[OS INFINITE] คนบาป 2 {Myungsoo x Seongyeol} FT. GyuWoo - [OS INFINITE] คนบาป 2 {Myungsoo x Seongyeol} FT. GyuWoo นิยาย [OS INFINITE] คนบาป 2 {Myungsoo x Seongyeol} FT. GyuWoo : Dek-D.com - Writer

    [OS INFINITE] คนบาป 2 {Myungsoo x Seongyeol} FT. GyuWoo

    ความสัมพันธ์ของพวกเขา มันคือความรัก ความใคร่ หรือแค่ลุ่มหลงในเรือนกายของกันและกัน ใครกันที่เป็นคนบาป และพวกเขาจะยุติตราบาปเหล่านี้ลงได้หรือไม่

    ผู้เข้าชมรวม

    697

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    697

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    6
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 ต.ค. 59 / 19:52 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    TITLE : [OS] คนบาป 2



    COUPLE : KIMMYUNGSOO x LEESEONGYEOL



    RATE : PG-20



    AUTHOR : NokKy ^^ [ INSPIRIT_L_N ]



    UPDATE : 140810






    คนบาป... 2





     

    BY : INSPIRIT_L_N

     
     
    ความสัมพันธ์ของพวกเขา

    มันคือความรัก ความใคร่

    หรือแค่ลุ่มหลงในเรือนกายของกันและกัน

    ใครกันที่เป็นคนบาป

    และพวกเขาจะยุติตราบาปเหล่านี้ลงได้หรือไม่





    << ภาคต่อของฟิคคนบาป >>






     
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ





      CUT PART

      ^
      ^
      ^
      ^
      ^




      พี่ซองกยู "

       

      หืม ว่าไงเด็กน้อย"

       

      ผมรักพี่นะ"

       

      พี่ก็รักเราเหมือนกัน.............................."

       

       

      V

      V

      V

      V

      V

      V



       

      อูฮยอนอ่า"

       

      ใช่ครับ ทุกคนฟังไม่ผิดหรอก คนที่อยู่ในอ้อมกอดของพี่ซองกยูในตอนนี้ไม่ใช่ "อีซองยอล" ผู้ที่เป็นคนรักของพี่ซองกยู แต่เป็นผมต่างหาก "นัมอูฮยอน"

       

      ทุกคนคงคิดว่าผมและพี่ซองกยูนั้นคบชู้นอกใจคนรักของเราแต่จะใช้คำว่าชู้กับพวกผมสองคนมันก็คงจะไม่ถูกนัก เพราะจะว่าไปแล้วผมนั้นมาก่อนซองยอล ในขณะเดียวกันพี่ซองกยูก็มาก่อนมยองซูเช่นกัน หลายคนคงไม่เข้าใจในสิ่งที่ผมพูด  เอาเป็นว่าผมจะอธิบายให้ฟังล่ะกัน

       

      ผมกับพี่ซองกยูเรารู้จักกันมานานแล้ว เราพบกันครั้งแรกที่นิวยอร์คซึ่งตอนนั้นพี่ซองกยูเดินทางไปดูงานที่นั่น ส่วนผมก็ไปเที่ยวที่นั่นในช่วงเวลานั้นพอดี แค่พบกันครั้งแรกเราก็ตกหลุมรักซึ่งกันและกันก่อนจะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งในเวลาต่อมาอย่างรวดเร็ว  จนสานสัมพันธ์กันต่อเมื่อพวกเรากลับมาที่โซล

       

      แต่ความสุขระหว่างเรามันช่างสั้นนัก เมื่อธุรกิจของครอบครัวพี่ซองกยูประสบปัญหาอย่างหนักและก็ได้ประธานอีผู้เป็นพ่อของซองยอลยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือในทุกๆอย่าง  ดังนั้นต่อมาผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เลยเห็นดีเห็นงามที่จะให้พี่ซองกยูคบหากับซองยอลในที่สุด

       

      พี่ซองกยู "

      ผมเอ่ยเรียกพี่ซองกยู ร่างเปลือยเปล่าของเรายังคงแนบชิดอยู่อย่างนั้น

       

      หืม....ว่าไงเด็กน้อย"

      พี่ซองกยูจ้องตาเรียวเล็กมาที่ผม  มือหนายังคงลูบไล้ไปตามเรือนร่างของผม

      ระหว่างอูฮยอนกับซองยอล พี่ชอบ.....เอ่อ.....ใครมากกว่ากัน"

      ผมเอ่ยปากถามพี่ซองกยูอย่างเขินอายถึงเรื่องเปรียบเทียบบทรักระหว่างผมกับซองยอล  หลายๆครั้งที่ผมแอบหวั่นไหวกลัวว่าพี่ซองกยูจะหลงใหลในตัวของซองยอลมากกว่าผม  แค่คิดมันก็เจ็บเหลือเกิน

       

      ถามอะไรแบบนั้น หืม "

       

      ก็อูฮยอนอยากรู้นี่น่า"

      ผมมองหน้าเขาอย่างอ้อนๆอยากรู้

       

