คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บ่วงนางหงส์ 1 : ยิ่งไม่อยากใกล้ ยิ่งอยากแกล้ง
พี่หมอชล & หนูสิ
ฉาวอีกแล้ว สำหรับนางแบบสาวสุดฮอตลูกสาวคนโตของท่านอธิบดีกรมตำรวจอย่าง ‘พิชญ์สินี อัครเทพโยธิน’ หลังจากเมื่อคืนก่อนมีคนแอบแช๊ะภาพระหว่างหนูสิกำลังประชันฝ่ามือกับนางแบบลูกครึ่งรุ่นน้องกลางผับดังย่านเอกมัย …
ท่านภรตกวาดสายตาอ่านข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์คร่าวๆก่อนจะตวัดสายตาไปมองหญิงสาวผู้ตกเป็นข่าวที่กำลังจิบน้ำส้มคั้นอยู่อย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ เมื่อคืนหลังจากเดินแบบที่งานผ้าไหมเสร็จแล้วแกไปไหนต่อ ” คนเป็นพ่อเอ่ยถามลูกสาวคนโตเสียงเครียด
“ ไปปาร์ตี้ต่อที่เอกมัยค่ะ คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าคะ ” พิชญ์สินีวางแก้วน้ำส้มลงแล้วหยิบกระดาษทิชชู่มาซับริมฝีปากสวย
“ เป็นข่าวได้ไม่เว้นแต่ละวัน แกรู้ไหมว่าฉันอายคนแค่ไหนที่มีลูกสาวทำตัวเหลกเหลวแบบแก ทำไมไม่หัดดูน้องบ้าง ดูซิว่ายัยพราวทำตัวยังไงแล้วแกทำตัวยังไง ” คุณภรตตวาดเสียงดัง
“ ข่าวยังไงมันก็เป็นแค่ข่าว หนูสิไม่สนใจหรอกว่าใครเค้าจะคิดยังไง แต่หนูสิไม่ผิด ถ้านังเด็กนั่นไม่มาปีนเกลียวหนูสิก่อน หนูสิก็คงไม่ต้องสั่งสอนมัน ถ้าคุณพ่อจะใส่ใจกับข่าวทุกๆอย่างที่เกิดขึ้นกับทุกคน ชีวิตนี้คุณพ่อก็ไม่มีวันจะมีความสุขหรอกค่ะ ” หลังจากอดทนเงียบได้มาเป็นเวลานานสุดท้ายพิชญ์สินีก็ต้องระเบิดออกมา ก่อนจะจ้องหน้าบิดาตัวเองอย่างเคร่งเครียด
“ ฉันไม่มีความสุขก็เพราะมีแกเป็นลูกนี่แหละ ไปๆ จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากจะเห็นหน้าแก ” คุณภรตโบกมือไล่ ซึ่งแน่นอน ถึงพ่อไม่ไล่ เธอก็ไม่อยู่ต่อเหมือนกัน
_________________________________________
“ เอาน่า หนูสิใจเย็นๆก่อนสิ ก็เพราะหนูสิใจร้อนนี่แหละ มันถึงได้มีคนคอยจะจับผิดหนูสิแบบนี้ ” หลังจากขับรถมาด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พิชญ์สินีก็ได้พาตัวเองมานั่งคุยกับคุณหมอพงศกร ผู้ชายที่ใจเย็นและคอยเข้าใจเธอมาตลอด
“ ตลอดเลยนะหมอพงศ์ มีอะไรหนูสิไม่เคยจะได้รับคำปลอบใจจากคุณพ่อ มีแต่ด่าซ้ำเติม อะไรๆก็พูดถึงแต่ยัยพราว น้องดีอย่างโน๊นน้องดีอย่างนี้ ” พิชญ์สินีบ่นอย่างเอาแต่ใจ
