คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : {one shot} Rain - myungyeol
Rain
ฤดูฝนทำให้ใครหลายคนรู้สึกเศร้า
ฤดูฝนทำให้คิดถึงความรักครั้งเก่า
ฤดูฝนเป็นฤดูที่เต็มไปด้วยความหม่นหมอง
หลายคน..เกลียดฤดูฝน
ร่างบางใช้มือเท้าคางมองออกไปนอกกระจกใส เม็ดฝนโปรยปรายอยู่ด้านนอก เมฆสีครึ้มปกคลุมทั่วบริเวณ ทัศนียภาพต่างๆดูเศร้าหมองเสียจนบางคนรู้สึกหดหู่ แต่คงไม่ใช่กับเจ้าของใบหน้าเนียนที่ยังคงมองออกไปนอกหน้าต่าง ริมฝีปากอวบอิ่มค่อยๆขยับยิ้มบาง
"เข้าฤดูฝนแล้วหรอเนี่ย..แย่ล่ะสิ วันนี้ไม่ได้พกร่มมาด้วย"เพื่อนคนข้างๆบ่น ซองยอลหันมายิ้มกว้าง หยิบโทรศัพท์ตนเองขึ้นมาปลดล๊อคหน้าจอให้อีกคนดู
"ตั้งเตือนความจำไว้สิ แบบนี้ดีกว่านะ"เสนอแนะด้วยความหวังดี ก็ผมเคยนี่..ลืมเอาร่มมาโรงเรียน อา ใช่หน้าฝนเมื่อปีที่แล้วหรือเปล่านะที่คนคนนั้นเกิดใจดีให้ยืมร่ม..
ผมเรียนในโรงเรียนมัธยมปลายชื่อดังแห่งหนึ่ง วันนั้นฝนตกตอนเลิกเรียนแบบพอดิบพอดี โชคร้าย ผมกลับลืมร่มสีเหลืองอ่อนของตัวเองไว้ที่บ้าน ขณะที่กำลังยืนมองสายฝนที่กระหน่ำลงมาแบบไม่เห็นใจนักเรียนที่ต้องกลับบ้านก็มีมือเย็นๆชื้นๆจับแขนเอาไว้ พอเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งก็ส่งยิ้มทักทายตามประสาคนอัธยาศัยดี
"ยังไม่กลับบ้านอีกหรอ"เพื่อนคนข้างๆถาม ซองยอลพยักหน้ารับทั้งๆที่ยังไม่ละสายตาจากสายฝน เสียงฟ้าร้องรวมกับเสียงหยาดฝนกระทบพื้นดังจนแทบไม่ได้ยินเสียงคนข้างๆทั้งๆที่ยืนอยู่แทบจะกอดกัน
"ฝนตกขนาดนี้มีร่มก็เปียกอยู่ดี"ยังคงเป็นอีกฝ่ายที่พูดอยู่เนืองๆและไม่ปล่อยให้สถานที่หลบฝนชั่วคราวของพวกเขาสองคนเงียบจนเกินไป ซองยอลยืนขยับหลบความเปียกชื้นที่ชักจะกินเนื้อที่ภายในมากขึ้นเรื่อยๆ
"ตอนแรกมายืนทำอะไรตรงนี้"เป็นอีกคำพูดที่ผมจำได้ขึ้นใจ มันดูเป็นคำถามที่แปลกแต่ก็ไม่มากซะทีเดียว
"จะมาซื้อนมแต่ร้านปิดน่ะ"ผมตอบกลับไป เขาพยักหน้ารับช้าๆ พวกผมสองคนยังคงยืนอยู่หน้าร้านขายของกันเงียบๆ มองฝนเม็ดแล้วเม็ดเล่าหล่นกระทบพื้น ซองยอลหลับตาลงเพื่อฟังเสียงฝน ผมมักจะทำแบบนี้เป็นประจำถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้าคนเยอะเกินไป ผมชอบเสียงฝน เสียงเวลามันหล่นดูหนักแน่น เหมือนจะคอยบอกผมว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว..ฟังดูแปลกใช่ไหมล่ะ
