ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รวมเรื่องสั้น ความทรงจำ รอยยิ้มและน้ำตา

    ลำดับตอนที่ #4 : The Extraodinary Advanture of CATWATER! การผจญภัยของแมวน้ำคุง

    • อัปเดตล่าสุด 5 พ.ย. 61




    *** นี่เป็นเรื่องสั้นที่แต่งเพื่อส่งงานประกวดภายในกลุ่มไลน์นักเขียนประจำปี 2018 ครับผม  โดยมีกติกาพิเศษว่าต้องมีคีย์เวิร์ดคือสามคำนี้รวมอยู่ในเรื่องด้วย (แมวน้ำผู้โดดเดี่ยว , โลกันตร์อนธกาล , ตราบนิจนิรันดร) ***


    @@@@@@@@@@@@


         "เจ้าจะกลายเป็นแมวน้ำ!"

         แม่เฒ่าอายุเฉียดร้อยกล่าวอย่างมั่นใจ  รอยยิ้มของแกคล้ายมีเลศนัยแฝงไว้  ทำเอาผมกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น  ก่อนจะสวนกลับไปว่า

         "แต่เมื่อกี้ผมถามเรื่องหน้าที่การงานกับความรักนะครับ?"

         "เจ้าจะกลายเป็นแมวน้ำ! แมวน้ำผู้โดดเดี่ยวและเดียวดาย ฮ่า ๆ"

         เจอแบบนี้ผมต้องวิ่งกลับออกมาดูป้ายหน้าร้านในทันที  เอ... มันก็ระบุไว้ชัดเจนว่า ร้านหมอดู ยายปริก รับทำนายทายทักโชคชะตาทั่วราชอาณาจักร นี่หว่า?  ไม่ใช่โรงพยาบาลบ้าแน่ ๆ แต่ทำไมยายปริกที่ว่าถึงเพี้ยนขนาดนี้  ไม่เห็นเหมือนเสียงเล่าลือในความแม่นยำของคำทำนายเลยนี่นา  เอ๊ะ! หรือว่าจะผิดฝาผิดตัวกันล่ะเนี่ย...

         "เอ่อ ขอโทษนะครับ ไม่แน่ใจว่าคุณคือยายปริก..."

         "แมวน้ำ! แมวน้ำ! อุ๋ง ๆ"

         เท่านั้นแหละผมสะบัดตูดกู๊ดบายยายปริกในบัดดล  ขืนอยู่นานกว่านี้เดี๋ยวได้ติดเชื้อบ้ากันพอดี  มีอย่างที่ไหนถามเรื่องความรักดันบอกแมวน้ำ  นี่ถ้าถามหวยงวดหน้าสงสัยจะได้กาน้ำชามาแทน  ผมก้าวขึ้นรถเก๋งบุโรทั่งสมบัติเก่าจากเตี่ย  แล่นตะบึงออกมาจากร้านหมอดูในทันที  แต่ขับมาได้สักพักก็เกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นที่กระจกมองหลัง  เมื่อยายปริกไล่ตามผมมา! เอิ่มม... ผมขยี้ตามองกระจกหลังให้ชัดอีกครั้งเพื่อยืนยันว่า  บนรถตู้สีดำคันนั้น ย้ำ! ว่าบนรถตู้คันนั้นมียายปริกนั่งกอดอกแสยะยิ้มอยู่  ไม่ใช่ในที่นั่งคนขับหรือข้างคนขับแต่เป็นบนหลังคารถเลย  คือคุณมึงจะมีที่นั่งผู้โดยสารไว้ภายในรถทำไมถ้าผู้โดยสารไม่คิดจะนั่งข้างใน  แล้วนี่มันบนทางยกระดับนะเฮ้ย! ไม่กลัวตายเลยรึยังไงอีบ้า

         "แมวน้ำอุ๋ง ๆ ฮ่า ๆ"