“ หนูสิก็อย่าไปใส่ใจเค้าสิครับ ปากก็ว่าตัวเองไม่ใส่ใจ แล้วเก็บคำพูดที่มันไม่จริงมาคิดทำไมล่ะครับเอาอย่างงี้ งั้นเดี๋ยวเย็นนี้หมอพงศ์ขออาสาพาหนูสิไปทานมื้อเย็นเพื่อปลอบใจให้หายอารมณ์เสียดีไหมครับ ” พงศกรเสนอแพลนพานางแบบคนสวยเที่ยวก่อนจะส่งยิ้มกว้างให้เธอ
“โอเค งั้นเดี๋ยวหนูสิถ่ายแบบนิตยาสารเสร็จแล้วหนูสิจะเข้ามาหา หมอพงศ์น่ารักที่สุดในโลกเลย” พิชญ์สินีออกอาการดีใจเหมือนเด็กจะได้ไปเที่ยวก่อนจะยกนาฬิกาข้อมือเรือนเหยียบแสนขึ้นดู
“ ว๊าย อีกครึ่งชั่วโมงเองนี่นา งั้นหนูสิขอตัวนะหมอพงศ์ แล้วตอนเย็นเจอกัน ” เมื่อเห็นว่าเวลาที่ทีมงานนัดถ่ายแบบใกล้เข้ามาแล้ว หญิงสาวจึงรีบออกไป
“ น้องสิ เผยอปากอีกค่ะ ไปทางขวาอีกค่ะ ค่ะ ดีค่ะ โอเคค่ะ ห้า สี่ สาม สอง แช๊ะ ” สไตลลิสต์สาวประเภทสองจัดท่าทางถ่ายแบบชุดว่ายน้ำแบรนด์ดังให้กับพิชญ์สินี หนุ่มๆในกองถ่ายแต่ละคนต่างลอบกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อสาวสวยหน้าสวยพร้อมกับหุ่นทรมานใจชายกำลังยืนโพสต์ท่าอยู่
“ คุณสิแอ่นตัวขึ้นอีกนิดนึงครับ แอ่นอกขึ้นเยอะๆครับ ขึ้นอีกครับ ขึ้นอีก ” ช่างภาพหนุ่มวัยสามสิบต้นๆร้องสั่งจนพิชญ์สินีเริ่มอารมณ์เสีย
“สิมาถ่ายแบบชุดว่ายน้ำเพื่อโปรโมทชุดว่ายน้ำนะคะ ไม่ได้มาหน้าปกหนังโป๊ แค่นี้ก็พอแล้วมั้งคะ หรือถ้าสิจะต้องทำอะไรเปลืองเนื้อเปลืองตัวไปมากกว่านี้ สิก็ไม่ถ่ายแล้วค่ะ คุณเอกไปหานางแบบคนใหม่ได้เลย ” พิชญ์สินีลุกขึ้นไปคว้าชุดคลุมมาสวมก่อนจะมายืนประจันหน้ากับช่างภาพหนุ่มที่ตอนนี้หน้าซีดลงไปบ้างแล้ว
“ ขอโทษครับคุณสิ คือผมไม่ได้มีเจตนาจะ .. ” เอกรินทร์ยังไม่ทันจะแก้ตัวได้จบ เสียงใสก็เปรยขึ้นมาแอบจิกกัดเล็กน้อย
“ ถ้าพี่เอกอยากจะได้นางแบบที่เซ็กซี่ถึงใจ ให้ทำอะไรก็ยอม สิแนะนำให้ติดต่อน้องเป็กกี้มาถ่ายนะคะ ” พิชญ์สินีพูดไปถึงเปรมมิกา นางแบบนิตยาสารสำหรับผู้ชายที่กำลังมาแรงในตอนนี้และพิชญ์สินีก็รู้ด้วยว่าระหว่างนางแบบอกตูมกับช่างภาพที่เธอกำลังพูดด้วยอยู่ตอนนี้ มีอะไรที่มากกว่าเพื่อนร่วมงาน
