คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : นิทานเรื่องที่สี่ - โฉมงามกับเจ้าชายอสูร
Bell
ในราตรีอันมืดมิด เด็กน้อยกำลังข่มตาหลับ คุณแม่เล่านิทานโฉมงามกับเจ้าชายอสูรให้ซองยอลฟังก่อนนอน ซองยอลนอนไม่หลับเพราะหน้าของคุณอสูรน่ากลัวกว่าหน้าของคุณงูอีก ซองยอลพลิกตัวไปมาอยู่เตียงนุ่ม คุณแม่ก็นอนอยู่ข้างๆ ไออุ่นกับกลิ่นหอมๆไม่ได้กล่อมให้ซองยอลหลับง่ายเหมือนเคย คุณแม่นี่นิสัยไม่ดีเลย หนีซองยอลหลับอยู่คนเดียว วันนี้คุณพ่อไม่กลับ ฉะนั้นอีกฝั่งหนึ่งของเตียงจึงกลายเป็นผนังห้องโล่งๆแทนร่างของคุณพ่อเช่นทุกวัน ซองยอลหลับตาปี๋ เมื่อกี้เหมือนแอบเห็นคุณอสูรยืนอยู่เลยล่ะ ฮืออ ใครก็ได้ช่วยซองยอลด้วยยยย
กลางดึกที่ปกติแล้วจะมีเพียงเสียงแอร์ดังเพื่อปรับอุณหภูมิ วันนี้ได้มีเสียงเพลงคลอเบาๆดังขึ้นมาด้วย ซองยอลขมวดคิ้วแน่น มือเล็กกำผ้าห่มด้วยความกลัว เสียงมันเหมือนเสียงเปียโนเลย.. ถ้าจำไม่ผิดมีเสียงเหมือนวี้ดๆด้วย ใช่เสียงไวโอลินหรือเปล่า แต่ไวโอลินนี่เสียงยังไงนะ.. เด็กน้อยคิดกับตัวเองในใจ ประสาทการรับฟังทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อเสียงเพลงแผ่วลง แผ่วลง แผ่วลง
“ตามมาสิ”เสียงทุ้มดังขึ้นและดังสะท้อนไปมา ซองยอลมุดตัวลงผ้าห่มแต่ด้วยความอยากรู้ทำให้เขานอนฟังตาแป๋ว มือเล็กขยุ้มผ้าห่มในมือจนย่นยับ เหงื่อออกตามง่ามนิ้วเพราะความตื่นเต้นกับสิ่งที่มองไม่เห็น
“มาที่ห้องนั่งเล่น”เสียงเดิมดังขึ้นอีกครั้ง ซองยอลค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้น ปลายเท้าเล็กค่อยๆหย่อนลงแตะพื้น ในอ้อมแขนก็มีคุณกระต่ายสีขาวตัวโปรดที่โดนปะจนแทบไม่เหลือเนื้อผ้าเดิมอยู่ รองเท้าสลิปเปอร์คู่เล็กลายริลัคคุมะทำให้เกิดเสียงเดินดังไปทั่วบ้านจนเด็กชายนึกแปลกใจและงุนงง
เสียงลากรองเท้ายังคงดังอย่างต่อเนื่อง ซองยอลหันไปมองรอบๆตัวอย่างนึกตื่นเต้น ในตอนแรกที่เด็กชายเดินเข้ามาก็เป็นทางเดินธรรมดาของที่บ้าน แต่พอออกเดินไปเรื่อยๆกลับกลายเป็นทางที่ทอดยาวออกไป รอบผนังมีวอลเปเปอร์สวยงามและกรอบรูปสีทองติดผนังอยู่ บ้างก็มีโต๊ะไม้ตัวเล็กที่วางแจกันลายเก่าๆที่ซองยอลไม่เคยเห็นมาก่อน เดินเข้าไปเรื่อยๆ ผนังวอลเปเปอร์กลับกลายเป็นผนังปูน หน้าต่างบานใหญ่มีแสงจันทร์นวลส่องเข้ามา เด็กน้อยมองออกไปยังนอกหน้าต่างอย่างฉงนสงสัย ดวงดาวที่ส่องแสงเต็มฟากฟ้าดึงความสนใจจากเด็กในเมืองอย่างซองยอลได้ไม่ยาก เท้าเล็กๆยังคงก้าวเดินไปข้างหน้า ดวงตากลมโตกวาดมองรอบๆอย่างสนใจใคร่รู้ตามภาษาเด็กในวัยนี้ ทางเดินค่อยๆกว้างขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นเหมือนห้องขนาดใหญ่ ซองยอลมองรอบตัวอย่างแปลกใจ