ท้องฟ้าสีมืดส่งเสียงร้องอย่างน่ากลัว ร่างบางขยับถอยหลังโดยอัตโนมัติ ทำให้แผ่นหลังชนกับอกกว้างของอีกคนที่ยืนซ้อนอยู่เยื้องไปทางขวา จากที่จะต้องตกใจเพียงรอบเดียวก็ต้องสะดุ้งเป็นครั้งที่สองเพราะมือเย็นที่แตะไหล่อยู่ ทำให้ตกใจทำไมกันเนี่ย ซองยอลเผลอชักสีหน้าไม่พอใจใส่เพื่อนที่ไม่สนิทจนคนเห็นเอ่ยขอโทษเบาๆที่แทบจะกลืนไปกับเสียงฝน
"อือ"ตอบรับในลำคอแล้วก็ต่างคนต่างเงียบ เม็ดฝนยังคงตกอย่างหนักและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเร็วๆนี้ ซองยอลเบ้หน้า ถ้าออกไปก็ต้องเปียก มีร่มก็ต้องเปียก ลำพังตัวเขาคนเดียวน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่ชีทในกระเป๋านี่สิ ถ้าเกิดว่าเปียกขึ้นมา หมึกปากกาก็คงเยิ้มละลายจนอ่านไม่รู้เรื่องแน่ สิ่งที่นั่งจดมาร่วมชั่วโมงจะหายไปเพียงเพราะเม็ดฝนภายในไม่กี่นาทีน่ะหรอ เขาไม่ยอมหรอกนะ
"รอฝนซาอีกนิดแล้วยืมร่มฉันก่อนก็ได้"คนข้างๆพูดขึ้นอย่างใจดี ซองยอลหันไปมองอีกฝ่ายอย่างชั่งใจ เกรงใจก็เกรงใจ กลัวว่าแม่จะห่วงก็กลัว เพราะโทรศัพท์เขาแบตหมดแท้ๆ ไม่อย่างนั้นคงจะโทรบอกแม่ได้แล้วล่ะว่าไม่ต้องเป็นห่วง ..บางทีมยองซูอาจใจดีให้ยืมโทรศัพท์ด้วย
"เอ่อ..ขอยืมโทรศัพท์หน่อยสิ ฉันจะโทรหาแม่น่ะ"
"อ้าว แล้วไม่บอกแต่แรก นี่ รีบโทรสิเดี๋ยวแม่นายเป็นห่วงเอานะ"เสียงทุ้มเอ่ยอย่างร้อนรน ทำอย่างกับเป็นแม่เขาแหน่ะ ซองยอลเลิกสนใจเจ้าของโทรศัพท์แล้วกดโทรออกหามารดาแทน คุยกันอยู่เพียงสักครู่ซองยอลก็บอกให้วางสายจะรีบกลับ
"ขอบคุณนะ"คืนโทรศัพท์คนข้างๆด้วยรอยยิ้มที่พาคนเห็นใจกระตุก ซองยอลเดินไปด้านหน้าเล็กน้อย ยื่นมือออกไปนอกชายคา มือบางสัมผัสเม็ดฝนเย็นเยียบ ปากอิ่มแย้มยิ้มเมื่อเห็นว่าฝนเริ่มซาลงแล้ว
"เอาร่มฉันไปสิ กลับบ้านดีๆล่ะ"ร่มสีดำถูกยื่นมาข้างหน้า ร่างบางทำท่าคิดอีกครั้งแต่แล้วก็รับร่มคันนั้นมาพร้อมระบายยิ้มจนตาหยี ซองยอลกางร่มแล้วเดินออกไปจากหน้าร้านขายของ ก้าวไปแค่สามถึงสี่ก้าวก็หันกลับมา โบกมือลาคนใจดีอีกครั้งก่อนจะวิ่งหายไป
"ไม่แปลกถ้าฉันจะรักนาย"เสียงทุ้มดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝนพร้อมรอยยิ้มที่ยากจะคาดเดาว่าเจ้าของคิดอะไรอยู่กันแน่
ซองยอลเข้าโรงเรียนเช้าเหมือนเช่นทุกวัน แต่สิ่งที่แปลกไปคือเพื่อนที่อยู่ในห้อง คิมมยองซูหรอ.. ปกติสายตลอดนี่นา ทำไมวันนี้ถึงมาเช้าได้ล่ะ ดวงตากลมฉายแววฉงนจนคนมองรู้สึกได้ ริมฝีปากสวยกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อคิดได้ว่าเพื่อนอีกคนคิดอะไรเกี่ยวกับตนเองอยู่
"ฉันมาเช้า..แปลกหรือไง"เอามือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเข้ามาใกล้ๆอีกคนจนซองยอลต้องผงะหนี
"อ..เอ่อ ก็ปกติมาสาย.."
