ถูกที่ควรก็เป็นได้มั้ง?  เส้นทางที่พึงระลึกถึงความสำคัญและหนักหน่วงของชีวิต...


    จบตอน



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×