“มองเห็นพี่ไหม”เสียงทุ้มที่ซองยอลคิดว่าเคยได้ยินดังขึ้น คนตัวเล็กหันไปมองรอบๆเร็วๆ เงาดำที่แวบไปมา ความกลัวเข้าเกาะกุมหัวใจดวงน้อย มือเล็กกอดกระชับคุณกระต่ายในมืออย่างหวดกลัว คุณอสูรจะมาหาซองยอลหรอ T^T ไม่เอานะ ซองยอลกลัวมากๆเลย
“ค…ใคร..ใครหรอฮะ”เสียงใสเอ่ยถาม แม้จะแผ่วเบาแต่กลับชัดเจนในห้องโถงกว้างนี้ เสียงหัวเราะในลำคอดังแว่วมาตามสายลมจนน่าขนลุก ไหล่เล็กห่อเข้าหากัน
“กลัวหรอเด็กน้อย”เสียงปริศนาเอ่ยถามซองยอลอีกครั้ง เด็กชายพยักหน้าตอบรับ
“งั้นก็ขอโทษแล้วกัน”เงาดำค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ เงาสูงใหญ่ราวกับตู้ใบใหญ่ๆที่บ้านทำให้ซองยอลตกใจจนก้าวถอยหลัง ดวงตารีเรียวจ้องมองเด็กน้อยอย่างนึกเอ็นดู แต่สิ่งที่ซองยอลเห็นกลับไม่ใช่อย่างนั้น แววตาที่น่ากลัวต่างหากคือสิ่งที่เด็กน้อยจินตนาการ ขาเล็กก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วจนพาลสะดุดกันเอง ร่างน้อยๆล้มจุ้มปุ้กลงไปกับพื้นหินอ่อนเย็นเยียบ นัยน์ตากลมสะท้อนความหวาดกลัวจนมือใหญ่ต้องยื่นออกมาให้เด็กน้อยจับ เผยยิ้มละมุนละไมที่แม้จะน่ากลัวไปสักนิดออกมา ซองยอลกระพริบตาปริบๆมองมือที่มีขนฟูๆขึ้นเต็มอย่างลังเล สุดท้ายก็วางมือตัวเองลงบนมือใหญ่นั้น
“คุณอสูรหรอฮะ”เสียงเล็กถามเมื่อสามารถลุกขึ้นยืนได้เป็นปกติแล้ว คนที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอสูรหัวเราะเบาๆอย่างชอบใจ มือทั้งสองข้างค่อยๆอุ้มร่างเด็กน้อยขึ้นสูง
“ก็ไม่เชิง”
“คุณอสูรใจดีใช่ไหมฮะ”ดวงตากลมใสดั่งลูกแก้วจ้องมองดวงตาของเจ้าของเงา ซองยอลพยายามจะลืมตาให้โตที่สุดแต่ที่นี่ก็มืดเกินไปที่เขาจะสามารถเห็นสัดส่วนรูปร่างและเสื้อผ้าของผู้ชายที่ซองยอลคิดว่าคืออสูร
“ใจดีสิ เขาเคยเป็นเจ้าชายที่ใจดีมากๆเลยล่ะ”
“เคยหรอฮะ”ซองยอลถาม ถ้าเคยก็แสดงว่าตอนนี้คุณอสูรไม่ได้เป็นเจ้าชายแล้วสิ ซองยอลจะทำยังไงให้คุณอสูรกลับมาเป็นเจ้าชายเหมือนเดิมได้นะ เจ้าชาย.. เจ้าชายหรอ ในนิทานที่คุณแม่เล่าให้ฟังคุณเบลทำอะไรกับเจ้าชายนะ ‘ ‘? ซองยอลนึกไม่ออกเลย ตอนนี้มีแต่ตาของคุณอสูรอยู่ในหัวเต็มไปหมด
