ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : จอมมารมือใหม่
"โชคดีมึงรีบ ๆ ลงมากินข้าวได้แล้ว มัวแต่นอนอ่านการ์ตูนอยู่นั่นแหละ!"
เสียงแม่ตะโกนเรียกดังขึ้นมาจากชั้นล่าง ผมจึงพับเก็บหนังสือการ์ตูนที่อ่านค้างอยู่พลางตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอันเหนี่อยหน่าย ทั้งที่วันนี้มันวันหยุดของตรูแท้ ๆ จะขอนอนอุดอู้สักนิดก็ไม่ได้
"เอ้ากินเสร็จแล้วก็ล้างจาน แล้วก็ไปช่วยงานพี่มึงได้แล้วไป!"
แม่ยังคงนั่งกำกับบทบาทหน้าที่ประจำวันให้บนโต๊ะอาหาร น่าเบื่อชะมัดเลยให้ตายสิ ผมพยายามมองค้อนเพื่อส่งสัญญาณความไม่พอใจไปยังคู่สนทนา แต่ที่ได้รับกลับมามีแค่เสียงบ่นค่อนขอดรวมถึงการทวงบุญคุณอันใหญ่หลวงตั้งแต่เกิดจนเติบโตมาถึงตอนนี้ ผมก้มหน้าลงกับโต๊ะ ไม่กงไม่กินมันแล้วน่าเบื่อ! ปล่อยให้เสียงบ่นของแม่ดังไปเรื่อย ๆ กระทั่งเสียงนั้นเริ่มไกลห่างออกไป ห่างออกไป... ปล่อยให้ตัวเองจมลงสู่ก้นบึ้งแห่งภวังค์ หลงเหลือเพียงความมืดมิดเพียงเท่านั้น...
...
......
"เฮ้ยตื่นได้แล้ว จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงเมื่อไรกัน!"
เสียงน้องหมาดังโหวกเหวกอยู่ข้าง ๆ หูของผม ปลุกให้ตื่นขึ้นจากนินทราที่ไม่ค่อยสบายตัวนัก แม้จะนอนอยู่บนเตียงที่โอ่อ่าหรูหราราวกับพระราชาในห้องที่ใหญ่โตจนเกือบจะเท่าบ้านหลังที่ผมเคยอยู่มาก่อน ทั้งนี้เพราะผมเป็นพวกที่นอนผิดที่เมื่อไหร่จะเกิดอาการนอนไม่ค่อยหลับกระสับกระส่าย เมื่อคืนนี้กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เล่นเอาแทบแย่เหมือนกัน
"หนวกหูน่า ขออีกสักสิบนาทีไม่ได้รึไงเล่า?"
"สิบนาที? สิบนาทีของเจ้าคืออะไรกัน?"
น้องหมาเอียงคอด้วยความสงสัย ผมจึงต้องผุดลุกขึ้นนั่งพร้อมกับบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะอธิบายคร่าว ๆ เกี่ยวกับเรื่องการนับวันเวลาที่ถูกต้องในยุคสมัยใหม่ให้ฟัง แล้วที่ได้รับกลับมาน่ะเหรอ? ไร้สาระ! อืมม ดูมันทำ...
"ท่านประมุขอาหารเช้าพร้อมแล้วขอรับ"
คนรับใช้เดินมาบอกที่หน้าประตูห้อง น้องหมาจึงกระโดดลงจากที่นอนของผมแล้วคาบถังน้ำที่เตรียมไว้ให้ใช้ล้างหน้าล้างตา เวรเอ๊ยแค่ก๊อกน้ำก็ยังไม่มี ช่างเป็นยุคสมัยที่ลำบากลำบนเสียจริง แต่ยังไม่ทันได้บ่นอะไรมากท้องก็ร้องขึ้นเสียก่อน ผมจึงต้องรีบจัดการตัวเองให้เรียบร้อยก่อนจะเดินตามคนรับใช้ไปที่ห้องอาหาร
"นี่ให้กินคนเดียวหรือกินกันทั้งหมู่บ้านเนี่ย?"
