ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : พิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณ
พรรคมารเทียนซาน คือแหล่งรวมเหล่ายอดฝีมือแห่งโลกอธรรมที่เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเลือดเย็น กระทำการโดยไร้ปรานีและปกครองผู้ใต้บัญชาอย่างกดขี่ข่มเหงมาตลอดระยะเวลายาวนานร่วมหกร้อยปี ทั้งนี้เป็นเพราะประมุขพรรค เส้าเทียนอิ้ง ผู้สำเร็จวิชาต้องห้ามมารประสานจิต เทพประสานใจ สามารถเคลื่อนย้ายวิญญาณของตนไปยังร่างใหม่เพื่อต่ออายุขัยของตนออกไปเรื่อย ๆ ราวกับเป็นอมตะ ยิ่งมีชีวิตอยู่นานวิชาก็ยิ่งกล้าแข็งไร้ซึ่งผู้ต่อกร และบัดนี้มันก็พร้อมที่จะทำพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณเพื่อย้ายจิตไปสู่ร่างใหม่แล้ว!
"สินหุ่ย เจ้าเตรียมการพร้อมหรือยัง?"
ประมุขพรรคสอบถามลูกสมุนคนสนิทด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง บัดนี้ร่างในปัจจุบันของมันชราภาพมากแล้วด้วยวัยถึงร้อยสิบสองปีเศษ หากไม่ทำพิธีย้ายจิตเกรงว่าอาจถึงฆาตเสียก่อนก็เป็นได้ จึงต้องรีบดำเนินการเสียแต่เนิ่น ๆ
"เรียนประมุข ตามที่ท่านมีรับสั่งเรื่องภาชนะชิ้นใหม่ พวกข้าจึงได้ทำการเลือกเฟ้นเป็นอย่างดี จนพบกับเด็กหนุ่มผู้นี้"
ร่างเปลือยของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งถูกนำเข้ามายังห้องโถงใหญ่ที่ทำการพรรค พิจารณาจากภายนอกแล้วนับว่าเป็นชายสุขภาพดี รูปร่างกำยำสมส่วน ใบหน้าหล่อเหลาผมดกดำ ดูแล้วช่างมีสเน่ห์เย้ายวนทางเพศ ร่างนั้นนอนนิ่งอยู่บนแคร่ไม้หาม ดวงตาปิดสนิทไม่มีทั้งลมหายใจและชีพจร ดูคล้ายกับคนตายทั้งเป็น
"เจ้านี่เป็นลูกชาวนาผู้ขยันขันแข็ง ตรากตรำงานหนักไม่เว้นแต่ละวันเพื่อชดใช้หนี้ของบิดา พวกข้ารู้สึกเห็นใจจึงอยากช่วยปลดบ่วงทุกข์ด้วยการยกเลิกงานประจำของมันเสีย"
สินหุ่ยยิ้มที่มุมปาก
"และกลายมาเป็นร่างสถิตของราชาแห่งโลกอธรรมอันยิ่งใหญ่!"
ลูกสมุนได้ตระเตรียมแผนการด้วยความรัดกุม พิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณมีจุดสำคัญสามจุด นั่นคือหนึ่งต้องจัดเตรียมร่างที่จะใช้โอนเปลี่ยนด้วยความพิถีพิถัน วันเดือนเกิดรวมถึงเพศต้องตรงกันกับเจ้าของร่างเดิม อายุไม่เด็กไม่แก่จนเกินไป สองต้องทำพิธีล้างวิญญาณเดิมให้สิ้น ทิ้งร่างให้อยู่ในสภาพกึ่งตายและเก็บรักษาอย่างดีไม่ต่ำกว่าสามวัน สามต้องทำพิธีในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง ท้องฟ้าปลอดโปร่งไร้มวลหมู่เมฆบดบังรัศมี...
เมื่อทำครบตามเงื่อนไขทั้งสามประการแล้ว พิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณจึงจัดขึ้นบนยอดเขาเซียนหมื่นลี้ในคืนเดือนเพ็ญ ร่างของเด็กหนุ่มถูกวางลงบนแท่นหินดำขนาดใหญ่สำหรับประกอบพิธี รอบล้อมไปด้วยเสาหินขนาดยักษ์ทั้งสี่ด้าน บนยอดเสาหินแต่ละต้นคือมังกรสลักสีดำคาบลูกแก้วทองคำ เส้าเทียนอิ้งนั่งลงบนบัลลังก์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามแท่นหิน ด้านหน้าคือสินหุ่ยและบรรดาองค์รักษ์จอมมารทั้งเจ็ดตน ส่วนบรรดาลูกพรรคคนอื่นต่างไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาบนนี้ เนื่องด้วยจอมมารนั้นไม่ไว้วางใจคนมากนัก แม้นจะเป็นลูกน้องของตนก็ตาม ยิ่งเก่งกาจก็ยิ่งมีศัตรูและผู้ปองร้ายมากขึ้นเป็นเงาตามตัว ไม่เว้นแม้แต่ลูกสมุนในพรรค
"และบัดนี้ก็ถึงควรแก่เวลาในการเริ่มพิธี... ขอเชิญท่านประมุข"
สินหุ่ยหลีกทางให้เส้าเทียนอิ้งเดินเข้าไปหาร่างของเด็กหนุ่ม จอมมารวางมือข้างหนึ่งบนหน้าอกของภาชนะไร้วิญญาณ ครู่เดียวพลังปราณที่สั่งสมบ่มเพาะอยู่ในร่างของประมุขพรรคก็เริ่มถ่ายเทไปยังร่างใหม่ ก่อเกิดคลื่นประกายแสงสีทองสั่นสะเทือนเลือนลั่นไปทั่วทั้งปะรำพิธี พวกองค์รักษ์ต่างต้องหาสิ่งยึดเกาะไว้มิให้โดนพัดกระเด็นไปเสียก่อน พลังอันเกรี้ยวกราดดุจดั่งอัสนีบาตทลายสิ้นแม้แต่แท่นหินดำและสิ่งรอบข้าง แรงสั่นสะเทือนรับรู้ไปได้กระทั่งผู้คนที่อาศัยอยู่ใต้หุบเขานั้น
"ท่านประมุข!"
