คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : {short fic} Midnight party - myungyeol
Midnight party : You.. Who are you?
มือบางพลิกกระดาษหอมในมือไปมาอยู่หลายครั้งอย่างชั่งใจ คิ้วสวยขมวดเป็นปมแสดงถึงความยุ่งยากในการตัดสินใจครั้งนี้ การ์ดเชิญไปงานหน้ากากที่บ้านของบอส-คิมซองกยู แต่ก็นั่นแหละ ถึงจะมีความสนิทสนมด้วยเป็นพิเศษแต่เขาก็ไม่ได้อยากจะไปงานแบบนี้เท่าไหร่นักหรอก ออกจะไม่ชอบเลยด้วยซ้ำ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ในเมื่อเจ้าของงานที่ท่าทางจะว่างจัดถึงกับเอ่ยปากบอกเป็นเชิงบังคับว่าอีซองยอลต้องไปน่ะ ถ้าคิมซองกยูไม่พูดแบบนั้นก็ตัดสินใจได้นานแล้ว
สุดท้ายก็ตัดสินใจเก็บกระดาษแผ่นนั้นลงกระเป๋าเตรียมตัวกลับบ้าน ยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้ก็มีมือปริศนาวางของบางสิ่งบางอย่างที่เรียกว่าหน้ากากลงบนโต๊ะทำงานเขาซะก่อน ไม่ต้องเงยหน้าไปมองก็รู้ว่าคงจะเป็นคิมซองกยูนั่นแหละที่ทำแบบนี้ จะบังคับให้ไปให้ได้สินะ คิดได้ดังนั้นก็ถอนหายใจแล้วเงยหน้าไปสบตากับคนที่ยืนอยู่หน้าโต๊ะ
“ผมต้องทำอะไรบ้างฮะ”อดไม่ได้ที่จะถามออกไป ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ถ้าเกิดว่ามันยุ่งยากมากก็จะถือโอกาสนี้ไม่ไปมันเลยแล้วกัน แต่ดูจากสายตากรุ้มกริ่มนั่นแล้ว …ชิ่งไม่ได้งั้นสินะ เฮ้อ ก็ได้ๆ เขายอมไปก็ได้!
“แต่งตัวดีๆพอ แล้วใส่หน้ากากนี่มาด้วยนะ กฎก็บอกไว้ชัดเจนแล้วใช่ไหมว่าห้ามบอกชื่อตัวเองและห้ามถามชื่อคนอื่น เจอกันคืนนี้ครับอีซองยอล”มือใหญ่เลื่อนมาตีแก้มยุ้ยเบาๆเพราะคาวมขี้เล่นของเจ้าตัว ซองยอลพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงาน ระหว่างทางกลับบ้านก็คิดไปด้วยว่าจะใส่ชุดอะไร หน้ากากที่พี่ซองกยูให้มามันก็เป็นหน้ากากสีดำเรียบๆ แค่เสื้อไหมพรมสีกับเดพสีดำก็พอล่ะมั้ง
ซองยอลสลัดความคิดเกี่ยวกับงานคืนนี้ทิ้งไปและกลับบ้าน พอถึงสถานที่พักอยู่อาศัยก็รีบขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกจากบ้านเลย ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงจะสายแน่ งานเริ่มสองทุ่มนี่นะ ตอนนี้ทุ่มกว่าแล้ว อา คงจะไม่พ้นไปสายจริงๆสิเนี่ย ซองยอลถอนหายใจพรืด พยายามอาบน้ำแต่งตัวให้เสร็จเร็วๆดั่งใจหวัง นี่ทำไมเขาต้องมาเตรียมตัวไปงานบ้าๆอะไรนั่นด้วยนะ ทั้งๆที่ไม่อยากจะไปแม้แต่นิด
ร่างบางหยิบหน้ากากขึ้นมาทาบบนใบหน้าของตัวเอง เอาเถอะ ถึงจะไม่ได้ดูดีอะไรมากมายนักแต่ก็ไม่ได้น่าเกลียดจนดูไม่ได้ คิมซองกยูนี่ก็รสนิยมดีเหมือนกันนี่นา เหอะ พอคิดถึงต้นเหตุแล้วก็พาลอารมณ์เสียเปล่าๆ คิดได้ดังนั้นจึงหยิบของจำเป็นอย่างโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงินลงไปข้างล่าง หน้ากากเจ้าปัญหายังคงอยู่ในมือบาง ซองยอลบอกลามารดาแล้วขับรถออกจากบ้านไป รู้สึกว่าสถานที่จัดงานจะเป็นบ้านของคิมซองกยูคนนั้นสินะ ไม่อยากไปที่นั่นเลยให้ตาย จะจัดทั้งทีลงทุนหน่อยไม่ได้หรือไงกัน
.
.
.
.