         ผมพยายามเร่งความเร็วเท่าที่สังขารของยานพาหนะจะทำได้  แต่นั่นไม่ได้ช่วยให้รอดพ้นจากการตามล่าของหมอดูโรคจิตรายนี้ได้เลย  รถตู้ของยายปริกที่ทันสมัยกว่าเปิดประตูด้านข้างออก  เผยให้เห็นปืนกลแกตเตอริ่งรุ่นล่าสุดเกรดกองทัพซึ่งซ่อนไว้ภายในถึงสองกระบอก  นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะโว้ย  หมอดูประเทศนี้มันมีอิทธิพลขนาดถือครองอาวุธสงครามได้แล้วเหรอวะเนี่ย!

         "แกหนีไม่รอดแล้วเจ้าแมวน้ำ! ฮี้ฮี่ฮี่!!!"

         ยายปริกหัวเราะลั่นก่อนจะระดมยิงปืนกลเข้าใส่รถของผมจนพรุนไปทั้งคัน  ชั่วพริบตานั้นผมมองเห็นภาพทุกอย่างเคลื่อนไหวแบบสโลว์โมชั่นเหมือนอยู่ในภาพยนตร์ก็ไม่ปาน  ทั้งกระสุนที่พุ่งเฉียดศีรษะไป  ทั้งเศษกระจกแตกที่ปลิวว่อนทุกทิศทาง  กระทั่งรถเสียหลักพลิกคว่ำกลิ้งหลายตลบ  กระนั้นหลวงพ่อที่ห้อยคอเอาไว้ก็ยังเมตตาช่วยคุ้มภัยให้ไม่ถึงฆาต  ผมคลานออกมาจากใต้ท้องรถอย่างยากเย็นพร้อมบาดแผลเต็มตัว  จังหวะนั้นเองที่เฮลิคอปเตอร์ของทางการก็บินโฉบลงมาบนทางด่วนพร้อมกับประกาศเสียงดังว่า

         "นี่คือหน่วยรักษาความมั่นคงภายในประเทศ  รถยนต์คันนั้นจงหยุดเดี๋ยวนี้! ย้ำ! รถยนต์คันนั้นจงหยุดเดี๋ยวนี้!!!"

         ไม่เพียงเท่านั้น  แม้แต่มอเตอร์ไซค์ของตำรวจทางหลวง  ตลอดจนรถหุ้มเกราะของหน่วยสวาทก็แล่นเข้ามาปิดล้อมรถตู้สีดำเอาไว้ไม่ให้หนีไปไหนได้  โอ้โหนี่ผมฝันไปหรือเปล่าทำไมเจ้าหน้าที่รัฐถึงดำเนินการอย่างรวดเร็วเช่นนี้  ปกติต้องมาหลังจากเขาจบเรื่องกันแล้วมิใช่รึ?

         "โฮะ ๆ เจ้าพวกสุนัขรับใช้รัฐบาล  คิดว่าน้ำหน้าอย่างพวกแกจะทำอะไรยายปริกคนนี้ได้งั้นรึ?"

         ยายแก่เหนียงยานนอกจากจะไม่สลดแล้วยังมีหน้าต่อปากต่อคำกับเจ้าหน้าที่รัฐอีก  ดูท่าว่าไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาเสียแล้ว  ผมนี่นอนเชียร์ให้พวกหน่วยสวาทเล่นงานหมอดูโรคจิตจนหลาบจำไปเลย  แต่ที่ไหนได้เหนือฟ้ายังมีฟ้า  เมื่อยายปริกคนนี้ไม่ใช่แค่คนบ้าธรรมดา  เพราะมันคือคนบ้าที่มีพลังอำนาจมหาศาลเหลือเกิน  เมื่อจู่ ๆ จรวดต่อต้านอากาศยานที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนก็พุ่งตรงเข้าใส่เฮลิคอปเตอร์อย่างจนจนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่น  ไม่เพียงแค่นั้นหมอดูตัวแสบยังฉวยโอกาสนี้สาดกระสุนเข้าใส่พวกหน่วยสวาทจนทุกคนต้องถอยร่นออกมาหลบหลังรถหุ้มเกราะแทบไม่ทัน 

         "ไม่ได้การแล้ว  ขอกำลังเสริมด่วน!"