"อืมม มาเช้าเพราะอยากเจอนายเลยนะเนี่ย"
นี่!..มาพูดแบบนี้ไม่คิดว่าคนฟังจะใจเต้นบ้างหรือไง
ฝนตก.. แต่คราวนี้ผมไม่ลืมร่มหรอกนะ ปัญหาอยู่ที่ว่าร่มผมขาดต่างหาก ผมยืนอยู่ที่เดียวกับเมื่อวาน ทุกอย่างเหมือนเดจาวู ผู้ชายผมดำนี่ก็ด้วย มยองซูยืนอยู่ข้างๆผมเหมือนเมื่อวานเด๊ะ ผมไม่กล้าสบตาเขาเลย ไม่กล้าหันไปมองด้วย เพราะคำพูดเมื่อเช้าแท้ๆ ดวงตากลมโตหลุบลงต่ำ ยืนมองเท้าตัวเองเพื่อสงบสติ เหมือนว่าคนข้างๆจะขยับเข้ามาใกล้กว่าเดิมซองยอลถึงได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ รู้สึกเหมือนโดนจ้องเลย.. มยองซูคงไม่ใช่โรคจิตหรอกใช่ไหมนะ อาา ซองยอล ฟุ้งซ่านอะไรของนายน่ะ
"นี่.."เพียงแค่เสียงอีกคนเรียกเบาๆร่างบางก็สะดุ้งเฮือกเหมือนมีใครเอาอะไรมาจี้ มยองซูเลยพลอยตกใจไปด้วย
"อ..เอ่อ มีอะไรหรอ"
"ร่มก็มี ทำไมไม่กางล่ะ"สายตาคมมองไปที่ร่มสีเหลืองอ่อนของซองยอล คนตัวบางหัวเราะแหะๆ
"มันขาดอะ"
"งั้นพรุ่งนี้ไม่ต้องเอาร่มมา เรากลับด้วยกันก็ได้"
มีข้อเสนอดีๆแบบนี้อยู่ตรงหน้าอีซองยอลจะไม่รับได้ยังไงล่ะจริงไหม ร่มก็ไม่ต้องเอามาให้เป็นภาระ ไม่ต้องกลับบ้านคนเดียวอีกต่างหาก ดีจะตาย
อีซองยอลกับคิมมยองซูกลับบ้านด้วยกันทุกวันจนเรียกได้ว่าสนิทถึงขั้นบางวันถ้าฝนตกหนักมากๆก็ค้างบ้านกันได้เลย ซองยอลโดนเพื่อนล้ออยู่บ่อยๆเรื่องมยองซูแต่เจ้าตัวดูจะไม่สนใจนักเพราะคิดว่าก็เพื่อนกันเฉยๆ ดังนั้นเพื่อนหลายคนจึงพุ่งเป้าไปแกล้งคนหล่อของห้องแทน ซองยอลลอบมองอยู่หลายครั้ง บางครั้งมยองซูก็บอกว่าชอบเขาบ้างล่ะ อยากเป็นแฟนด้วยบ้างล่ะ ยิ่งเพื่อนถามคำตอบก็ยิ่งสื่อชัดเจนว่าคิมมยองซูน่ะชอบอีซองยอล นี่เขาไม่ได้คิดไปเองหรอกใช่ไหม?
"ซองยอล กลับบ้านกัน"มยองซูเดินมายืนหน้าโต๊ะเรียนของอีกคนแต่ซองยอลกลับเงียบ
"ขอโทษนะ วันนี้ฉันเอาร่มมาน่ะ ขอตัว"คำพูดนิ่งๆพร้อมท่าทีห่างเหินผิดปกติของร่างบางทำให้มยองซูรู้สึกไม่ดี เพราะอะไร ทำไมอยู่ๆซองยอลก็แสดงท่าทีไม่พอใจแบบนั้นออกมา หรือจะเพราะสิ่งที่เขาตอบกับเพื่อนๆงั้นหรอ
มยองซูรีบกวาดของทุกอย่างใส่กระเป๋า หยิบร่มมากางแล้ววิ่งออกไปทางที่จะไปบ้านซองยอล ถ้าไม่พอใจเรื่องนั้นจริงๆบอกกันก็ได้ เขาเองก็ไม่อยากปฏิเสธเพราะไม่อยากโกหกใคร คนอื่นเขาก็ดูรู้มาตั้งนานแล้วว่าตัวเขาชอบซองยอล มีแต่เจ้าตัวนั้นแหละที่นอกจากเพื่อนตัวเองแล้วก็ไม่สนใจใครเลย
"ซองยอล!!!"เสียงทุ้มตะโกนเรียกคนที่ยืนถือร่มสีขาวเสียงดัง แค่แผ่นหลังเขาก็จำได้เราะคอยมองซองยอลจากข้างหลังอยู่ตลอดเวลา
"ม..มยองซู"
"โกรธฉันหรอ โกรธเรื่องอะไร ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันตอบเพื่อนๆแบบนั้นล่ะก็ ฉันบอกได้เลยนะว่าฉันไม่ได้โกหกหรือพูดแค่เอาสนุก ฉันชอบซองยอล ฉันชอบซองยอลจริงๆ ชอบมาตั้งนานแล้ว.."มยองซูก้มหน้ามองพื้น เม็ดฝนที่หยดกระทบร่มเสียงดังเปาะแปะ ช่วยทำให้ ณ ที่ตรงนั้นไม่เงียบจนเกินไป
"ฉันไม่ได้โกรธนะ เพียงแต่ไม่เข้าใจว่ามยองซูทำแบบนั้นทำไม เรื่องที่มยองซูชอบ ฉันขอคิดก่อนได้ไหม"
ซองยอลขอมยองซูก็รอ แต่ดูเหมือนว่าซองยอลจะคิดนานเกินไป พอรู้คำตอบ คนฟังก็ไม่อยู่เสียแล้ว..มยองซูโดนที่บ้านจับให้ไปเรียนที่อื่น ซองยอลไม่รู้หรอกว่าที่ไหน คราวนี้ซองยอลจะรอบ้าง รอเหมือนที่มยองซูรอซองยอลมาตลอด...