      อูฮยอนอ่า ก็ต้องเป็นนายสิ สุดที่รักของพี่"

      พี่ซองกยูเอ่ยตอบก่อนจะรั้งร่างผมในอ้อมกอดเข้ามาใกล้กดจูบลงไปบนหน้าผากนวลนั้นอย่างแผ่วเบา

       

      แน่ใจนะ "

      ผมถามย้ำอีกครั้งเพื่อต้องการความมั่นใจ

       

      แน่ใจสิ  เราก็รู้ว่าสำหรับพี่แล้วการคบกับซองยอลมันก็แค่ผลประโยชน์เท่านั้น  มันเป็นความต้องการของครอบครัวพี่ที่พี่ขัดไม่ได้"

      พี่ซองกยูเอ่ยอย่างจริงจังเพื่อให้ผมรู้สึกมั่นใจ

       

      ก็ผมกลัว ซองยอลออกจะน่ารักขนาดนั้น ผมกลัวพี่จะเปลี่ยนใจ"

      ผมพูดแบบนั้นเพราะผมกลัวจริงๆนะ  ซองยอลเป็นคนน่ารักทั้งหน้าตาและนิสัย  ซ้ำยังเพียบพร้อมไปซะทุกๆอย่าง  จะไม่ให้ผมกลัวได้อย่างไรกัน

       

      อูฮยอนอ่า คนที่พี่รักมีอูฮยอนเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่ากลัวไปเลย"

      พี่ซองกยูเอ่ยพร้อมยิ้มอ่อนโยนให้ผม

       

      “ แล้วอูฮยอนล่ะ พี่กับมยองซูใครร้อนแรงกว่ากัน"

      พี่ซองกยูเอ่ยถามผมบ้าง

       

      “ มยองซู"

      ผมเอ่ยตอบไปในทันที พี่ซองกยูมองผมด้วยสายตาน้อยใจเมื่อได้ยินคำตอบนั้น ก่อนที่ผมจะต้องเสียเวลาในการง้องอนคนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดเขาเพราะการล้อเล่นของผมผมรีบเอ่ยกับพี่ซองกยูต่อออกไปในทันที

       

      “ มยองซูเขาก็แค่ร้อนแรง แต่กับพี่ผมสำลักความสุขจนแทบจะขาดใจตายแล้ว"

      ผมเอ่ยพร้อมเอื้อมมือไปลูบไล้ใบหน้าหล่อเบาๆอย่างเอาใจ

       

      " พูดแบบนี้อยากจะสำลักความสุขอีกซักรอบไหมล่ะ "

      พี่ซองกยูหรี่ตายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม

       

      พี่คิดว่าผมกลัวหรอ" ผมตอบกลับไปพร้อมส่งสายตายั่วยวนท้าทายไปให้

       

      นายท้าพี่เองนะเด็กน้อย "

      พี่ซองกยูมองผมด้วยสายตาที่ร้อนแรงราวกับจะกลืนกินผมลงไปทั้งตัว

       

      ไม่ได้ท้า แค่อยากพิสูจน์ แต่อย่าทำรอยล่ะ ผมขี้เกียจหาข้ออ้างโกหกมยองซู"

       

      ก็ใช้วิธีแบบซองยอลสิ"

       

      เหอะ!!!  วิธีงี่เง่านั่นนะหรอ มีแต่เด็กน้อยอย่างซองยอลใช้เท่านั้นแหละ"

       

      ผมเอ่ยออกมาเมื่อนึกถึงซองยอลผมกับพี่ซองกยูไม่ได้โง่นะที่จะมองไม่ออกว่าซองยอลพันผ้าพันคอหนาเตอะทั้งๆที่อากาศก็เริ่มร้อนแล้วไปทำไมกันถ้าไม่ใช่ต้องการที่จะปกปิดร่องรอยอะไรบางอย่างบนซอกคอขาวของเจ้าตัวนั่น

       

      แต่พี่อยากทำนี่น่า " พี่ซองกยูยิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผม

       

      แต่ว่า..."ผมลังเลเล็กน้อย

       

      เดี๋ยวนี้อูฮยอนเห็นมยองซูสำคัญกว่าพี่แล้วหรอ น่าน้อยใจจริงๆ"

      พี่ซองกยูทำสีหน้าน้อยใจ

       

      เปล่านะ สำหรับอูฮยอนแล้ว พี่ซองกยูสำคัญที่สุด มยองซูก็แค่ผู้ชายที่เป็นเหมือนสะพานพาอูฮยอนมาเจอกับพี่กยูก็เท่านั้น"

      ผมรีบบอกเขา พี่ซองกยูยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของผม

       

      พูดได้น่ารักมาก แบบนี้พี่คงต้องให้รางวัลซะหน่อยล่ะ"

       

