คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : นิทานเรื่องที่หก - เทียนา
Tiana
ซองยอลและคุณแม่กำลังเดินเล่นอยู่ในห้างใหญ่ และแน่นอนว่าเป็นในร้านหนังสือชื่อดังอีกทีหนึ่ง ร่างเล็กๆวิ่งวนไปมาบริเวณรอบๆชั้นวางหนังสือนิทาน หน้าปกลวดลายสวยงามหลากหลายสีสันวางเรียงกันเป็นแถว ความสนใจของซองยอลจึงพุ่งไปที่หนังสือพวกนั้นจนไม่ทันระวังตัว เป็นอีกครั้งที่ซองยอลล้ม… แต่ครั้งนี้ไม่มีคนมาเห็นเหมือนเช่นครั้งก่อน ไม่มีใครช่วย ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องเล็กๆของเด็กน้อย ปากสีชมพูสดเบะออกจากกัน น้ำตาคลอหน่วยเตรียมจะร้องไห้หาคนเป็นแม่แต่ก็นึกถึงคำสอนของมารดาที่บอกว่าห้ามเสียงดังในร้านหนังสือจึงทำเพียงนั่งกุมหัวเข่าที่ถลอกเล็กน้อยเอาไว้พร้อมกับปล่อยให้น้ำตาไหลลงมา
ซองยอลเจ็บ .. แม่ฮะ
“อ้าว เจออีกแล้ว”เสียงคุ้นหูดังขึ้นด้านบนศีรษะ ซองยอลเงยหน้าขึ้นมองแต่ถาพกลับเบลอเพราะน้ำตาที่ไหลลงมาเสียอย่างนั้น
“ล้มอีกแล้วหรอเนี่ย คุณแม่อยู่ไหนครับ”มืออุ่นทั้งสองข้างค่อยๆอุ้มตัวซองยอลขึ้นโดยที่คนตัวเล็กกว่าไม่ได้ขัดขืน หัวทุยสะบัดไปมาเพื่อตอบคำถามของผู้มาใหม่
“คุณแม่ใส่เสื้อสีอะไรครับ”
“สีขาว..ฮึก ออมม่าใส่เสื้อสีขาว”คำตอบของน้องเล่นเอาคนที่อุ้มอยู่เหงื่อตก ในร้านนี้น่ะไม่ได้มีผู้หญิงใส่เสื้อสีขาวเพียงแค่คนหรือสองคนหรอกนะ เยอะแยะจะตายไป เอาล่ะ.. จะเอาอะไรกับเด็กตัวเล็กๆกันเนาะ
“คุณแม่ชอบถักนิตติ้งไหมครับ”ส่งคำถามไปอีกครั้งเผื่อแจ๊คพอตว่าถูกจะได้พาไปที่โซนหนังสือแนวๆนั้น แล้วนี่คุณแม่ของเด็กคนนี้ไม่ห่วงลูกบ้างหรือยังไงนะ ทิ้งให้อยู่คนเดียวเรื่อยเลย ถ้าลูกหายขึ้นมาจะทำยังไงกัน ไม่เข้าใจจริงๆ
“คุณแม่ชอบถักไหมพรม”เสียงเล็กขึ้นจมูกตอบ เขาล่ะอยากจะถอนหายใจออกมาแรงๆ มันก็เหมือนกันไม่ใช่หรอ? ถักนิตติ้งกับไหมพรมน่ะ นี่เครียดเลย..