“ซองยอลอยากช่วยให้คุณอสูรกลับมาเป็นเจ้าชาย”เด็กน้อยเสนอตัวช่วยเหลือ คุณอสูรยิ้มบางๆ มือใหญ่โอบกอดร่างของซองยอลจนจมหายเข้าไปกับแผ่นอกกว้างและใหญ่ที่เต็มไปด้วยขนสัตว์ เด็กน้อยส่งเสียไอค่อกแค่กเพราะขน
“ซองยอลนึกไม่ออกว่าจะทำยังไง”เขาถามอีกครั้งเมื่อหลุดพ้นจากขนฟูนุ่ม แววตาใสซื่อที่เต็มไปด้วยความอยากช่วยเหลือของซองยอลช่างน่ารักน่าชัง
“ตัวเล็กแค่นี้ จะช่วยได้หรอ”เมื่อได้ยินคำพูดดูถูกเด็กน้อยถึงกับหน้างอ ปากอิ่มสีแดงสดยื่นออกมาข้างหน้าอย่างน่ารัก มือี่กอดคุณกระต่ายกอดแน่นขึ้นไปอีก ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นด้วยความไม่พอใจที่ถูกต่อว่าแบบนี้ ตัวเล็กแล้วยังไงล่ะ ซองยอลยังเคยช่วยคุณแม่ถือตะกร้าผักเลยนะ!! คุณอสูรทำได้อย่างซองยอลหรือเปล่าเถอะ ฮึ -)^(-
“คอยดูแล้วกัน ซองยอลจำไม่ได้ว่าตอนสุดท้ายคุณเบลทำยังไง เพราะฉะนั้นเรามาเต้นรำกันก่อนเนอะ”คำพุดที่แฝงไปด้วยความหวังดีแทบจะทำให้คนที่เป็นอสูรทรุดไปกับพื้น เต้นรำหรอ? เกิดมาทั้งชีวิตยังไม่เคยเต้นกับใคร แล้วจะทำได้งั้นหรอ
“มาเร็วๆ ปล่อยวองยอลลงก่อนสิ”เด็กน้อยโวยวาย สะบัดเท้าดุ๊กดิ๊กจนรองเท้าสลิปเปอร์ริลัคคุมะคู่โปรดหล่นลงไปกองอยู่กับพื้น ซองยอลเบะปาก เมื่อเท้าถึงพื้นจึงใส่รองเท้ากลับเหมือนเดิม
“คุณอสูรใช้ไม่ได้เลย รองเท้าซองยอลหล่นแล้ว”
“มาโทษกันอย่างนี้เลย?”
“คุณอสูรพูดมากจัง มาเต้นรำกันนะ”ซองยอลจับมือใหญ่เอาไว้ทั้งสองข้าง สัมผัสมือนิ่มๆนั้นทำให้คนตัวสูงกว่าอดเคลิ้มไม่ได้ อะไรจะนื่มได้ขนาดนี้กันนะ รางเล้กๆยังคงดึงให้คุณอสูรเดินตามไปมา มองผ่านๆคงไม่มีใครคิดว่านี่คือการเต้นรำอย่างที่เด็กน้อยเอ่ยปากไว้เมื่อนาทีก่อน ก็อย่างว่า จะเอาอะไรกับเด็กห้าขวบกันเล่า
ซองยอลดึงมืออีกคนให้ขยับตัวตาม ยกแขนขึ้นสูงบ้าง ลงต่ำบ้าง เสียงใสหัวเราะอย่างสนุกสนาน พลอยทำให้อีกคนยิ้มตามไปด้วย ในขณะที่คุณอสูรกำลังเพลิดเพลินไปกับท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูซองยอลก็กระโดดขึ้นลงจนเกิดเสียงดังไปทั่วบริเวณ เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินคลอไปด้วยเสียงหัวเราะใสๆของเด็กตรงหน้าทำให้ห้องโถงที่กว้างใหญ่ไม่ดูเหงาหงอยเช่นเคย แสงจันทร์นวลดูอบอุ่นกว่าค่ำคืนที่ผ่านมา บรรยากาศหนาวเหน็บกลับอบอุ่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเด็กคนนี้ ร่างใหญ่กว่าเผยยิ้มอ่อนโยนแต่เด็กน้อยที่กำลังเล่นสนุกไม่ทันสังเกตุเห็นมัน