      พี่ซองกยูเอ่ยพร้อมส่งแววตากระหายมาให้ผม ผมรู้งานโดนที่พี่ซองกยูไม่ต้องเอ่ยอะไรออกมาอีกผมเอื้อมแขนของผมไปโอบรอบคอพี่ซองกยูไว้แล้วรั้งใบหน้าหล่อเข้ามารับจูบจากผม เรามัวเมากับรสจูบของกันและกันอยู่เนิ่นนานก่อนจะเริ่มต้นบทรักบทใหม่ที่ร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง

       

      ส่วนเรื่องที่ผมใช้มยองซูเป็นสะพานนั้นเป็นความจริงทุกๆอย่าง  เพราะหลังจากที่ผมเป็นฝ่ายเดินออกมาจากชีวิตพี่ซองกยูเพื่อหลีกทางให้พี่ซองกยูคบกับซองยอล ผมพยายามที่จะตัดใจจากเขาแต่ผมก็ทำไม่ได้การลืมใครที่เรารักมากไปซักคนมันช่างยากเย็นเหลือเกิน  แล้ววันหนึ่งผมก็ได้พบกับมยองซูโดยบังเอิญและเมื่อได้รู้ว่าเขาเกี่ยวข้องยังไงกับพี่ซองกยู ผมก็ตอบรับคบหากับมยองซูในทันทีโดยไม่ลังเล

       

      ผมอาจดูเหมือนคนโง่ที่ยอมทำทุกวิธีทางแม้กระทั่งยอมมอบกายให้กับคนที่ไม่ได้รัก  เพียงแค่จะได้เห็นหน้าพี่ซองกยูเท่านั้น พี่ซองกยูดูตกใจมากเมื่อได้พบผมอีกครั้ง ผมแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเขาและเขาเองก็แกล้งทำเป็นไม่รู้จักผมเช่นกันตามที่ผมต้องการ

       

      แต่สุดท้ายเราสองคนก็ทนต่อเสียงหัวใจที่ร่ำร้องหากันไม่ได้ เราแอบพบกันและแอบมีความสัมพันธ์กันอย่างหลบๆซ่อนๆ ในช่วงแรกๆนั้นผมและพี่ซองกยูต่างรู้สึกผิดต่อมยองซูและซองยอลเหมือนกัน มันดูเป็นการโหดร้ายเกินไปที่พวกผมจะลากพวกเขาสองคนที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยเข้ามาในวังวนแห่งความปรารถนาของผมและพี่ซองกยู

       

      แต่แล้ววันหนึ่งผมกับพี่ซองกยูก็คิดผิด เมื่อเราสองคนจับได้ว่ามยองซูและซองยอลแอบลักลอบมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวต่อกัน  แต่เราก็แกล้งทำเป็นเฉย  แกล้งเป็นคนโง่ในสายตาพวกเขา  เพราะอะไรงั้นหรอก็เพราะว่าผมกับพี่ซองกยูจะได้หาโอกาสพบกันได้ง่ายขึ้นยังไงล่ะ ซ้ำผมสองคนก็จะได้ไม่ต้องรู้สึกผิดต่อคนรักของเราอีกต่อไป

       

      ผมกับพี่ซองกยูมักใช้เวลาที่มยองซูและซองยอลโกหกเราเพื่อลอบพบกันเป็นโอกาสสำคัญให้เราสองคนได้นัดพบกันไปด้วย  อย่างวันนี้ก็เช่นกันจริงๆแล้วมันคือแผนของพี่ซองกยูและผมเองต่างหากล่ะ  เมื่อพี่ซองกยูโทรมาบอกผมว่าเขานัดซองยอลไว้ที่ร้านอาหารร้านนั้น  ผมก็ไม่รอช้าที่จะต่อสายไปหามยองซูอ้อนเขาว่าอยากมาทานอาหารที่ร้านนี้  แค่นั้นเราทั้งสี่คนก็ได้มารวมตัวกันที่ร้านอาหารนั้นจนดูคล้ายเรื่องบังเอิญ  ผมนั้นรู้ทันมยองซูอยู่แล้วว่าคนอย่างมยองซูถ้าได้เจอหน้าซองยอลแล้วเขาต้องหาเรื่องออกไปกับซองยอลแน่ๆ  แต่ว่ามยองซูกลับใจร้อนกว่าที่ผมคิดเยอะ  ภายใต้ผ้าคลุมโต๊ะมิดชิดนั้นคิดหรอว่าผมกับพี่ซองกยูจะมองไม่ออกว่าคนทั้งคู่กำลังแอบทำอะไรกัน แค่มองสีหน้าของซองยอลพวกผมก็อ่านออกแล้ว  ผมกับพี่ซองกยูก็เลยแกล้งคุยนู้นคิดนี่เปิดโอกาสให้พวกเขาได้ทำอะไรกันสมใจ  สุดท้ายหลังจากซองยอลและมยองซูออกไปจากร้านอาหารแล้ว  ก็เป็นโอกาสของผมและพี่ซองกยูที่พากันออกมาหลังจากนั้น

       