ผมรู้สึกขนลุกกับกองอาหารและเครื่องดื่มตรงหน้า แม้จะไม่รู้ว่ามันคืออะไรบ้างเพราะปกติไม่พิสมัยอาหารจีนสักเท่าไรนักแต่ปัญหาคือปริมาณต่างหาก เพราะเท่าที่คะเนด้วยสายตานี่แบ่งกินได้เป็นอาทิตย์เลยมั้ง?
"อ้ายโง่! นี่มันใช่ของแกเสียที่ไหน ทั้งหมดนี่มันของข้าต่างหากเล่า!"
น้องหมาขนน้ำตาลเชิดคออย่างผยองก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนโต๊ะและจัดการสวาปามด้วยปากเล็ก ๆ ของมันในทันที แต่กระเพาะเล็กแบบนั้นจะจุอะไรได้สักเท่าไหร่กันเชียว มันจึงเรอออกมาแล้วก้มลงนอนบนโต๊ะแทน
"บ้าจริง ตามปกตินี่ยังไม่ถึงครึ่งท้องข้าเลยด้วยซ้ำ!"
เอาล่ะในเมื่อเจ้าหมาน้อยจอมมารอิ่มแล้ว ก็คงถึงเวลาผมได้หม่ำอาหารเช้ากันเสียที แต่ที่ไหนได้ ไอ้หมาเวรนั่นดันไปพาร่างชราของเส้าเทียนอิ้งเข้ามานั่งแทนซะงั้น!
"โฮ่ง ๆ"
ชายชราแลบลิ้นเลียไปมาแล้วกระโดดโลดเต้นไปรอบ ๆ แถมยังวิ่งมาเลียมือผมเล่นอีก ก่อนจะหันไปจัดการกับสำรับที่เหลืออยู่บนโต๊ะจนเกลี้ยงไม่มีเหลือ เป็นอันว่าเช้านี้ตรูอด... นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี่ย ให้หมากินข้าวก่อนคนเนี่ยนะ!
"อ้าวข้าลืมไป ๆ เจ้ายังไม่ได้ทานอะไรเลยนี่นะ? เฮ้ยให้ใครไปเอาอาหารเข้ามาซิ!"
น้องหมาคงหันมาเห็นผมยืนน้ำลายยืดพอดีจึงส่งเสียงเรียกคนรับใช้ให้นำสำรับใหม่เข้ามา ไอ้เราก็เตรียมตัวนั่งโต๊ะอย่างดี เอาวะอย่างน้อยเช้านี้ก็จะได้กินอาหารจีนย้อนยุคกันล่ะ หึหึ... แต่ไอ้สำรับที่ตามมาทีหลังนี่มัน...???
"อ้าวเป็นอะไรไปเล่า ยังไม่รีบกินอีก"
"กิน? กินบ้ากินบออะไรฟะ! นี่มันอาหารหมาชัด ๆ แกสมองกลับไปแล้วรึไงวะหา!!!"
ไม่อยากจะเชื่อว่าไอ้จอมมารบ้าอะไรนี่มันจะกล้าเล่นมุกสั่ว ๆ อย่างเอาอาหารหมาที่เป็นพวกเศษข้าวเศษปลามาให้ผมกินซะอย่างนั้น แถมยังมีหน้ามาบอกว่าก็ผมเป็นพวกชิงหมาเกิดเลยต้องทำให้สมศักดิ์ศรีอีก @#$@%#^@%@! ผมโกรธจนพูดไม่เป็นภาษาคน จัดการฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะในทันที เท่านั้นแหละโรงอาหารแห่งพรรคมารเทียนซานก็กลายเป็นอดีตไปในพริบตา
"อ้ายชาติชั่ว! เจ้ากล้าดียังไงถึงมาทำลายโรงอาหารของข้าได้ เกิดเป็นสุนัขก็ทำตัวให้สมกับเป็นสุนัขแล้วเคยชินกับอาหารสุนัขซะ!"
จอมมารโวยลั่นท่ากลางซากปรักของโรงอาหาร แต่ผมก็ทำหูทวนลมซะแล้วเดินอาด ๆ ออกจากพรรคไป โดยไม่มีใครหน้าไหนกล้าขัดขวางเลยแม้แต่คนเดียว บ้าเอ๊ย! รู้งี้เมื่อคืนไม่น่าหลงคารมพวกองค์รักษ์เจ็ดคนนั่นที่ออกปากให้มานอนพักผ่อนที่นี่คืนนึงเลยจริง ๆ ไม่งั้นออกไปหานอนเอาตามโรงแรมข้างทางยังจะดีกว่าอีก...