         "ฮ่า ๆ ว่ายังไงล่ะเจ้าพวกสุนัขรับใช้!!!"

         นี่มันคืออะไรกันแน่... เช้านี้ผมขับรถออกมาด้วยความตั้งใจว่าจะมาดูลายมือทำนายทายทักโชคลาภและความรักเท่านั้นเองนะ  ไม่ได้อยากจะมาร่วมเป็นสักขีพยานของสงครามกลางเมืองแบบนี้สักหน่อย!  แล้วนี่นอกจากจะมีเฮลิคอปเตอร์ รถตู้ติดปืนกล รถหุ้มเกราะ ล่าสุดยังมีรถถังแล่นตะบึงขึ้นมาบนทางด่วนอีกแน่ะ  แถมยังมาจากฝั่งยายปริกอีกด้วย

         "เอานี่ไปกิน!"

         กระสุนปืนใหญ่ตรงเข้าเล่นงานรถหุ้มเกราะจนแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระเด็นตกจากบนสะพานลงไปเบื้องล่าง  ด้านฝ่ายรักษาความมั่นคงก็ไม่น้อยหน้าเพราะตอนนี้กำลังเสริมตามมาแล้ว  โดยมีทั้งเฮลิคอปเตอร์จู่โจม  รถลำเลียงพลหุ้มเกราะและรถถังอีกจำนวนหนึ่งขึ้นมางัดข้อกันกลางทางด่วนราวกับเป็นภาพยนตร์แอคชั่นของฝรั่ง  และแน่นอนว่าผมไม่อยู่รอให้พวกนี้ปะทะกันหรอกนะ  หลังจากฉวยโอกาสฉกกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ของตำรวจทางหลวงมาได้  ผมก็สตาร์ทรถแล้วหันหัววิ่งหนีออกจากที่เกิดเหตุในทันที  ซิ่งออกนอกรัศมีทำลายล้างของอาวุธสงครามพวกนี้ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้  โดยไม่หันกลับไปมองฉากนองเลือดที่เบื้องหลัง

         "วู้วววว! รอดแล้วโว้ยสะใจเป็นบ้า ฮ่า ๆ"

         ผมหยุดรถเมื่อแล่นมาได้สักระยะ  หันไปมองก็เห็นควันไฟและเสียงระเบิดอยู่ไกลลิบ  ในที่สุดก็หนีรอดจากหายนะมาได้เสียที  ผมถอนหายใจยาวด้วยความโล่งใจ  คิดแต่ว่าตัวเองรอดแล้วจนไม่ทันระวังเรือดำน้ำที่จู่ ๆ ก็พุ่งทะยานจากผืนน้ำเบื้องล่างขึ้นมากระแทกคอสะพานจนพังถล่มลงในพริบตา!

         "อะไรอีกวะเนี่ย!!!"

         ผมนอนเจ็บร้องโอดโอยอยู่ใต้ซากสะพาน  ดูท่าว่าขาข้างหนึ่งคงจะหักเสียแล้วหมดสิทธิ์ขยับหนีไปไหนได้  ไม่เพียงเท่านั้นยายปริกดันโผล่หน้ามาราวกับเป็นภูติผีวิญญาณตามติด  แค่เห็นหน้าเท่านั้นความโกรธในตัวก็พุ่งพรวดขึ้นจนสุดจะทานทน

         "ไอ้บ้า! มึงทำแบบนี้กับกูทำไมวะ! กูไปทำอะไรให้มึงรึไงไอ้ $#@W#$^#E$#@%!!!"