      ผมกับมยองซูเรามีความสัมพันธ์กันค่อนข้างบ่อยเพราะมยองซูเป็นคนที่มีความต้องการในเรื่องพวกนี้ค่อนข้างสูงกว่าปกติดังนั้นผมจึงขอร้องไม่ให้พี่ซองกยูทำรอยบนร่างของผมเพื่อไม่ให้มยองซูสงสัย จนพี่ซองกยูก็อดที่จะน้อยใจผมไม่ได้ในหลายๆครั้ง  ที่ผมต้องทำแบบนั้นเพราะไม่อยากให้มยองซูจับได้ผมยังต้องพึ่งพามยองซูเอาไว้ก่อนในเมื่อพี่ซองกยูเองก็ไม่สามารถเลิกกับซองยอลได้เพราะเรื่องธุรกิจและครอบครัว  มันก็คงมีแต่วิธีนี้วิธีเดียวแล้วที่พวกเราสองคนจะได้ใกล้ชิดกันโดยที่ไม่มีใครสงสัย

       

      จะว่าไปแล้วมยองซูเองก็เป็นผู้ชายที่แทบจะไม่มีที่ติอันใดหากผมจะคบหากับเขา เขาทั้งหน้าตาดี ครอบครัวก็ร่ำรวย ไหนจะบทรักของมยองซูที่ค่อนข้างเร่าร้อนผมยอมรับว่าในหลายๆครั้งผมแอบหวั่นไหวสุขสมไปกับบทรักของเขาแต่มันก็แค่ความใคร่ แค่เรื่องบนเตียง  แต่เรื่องหัวใจมันคนละเรื่องกัน เพราะหัวใจของผมมันมีแค่พี่ซองกยูคนเดียวเท่านั้น

       

      ในบางครั้งผมก็แอบสงสารมยองซูเหมือนกันนะที่เขาเพียรพยายามโกหกผมด้วยวิธีโง่ๆอย่างเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ที่เขาใช้มุกโทรศัพท์โทรหาตัวเองเพื่อหาทางออกไปพบซองยอล เขาคงคิดว่าผมโง่มากสินะที่ไม่ทันความเจ้าเล่ห์ของเขา ผมก็แค่แกล้งโง่เพื่อจะได้ออกมากับพี่ซองกยูก็เท่านั้นช่างน่าสงสารจริงๆ

       

      ผมเดินลงมาจากคอนโดพี่ซองกยูอย่างเหนื่อยอ่อน จะไม่ล้าและเพลียได้อย่างไร ก็พี่ซองกยูรักผมไปไม่รู้ตั้งกี่รอบจริงๆพี่ซองกยูจะไปส่งผมถึงคอนโดแต่ติดที่แม่ของเขาโทรมากะทันหันว่าจะมาหาที่คอนโดค่ำนี้  ผมเลยต้องรีบออกมาก่อนส่วนพี่ซองกยูต้องอยู่รอรับหน้าแม่ของเขา หลายคนคงคิดว่าผมและพี่ซองกยูนั้นกล้ามากเกินไปที่ใช้คอนโดเป็นรังรักของเรา ไม่หรอกครับ ไม่ค่อยมีใครมาที่คอนโดพี่ซองกยูบ่อยนักไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของเขาหรือแม้แต่ซองยอลเองก็มาที่นี่แทบนับครั้งได้และในแต่ละครั้งที่มาซองยอลมักจะบอกพี่ซองกยูล่วงหน้าเสมอเป็นปกตินิสัย

       

      แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเท้าแล้วพาร่างตัวเองหลบซ่อนเมื่อสายตาสบเข้ากับร่างของผู้เป็นแม่ของพี่ซองกยูกำลังเดินมาข้างกายนั้นมีร่างบางของซองยอลเดินคุยกันมาด้วย ใบหน้าของแม่พี่ซองกยูเต็มไปด้วยรอยยิ้มยามพูดคุยกับคนข้างๆ  ผมมองภาพนั้นด้วยความเจ็บปวด มันเจ็บที่ใจจนรู้สึกชา ผมรู้สึกอิจฉาซองยอลเหลือเกินนอกจากเขาจะได้ครอบครองตัวพี่ซองกยูแล้วซองยอลยังได้หัวใจของคนในครอบครัวพี่ซองกยูไปอีก ผมขับรถกลับมาที่คอนโดของตนเองทั้งน้ำตา มันเจ็บ  เจ็บเหลือเกินที่เหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินของพวกเขาผมปาดน้ำตาตัวเองทิ้งจนหมดกลับมาเป็นคนที่เข้มแข็งเหมือนเดิม ในเมื่อผมเลือกที่จะเดินเส้นทางนี้ ผมก็ต้องยอมรับกับโชคชะตาและความทรมาณพวกนี้มันให้ได้

       

      ผมเปิดประตูคอนโดพาร่างตนเองเข้าไปด้านในก่อนจะปิดลงแต่แล้วก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อถูกโอบกอดจากด้านหลัง แผ่นหลังผมแนบชิดกับเจ้าของอ้อมกอดนั้นอะไรบางอย่างนูนดันอยู่ตรงสะโพกด้านหลังของผมใบหน้าของคนด้านหลังคลอเคลียอยู่ตรงใบหูและซอกคอของผมไปมา ผมพอตั้งสติได้ผมก็พอรู้ว่าคนที่ผมอยู่ในอ้อมกอดคือใครสัมผัสที่แสนคุ้นเคยไม่น้อยไปกว่าสัมผัสที่คุ้นเคยของพี่ซองกยู