“เหนื่อยหรอ”คุณอสูรเอ่ยถามเมื่อเห็นซองยอลหยุดกระโดด เสียงหัวเราะก็เงียบไปเช่นกัน เหลือเพียงเสียงหอบหายใจแฮ่กๆเท่านั้น ซองยอลยู่ปาก บ่นคนตัวใหญ่ว่าไม่ยอมเล่นด้วยกัน ปล่อยให้เล่นคนเดียวเหนื่อยอยู่คนเดียว
“อยากออกไปดูดวงจันทร์ไหม”
“ไปๆ คุณอสูรอุ้มหน่อยยย”เสียงใสลากยาวพร้อมทำหน้าตาออดอ้อน มือใหญ่อุ้มร่างน้อยไว้แนบอก ซองยอลมองไปยังทางข้างหน้า เห็นระเบียงสีขาวที่อาบไปด้วยแสงจันทร์แล้วก็ต้องยิ้มร่าให้กับความสวยงามยามค่ำคืนของที่แห่งนี้ ปากเล็กอ้าออกเป็นรูปตัวโอเมื่อออกมาอยู่บริเวณด้านนนอก พื้นสวนสีเขียวด้านล่างสวยจนดึงความสนใจของเด็กน้อยไปจากท้องฟ้ายามค่ำคืนเสียหมด
“ให้ดูท้องฟ้า ไม่ใช่สวน”เอ่ยทีเล่นทีจริง ซองยอลเบะปากแล้วก็เงยหน้าขึ้นมามองท้องฟ้า ดวงดาวมากมายที่ปรากฏอยู่บนผืนฟ้าสีดำสนิทสร้างความตื่นตะลึงให้กับเด้กวันห้าขวบได้อย่างมากมาย วองยอลชี้นิ้วเล็กๆขึ้นไปบนฟ้าแล้วจ้อนู่นนี่ไม่หยุดพัก คุณอสูรวางเด็กน้อยให้ยืนบนราวระเบียงแล้วจับไว้หลวมๆ
“ที่บ้านซองยอลนะไม่มีดาวเยอะอย่างงี้หรอก”
“ชอบหรอ”
“ชอบสิ ชอบมากกกก สวยออกเนอะ ^^”ซองยอลหันมายิ้มให้อีกคน ก่อนจะหันกลับไปมองฟ้าอย่างเดิม ทั้งคู่ยืนคุยเล่นกันอยู่ตรงนั้นสักพักใหญ่ๆ จู่ๆซองยอลก็หันกลับมาด้วยแววตาตื่นตระหนกกว่าเดิม
“นึกออกแล้วววว ต้องจุ๊บแหละคุรอสูร มาจุ๊บกันเร็ว”ซองยอลทำปากยื่น จะเข้าไปจุ๊บกับคุณอสูร แต่คุณอสูรกลับผงะถอยหลังหนีเพราะตกใจที่อยู่ๆก็โดนเด็กมาชวนจุ๊บปาก
“มาจุ๊บสิ จะได้กลายเป็นคนไง”
“ไม่เอาด้วยหรอก อะไรกัน”คนตัวใหญ่อุ้มวองยอลมาวางลงกับพื้นแล้วทำท่าจะเดินหนีแต่กลับโดนซองยอลกระโดดเกาะเสียก่อน ปากเล็กๆบ่นว่าอีกคนที่ตัวใหญ่แต่กลับป๊อด ปอดแหกไม่กล้าทำ คนโดนว่าก็ได้แต่บอกว่าๆม่ใช่อย่างนั้นอย่างนี้ ปฏิเสธไปเรื่อย เดินไปพูดไป ซองยอลก็เกาะหลังอีกคนอยู่อย่างนั้น จะเรียกว่าเกาะหลังก้ไม่ถุกนักเพราะอีกคนตัวใหญ่เกินกว่าที่ซองยอลจะสามารเกาะหลังได้ถึง
ทั้งสองคนเถียงกันอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนซองยอลต้องทำหน้าบึ้งไม่พอใจ อุตส่าห์คิดออกแล้วียว โดนปฏิเสธซะอย่างนั้นแหละ นี่เห็นว่าวองยอลเป็นเด็กใช่ไหมล่ะ บอกแล้วว่าซองยอลยกตะกร้าผักได้เลยนะ แบบนี้จะยังไม่เชื่อกันอีกหรือไงเล่า O^O จะงอนแล้วนะ!