         ผมแผดเสียงด่าไม่เป็นภาษา  ในขณะที่แม่เฒ่าส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะยื่นมือออกมาทางนี้แล้วกระซิบบอกข้างหูว่า

         "ก็เอ็งยังไม่ได้จ่ายค่าดูหมอให้ข้าเลยนี่หว่าไอ้แมวน้ำ! อย่านึกว่าจะหนีรอดไปได้นะ ฮี่ฮี่"

         เมื่อได้ยินเหตุผลของแม่เฒ่าความดันของผมก็พุ่งพรวดขึ้นมาอีกรอบ  อีบ้า! เรื่องแค่นี้มึงบอกกันดี ๆ ก็ได้  จะขับรถไล่ยิงกันให้พังเป็นแถบ ๆ ทำหอกอะไรวะเนี่ย!  แล้วสติของผมก็พลันขาดห้วงลงที่ตรงนั้นเอง...


    @@@@@@@@@@@@


         "อุ๋งง อุ๋งอุ๋งง...!"
         (ท่านพี่!  ท่านพี่ได้โปรดลืมตาด้วยเถิด!)

         "อืออ..."

         ผมค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก  เพียงเพื่อจะพบว่ามีแมวน้ำตัวหนึ่งกำลังชะโงกหน้ามองมาทางนี้ด้วยดวงตาใสปิ๊งราวกับหญิงสาววัยแรกแย้ม  ทีแรกผมคิดว่านี่คงจะเป็นความฝันแน่ ๆ ก็เลยหลับตาลง  ก่อนจะลืมตาตื่นอีกครั้งและค้นพบว่าแมวน้ำตัวเดิมมันยังอยู่ไม่ไปไหน

         "นี่มันอะไรกันเนี่ย!"

         ผมสะดุ้งพรวดสุดตัวจนเจ้าแมวน้ำตัวนั้นตกใจถอยห่างออกไป  แต่นั่นยังไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเท่าไรนัก  เมื่อเทียบกับการที่ได้เห็นตัวเองกลายเป็นแมวน้ำตั้งแต่หัวจรดเท้าแบบนี้!  ผมโดดลงจากเตียงแบบอุ้ยอ้ายและพยายามคลานไปรอบห้องด้วยความงุนงงงสุดขีด 

         "อุ๋งอ๋งอ๋งอ๋งงงง..."
         (ท่านพี่! ท่านพี่เป็นอะไรไปคะ  ทำไมถึงได้เดินวนเช่นนั้น?)

         "เฮ้ยน่ารำคาญเว้ย! จะไปไหนก็ไป  แต่เฮ้... เดี๋ยวก่อนนะ! แล้วทำไมตรูถึงเข้าใจภาษาแมวน้ำได้ล่ะเนี่ย!!!"   

         เจ้าแมวน้ำตัวเมียมองมาทางนี้ด้วยสายตาหวาดระแวงก่อนจะบอกว่ามันเห็นผมนอนหลับไม่ตื่นสักทีเลยมาปลุกด้วยความเป็นห่วง  เพราะวันนี้ตัวผมนั้นมีนัดประลองฝีมือครั้งสำคัญกับประมุขพรรคมาร

         "เดี๋ยว ๆ เดี๋ยวก่อนนะ... การประลอง? ประลองอะไรแล้วประมุขพรรคมารที่ไหนอะไรยังไง? ตรูไม่เห็นรู้เรื่องเลย  และที่สำคัญกว่านั้นทำไมถึงกลายเป็นแมวน้ำได้ล่ะเนี่ย!!!" 

    เจ้าจะกลายเป็นแมวน้ำ  แมวน้ำอุ๋ง ๆ ฮ่า ๆ

         ผมรู้สึกเสียวสันหลังวาบเมื่อนึกถึงคำพูดของยายปริก  หรือว่านี่จะเป็นคำสาปของอีหมอดูเสียสตินั่น?  อย่างไรก็ดีตอนนี้สิ่งสำคัญคือผมต้องหาทางกลับบ้านให้เร็วที่สุด  แล้วแจ้งตำรวจให้ไปจับไอ้หมอดูประสาทแดกคนนั้นด้วย  ว่าแต่ทางโรงพักจะรับแจ้งความจากแมวน้ำมั้ยเนี่ย?