“ครับ ถ้าเห็นคุณแม่ก็เรียกคุณแม่เลยนะครับ”เขาว่าพร้อมกับอุ้มคนอายุน้อยกว่าดีๆ เดินไปที่ชั้นวางหนังสือเกี่ยวกับการถักไหมพรมต่างๆ วนไปวนมาอยู่หลายต่อหลายครั้งก็ยังไม่เจอ ก้มลงมองคนในอ้อมแขนก็เห็นว่าหลับคาอกไปแล้วเรียบร้อย เพราะแบบนี้สินะถึงได้ไม่พูดเลย ถอนหายใจเบาๆแล้วนั่งลงตรงชั้นหนังสือ แผ่นหลังพิงไปกับชั้นวางแล้วหลับตาลง สองแขนกอดกระชับร่างเล็กที่นอนขุดคู้เอาไว้ บอกเลยว่าเมื่อย ก่อนหน้านี้ก็เดินมาแล้วชั่วโมงนึง แทนที่จะได้รีบกลับบ้านดันมาเจอน้องที่เคยเจอกันตอนไปทะเลอีก จะทิ้งไว้ก็น่าสงสารเกินไป
“ซองยอล!...”เสียงเรียกของหญิงวัยผู้ใหญ่ต้นๆทำให้มยองซูรีบหันไปมอง ใส่เสื้อสีขาว คงจะเป็นคุณแม่ของน้องคนนี้สินะ เขาลุกขึ้นแล้วคืนเด็กในอ้อมแขนให้เธอ
“ขอบคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”เขาตอบแล้วเดินออกมา ถ้าได้เจอกันอีกครั้งก็คงจะเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะ ว่าไหม?
-tiana-
ซองยอลที่อยู่ในชุดพร้อมนอนเดินออกมาจากห้องน้ำ ซองยอลแต่งตัวเองได้แล้วนะ เก่งใช่ไหมล่ะ ไม่ต้องชมหรอกฮะ ร่างกลมๆนอนกลิ้งลงบนเตียง ดวงตาจ้องมองโทรทัศน์เครื่องใหญ่ในห้องนอนที่ฉายภาพการ์ตูนเรื่องเจ้าชายกบของวอลท์ดิสนี่ย์อยู่ เจ้าหญิงเรื่องนี้น่ะชื่อเทียนา ซองยอลชอบมากๆเลยล่ะ แต่ชอบแบบในหนังสือนิทานมากกว่านะ ต้องจุ๊บกันคุณกบถึงกลายเป็นเจ้าชาย
เสียงประตูเปิดดึงความสนใจของซองยอลไปจากโทรทัศน์ เห็นคุณแม่เข้ามาในห้องนอนก็ยิ้มร่า ขยับตัวเข้าผ้าห่มผืนหน้าแล้วหยิบหนังสือนิทานเรื่องเจ้าชายกบยื่นให้มารดา
“ซองยอลจะฟังคุณกบฮะ”
“ได้เลยครับ หลับตาเร็วคนเก่งของแม่”
.
.
.
.
เท้าเล็กๆย่ำไปตามพื้นหญ้าชื้นแฉะ ซองยอลกระพริบตาปริบๆ ต้องฝันแน่ๆเลย! ซองยอลต้องฝันถึงเจ้าชายกบแน่ๆ แล้วไหนล่ะบ่อน้ำที่เจ้าชายอยู่น่ะ.. เอ หรือว่าจะไม่ใช่เจ้าชายกบนะ คิ้วเล็กขมวดเข้าหากันจนแทบจะเป็นรูปโบว์ ซองยอลย่นคิ้วเข้าหากันอยู่นานจนเริ่มเมื่อย เวลาผ่านไปประมาณห้านาทีเศษๆ เด็กน้อยกักลมไว้ในแก้มป่องทั้งสองข้างแล้วพ่นอากาศออกมาอย่างแรง ซองยอลเมื่อยแล้วนะ คุณแม่อยู่ไหน.. ซองยอลอยากหาคุณแม่
“นี่ มาทำอะไรตรงนี้ เจ้าหนู”เสียงหนึ่งเอ่ยเรียกซองยอล ศีรษะเล็กหันไปตามเสีย เห็นแมวสีดำยืนอยู่บนก้อนหินใหญ่ก็แปลกใจ แมวอะไรอยู่ในป่า แมวอะไรตัวด๊ำดำ คุณแมวแถวบ้านซองยอลขนฟู๊ฟู สีน้ำตาล น่าร๊ากกกน่ารัก ซองยอลน่ะชอบเอาหน้าไปถูตัวมันแล้วก็โดนคุณแม่ว่า