“มาให้จุ๊บซะดีๆ”ขาสั้นออกวิ่งหมายจะตะครุบตัว(?) แต่ตัวก็คั่น้นเลยกลายเป็นว่าล้มลงไปจับกบกับพื้นเย็นๆแทน คนใจป๊อดเดินเข้ามาดูใกล้ๆอย่างเป็นห่วง ตัวก็แค่นี้ยังจะเล่นอะไรแผลงๆไม่เป็นท่าอีกนั่น คุณอสูรนั่งลงตรงหน้าซองยอล เด็กน้อยที่ก่อนหน้านี้ร้องโอดโอยเพราะความเจ็บลอบยิ้มเจ้าเล่ห์ ใครบอกว่าอสูรฉลาด ไม่เห็นฉลาดเลยสักนิดเดียวว ถ้าฉลาดก็คงไม่พลาดให้ซองยอลมีโอกาสจุ๊บได้หรอก คิดได้ดังนั้นก็พุ่งตัวเข้าใส่ร่างใหญ่ ปากเล็กนิ่มหยุ่นแตะลงเบาๆบนผิวปากของอีกคนที่โดนโจมตี
ยังไม่ทันที่จะผละออกจากกันก้เกิดแสงวาบขึ้นมาก่อนจะดับไปเพียงไม่กี่วินาที ซองยอลกระพริบตาปริบๆ มองคนที่ตัวสูงกว่าแต่ไม่เยอะเท่าก่อนหน้าอย่างงุนงง และแล้วก็นึกออก เด็กชายร้องเย้อย่างดีใจที่คุณอสูรกลับมาเป็นคนแล้ว ดวงตาคมฉายแววอบอุ่นกว่าตอนที่เป็นอสูรมากนัก ต้องขอบคุณด็กคนนี้จริงๆ หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะอีซองยอล…
-bell-
อูฮยอนนั่งเงียบอยู่คนเดียวภายในห้องนอนใหญ่ ใบหน้ามนเศร้าหมองเสียจนคนเป็นพ่อก็แอบกงัวลกับสิ่งที่ตนทำลงไปไม่ได้ เขาทำได้เพียงแอบมองลูกชายคนเดียวที่เปรียบเสมือนแก้วตาดวงใจอยู่หลังประตูห้องนอนที่เคยเป็นของภรรยา อูฮยอนเอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าที่เคยสดใสและมีรอยยิ้มราวกับแสงของพระอาทิตย์กลับหม่นหมอง ทั้งหมดนั้นเป็นเพราะทุตหนุ่มนั้นหรอกหรือ? ชายสูงอายุงับบานประตูปิดลงพร้อมๆกับที่อูฮยอนหันมามองประตูที่ปิดสนิท เขาไม่มีวันที่จะได้ออกจากที่นี่ ท่านพ่อกักขังเขาไว้ราวกับเป็นลูกนก สัตว์ปีกที่มีหน้าที่แค่ให้คนอื่นเชยชมในความน่ารักของมัน แต่อูฮยอนไม่ได้มีค่าขนาดนั้น ในบางครั้งนกในกรงยังมีประโยชน์กว่าเขาเสียด้วยซ้ำ ข้าจะทำอย่างไรดี..
เวลาค่ำมืดเช่นนี้ท่านซองกยูคงจะไม่มาแล้ว ข้าไปขอท่านพ่อลงไปข้างล่างจะได้ไหมนะ ท่านพ่อคงจะอนุญาต คิดได้ดังนั้นร่างเล็กจึงลุกขึ้นจากเตียงที่นั่งมาทั้งวัน เดินไปยังประตู ค่อยๆเปิดมันออก ใบหน้าเล็กซีดเผือดเมื่อเห็นผู้เป็นพ่อยืนอยู่หน้าประตุ ใบหน้าที่ดุดันทำให้อูฮยอนจำต้องกลืนคำพูดที่คิดไว้ก่อนหน้าลงคอไปหมด เท้าเล็กก้าวถอยหลังกลับเข้ามาในห้องนอน คนเป็นพ่อยังคงยืนอยู่หน้าประตูเช่นเดิม
“ลูกอยากออกไปข้างนอกหรือ”เขาถาม อูฮยอนกลืนน้ำลายลงคอ โอกาสอันหอมหวานมาอยู่ข้างหน้าแล้ว เขาจะตอบตกลงหรือปฏิเสะ เขาเชื่อว่าท่านพ่อไม่ได้ถามเล่นๆแน่ ดังนั้น นี่คงเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้ว
อูฮยอนพยักหน้ารับไป
ภายในสวนสวยยามค่ำคืน มีแสงไฟจากตะเกียงดวงเล็กคอยส่องให้พอเห็นทางสลัวๆ อูฮยอนเดินเล่นวนไปวนมาอยู่ในสวนด้วยความเพลิดเพลิน เสียงหวานฮัมเพลงเบาๆก่อนจะหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนกำลังเดินเข้ามาใกล้ คนตัวเล็กหันขวับไปมองที่มาของเสียงด้วยสัญชาตญาณ และก็โล่งใจเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่ลุกล้ำมาในเขตนี้ในเวลาค่ำมืดดึกดื่นเช่นนี้ คนที่อูฮยอนเฝ้ารอมาทั้งวันได้อยู่ตรงหน้าแล้ว