         "อุ๋งอุ๋งง..."
         (ท่านพี่จะไปไหนคะ  ก็ที่นี่คือบ้านของท่านไงจำไม่ได้หรือ?)

         เจ้าแมวน้ำตัวเดิมยังคงพันแข้งพันขาออดอ้อนไม่เลิกจนผมรำคาญจึงสะบัดท่อนแขน (หรือจะเรียกว่าขาหน้าดี?) เข้าให้  แม้เพียงเบา ๆ แต่มันก็แรงพอจะทำให้อีกฝ่ายกระเด็นทะลุประตูไม้ออกไปยังภายนอกในพริบตา  ผมรีบคลานตามออกไปด้วยความตกใจ  เพียงเพื่อจะพบว่าตอนนี้ผมได้มาอยู่ในสถานที่อันแปลกประหลาด  ไม่เพียงแต่เรือนชานที่สร้างจากไม้และโต๊ะหินที่กลางลานเท่านั้น  แต่ทุกสิ่งอย่างรอบตัวผมมันช่างราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์จีนกำลังภายในที่เคยดูสมัยเด็กยังไงยังงั้นเลยเชียว!

         "นี่มันอะไรกัน..." 

         "อ็งงงอ๋งอ๋งอุ๋งง...!"
         (ท่านพี่ได้โปรดสงบสติด้วยเถิด! อีกประเดี๋ยวคนจากพรรคมารก็จะมาถึงแล้วให้ข้าช่วยแต่งตัวให้ท่านก่อนนะ)

         ในหัวของผมหมุนวนราวกับตกอยู่ในกระแสน้ำวนอันเชี่ยวกราก  นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันทำไมผมถึงกลายเป็นแมวน้ำ  และที่นี่มันที่ไหนตรูหลงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันแน่  ทุกคำถามล้วนแล้วแต่ไร้คำตอบ  ผมจึงได้แต่ยืนนิ่ง ๆ ในระหว่างที่เจ้าแมวน้ำซึ่งอ้างตัวว่าเป็นเมียของผมจัดการเปลี่ยนจากชุดลำลองเป็นชุดออกศึกเต็มยศให้  จะว่าไปมันบอกว่าผมมีคิวต้องต่อสู้กับประมุขพรรคมารหรืออะไรนี่แหละ  แต่เออ... ช่างเถอะ นี่มันต้องเป็นความฝันแน่ ๆ มีอย่างที่ไหนจากคนธรรมดากลายเป็นแมวน้ำเฉย  แถมไม่ได้อยู่ตามสวนสัตว์แต่เป็นในโลกกำลังภายในไร้สาระแบบนี้อีก  แต่นั่นแหละเมื่อรู้ว่านี่คือความฝันแล้วอีกเดี๋ยวตรูก็จะถูกนาฬิกาปลุกดึงกลับไปสู่โลกแห่งความจริงเองนั่นแหละน่า!  คิดได้ดังนี้ผมจึงยืนนิ่ง ๆ รอเวลาตื่นขึ้นเองในตอนเช้า  แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีวี่แววว่าจะตื่นเสียทีจนชักจะหงุดหงิดแล้วเนี่ย...

         "แฮ่!"
         (ข้ามารับตัวเจ้าแล้ว!)

         จู่ ๆ ก็มีแมวน้ำหน้าตาไม่น่าไว้วางใจปรากฎตัวขึ้นที่หน้าประตูบ้าน  มันแต่งตัวด้วยชุดสีม่วงพร้อมหมวกสานใบใหญ่ให้อารมณ์จอมยุทธแบบที่เห็นในหนังเปี๊ยบ  เจ้านั่นเดินเข้ามาทางนี้ด้วยท่าทีหยิ่งทะนงราวกับเป็นเจ้าคนนายคน 

         "อุ๋งงอู่งงงง"
         (เจ้าคือ ฉี่เฉียงเฉียง สมุนมือขวาของจอมมารสินะ!) 