สินหุ่ยกล่าวด้วยความตกใจเมื่อได้เห็นร่างของจอมมารที่เหี่ยวแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก ไม่มีเค้าแววของประมุขพรรคมารที่เปล่งบารมีอย่างเช่นที่แล้วมา ตอนนี้เส้าเทียนอิ้งกลายเป็นเพียงแค่ตาแก่หงำเหงือกยืนหอบแฮ่ก ๆ ใกล้ลงโลงเต็มที
"อย่าได้ตื่นตกใจ ข้าเพียงถ่ายทอดพลังวิชาทั้งหมดไปไว้ในร่างใหม่เท่านั้น ที่เหลือก็แค่ย้ายวิญญาณตามไป..."
ในการเคลื่อนย้ายร่างและวิญญาณตามวิถีของวิชามารประสานจิต เทพประสานใจนั้นต้องกระทำเป็นสองจังหวะ นั่นคือเริ่มจากย้ายพลังปราณและวิชาความรู้ทั้งหมดไปยังเป้าหมาย จากนั้นจึงค่อยย้ายวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมตามไปจึงจะสำเร็จครบถ้วนสมบูรณ์ ดังนั้นจอมมารจึงต้องเรียกองค์รักษ์มาคอยคุ้มกันในระหว่างช่วงขั้นตอนที่สองเพราะร่างเดิมนั้นจะเสื่อมถอยลงตามสังขาร หากถูกลอบโจมตีคงลำบากยิ่ง พวกสินหุ่ยและคนอื่น ๆ ไม่เคยได้เห็นพิธีในครั้งก่อนเพราะเกิดไม่ทันจึงตกใจเช่นนั้นเอง
"โฮ่ง! โฮ่ง!"
จู่ ๆ เจ้าหมาน้อยขนสีน้ำตาลท่าทางปราดเปรียวตัวหนึ่งก็พุ่งเข้ามาในปะรำพิธีพร้อมกับส่งเสียงเห่าตวาดใส่ด้วยความตกใจกลัว ชะรอยว่าพื้นที่ในละแวกนี้คงเป็นถิ่นฐานแต่เดิมของมัน ครั้นมีคนแปลกหน้าบุกรุกเข้ามาจึงโกรธจนตัวสั่น
"อ้ายสุนัขหน้าโง่เอ็งจงไสหัวไปให้ไกลเดี๋ยวนี้!"
สินหุ่ยออกปากตวาดกลับในระหว่างที่จอมมารเริ่มพิธีในลำดับที่สอง วิญญาณของมันค่อย ๆ ระเหยออกมาจากภายในร่างอันแก่ชรา พุ่งตรงไปยังภาชนะสถิตอันใหม่ในทันที แต่อนิจจา... ดั่งนรกชังหรือสวรรค์แกล้ง ประจวบเหมาะเคราะห์ร้ายที่เสี้ยววินาทีนั้นได้มีลำแสงพุ่งใต้ตกลงมายังพื้นโลก มันดิ่งด้วยความเร็วสูงลงสู่ร่างของเจ้าหมาสีน้ำตาลตัวนั้น แล้วก็บังเกิดแสงสว่างวาบขึ้น สินหุ่ยและพวกองค์รักษ์ต่างยกท่อนแขนขึ้นปิดบังลำแสงนั้นไว้ และเมื่อแสงจางลงสิ่งที่ทุกคนได้เห็นก็คือร่างของเด็กหนุ่มร่างเปลือยลุกขึ้นยืนทำหน้างง ๆ
"โอ! ท่านประมุข ท่านทำสำเร็จแล้ว! ท่านได้หวนคืนสู่ความเยาว์วัยอีกครั้ง..."
"สำเร็จบ้าอะไรเล่า! พวกเจ้าเอาตาไปไว้ที่ไหนกันหา!!!"
บรรดาลูกสมุนจอมมารยืนมองร่างวัยหนุ่มนั่นด้วยความงุนงง ก็เห็นอยู่ว่าประมุขของพวกตนทำพิธีเทียบร่างเชิญวิญญาณได้สำเร็จลุล่วงไปแล้วนี่นา แต่ช้าก่อน! ที่ส่งเสียงตวาดพวกสินหุ่ยอยู่นั้นหาใช่เจ้าเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ หากเป็นหมาน้อยสีน้ำตาลที่ยืนเห่าอยู่เมื่อครู่ต่างหากเล่า!
"ท่าน... ประมุข?"
ถัดจากน้องหมาไปคือร่างเดิมอันชราภาพของเส้าเทียนอิ้งที่กำลังคลานสี่ขาพลางโก่งคอเห่าอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งหมดนี้ล้วนสร้างความสับสนอลม่านให้แก่บรรดาลูกสมุนจอมมารยิ่งนัก
จบตอน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น