“อยู่ดีๆก็มายืนอยู่จรงนี้แล้วฮะคุณแมว”ตอบกลับเสียงใส คำตอบนั้นสร้างความฉงนใจให้กับคุณแมวที่บัดนี้ได้ก้าวเข้ามาหาซองยอลช้าๆแล้วหยุดมองในระยะสามก้าวแมว
“ทำไมไม่เข้ามาล่ะ ซองยอลไม่น่ากลัวนะ”มือเล็กทั้งสองข้างยื่นไปข้างหน้าพร้อมกับการย่อตัวลงนั่งยองๆ ดวงตากลมใสจ้องมองนัยน์ตาวาวของแมวสีดำตัวนั้นอย่างสนอกสนใจ ท่าทางที่น่าไว้วางใจและซื่อใสของซองยอลทำให้ในท้ายที่สุดแมวสีดำตัวใหญ่เดินเข้ามาหาแล้วคลอเคลียไปกับมือเล็กๆนั่นๆ
ซองยอลเลือกที่จะเดินไปนั่งบนก้อนหินใหญ่ก้อนเดียวกับที่เจ้าแมวยืนอยู่ก่อนหน้า แขนทั้งสองโอบอุ้มคุณแมวเอาไว้แน่น พอขึ้นมานั่งได้ก็ปล่อยให้สัตว์สี่เท้าหมอบนอนลงข้างๆ นั่งมองต้นไม้ ดอกไม้กันอยู่สักพักซองยอลก็หันกลับไปมองแมวตัวข้างๆ
“คุณแมวมีความสุขไหม”
“หือ ถ้าถามว่าเป็นแมวมีความสุขไหมล่ะก็คงต้องบอกว่าตอนเป็นคนมีความสุขกว่าล่ะนะ”ตอบกลับแบบเนือยๆ เขาโดนแม่มดสาปให้กลายเป็นแมวเพราะอะไรนั้นไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ แต่ถ้าเรื่องแก้คำสาปล่ะก็จำได้แม่นนักเชียว เขาจะได้เจอเด็กคนหนึ่ง หน้าตาน่ารัก แก้มป่องสีชมพู ดวงตากลมใส ปากสีแดงระเรื่อที่ก้อนหินก้อนนี้ เด็กคนนั้นจะต้องจูบแก้มเขาเรื่องถึงจะคลี่คลาย ไม่อยากจะเชื่อหรอกว่าเป็นเด็กคนนี้ แต่เท่าที่มองดูแล้วก็คงจะใช่
“คุณแมวโดนสาปหรอ”
“จะว่าอย่างนั้นก็ถูก”
“วิธีแก้คำสาปล่ะ คุณแมวรู้ไหม”ซองยอลก้มหน้าลงมามองคุณแมวใกล้ๆ แวบหนึ่งที่เหมือนจะเห็นคุณแมวยิ้มมุมปาก แต่ซองยอลว่าซองยอลคงจะตาฝาดไปเองล่ะ แมวที่ไหนจะยิ้มมุมปากได้กัน!! ใช่ไหมฮะ ซองยอลต้องให้คุณแม่ล้างขี้ตาออกให้สะอาดแล้วล่ะ
“จะต้องจุ๊บลงตรงนี้”คนในร่างแมวยื่นหน้าเข้ามาใกล้ซองยอล เด็กน้อยเบิกตากว้างก่อนจะพยักหน้าหงึกหงักแล้วจุ๊บลงบนหน้าผากนั้นเบาๆ แสงสีขาวสว่างวาบออกมาจากร่างของแมวดำและดับไป ซองยอลกระพริบตาปริบๆ ไม่เห็นกลับร่างเดิมเลยอะ ยังไงแน่เนี่ย คุณแมวหลอกซองยอลหรือเปล่า
“ที่หน้าผากที่ไหนกันเล่า ที่แก้มต่างหาก”
“เอ๋ ที่แก้มหรอฮะ ไม่บอกซองยอลตั้งแต่แรก-^-”คนตัวเล็กย่นจมูกก่อนจะจูบลงที่ข้างแก้มนั้น แสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้งแต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือร่างของแมวดำที่กลายเป็นร่างคุ้นตาของใครบางคนที่ซองยอลนึกไม่ออก ใครกันนะ..
“ขอบคุณนะเด็กน้อย”
“ไม่เป็นไรฮะ ซองยอลชอบช่วยคนอื่น คุณแม่บอกว่าซองยอลได้ทำความดีฮะ”ริมฝีปากอิ่มแดงแย้มยิ้มหวานตามแบบของตนเองก่อนจะทำหน้าสงสัย ยกมือขึ้นแตะปาก
“คุณแมวชื่ออะไรหรอฮะ”
“แอล..”