“ หนูสิขา อย่าไปถือสาน้องเอกเค้าเลยนะคะ เค้าก็อยากจะให้ภาพออกมาดูฮอตๆน่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก น้องสิออกจะสวย แค่นี้พี่ว่าชุดก็คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแล้ว เอาแบบสบายๆ ตามใจหนูสิเลย อีกแค่สองภาพก็เสร็จแล้ว ถือซะว่าพี่ขอร้องละกันนะคะ ” สมพล สไตล์ลิสสาวประเภทสองพยามพูดกับพิชญ์สินีให้เธอถ่ายแบบต่อให้ครบ โดนไม่ลืมที่จะส่งตายตาตำหนิไปให้เอกรินทร์เป็นเชิงว่า หื่นจนได้เรื่อง
“ โอเคค่ะ ถ้าหนูสิไม่เห็นแก่พี่ไก่ หนูสิจะไม่ถ่ายต่อแล้ว ถอซะว่าครั้งนี้สิเห็นแก่พี่ไก่ละกันนะคะ ” ว่าแล้วต่างคนก็ไม่ยอมเสียเวลา รีบจัดการถ่ายแบบชุดว่ายน้ำแบรนด์ดังให้เสร็จก่อนจะแยกย้ายกันไป
เวลาเกือบจะทุ่มครึ่งได้ ร่างระหงในชุดเสื้อยืดเอวลอยกับกางเกงยีนส์ขายาวก็เดินเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง เพราะความเร่งรีบของหญิงสาวทำให้เธอชนกับร่างสูงใหญ่ในชุดกราวน์อย่างแรงจนล้ม
“ โอ๊ย ” เสียงหวานร้องออกมาด้วยความเจ็บหลังจากเธอล้มก้นกระแทกกับพื้น
“ คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ” เสียงแหบห้าวเอ่ยถามด้วยความห่วงใยก่อนจะพยุงให้เธอลุกขึ้นมา
“ อ้าว นึกว่าใคร ที่แท้ก็พี่หมอชลนี่เอง ” พิชญ์สินีกำลังจะเหวี่ยงใส่คนที่ทำให้เธอล้มก่อนจะเปลี่ยนท่าทีเป็นกวนๆเมื่อเห็นหน้าคนที่ชนเธอล้มชัดๆ พี่หมอชล หรือนายแพทย์ชยกร แฟนหนุ่มของน้องสาวเธอนี่เอง คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ดวงตาสีดำสนิทชวนหลงใหล
“ คุณสิไม่เป็นอะไร งั้นผมขอตัวนะครับ ” ชยกรหน้าตึงขึ้นมาทันทีก่อนจะเดินออกไปถ้าไม่ติดว่ามือเรียวสวยรั้งเขาไว้ซะก่อน
“ แหม หมอชลจะรีบไปไหนล่ะคะ ไม่อยู่คุยกันซักหน่อยหรอคะ ทำเหมือนคนไม่รู้จักกันไปได้ อีกไม่นานก็จะมาเป็นน้องเขยของหนูสิแล้ว เราไม่ลองมาทำความรู้จักกันหน่อยหรือคะ ” ทั้งที่รู้ว่าชยกรสุดแสนจะไม่ชอบหน้าเธอ แต่เธอก็ชอบที่จะกวนให้ชายหนุ่มอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ
“ คุณสิครับ ผมไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับคุณนะครับ ผมขอตัว ” ชยกรสะบัดข้อมืออย่างแรงโดยไม่คิดจะรักษาน้ำใจก่อนจะก้าวเท้ายาวๆออกไปอย่างเร่งรีบ พิชญ์สินีมองตามก่อนจะหัวเราะออกมา ยิ่งไม่อยากยุ่งกับเธอสิ เธอยิ่งอยากจะเข้าไปอยู่ใกล้ๆเขา ยิ่งเป็นคนรักของภวลัญชน์แล้ว เธอยิ่งอยากจะแย่งมาให้ได้