         แมวน้ำสาวออกอาการตกใจเมื่อได้เห็นลูกน้องของพรรคมาร  แต่ผมนี่ตกใจชื่อของมันมากกว่าจนเกือบหลุดขำออกไป  มีอย่างที่ไหนชื่อคนตายตั้งเยอะแยะไม่เอามาตั้ง  ดันตั้งเป็นฉี่ซะได้ ฮ่า ๆ ทว่าวินาทีถัดมาผมก็ต้องเสียใจอย่างสุดซึ้งเมื่อได้ยินชื่อของตนเองบ้าง

         "แฮ่แฮ่ฮ่งงงฮ่ง!"
         (และเจ้าก็คือ ฉี่ตงตง ผู้หาญกล้าต่อกรกับจอมมาร  วันนี้ข้ามารับตัวเจ้าไปเผชิญหน้ากับความตายแล้ว)

         เมื่อแนะนำตัวกันเสร็จแล้วเจ้าฉี่เฉียงเฉียงก็ฉุดกระชากลากถูตัวผมให้ออกเดินทางไปยังยอดเขาเซียนหมื่นลี้  อันเป็นสถานที่ตั้งของสำนักมาร ฉี่เลอะ ซึ่งหมายมั่นปั้นมือว่าจะครองยุทธภพด้วยพลังยุทธของเจ้าสำนักอันแสนร้ายกาจ  แต่กลับโดนขัดขวางโดยกลุ่มนักรบคุณธรรมซึ่งมีผู้นำคือตัวผมนั่นเอง  จอมมารจึงกริ้วจัดนัดประลองเพื่อให้รู้แพ้รู้ชนะกันไป  แล้วทำไมถึงทราบข้อมูลพวกนี้น่ะเหรอ?  ก็เจ้าฉี่เฉียงเฉียงนี่ไงที่มันพล่ามเรื่องนี้มาตลอดทางจนรู้สึกรำคาญขึ้นมาเลยทีเดียว    

         "แฮ่ฮ่งงงง!"
         (เจ้าจงรออยู่ที่นี่)

         เมื่อมาถึงยอดเขา  ฉี่เฉียงเฉียงก็พาผมมายืนรออยู่ที่ลานกว้างบริเวณด้านหน้าสำนักฉี่เลอะ  สถานที่อันมืดมนคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือด  ท้องฟ้าเบื้องบนก็เต็มไปด้วยเมฆหมอกหนาไร้ซึ่งแสงตะวัน  สายฝนที่โปรยปรายลงมาหนาวเหน็บราวกับตกอยู่ในขุมนรก  นี่มันเคราะห์กรรมใดกันที่ทำให้ผมต้องมาตกระกำลำบากในแดนโลกันตร์อนธกาลเช่นนี้?     

         "โฮ่ง!"
         (ยินดีต้อนรับสู่ฉี่เลอะ  ข้าคือจอมมาร ฉี่ฉวัดเฉวียน เจ้าสำนักแห่งนี้  และวันนี้จะเป็นมัจจุราชผู้นำทางเจ้าลงสู่ขุมนรกด้วยตนเอง!)       

         ไม่นานนักผู้นำแห่งฉี่เลอะก็ปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับแนะนำชื่อบวกตำแหน่งเสร็จสรรพชนิดที่ไม่มีใครเสนอแต่มันดันอยากสนองให้เอง  สำคัญกว่านั้นคือมันเป็นน้องหมาไม่ใช่แมวน้ำเสียด้วย  เออช่างเถอะ  มาถึงจุดนี้ก็คงไม่มีอะไรให้ตกใจแล้วล่ะ  ส่วนเรื่องชื่อแซ่นั้นผมขี้เกียจจะฟังเพราะยังไงก็ตระกูลฉี่เหมือนเดิม  และถ้าให้เดาเมียตูที่บ้านก็คงไม่พ้นสกุลฉี่อีกแน่ ๆ พวกเอ็งไม่มีชื่อที่มันดีกว่านี้แล้วจริง ๆ เหรอวะ! อีบ้า...