อา เสียงแบบนี้ เหมือนพี่ใจดีเลย
-tiana-
ร่างสูงเดินเข้ามาตามทางที่คุ้นเคยยามดึกดื่นค่ำคืนเพื่อกระทำการลับบางอย่างที่มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และแน่นอนว่าคนที่เขากำลังจะไปหาเป็นกุญแจสำคัญในแผนการครั้งนี้-นัมอูฮยอน ดวงตาคมกวาดมองรอบๆอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แน่สิ คิดจะมาพาลูกเขาหนีก็ต้องกังวลกันบ้างล่ะ หรือมีใครที่สามารถทำได้อย่างสบายๆอย่างนั้นหรือ? เสียงย่ำพื้นหญ้าดังขึ้นเบาๆตลอดทางจนซองกยูนึกรำคาญที่ตนเองไม่สามารถเดินให้เบากว่านี้ได้ กว่าจะถึงที่หมายก็เล่นซะเหงื่อท่วมตัว ร่างสูงเงยหน้ามองระเบียงห้องนอนของอูฮยอนที่อยู่เกือบจะสูงสุดอย่างไม่มั่นใจ หลังจากที่ยืนเรียกความกล้าอยู่สักพักก็เดินไปดึงเส้นเถาวัลย์ที่เลื้อยสูงขึ้นไปบนยอดเบาๆเพื่อทดสอบความแข็งแรง ถ้าปีนเจ้านี่ขึ้นไปคงจะไม่ยากนัก
การปีนขึ้นไปนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิดแต่ก็ไม่ยากจนเกินจะทำมันซ้ำอีกครั้ง ซองกยูกัดริมฝีปากตนเองพร้อมกับกระชับเส้นเถาวัลย์ในมือ อีกแค่เอื้อมมือเขาก็จะสามารถจับพื้นระเบียงได้แล้ว อดทนไว้ซองกยู.. เขาบอกกับตนเองแบบนั้นตลอดทางแต่ดูเหมือนร่างกายที่ออกแรงมาเกือบชั่วโมงจะไม่ไหวเสียแล้ว ขณะที่กำลังจะจับพื้นระเบียงได้ก็ดันพลาดเสียหลัก แต่วินาทีที่ร่างกายที่กำลังจะร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่างก็มีมือเล็กๆมาจับไว้เสียก่อน ซองกยูเผยยิ้มเหนื่อยอ่อน อูฮยอน..
ร่างเล็กที่ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงดังข้างนอกใจหล่นวูบเมื่อเห็นว่ามีใครพยายามจะปีนขึ้นมาแต่พอเห็นว่ามือนั้นผลุบหายลงไปจึงรีบวิ่งเข้าไปจับไว้ ยิ่งเห็นว่ามือนั้นเป็นมือของใครและเป็นใครที่เฉียดตายเมื่อสักครู่ยิ่งรู้สึกใจหาย อูฮยอนพยายามดึงอีกคนขึ้นมาสุดแรงโดยที่ซองกยูเองก็ใช้มือจับราวระเบียงเอาไว้แล้วปีนข้ามเข้ามาเอง ทั้งสองคนต่างเหนื่อยหอบไม่แพ้กัน
“ท่านมาทำอะไรดึกๆดื่นๆเช่นนี้ ถ้าหากข้าไม่ตื่นขึ้นมาท่านจะเป็นอย่างไร”อูฮยอนต่อว่าเสียงแข็ง ดวงตาตวัดมองคนรักอย่างไม่พอใจ
“ข้าก็คงตกลงไป.. และไม่ได้เห็นหน้าเจ้าอีก”
“แล้วท่านมาถึงนี่ มีเหตุอันใดหรือ”