“เหตุใดเจ้าจึงออกมาเดินที่นี่ในเวลาค่ำมืดเช่นนี้ หากคนที่เข้ามาไม่ใช่ข้าแต่เป็นคนอื่นเจ้าจะทำอย่างไร”ซองกยูเริ่มบ่นทันทีที่เห็นว่าอูฮยอนรู้ตัวแล้ว ร่างเล็กอมยิ้มขำกับท่าทางเป็นห่วงของร่างสูงที่ไม่ค่อยเห็นบ่อยนัก จะบอกว่าอย่างไรล่ะ มันน่ารักเอามากๆเลย
“ข้าแค่อยากมาเดินเล่น ข้าอยู่ในห้องนั้นทั้งวัน ข้าเบื่อ ว่าแต่ท่านเถอะ มาทำอะไรที่นี่”อูฮยอนเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง ซองกยูยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ
“ข้าแค่อยากมาหาเจ้า ..ก็เท่านั้น”คำตอบของซองกยูทำเอาอูฮยอนถอนหายใจเฮือก ดึกดื่นป่านนี้แล้วจะมาอยากมาหาข้าอะไรกัน ท่านซองกยูนี่ก็.. ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาจะมีคนเห็นหรือ อูฮยอนล่ะเหนื่อยใจกับความดื้อด้านที่ไม่ว่าจะแก้อย่างไรก็ไม่หายของชายคนนี้เหลือเกิน
“เจ้าทำหน้าเบื่อข้า ไม่รักข้าแล้วหรือ”ร่างสูงทำหน้าน้อยใจ อูฮยอนหลุดยิ้มขำออกมาเบาๆเมื่อเห็นท่าทางราวกับเด็กสาวของท่านซองกยูผู้น่านับถือ ซองกยูทอดยิ้มบาง อูฮยอนหัวเราะได้เขาก็สบายใจ ซองกยูเอื้อมมือออกไปข้างหน้าหมายจะสัมผัสแก้มนิ่มที่ไม่ได้สัมผัสมานานหลายวัน แต่แล้วกลับไม่ได้สัมผัสอีกคนดังต้องการ มีอะไรบางอย่างที่กั้นคนทั้งสองออกจากกัน ซองกยูขมวดคิ้วแน่น มือยังคงแนบติดไปกับสิ่งที่มองไม่เห็น อูฮยอนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน นี่มันอะไร ทำไม.. มือเล็กยื่นออกข้งหน้าเช่นเดียวกัน อูฮยอนค่อยๆวางทาบไปกับมือใหญ่ พวกเขาไม่สามารถสัมผัสกันได้เลย ตอนนี้ อูฮยอนก็เหมือนนกในกรงแก้ว สามารถมองสิ่งต่างๆรอบตัวได้ตามความพอใจแต่ไม่อาจเอื้อมไปแตะต้องหรือหยิบจับสิ่งเหล่านั้น
“เจ้าเป็นแบบนี้เพราะใคร”ซองกยูเอ่ยถามเสียงเรียบ ใบหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆจนอูฮยอนรู้สึกกลัวจับใจ ตัวเขาเองก็ไม่อาจรู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่เพราะใครนั้นก็คงจะมีอยู่เพียงคนเดียวที่สามารถทำแบบนี้กับอูฮยอนได้ มีอยู่คนเดียว
“เพราะพ่อเจ้าใช่หรือไม่”ซองกยูถามต่ออีกครั้ง อูฮยอนได้แต่ยืนเม้มปากไม่กล้าพูดอะไรออกไป เขายังไม้กล้าบอกอะไรที่ตนเองไม่แน่ใจ แต่ดูเหมือนคิมซองกยูจะไม่ได้คิดเช่นเดียวกัน ร่างสูงสบถคำหยาบคายออกมาก่อนจะวิ่งไปยังหอคอยสูง สัญชาตญาณบอกเขาว่าพ่อของอูฮยอนต้องอยู่ที่นั่นแน่ ตาแก่หัวล้านไม่รู้จักความรัก!! คอยขัดขวางเขากับอูฮยอนไปทำไมกันทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเลิกรักอูฮยอน.. หรือตาแก่นั่นพยายามจะทำให้อูฮยอนเลิกรักเขางั้นหรือ ไร้สาระสิ้นดี เหอะ!