ร่างบางวิ่งเข้ามาหลบใต้ชายคาร้านขายของอีกครั้ง เรื่องลืมร่มนี่จดไว้เป็นสถิติได้เลยนะ เขาลืมมันบ่อยจนคิดว่าบางทีไม่ต้องหยิบมันมาก็ได้เพราะวันที่หยิบมาฝนดันไม่ตกซะอย่างนั้น ฟ้าฝนชอยกลั่นแกล้งซองยอล :( ถ้าเป็นเมื่อก่อน.. มยองซูก็จะมายืนข้างหลังเขา แล้วพูดว่า
"เอาร่มฉันไปใช้ไหม"เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้นข้างหลัง ซองยอลรีบหันกลับไปมอง พอเห็นหน้าเจ้าของเสียงก็โผเข้ากอดแล้วร้องไห้ออกมา มยองซูมายืนอยู่ตรงหน้าซองยอลแล้ว มยองซูที่ซองยอลรออยู่ทุกเย็นในวันฝนตก มยองซูที่ทำให้ซองยอลได้รู้ว่าการรอใครสักคนน่ะ มันทรมานมากแค่ไหน
"ฮึก..มยองซู..มยองซู ฮึก มยองซูจริงๆด้วย"เสียงใสปนเสียงสะอื้นเอ่ยเรียกชื่ออีกคนซ้ำไปซ้ำมา กลิ่นน้ำหอมบางเบาที่คุ้นเคยยิ่งทำให้ความคิดถึงมีมากเป็นทวีคูณ ซองยอลคิดถึงมยองซู คิดถึงมากๆ
"เจอหน้ากันแล้วร้องไห้นี่ไม่อยากเห็นหน้ากันแล้วใช่ไหม"ร่างหนาเย้าอีกฝ่ายเล่นยิ้มๆเลยโดนฟาดไปหนึ่งครั้ง
"ฉันรักมยองซูนะ รักจริงๆนะ พอจะบอกก็หายไปไหนไม่รู้ ฮึก โทรไปก็ไม่รับอ่า"ซองยอลร้แงไห้จนตาแดงจมูกแดง มยองซูยิ้มขำกับท่าทางเหมือนเด็กน้อยได้เจอพ่อแม่ของร่างบาง เขาก็คิดถึงซองยอล โดนจับย้ายไปอยู่บ้านญาติตั้งปีกว่า โทรศัพท์ก็หาย ติดต่อใครก็ไม่ได้ คือเขาก็ยอมรับแหละว่าโง่เองที่จำเบอร์ใครไม่ได้ซักคน ไปอยู่ที่นั่นเหมือนหายสาบสูญไปจากโลก อินเตอร์เน็ตก็ขาดๆหายๆ เอาจริงๆนะ มันแย่มาก
"จะร้องทำไมเยอะแยะ กลับบ้านไปเดี๋ยวฉันก็โดนคุณป้าว่าพอดี กลับมาทั้งทีดันทำลูกเขาร้องไห้แบบนี้"
"ฮึก ขอโทษ กลับบ้านกันนะ วันนี้นอนด้วยกันนะ"
"คร้าบบ โอ๋ๆ ขี้แยจริง"มยองซูกางร่มแล้วโอบไหล่บางเข้าหาตัว ปล่อยให้คนขี้แยซุกตัวเข้าหาแล้วก้าวไปพร้อมๆกัน
เกลียดหน้าฝนหรอ..
ผิดแล้ว
ผมชอบมันต่างหากล่ะ
TALK:D
มาลงฟิคต้อนรับฤดูฝนซะหน่อย -w-
ใครที่ขอมยองนัมไว้เรากำลังจะแต่งให้นะคะ รอหน่อยนะ
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ (_ _)
ความคิดเห็น