         "ชักช้าร่ำไรน่ารำคาญ  ถ้าอยากสู้นักก็เข้ามาเลยดีกว่า!"

         ผมเริ่มเหม็นเบื่อความฝันนี้แล้ว  เพราะฉะนั้นรีบ ๆ ทำให้มันจบไปแล้วตื่นอย่างสดชื่นในตอนเช้าดีกว่า  ถึงยังไงนี่ก็แค่ความฝันมันคงไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกจริงไหม?  ฉี่ฉวัดเฉวียนแสยะยิ้มก่อนจะกระโดดเข้ามายังลานประลองและพุ่งตรงเข้ามาทางนี้ด้วยความเร็วสูงในทันที  แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับมือ  ผมสวนหมัดกลับไปแถมตรงเป้าเผงจนฉี่ฉวัดเฉวียนผงะถอยไปสองสามก้าว  เมื่อได้สติมันก็สบถอย่างหยาบคายก่อนจะตรงเข้ามาอีกรอบหมายเอาคืน  

         "โฮ่งงง!!!"
         (บังอาจนัก! เจ้าถือดีอะไรถึงกล้าทำร้ายจอมมารแห่งฉี่เลอะผู้มีชีวิตเป็นอมตะเยี่ยงนี้  ที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้ใดแตะต้องตัวข้าฉี่ฉวัดเฉวียนได้แม้แต่ผู้เดียว  และความจองหองของเจ้าจะต้องชดใช้ด้วยชีวิต! วันนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้วฉี่ตงตง...  เตรียมรับมือให้ดี!!!)

         เดี๋ยว ๆ เอ็งเห่าคำเดียวทำไมบทบรรยายมายาวเหยียดเลยวะ  แต่ช่างเถอะ...  ผมอาศัยความเร็วที่เหนือกว่าสอดมือลอดท้องแขน (ขาหน้า) ที่พุ่งเข้ามาของมันแล้วพลิกหมุนไปอีกทาง  ทำให้ร่างของฉี่ฉวัดเฉวียนเสียการทรงตัว  จังหวะนั้นเองที่ลูกถีบของผมเข้าเป้าอย่างเหมาะเหม็งอีกครั้ง  เล่นเอาอีกฝ่ายตัวงอเป็นกุ้งไปเลย  เห็นดังนั้นผมจึงปิดฉากด้วยการกระแทกสองฝ่ามือเข้าที่บริเวณหน้าอกอีกฝ่ายจนกระเด็นกลิ้งไม่เป็นท่า  เท่านี้ผลการประลองก็เห็นได้ชัดแล้วว่าใครกันที่เป็นฝ่ายเหนือกว่า

         "ไง... ถ้ายังไม่หนำใจจะเข้ามารับประทานตีนอีกก็ได้นะ ฮ่า ๆ"

         ผมหัวเราะเยาะเย้ยใส่จอมมารที่นอนครางหงิง ๆ กับพื้น  หารู้ไม่ว่าพวกมันยังมีไม้เด็ดอื่นเก็บซ่อนเอาไว้อยู่อีก  ฉี่ฉวัดเฉวียนพลันสั่งให้พวกลูกน้องรีบไปอัญเชิญ เจ้าแม่ ผู้ชักใยอยู่เบื้องหลังออกมารับมือกับศัตรูในทันที 

         "โฮ่งงง!"
         (ฮ่า ๆ ชะตาแกถึงฆาตแล้วฉี่ตงตง! แม้ว่าฝีมือของข้าจะไม่สามารถต่อกรกับเจ้าได้  แต่วรยุทธนายหญิงของพวกข้านั้นร้ายกาจกว่าแกเสียอีก  เตรียมตัวตายได้แล้ว!)