สองเท้าวิ่งขึ้นบันไดอย่างรวดเร็วสมกับที่ถูกฝึกมาเป็นอย่างดี มือหนาจับหัวบันไดแล้วเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปยังชั้นบนสุด อูฮยอนที่พยายามวิ่งตามมาให้เร็วที่สุดยังเร็วไม่เท้าเวลาซองกยูวิ่งแบบปกติ ดังนั้นร่างเล็กจึงยังคงอยู่ห่างออกไปมากนัก ซองกยูตัดสินใจเดินหารอบๆ มันไม่ได้ใหญ่มากมายแต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีห้องเยอะ ประตูไม้หลายบานแลดูเก่าคร่ำครึถูกล๊อคกุญแจเอาไว้ เขาจึงขอทึกทักเอาเองว่าไม่มีใครอยู่ในนั้น
“ท่านอยู่ที่ใด ปรากฏตัวออกมา!! อายุมากจนจะไม่เหลือเส้นผมดำแล้วเหตุใดยังเล่นซ่อนหาป็นเด็กๆเล่า!!”เสียงทุ้มตะโกนลั่นพร้อมเสียงหอบหายใจ สิ้นเสียงสะท้อนครั้งสุดท้ายร่างของผู้อาวุโสกว่าก็ปรากฏให้เห็น ซองกยูจุดยิ้มมุมปาก หึ สุดท้ายก็ต้องออกมาจนได้ ท่านหลบข้าได้ไม่นานหรอก
“เจ้ามีธุระอันใดรึ”ชายชราถามเสียงนิ่ง ใบหน้าดูเรียบเฉยราวกับไม่ทุกข์ร้อนอะไรกับการที่ซองกยูสามารถขึ้นมาอยู่บนนี้ได้
“ท่านทำอะไรอูฮยอน ท่านทำอะไร!!!”
“อะไรที่ว่าข้าทำหรือ เจ้ามีหลักฐานอะไรถึงกล่าวหาข้า”
“ท่านก็ดีแต่อ้างหาหลักฐาน ท่านทำอะไรย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ สักวันข้าจะต้องได้แต่งงานกับอูฮยอน!”ซองกยูชี้นิ้วไปข้างหน้าที่มีชายชราที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของคนรักตนเองด้วยความโกรธ เส้นเลือดที่ลำคอปูดโปนขึ้นมาอย่างน่ากลัว ซองกยูเวลานี้ใครเล่าจะห้ามได้
“ท่านพ่อ! ท่านซองกยู!”เสียงของอูฮยอนดังขึ้นจากข้างหลัง ร่างเล็กหอบแฮ่กเพราะความเหนื่อย ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยวิ่งตามใครขนาดนี้เลย เหนื่อยเสียยิ่งกว่าช่วยท่านแม่ปลูกดอกไม้ตอนเด็กๆ อูฮยอนเดินเข้ามาหาพ่อตัวเองเมื่อพักหายใจแล้ว คนที่เด็กที่สุดพูดบอกให้พ่อของตนนั้นใจเย็นๆ อูฮยอนเป็นลูก อูฮยอนรู้ดีว่าท่านพ่อกำลังโกรธแต่อูฮยอนไม่อาจรู้ได้ว่าก่อนหน้าที่จะขึ้นมาท่านซองกยูได้พูดอะไรให้ท่านพ่อโมโหหรือเปล่า
“นัมอูฮยอน เจ้าบอกพ่อสิว่าระหว่างพ่อกับเจ้านั่นลูกจะเลือกใคร”นี่เป็นคำถามที่ยากที่สุดในโลก เป็นคำถามที่อูฮยอนไม่กล้าที่จะเอ่ยปาก เป็นคำถามที่สามารถช่วงชิงลมหายใจของอูฮยอนได้เกินหนึ่งนาที เป็นคำถามที่น่าใจหายที่สุดเท่าที่เคยพบเจอ เป็นคำถามที่อูฮยอนใช้ความเงียบเป็นคำตอบ
“เจ้าเลือกพ่อที่เลี้ยงดูเจ้ามาหรือไอ้ทูตนั่น”บิดาถามย้ำอีกครั้ง อูฮยอนหันไปมองซองกยูอย่างขอความเห็น ร่างสูงเสหน้ามองไปทางอื่น ถึงอย่างไรซองกยูก็ไม่มีวันที่จะดีเด่นไปกว่าพ่อบังเกิดเกล้าได้ ลูกที่ดีอย่างอูฮยอนก็คงจะเลือกบิดาอย่างไม่ต้องสงสัย
“ท่านพ่อ ท่านพ่อเป็นคนที่ให้กำเนิดลุก เป็นคนที่เลี้ยงลูกมากับมือ เป็นคนที่คอยประคบประหงมลูก คอยให้ความรักความเอาใจใส่… แต่ท่านซองกยูเป็นคนที่ลูกรัก ลูกรักเขาเช่นเดียวกับที่เขารักลูก ท่านพ่อจะให้เราสองคนรักกันไม่ได้หรือ”อูฮยอนสวมกอดคนเป็นพ่อเอาไว้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อนราวกับขอของเล่น อูฮยอนรู้ คำตอบก็คงจะไม่พ้นคำว่าไม่ แต่อูฮยอนไม่เคยรู้เลยว่าการกระทำของเขาจะทำให้เกิดผลร้ายยิ่งกว่าตามมา..