       

      มยองซู " ผมเอ่ยเรียกชื่อเขา

       

      คิดถึงจัง รอตั้งนาน ไปไหนมาหรอ"

      มยองซูเอ่ยถามผม  มือหนาเริ่มซุกซนรุกล้ำไปตามร่างกายของผม

       

      ไปช็อปปิ้งมา แล้วที่โรงงานโอเคแล้วหรอ"

       

      โอเคแล้ว "

       

      มยองซูตอบผมก่อนจะรั้งร่างผมให้แนบชิดร่างเขามากยิ่งขึ้นจนอะไรบางอย่างของเขาดุนดันที่สะโพกของผมมากกว่าเดิม ริมฝีปากหยักของเขาเริ่มขบเม้มตามใบหูและซอกคอของผมไปมาจนผมเสียววาบในอก

       

      ไม่เอาน่ะมยองซู วันนี้อูฮยอนรู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเลย"

      ผมปฎิเสธเขาไป แค่พี่ซองกยูเพียงคนเดียวผมกลับมาถึงคอนโดได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว ถ้าวันนี้เพิ่มมยองซูเข้าไปอีกคนผมมีสิทธิ์ตายได้เลยนะ

       

      นะ อูฮยอนนะ ฉัน.....ไม่ไหวแล้ว"

      มยองซูกระซิบข้างหูผมด้วยเสียงกระเส่าบ่งบอกถึงความต้องการที่มีอย่างมากล้น ไหนจะส่วนสัดตรงนั้นของมยองซูที่ยังคงดุนดันสะโพกด้านหลังผมไม่หยุดที่เป็นตัวช่วยในการยืนยัน

       

      ม่ะ ไม่...เอา"

      ผมพยายามเอ่ยปากห้ามมยองซู แต่ไม่เป็นผมสำเร็จ มยองซูรั้งตัวของผมเข้ามาที่ห้องรับแขกแล้วกดผมลงนอนราบไปกับพื้นพรมแล้วทาบทับร่างของตนลงมา



      CUT PART

      ^
      ^
      ^
      ^
      ^



       

      เวลาผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหนผมไม่อาจนึกได้เพราะหลังจากบทรักครั้งที่เท่าไรไม่รู้จบลงผมก็หลับสนิทไปโดยไม่รู้ตัว  ไม่รู้ตัวแม้กระทั่งมยองซูพาผมมานอนที่เตียงนอนเมื่อลืมตาตื่นมาได้ผมก็ลากสังขารร่างกายที่แทบจะแตกดับเข้าไปในห้องน้ำโดยที่มยองซูยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียงข้างๆผม  ผมเปิดน้ำจนเต็มอ่างอาบน้ำก่อนจะลากร่างที่ปวดร้าวไปทั้งสะโพกลงไปแช่ในอ่างอาบน้ำนั่น

       

      " โอ๊ยยยยย "

       

      ผมร้องลั่นออกมาด้วยความเจ็บปวดเมื่อสะโพกด้านหลังสัมผัสกับพื้นแข็งๆของอ่างอาบน้ำผมร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น เจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจจนแทบทนไม่ไหว  ซ้ำยังรู้สึกสมเพชเวทนาในชีวิตตัวเองเสียเหลือเกิน

       

      หลังจากที่ปลดปล่อยหยาดน้ำตาไปกับสายน้ำจนสาแก่ใจ ผมก็สวมชุดคลุมอาบน้ำลากร่างตัวเองออกมาจากห้องน้ำ มยองซูไม่ได้นอนอยู่ที่เตียงแล้วพลันผมได้ยินเหมือนเสียงของมยองซูกำลังพูดคุยกับใครบางคนอยู่ภายในห้องรับแขก ด้วยความอยากรู้ที่มีมากกว่าร่างกายที่วิงวอนอยากจะพักผ่อน ผมจึงเปิดประตูห้องนอนพาร่างกายตรงไปยังห้องรับแขกโดยเคลื่อนไหวตัวเองให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้มยองซูรู้ตัว

       

      " นี่ เสียงเบาๆหน่อยสิ เดี๋ยวอูฮยอนก็ได้ยินหรอก”

      เสียงนั่นเสียงช่างเหมือนซองยอลเหลือเกิน

       

      " ป่านนี้อูฮยอนอาบน้ำเสร็จสลบคาเตียงไปแล้วมั้ง  ก็ฉันจัดไปตั้งหลายยก"

      มยองซูเอ่ยพร้อมกับหัวเราะ

       

      " หึ มีความสุขมากสินะ หมั่นไส้"

      เสียงหวานๆซองยอลแว่วมาอีกครั้งย้ำความแน่ใจของผม ผมขยับตัวเข้าไปใกล้อีกนิดก็ได้คำตอบ มยองซูกำลังเฟสไทม์กับซองยอลอยู่นั่นเอง