         ผมตะหงิด ๆ กับคำพูดของมันชอบกล  เหนือกว่าจอมมารยังมีนายหญิงอีกงั้นรึ?  แล้วมันเป็นใครกันแน่?  แต่คำตอบของคำถามนั้นก็ได้ปรากฎออกมาสู่สายตาผมในเวลาไม่นาน  เมื่อนายหญิงแห่งพรรคมารเผยโฉม  เพียงแค่เห็นใบหน้านั้นผมถึงกับต้องกำหมัดทุบดินด้วยความเดือดดาลในทันที  ผมน่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้ว...  ต้นตอแห่งโศกนาฎกรรม  ต้นตอแห่งความเลวร้ายทั้งมวลนี้จะเป็นใครไปเสียมิได้นอกจาก ยายปริก!

         "แมวน้ำ... แมวน้ำอุ๋ง ๆ ฮ่า ๆ"

         หมอดูเฒ่าเจ้าเล่ห์กระโจนเข้าสู่ลานประลองในทันใด  มิหนำซ้ำร่างกายของมันยังเป็นมนุษย์ครบถ้วนทุกประการแตกต่างจากพวกผมอีก  เห็นแบบนั้นยิ่งเพิ่มไฟแค้นสุมในอกมากขึ้นไปร้อยเท่าทวีคูณ

         "แมวน้ำพ่องงงง! รีบ ๆ ทำให้กูกลับร่างเดิมเดียวนี้เลยนะยายปริก!!!"

         "ไม่มีทาง... เจ้าจะต้องกลายเป็นแมวน้ำเช่นนี้ไปตราบนิจนิรันดร ฮ่า ๆ"

         "โฮ่งง!"
         (นี่เจ้ารู้จักกับนายหญิง ฉี่เลี้ยว ด้วยรึ?  แต่ช่างเถอะ... เตรียมตัวตายได้แล้ว ฮ่า ๆ)

         จอมมารกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยการทำนายว่าผมจะต้องตายกลายเป็นเถ้าธุลี  แต่มีหรือที่ทางนี้จะยอมกันง่าย ๆ  ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้เว้ย!  แถมในนี้ไม่มีทั้งรถตู้ รถถังหรือแม้แต่เรือดำน้ำแล้ว  จะกี่สิบยายปริกก็ไม่ครณามือตูแน่  ว่าแล้วผมก็กระโดดเข้าใส่ศัตรูคู่แค้นในทันที...!

    กริ๊งงง...  กริ๊งงงงงงงง...!!!

         เสียงนาฬิกาปลุกบนหัวเตียงช่วยดึงผมกลับออกมาจากโลกแห่งความฝัน  ผมสะดุ้งพรวดสุดตัวก่อนจะวิ่งเข้าไปในห้องน้ำเพื่อสำรวจตัวเองในกระจกเงาทันที  ไม่ว่าจะเป็นใบหน้า ศีรษะ แขนหรือขาทั้งสองข้าง  ล้วนแล้วแต่อยู่ในสภาพของมนุษย์ปกติธรรมดาไม่ได้กลายเป็นแมวน้ำแต่อย่างใด  ทั้งหมดทั้งมวลนั่นคือความฝันอย่างไม่ต้องสงสัย  ฉับพลันนั้นความโกรธขึ้งก็พวยพุ่งขึ้นมาอย่างยากที่จะเหนี่ยวรั้งไว้  ผมกำหมัดด้วยความเคียดแค้นก่อนจะตะโกนออกมาว่า

         "แม่งเอ๊ยย! อีกนิดเดียวจะจัดการยายปริกได้อยู่แล้วเชียว!!!"




    @-@-@-@-@-@  อวสาน  @-@-@-@-@-@

        
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×