@@@@@@@@@@
"เอ้าเร่เข้ามา เร่เข้ามา! หมั่นโถวร้อน ๆ จ้าา!"
เสียงพ่อค้าแม่ค้าในตลาดยามเช้าดังอื้ออึงไปทั่ว ผู้คนต่างเดินเลือกซื้อข้าวของท่าทางวุ่นวายไปหมด ไม่ต่างกับตลาดสดแถวบ้านผมเลยจริง ๆ อ้อ ถ้าจะถามหาข้อแตกต่างก็คงจะเป็นที่การแต่งตัว เพราะยุคสมัยที่ผมจากมานั้น ต่อให้ยากจนแค่ไหนแต่ถ้ามีเงินมาตลาดอย่างน้อยก็ยังแต่งตัวดีกว่าสภาพของชาวบ้านทั่วไปที่นี่มากนัก
"เฮ้ เจ้าได้ยินข่าวหรือยัง คนเขาลือกันว่าจอมมารทำพิธีประหลาดบางอย่างที่บนยอดเขาเซียนเมื่อคืนนี้นา!"
"เจ้าโง่อย่าเสียงดังไปสิ พวกเทียนซานหูตากว้างไกลนัก มันอาจได้ยินเรื่องนี้แล้วตามมาเล่นงานเอาได้ ข้าไม่อยากเอาชีวิตไปเสี่ยงหรอก!"
ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ หูของผมถึงมีประสิทธิภาพดีขึ้นมากะทันหัน เพราะนอกจากจะได้ยินและจำแนกเสียงจากที่ไกล ๆ แล้ว ยังสามารถแยกจำเพาะเสียงที่ตัวเองได้ยินด้วยว่ามาจากผู้ใดในตำแหน่งไหนของตลาดด้วย ไม่ว่าจะพูดเบาเพียงใดก็ยังหลบไม่พ้นอยู่ดี และชาวบ้านร้านตลาดต่างก็เอาแต่ร่ำลือเรื่องนี้กันเซ็งแซ่ แน่นอนว่านั่นต้องเป็นพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณของเจ้าหมาเส้าเทียนอิ้ง และจากที่ได้ฟังน้ำเสียงแล้วดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่จะไม่ได้ชอบจอมมารประมุขพรรคนี้สักเท่าไรนัก
"โฮ่ว? จอมมารแห่งเทียนซานมันทำไมรึ?"
คราวนี้เป็นเสียงจากเด็กหนุ่มอายุน่าจะรุ่น ๆ เดียวกับผมดังขึ้น ทุกนต่างจับจ้องไปที่หมอนี่พลางซุบซิบเป็นการใหญ่ เท่าที่ฟังจับใจความได้เจ้านี่คือ คุณชายเจ็ดแห่งสำนักมังกรทอง จอมยุทธหนุ่มรูปงามเจ้าของสมญา เจ็ดหน้าหยก ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนสุดท้องของจ้าวสำนักคนปัจจุบัน ดูจากการแต่งตัวตลอดจนเสื้อผ้าหน้าผมแล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลย ถ้าเป็นยุคปัจจุบันเค้าเรียกพวกสไตล์นี้ว่าพ่อเพลย์บอยนั่นเอง อารมณ์แบบมึงจะเก๊กไปถึงไหนวะหา?
"พอพูดถึงพรรคมารก็มีพวกมารมาให้ถามถึงที่เลยเชียว"
เวรล่ะ จู่ ๆ ชายเจ็ดหันมาทางนี้พร้อมกับรอยยิ้ม แล้วยังเดินปราดฝ่าฝูงชนเข้ามาอีก เฮ้ย ๆ ตรูแค่มาหาข้าวเช้ากินนะเฟ้ยไม่ได้จะมาหาเรื่องกับใคร ผมพยายามหันหลังเดินหนีแต่ไม่พ้นเจออีกฝ่ายจับไหล่ไว้ได้เสียก่อน เห็นทีว่าคงต้องมีเรื่องให้เสียเหงื่อก่อนกินข้าวเช้าซะแล้วมั้งเนี่ย?
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น