       

      " ก็ใครกันล่ะ ตัวเองสบายตัวไปคนเดียว พอคุณอาโทรมาหน่อย นายก็ทิ้งฉันไปกลางคัน อารมณ์ฉันมันค้างเติ่งแค่ไหน นายรู้ไหม  ถ้าไม่ได้อูฮยอนนี่แย่เลย"

      ผมกัดริมฝีปากตัวเองแน่น  รู้สึกโกรธกับคำพูดพวกนั้น  นี่ที่มยองซูกระหายระบายอารมณ์ลงกับเรือนร่างของผมไม่ยั้งก็เพราะอารมณ์ค้างกับซองยอลมา

       

      “ สมน้ำหน้า อยากหื่นดีนัก ก็แม่พี่ซองกยูเขาอยากให้ฉันไปช่วยเลือกของให้ลูกชายเขา "

       

      “ นายไม่ไปคุณอาเขาก็เลือกได้ อยากจะไปหาพี่ซองกยูก็บอกมาสิ"

       

      ถ้าใช่แล้วจะทำไม วันนี้ฉันมีเดทกับพี่ซองกยูแท้ๆ ใครกันล่ะหื่นไม่รู้เวลา ร้านอาหารก็ไม่เว้น"

       

      “ แล้วตื่นเต้นดีไหมล่ะ  พรุ่งนี้ว่างม่ะ เราไปต่อที่ค้างๆกันเถอะ"

       

      น้อยๆหน่อยหัดเกรงใจอูฮยอนบ้าง หื่นให้มันน้อยๆหน่อย"

       

      ก็เกรงใจอยู่ แต่นายมันน่ากลืนกินทั้งตัวขนาดนี้นี่น่าซองยอล  ใครมันจะอดใจไหว"

       

      พอเลยๆ ไหนบอกรักนัมอูฮยอนนักหนาไง ดูพูดเข้าถ้าอูฮยอนได้ยินจะรู้สึกยังไง"

       

      ฉันไม่ได้รักอูฮยอนอูฮยอนเขาแค่น่าสงสาร  ไม่รู้สิเวลาฉันมองตาเขาแล้วอดสงสารเขาไม่ได้ ”

       

      “ จะบ้าหรอ  ใครเขาคบกันเพราะความน่าสงสาร ”

       

      “ ฉันพูดจริงๆ แล้วนายล่ะรักพี่ซองกยูบ้างไหม ”

       

      “ ไม่รู้สิ  ตอบไม่ได้  แค่รู้สึกดีและผูกพันมั้ง ”

       

      “ ถ้างั้นทำไมนายไม่เลิกกับพี่ซองกยูแล้วมาคบกับฉันแทนล่ะ ”

       

      “ เป็นไปไม่ได้หรอก  พี่ซองกยูไม่ได้ผิดอะไรฉันทิ้งเขาไม่ได้หรอกอีกอย่างถ้าทำอย่างนั้นแล้วอูฮยอนล่ะ นายจะทิ้งอูฮยอนมาคบกับฉันได้จริงหรอ ”

       

      มยองซูนิ่งคิดไปกับคำตอบนั้นไปชั่วอึดใจ  ผมแอบลุ้นกับคำตอบนั้น  ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รักแต่ผมก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าช่วงเวลาที่ผมคบกับมยองซูนั้นมันก็มีความผูกผันต่อกันไม่น้อย

       

      “ ไม่ได้เหมือนกัน  ฉันก็ทิ้งอูฮยอนไม่ได้ ”

      มยองซูตอบซองยอลไปแบบนั้น  ผมแอบรู้สึกดีอยู่ในใจ  อย่างน้อยมยองซูก็ยังรู้สึกผูกผันกับผม  อย่างน้อยผมก็ยังมีค่ากับเขาถึงแม้จะเป็นแค่ความสงสารก็เถอะ

       

      “ แต่ฉันชอบนายจริงๆนะซองยอล  ไม่เคยชอบใครเท่านายเลย ”

      อยู่ๆมยองซูก็เอ่ยโพล่งออกมา  ผมชะงักเท้าที่กำลังจะก้าวเดินกลับเข้าห้องนอนลง  ก่อนจะหยุดนิ่งฟังคำพูดของคนทั้งสองต่อ

       

      “ นายแอบกินเหล้ามาเปล่าเนี่ย  เมาแล้วพูดอะไรออกมารู้ตัวหรือเปล่า ” 

      เสียงซองยอลตอบมาอย่างไม่เชื่อ

       

      “ เปล่า  ฉันพูดจริงๆนะ  แรกๆระหว่างเรามันเกิดขึ้นเพราะเรื่องอย่างว่า  แต่นับวันฉันก็เริ่มรู้สึกว่าฉันขาดนายไม่ได้แล้ว  ซองยอล ”

       

      “ มยองซู  นายต้องแยกให้ออกนะ  นายขาดฉันไม่ได้เพราะอะไรกันแน่  เพราะฉันจริงๆหรือแค่ร่างกายฉัน ”