“ อ้าว หนูสิ มาแล้วหรอ ขอโทษทีนะ พอดีหมอพงศ์เหลือคนไข้อีกสองคน ขอเวลายี่สิบนาทีนะครับ เอิ่มม ดื่มน้ำผลไม้เย็นๆรอก่อนนะ เห้ย น้องโจ้ ขอบลูเบอร์รี่โยเกิร์ตปั่นสูตรอร่อยที่สุดในโลกให้คนสวยของฉันหน่อย รอแปปนะครับ เดี๋ยวหมอพงศ์จะรีบวิ่งมา ” พงศกรพาพิชญ์สินีไปนั่งคอยแล้วตะโกนสั่งเครื่องดื่มให้เธอ ก่อนจะกระชับแว่นตาทรงเก๋ให้เข้าที่ แล้ววิ่งไปอีกทางพร้อมกับฟิล์มเอ็กซ์เรย์ในมือ
ยี่สิบนาทีไม่ขาดไม่เกิน พงศกรเดินเข้ามาทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ว่างข้างพิชญ์สินีแล้วพ่นลมหายใจยาวด้วยความเหนื่อยกับงานของเขาทั้งวัน
“ เหนื่อยล่ะสิหมอพงศ์ หนูสิรู้เลยสั่งลาเต้เย็นๆไว้ให้แก้เหนื่อย ดื่มซะหน่อยสิคะ ” พิชญ์สินีจับแก้มที่เต็มไปด้วยเลือดฝาดจนเป็นสีชมพูของพงศกรด้วยความหมั่นเขี้ยวในการชอบทำตัวเป็นเด็กน้อยของเขาก่อนจะเลื่อนแก้วกาแฟเย็นมาให้
“ หนูสิรู้ใจตลอดเลย ขอบคุณนะครับ เห้อออ เหนื่อยจริงโว้ยเป็นหมอเนี่ย รู้อย่างนี้ไม่เชื่อคุณแม่ข้าคณะจิตรกรรมตามความฝันของตัวเองซะดีกว่า หนูสิรู้รึเปล่าว่าวันนี้นะ ตั้งแต่เช้าถ้าไม่นับตอนตรวจคนไข้ ตูดหมอพงศ์แตะเข้าอีกไม่ถึงสิบทีด้วยซ้ำ ” พงศกรบ่นอย่างขำๆ
“ แหม หมอพงศ์ก็ ขนาดเป็นหมอยังอินดี้ขนาดนี้ แล้วถ้าเรียนจิตรกรรมนี่จะอินดี้ขนาดไหนคะ เป็นหมอแหละดีแล้ว คนไข้จะได้อารมณ์ดีเพราะเจอคุณหมอพงศกรคนนี้ไง ” พิชญ์สินีพูด
“ เออใช่ หมอพงศ์สัญญากับหนูสิไว้ว่าเราจะไปทานข้าวด้วยกันนี่นา หนูสิหิวรึยัง ไปกันดีกว่า เดี๋ยวหมอพงศขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแปปนึงนะ ”
เวลาไม่ถึงสิบนาที พิชญ์สินีมองชายหนุ่มที่กำลังขับรถสปอร์ตสุดหรูออกไปบนถนนใจกลางกรุงเทพยามค่ำคืน เมื่อกี้ยังเหมือนคุณหมอเด็กเนิร์ดอยู่เลย ตอนนี้เลิกงานแล้วคุณหมอสุดเนิร์ดก็หายไป เหลือไว้เพียงแค่ร๊อคสตาร์หนุ่มสุดเท่ห์
“มองทำไมนานๆหนูสิ เดี๋ยวก็คิดตังค์ซะหรอก แสดงว่าวันนี้หมอพงศ์หล่อล่ะสิถึงได้มองขนาดนี้ ” พงศกรพูดอย่างอารมณ์ดี พิชญ์สินียิ้มตาม อย่างน้อยเธอก็มีเพื่อนที่แสนดีอย่างพงศกรนี่แหละ เธอเลยไม่เป็นบ้าไปเสียก่อนกับแรงกดดันจากคนรอบตัว
TBC.
ความคิดเห็น