“เจ้าทำให้ลูกข้าเป็นแบบนี้ เจ้าจะต้องได้รับความทรมานยิ่งกว่าที่ข้าได้รับ”
“อ้ากก!!! อึก..”ร่างของซองกยูร่วงลงไปบนพื้นหิน อูฮยอนยกมือขึ้นปิดหน้า เสียงร้องอย่างทรมานของร่างสูงสท้อนดังก้องไปมา ชายชราเดินจากไปแบบเงียบๆ ทิ้งไว้เพียงนัมอูฮยอนที่กำลังตกใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับคิมซองกยูที่นอนสลบอยู่บนพื้นหินเย็นเยียบ
.
.
.
.
ซองกยูขยับยันกายขึ้นนั่ง ดวงตารีรเรียวกวาดมองหาบุคคลที่เขาอยากจะพบมากที่สุด-นัมอูฮยอน นาฬิกาเรือนเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมห้องตีบอกเวลาสองยาม เขาเพ่งมองสิ่งรอบๆตัวอีกครั้งแล้วก็พบกับร่างเล็กในชุดสีขาวบางที่เจ้าตัวชอบใส่นอนหลับอยู่บนเก้าอี้โยกหน้าเตาผิง รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่ม เขาลุกจากเตียงแล้วเดินไปทรุดตัวลงนั่งตรงหน้าอูฮยอน เป็นจังหวะเดียวกับที่เปลือกตาค่อยๆเปิดขึ้นทีละน้อย รอยยิ้มดีใจเผยบนใบหน้าน่ารัก
“ข้าคิดว่าท่านจะตายเสียแล้ว”
“นี่เจ้ากล้าแช่งข้าแล้วรึ”ซองกยูหัวเราะเบาๆ มือใหญ่เอื้อมไปกอบกุมมือเล็กเอาไว้ ความเจ็บปวดที่หน้าอกแล่นปราดขึ้นมาทันทีที่เขาสัมผัสตัวอูฮยอนแต่เขาก็ยังฝืนยิ้มเพื่อไม่ให้อูฮยอนกังวล
“ข้าเปล่าแช่งท่าน….ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า เหตุใดจู่ๆหน้าท่านก็ซีดราวกับกระดาษเช่นนั้น”
“ข้า…ข้า อึก..ไม่เป็นไร”
“ท่านซองกยู!!”อูฮยอนตะโกนด้วยความตกใจที่อยู่ๆร่างสูงก็สลบอีกครั้ง ท่าทางที่เจ็บปวดที่คล้ายกับก่อนหน้านี้ทำให้อูฮยอนเริ่มใจไม่ดี ท่านพ่อ…ได้โปรด หยุดทำร้ายหัวใจของลูกที
TALK:D
รอบนี้มาอัพเร็ว ว่ะฮ่ะฮ่ะฮ่าาา 55555555555555555 #ดีใจ
ตอนนี้เราลองย่อหน้าคำพูดเข้ามาด้วยอะ มันอ่านง่ายกว่ากันมั้ย บอกเราหน่อยนะจะได้ปรับอะ
สำหรับตอนนี้เป็นอย่างไรกันบ้างงงงงง อิอิ น้องยอลน่ารักจุงงงงงงง สรุปน้องฝันหรืออะไร 55555555555555 อย่างงค่ะ น้องฝันค่ะ >O<
ตอนนี้เห็นตาคุณอสูรแล้วววว เย้ๆๆๆ อีกกี่เรื่องจะจบนะ *นับนิ้ว* เอาเป็นว่าคงเยอะอยู่ = = เราจะรีบปั่นให้นะคะ ><
รักทุกคนที่เข้ามาอ่าน มาเมนท์ มาเฟบค่ะ จุ๊บจู๊บบบบบบบบบ >3<
ความคิดเห็น