       

      “ แล้วถ้าฉันตอบว่าเพราะนายล่ะ  นายจะเปลี่ยนใจมาคบกับฉันไหม ”

       

      ซองยอลนิ่งเงียบไปกับคำถามนั้น  ผมลุ้นกับคำตอบของซองยอลเพราะหากว่าซองยอลตอบตกลง  นั่นก็หมายความว่าพี่ซองกยูจะเป็นอิสระจากซองยอลในทันที

       

      “ ไม่ได้  ยังไงก็ไม่ได้ ”

      ซองยอลตอบคำถามนั้นในที่สุด  ผมแอบเสียใจกับคำตอบที่ผมก็รู้ว่ามันคงเป็นไปได้ยาก

       

      “ คงเป็นอย่างนั้นสินะ  ฉันควรจะรู้ตั้งแต่ก่อนถามล่ะ  แล้วนายล่ะเคยชอบฉันบ้างไหม ”

      เสียงมยองซูดูเบาลงไปแทบไม่ได้ยิน

       

      “ ชอบในความหมายนายคืออะไรล่ะ  รู้สึกดีเมื่อเจอกัน  คิดถึงยามไม่เห็นหน้า  เป็นห่วงอีกคนแบบไม่มีเหตุผล  แอบไม่พอใจเวลานายอยู่กับคนอื่นทั้งๆที่ไม่มีสิทธิ์  แบบนี้เรียกว่าชอบหรือเปล่า  ถ้าใช่ก็คงแปลว่าฉันชอบนายเข้าจริงๆ ” 

       

      “  แต่มันจะมีประโยชน์อะไรล่ะมยองซู  ในเมื่อตอนนี้เราสองคนต่างมีเจ้าของกันแล้ว  เราเปลี่ยนอะไรไม่ได้อีกแล้ว”  เสียงซองยอลเศร้าลงไปถนัดใจ

       

      “ เราคงเจอกันช้าไปใช่ไหมซองยอล ”

       

      “ เราไม่ควรเจอกันตั้งแต่แรก  แล้วทำให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาเลยต่างหาก  สิ่งที่เรากำลังทำอยู่มันเป็นบาปนะมยองซู ”

       

      “ ฉันรู้  แต่ฉันก็พร้อมที่จะทำบาปถ้าเป็นนาย  แล้วนายล่ะซองยอล  ยังอยากจะทำบาปกับฉันอยู่ไหม ”

       

      “ ฉันไม่รู้ว่าผลกรรมที่เราจะได้รับมันจะเป็นยังไง  จะทุกข์ทรมาณหนักหนาสาหัสซักแค่ไหน  แต่ฉันก็พร้อมที่จะยอมรับโทษพวกนั้นไปพร้อมๆกับนาย  มยองซู ”

       

      ผมเดินหนีออกมาจากตรงนั้นตรงกลับมาที่ห้องนอนของตัวเอง  ยอมรับว่าทนฟังคำพูดพวกนั้นต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว  เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกเศร้าใจไปกับความสัมพันธ์หลบซ่อนของมยองซูและซองยอล  ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมยอมรับว่าเคยโกรธและเกลียดพวกเขาที่ทำอะไรกันลับหลังเหมือนผมเป็นคนโง่โดยไม่ย้อนดูตัวเองเลยว่าผมและพี่ซองกยูเองก็ไม่ได้ต่างจากคนทั้งคู่เลย  จริงอยู่ที่ผมและพี่ซองกยูอาจจะคบหากันมาก่อน  แต่ในเมื่อเราทั้งคู่ต่างเลิกรากันไปแล้วและต่างมีคนรักใหม่  ดังนั้นสิ่งที่ผมและพี่ซองกยูกำลังทำก็เลวและบาปไม่ได้น้อยไปกว่าสิ่งที่มยองซูและซองยอลทำเลย  ผมและพี่ซองกยูก็เป็นฝ่ายที่สวมเขาให้พวกเขาด้วยเช่นกัน  ผมพยายามไม่ยอมรับว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่คือการคบชู้จนไปยกข้ออ้างที่ผมและพี่ซองกยูมาก่อนซึ่งมันเป็นข้ออ้างที่ช่างงี่เง่ายิ่งนัก

       