“ข้าจะมาพาเจ้าหนี.. หนีไปกับข้านะอูฮยอน ตอนนี้ข้ากำลังอยู่ในช่วงฟื้นเวทย์ ท่านแม่ให้ข้าไปอยู่ที่โลกมนุษย์ ข้าไม่อยากทิ้งเจ้าไว้ที่นี่”ซองกยูพูดพร้อมกับจับมืออูฮยอนไว้ คนตัวเล็กถอนหายใจเมื่อฟังจบ ไม่อยากทิ้งข้าไว้ที่นี่ หรือจะพาข้าไปอยู่ที่ใดก็ได้ที่ไม่มีท่านพ่อกันแน่
“ข้าจะหนีท่านพ่อไปได้อย่างไร ถ้าข้าไป ท่านพ่อคงหัวปั่นเพราะตามหาข้า”อูฮยอนอธิบาย แต่ดูเหมือนเหตุผลจะไม่เป็นที่พอใจนัก ซองกยูไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ทำหน้านิ่งๆเพื่อแสดงว่าตนไม่พอใจในคำตอบนั้น
“....นานเท่าไหร่”สุดท้ายก็ต้องใจอ่อนเพราะใบหน้าที่แสดงท่าทีไม่พอใจของอีกคน อูฮยอนไม่ชอบเลยจริงเชียว
“เพียงแค่หนึ่งเดือน”ซองกยูรีบตอบกลับมาด้วยหัวใจที่เต้นรัวและเต็มไปด้วยความหวัง ถ้าอูฮยอนไม่ไป เขาก็คงจะเป็นบ้าไปเพราะความคิดถึงร่างเล็กๆนี้เป็นแน่ อูฮยอนก้มหน้าลงมองพื้น มือเล็กประสานเข้าหากันแล้วบีบเบาๆ อูฮยอนกำลังสับสน สับสนว่าจะเลือกใคร ระหว่างท่านพ่อกับท่านซองกยู ถ้าอูฮยอนเลือกที่จะหนี ท่านพ่อก็คงจะยิ่งเกลียดพวกเราไปมากกว่านี้ แต่ถ้าอูฮยอนอยู่..ก็คงจะคิดถึงท่านซองกยูเอามากๆ ช้อนตามองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วพยักหน้ารับเบาๆ
ท่านพ่อ อูฮยอนขอโทษ
.
.
.
.
.
ทั้งสองคนวิ่งมาหยุดอยู่ที่สวนดอกไม้หลังปราสาทของซองกยูที่ฮีชอลรออยู่ก่อนแล้ว ซองกยูพยักหน้าให้ฮีชอลอย่างรู้กัน ฮีชอลร่ายเวทย์อะไรบางอย่างที่ซองกยูและอูฮยอนไม่เคยได้ยินซ้ำไปซ้ำมาอยู่สองถึงสามครั้ง จู่ๆร่างของทั้งสามก็มาอยู่ที่ห้องห้องหนึ่งใจกลางเมืองเสียแล้ว
“นี่เป็นที่พักของท่าน ข้าขอให้พวกท่านอยู่แต่ในห้องนี้ อย่าออกไปไหน เพราะที่นี่มีอะไรไม่เหมือนบ้านเราอยู่มาก มนุษย์อาจมองว่าพวกท่านเป็นคนประหลาดหาหสุ่มสี่สุ่มห้าออกไป”
“ข้าสองคนขอบคุณท่านมาก อ้อ เวทย์ไม่ส่งผลบนโลกมนุษย์ใช่หรือไม่” ซองกยูถาม
“ถูกต้องแล้ว เพราะเป็นเช่นนั้น ที่นี่จึงเป็นสถานที่รอฟื้นเวทย์ชั้นเยี่ยม มีอีกเรื่องที่ข้าอยากจะฝากไว้สักหน่อย ท่านต้องทำตามกฎอย่างเคร่งครัด ไม่เช่นนั้นเวทย์ของท่านอาจลดลงจนแทบไม่มีเหลือเลย วันนี้ข้าขอตัว ข้าจะมาหาท่านในบางครั้งเผื่อท่านมีปัญหา”จบคำ ฮีชอลก็เดินออกไปทางประตู ซองกยูหันมามองอูฮยอนที่ยืนแบบงงๆแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ทำตัวน่ารักตลอดเวลาไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไร
“ท่านซองกยู.. ท่านพ่อจะเกลียดข้าไหม”คำถามของอูฮยอนไม่ได้รับคำตอบในทันที ซองกยูเองก็คิดเรื่องนี้อย่างหนักเช่นกัน ทบทวนไปมาอยู่สักครู่หนึ่งจึงพยักหน้าเบาๆพร้อมกับถอนหายใจ คำตอบนั้นแน่อยู่แล้ว ยิ่งพวกเขาฝืนคำบอกของตาแก่นั่นเท่าไหร่ ความเกลียดก็คงจะเพิ่มตามมาเป็นทวีคูณ ซองกยูไม่รู้เหตุผลที่ท่านลุงที่แสนดีของเขาในวัยเด็กนั้นหายไปและกลับกลายมาเป็นคนที่เขาเกลียดแสนเกลียดหลังจากวันที่เขาไปสารภาพว่าตนนั้นรักอูฮยอนมากแค่ไหน.. ท่านลุงที่เคยใจดีและเข้าใจซองกยูมาตลอดพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางความรักของเขา เขาแค่อยากจะรู้ถึงเหตุผลของการกระทำนี้ บางที มันอาจจะทำให้เขาสามารถตัดสินใจอะไรๆได้ง่ายขึ้น
“เจ้าไม่ต้องคิดมาก ถึงอย่างไรข้าก็จะปกป้องเจ้า เจ้าจะไม่เป็นอะไร”เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยแผ่วเบาแต่ชัดเจนในสถานที่ที่เงียบสงบยามวิกาล อูฮยอนขยับตัวเข้าซุกหาไออุ่นจากร่างกายอีกคน ใบหน้าเนียนฝังลงกับแผ่นอกกว้างอย่างที่ชอบทำเป็นประจำทุกครั้งหากมีโอกาส ถ้าเป็นไปได้ นัมอูฮยอนอยากจะมีเวทย์เพื่อหยุดเวลาเอาไว้ ณ ที่ตรงนี้เหลือเกิน อยากจะเก็บเกี่ยวความสุขที่ได้อยู่กับคนรักเอาไว้ เผื่อวันหนึ่งวันใดเขาไม่มีโอกาสที่จะได้ทำมันอีก เผื่อว่ามีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้นกับเขา..
“อะแฮ่ม.. ข้าขอเวลาขัดจังหวะสักครู่จะได้หรือไม่”เสียงเดิมที่หายไปก่อนหน้านี้กลับมาอีกครั้งพร้อมร่างโปร่งของเจ้าของเสียงที่ยืนกอดอกก้มหน้าลงเล็กน้อยอยู่บริเวณระเบียง ซองกยูโอบรอบเอวเล็กไว้หลวมๆแล้วพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มในขณะที่อูฮยอนทำเพียงแค่ซุกใบหน้าเขินอายจากการะกระทำเมื่อครู่ลงกับอกแกร่ง น่าอายจริงเชียว ดันมีผู้อื่นมาเห็นในเวลาเช่นนี้เสียได้ หลังจากนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน
“ข้าเพียงแค่จะบอกท่านว่า ท่านยังสามารถติดตามข่าวของเด็กที่ท่านรับผิดชอบได้อยู่ เวทย์นี้สามารถใช้ได้… ข้าว่าข้าไปดีกว่า เชิญพวกท่านตามสบาย วิธีใช้อุปกรณ์ในห้องนี้วางอยู่บนโต๊ะนั่น อย่าลืมอ่านเสีย เพราะมันเป็นประโยชน์แก่พวกท่านทีเดียว ราตรีสวัสดิ์”ฮีชอลอมยิ้มเล็กๆก่อนจะโค้งแล้วกระโดดลงจากระเบียงสูงจนคนทั้งสองที่ยืนมองอยู่อดไม่ได้ที่จะตกใจ ไหนว่าเวทย์ใช้ไม่ได้อย่างไรล่ะ แล้วการกระทำเมื่อสักครู่ไม่ได้ใช้เวทย์หรอกหรือ?