      ผมทรุดตัวลงนั่งบนเตียง  ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาชะล้างความผิดบาปที่อยู่ในใจ  ผมเหลือบมองแท่งแม่เหล็กลายสวยที่บรรจุในกล่องวางบนโต๊ะข้างเตียง  ผมชอบลายเพ้นท์ของมันซึ่งดูเก๋และสวยดีจึงซื้อมาเก็บไว้  ผมเอื้อมมือหยิบมันขึ้นมาดูจากกล่อง  น่าแปลกตั้งแต่ผมซื้อมันมาทั้งชุดพึ่งสังเกตเห็นว่ามันมีอยู่สี่ชิ้น  สองชิ้นแรกเป็นสีน้ำเงิน มีลายเขียนต่อกัน อีกสองชิ้นเป็นสีแดงมีลายเขียนต่อกันเช่นกันแต่น่าแปลกที่ทั้งสี่อันกลับสลับคู่ทั้งสีและลายอยู่  แม่เหล็กติดกันด้วยแรงดึงดูดระหว่างกัน  ผมลองหยิบอันที่เป็นสีแดงสองชิ้นเปลี่ยนมาจับคู่ให้ติดกันปรากฎว่ามันผลักออกจากกัน  ผมจึงลองหยิบอันที่เป็นสีน้ำเงินสองชิ้นมาทดลองบ้างผลปรากฎว่ามันก็ผลักกันเช่นกัน  หลังจากนั้นผมจึงลองเปลี่ยนเป็นเอาสีน้ำเงินกับสีแดงอย่างละชิ้นมาติดกันเหมือนเดิมปรากฎว่ามันติดกันสนิททั้งๆที่ลายบนแม่เหล็กไม่ได้ต่อเนื่องกัน  แล้วเมื่อลองทำกับอีกสองชิ้นที่เหลือมันก็ติดกันเช่นกัน

       

      ผมมองแม่เหล็กในมือนิ่งอยู่นาน  คนที่ทำกล่องแม่เหล็กชุดนี้เหมือนจะบอกความนัยอะไรบ้างอย่างซ่อนอยู่  แม่เหล็กสี่อันนี้คงจะเหมือนกับชีวิตของผม  พี่ซองกยู  มยองซูและซองยอลสินะ  สีที่เหมือนกันและลายที่เหมือนกันคือความรู้สึกในใจที่มีต่อกันและตรงกันระหว่างผมกับพี่ซองกยู  มยองซูและซองยอล  แต่เรากลับไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้เพราะเราจะถูกผลักออกจากกันอยู่ตลอดเวลาเหมือนแม่เหล็กพวกนั้น  แต่ถ้าหากเราสลับไปอยู่กับอีกคนนึงเหมือนแม่เหล็กที่ต่างสีลายไม่ต่อเนื่องอยู่ด้วยกัน  เราก็จะอยู่ด้วยกันได้โดยไม่มีแรงผลักดันใดๆภายในกล่องๆนั้น  เหมือนชีวิตของพวกผมสี่คนที่ต้องสลับขั้วกันแบบนี้กันต่อไป

       

      หากการกระทำของมยองซูและซองยอลคือการทำบาป

       

      ผมกับพี่ซองกยูก็คงทำบาปนั้นมากมายไม่ต่างกัน

       

      หากมยองซูกับซองยอลต้องยอมรับต่อโทษทัณฑ์ที่พวกเขาได้ทำด้วยกัน

       

      ผมกับพี่ซองกยูก็พร้อมที่จะยอมรับต่อโทษทัณฑ์ที่เราสองคนได้ทำไว้เช่นกัน

       

      หากมยองซูและซองยอลคือคนบาป

       

      ผมและพี่ซองกยูก็คือคนบาปเช่นกัน

       

      แต่ถึงรู้ว่ามันเป็นบาป  ถึงรู้ว่าจะต้องรับผลกรรมที่แสนสาหัส

       

      แต่ผมก็พร้อมที่จะจับมือพี่ซองกยูเอาไว้ยอมผิดบาปไปด้วยกัน

       

      แล้วคุณล่ะ  คุณจะยอมเป็นคนบาปเหมือนพวกผมสี่คนไหม

       

      คุณยังมีทางเลือกมากมายให้ได้เลือกเดิน

       

      อย่าปล่อยให้ความรักมาทำให้คุณหลงผิดมองไม่เห็นว่าอะไรดีหรือชั่ว

       

      อย่าปล่อยให้ความรักมาบดบังสามัญสำนึกที่คุณมีไปจนหมดสิ้น

       

      ความรักอาจทำให้คุณเปี่ยมไปด้วยความสุข

       

      แต่ความรักก็อาจทำให้คุณทุกข์ทรมาณดั่งตายทั้งเป็น

       

      อย่าให้ความรักทำร้ายพวกคุณเหมือนที่กำลังทำร้ายพวกผมสี่คนอีกเลย







       

       << END >>






      TALK...

      ฟิคเรื่องนี้เป็นฟิคภาคต่อจากฟิคเรื่องคนบาปนะ
      บางคนอาจจะเคยอ่านในบอร์ทอินฟินิทไทยแลนด์มาแล้ว
      ตอนแรกเรากะว่าจะไม่ลงเรื่องนี้ในเด็กดีเพราะภาคที่แล้วโดนแบนไป
      แต่มาคิดๆดูแล้วให้มาอยู่ด้วยกันดีกว่าเนอะ
      ฟิคแค่ติดเรทนิดหน่อยนะคะ เราตัดส่วนที่เรทออกไปเพื่อไม่ให้โดนแบน
      อาจทำให้อ่านไม่รู้เรื่อง ใครอยากอ่านเวอร์ชั่นเต็มล่ะก็
      เมนชั่นมาขอลิ้งก์บล็อกเราได้ที่
      Twitter





          

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×