“อ้อ ข้าลืมไป ท่านอูฮยอน มีใครเคยบอกไหมว่าท่านนั้นน่ารักเหมือนพี่สาวไม่มีผิดเพี้ยน”เสียงเดิมดังลอดขึ้นมาแว่วๆ อูฮยอนหัวเราะ เขาก็ไม่มั่นใจในหน้าตาของพี่สาวตนเองนัก เคยเห็นในรูปเพียงสองถึงสามครั้งเมื่อตอนยังเด็ก ใบหน้าขาวเนียน ริมฝีปากอมชมพูเป็นกระจับ ดวงตากลมใสดั่งลูกแก้ว แก้มกลมขึ้นสีเลือดฝาด ดูแล้วน่ารักน่าเอ็นดู หลายคนที่ได้เห็นคงต่างพยากรณ์เป็นเสียงเดียวว่าเมื่อโตขึ้น เด็กสาวคนนี้ต้องเป็นที่หมายปองของชายหนุ่มเป็นแน่ แต่น่าเสียดาย หลังจากวันครบรอบห้าปี เด็กคนนั้นได้หายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย และแทนที่ด้วยเด็กชายนัมอูฮยอนที่ท่านพ่อให้เหตุผลว่าห้าปีที่ผ่านมาเขาร่างกายไม่แข็งแรงนักจึงทำให้ต้องรักษาตัวอยู่ภายในห้องและไม่อาจพบเจอใครได้ นี่อาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมอูฮยอนถึงได้จำเรื่องราวตอนเด็กๆไม่ได้มากนัก แต่เรื่องมันก็นานมากแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องรื้อฟื้นหรือหาเหตุผลเพื่อคลายความสงสัย ท่านแม่เคยบอกอูฮยอนไว้ว่าเราต้องอยู่กับปัจจุบัน และตอนนี้ ปัจจุบันของอูฮยอนก็คือคิมซองกยู
“อูฮยอน เจ้าเด็กแอลนี่…ใครกัน”ซอกงยูขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าในความฝันล่าสุดของเด็กน้อยซองมีชื่อของบุคคลที่ไม่คุ้นเคยอยู่ในนั้น แอลงั้นหรอ.. มาจากไหนกัน ไม่เห็นจะคุ้นเลยสักนิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่นขึ้นเมื่อไม่สามารถตอบคำถามของตนเองได้จนอูฮยอนต้องยื่นนิ้วไปจิ้มระหว่างคิ้วทั้งสองเพื่อให้ร่างสูงคลายปมที่เกิดจากความสงสัย
“รอดูวันถัดไปก็ไม่เสียหายอะไรมิใช่หรือ วันนี้ท่านพักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้ข้าอยากจะออกไปข้างนอกเสียหน่อย ดูซิ..มนุษย์โลกจะมีการดำเนินชีวิตอย่างไร”คนตัวเล็กเผยยิ้มซุกซนที่ซองกยูจำได้ว่าครั้งล่าสุดที่เห็นรอยยิ้มนี้คือเมื่อตอนอายุประมาณสิบห้าและอูฮยอนอายุสิบขวบ ครั้งนั้นเด็กน้อยนัมเล่นเอาซะคนแก่กว่าต้องหอบแฮ่กเนื่องจากความซนของตน นี่ก็เป็นหลายสิบปีแล้ว ไม่คิดว่าจะยังได้เห็นรอยยิ้มแบบเด็กๆจากอูฮยอนอยู่ น่ารักเสียจนอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ควรจะรีบเข้านอน ถ้าพรุ่งนี้ตื่นสายข้าไม่พาออกไปแน่”
“รับทราบขอรับ ท่านคิมซองกยูผู้น่าเกรงขาม”เสียงใสส่งเสียงหัวเราะคิกคักตามประสาก่อนจะวิ่งไปนอนลงกับเตียงนุ่ม ซุกตัวเข้าในผ้าห่มผืนหนาหอมฟุ้งและหลับลงในทันทีเพราะความเหนื่อยอ่อน ซองกยูเดินตามไปนั่งลงข้างเด็กน้อยที่นอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง ใบหน้าหล่อขับยิ้มอ่อนโยน
“ราตรีสวัสดิ์...องค์หญิง”
TALK:D
ถ้ามีคำผิดขอโทษด้วยนะคะ TT ไม่ได้ตรวจเลย
เมื่อตอนที่แล้วบอกว่าจะยังไม่ลงแต่สุดท้ายก็มาลงจนได้ = =
เราหวังว่าจะยังมีคนอ่านอยู่นะคะ..
ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามและคอมเมนท์ค่ะ >_______________<
ความคิดเห็น