เสียงดังอึกทึกที่เล็ดลอดออกจากตัวบ้านไม่ได้ช่วยให้วองยอลรู้สึกอยากเข้าไปสักนิด นิ้วเรียวกระชับหน้ากากของตนเองให้เข้าที่เข้าทางแล้วเปิดประตูเข้าสู่โลกอีกใบที่ไม่มีคำว่าคนรู้จัก ถ้าหากสวรรค์ยังพอเห็นใจซองยอลอยู่บ้างก็ขอให้เขาเจอคิมซองกยูสักครั้งในปาร์ตี้นี้ก็ยังดี
“แหม ดูดีเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”เสียงทุ้มที่คุ้นเคยดังอยู่ข้างหูแข่งกับเสียงเพลง อ้อมกอดของผู้ชายคนนี้ทำให้อีซองยอลเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร จะบอกยังไงดีล่ะ เขาเรียกคุ้นเคยล่ะมั้ง ก็อดีตแฟนนี่
“พี่ซองกยูสินะฮะ มากอดผมแบบนี้พี่อูฮยอนมาเห็นจะไม่โกรธหรอฮะ”ซองยอลดึงแขนรุ่นพี่ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนเก่าออกอย่างเกรงใจ ก็เจ้าตัวเขามีแฟนใหม่เป็นตัวเป็นตนแล้วนี่ จะมากอดกันแบบนี้ถ้าเจ้าของตัวจริงมาเห็นจะยุ่งกันไปใหญ่ ยิ่งขี้วีนอยู่ด้วย ซองกยูหัวเราะเบาๆในลำคอและยอมปล่อยรุ่นน้องออกจากอ้อมแขน
“ยังไม่ลงมาหรอก ดูลูกอยู่บนห้องน่ะ”ซองยอลพยักหน้ารับ จะว่าไปยังไม่เคยเห็นลูกของสองคนนี้เลยนี่นะ อ่า เผื่อใครยังงงๆอยู่ ผมขออธิบายเลยแล้วกันนะครับว่าพี่ซองกยูกับพี่อูฮยอนไปรับเด็กมาเลี้ยงน่ะ เห็นว่าทางแม่พี่อูฮยอนอยากมีหลานก็เลยต้องเลยตามเลย พูดถึงก็เดินลงมาพอดี ซองยอลยิ้มให้พร้อมโค้งทำความเคารพอูฮยอน
“ไม่ได้เจอนานเลยนะ เป็นยังไงบ้างล่ะ”
“เรื่อยๆครับ ก็เลี้ยงตัวเองเลี้ยงแม่ไปก่อน”ซองยอลวาดยิ้มหวานอย่างจริงใจเพื่อให้คนตัวเล็กข้างๆซองกยูคลายกังวล เขารู้หรอกว่าพี่อูฮยอนน่ะคอยถามถึงแฟนเขาอยู่เสมอ คนมันจะไม่มีแฟนนี่นะ อยากจะหาแฟนให้ตัวเองเร็วๆเหมือนกันจะได้ไม่ต้องให้รุ่นพี่ตัวเล็กคนนี้กังวลมากนัก ถึงจะแต่งงานกับพี่ซองกยูไปแล้วแต่ซองยอลเคยคิดจะไปแย่งพี่ซองกยูกลับคืนมานี่ จะกังวล จะระแวงก็ไม่แปลก ซองยอลไม่เคยถือสาเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว ความรู้สึกคนน่ะห้ามกันไม่ได้หรอกใช่ไหมล่ะ
“งั้นพี่ไปก่อนนะ พี่กยูฮะ ลูกตัวร้อนๆนะ ไม่รู้ไปเล่นอะไรที่โรงเรียนมาหรือเปล่า”อูฮยอนเอ่ยถามอย่างเป็นกังวลพร้อมกับดึงซองกยูให้ออกห่าง ดังนั้นซองยอลจึงอยู่คนเดียว ร่างบางหันมองไปรอบๆ หลายคนนั่งจับกลุ่มคุยกันอยู่ที่โซฟา บางคนยืนคุย บางคนนั่งดื่มอยู่คนเดียว ซองยอลควรจะเข้าไปทักไหมนะ ไม่ดีกว่า… ขาเรียวยาวพาตัวเองไปทรุดนั่งฝั่งตรงข้ามของคนที่เห็นว่านั่งอยู่คนเดียว ไม่ได้อยากทำความรู้จักหรอกนะ อย่าทักซองยอลเชียวล่ะ
สงสัยเขาจะภาวนาช้าไป
“มาคนเดียวหรอครับ”ผู้ชายสูทดำทักขึ้น ซองยอลทำบุญมาน้อยจริงๆนั่นแหละนะ บอกว่าอย่าทัก ไม่ได้อยากรู้จักใครสักคนเดียวเลย แต่จะว่าไปคนที่นั่งตรงข้ามก็ดูดีไม่หยอก หลังจากนี้ก็ไม่ได้เจอกันแล้วนี่ คุยด้วยหน่อยคงไม่เป็นอะไรมั้ง งานนี้มันก็เหมือนวันไนท์สแตนด์นั่นแหละ ใครจะทำอะไรก็ได้ จะนั่งคุยเฉยๆหรือทำอะไรที่มากกว่านั้นก็ยังได้ ต่างคนต่างไม่รู้จักกัน.. ไม่มีการสานสัมพันธ์ต่อ
“ฮะ มาคนเดียว”แถมยิ้มหวานตบท้ายอย่างเป็นมิตร ผูกมิตรก็ดีกว่าผูกศัตรูอยู่วันยังค่ำนั่นแหละ ดูเหมือนว่าคนตรงข้ามก็ถูกใจซองยอลไม่น้อยเหมือนที่ซองยอลก็ถูกใจเจ้าของเสียงทุ้มนั่น
อยากรู้จักมากกว่านี้….
เวลาผ่านไปเนิ่นนาน คนสองคนยังคงนั่งอยู่ที่เดิม จำนวนแก้วที่เคยมีน้ำสีอำพันและสีต่างๆที่ผสมแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ไม่มีใครกล้าเข้ามาทักพวกเขาเลยแม้แต่คนเดียว อาจเป็นเพราะตรงนี้เป็นมุมมืด และแสงไฟส่องอยู่เพียงสลัวๆแลดูไม่น่านั่ง ซองยอลยกแก้วขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้ง อ้าปากเล็กน้อยปล่อยให้น้ำเหล่านั้นไหลลงคอไปเสียหมด ริมฝีปากอิ่มแดงจัด ดวงตากลมหวานเชื่อม ถึงแม้จะมองไม่ค่อยชัดนักเพราะมีหน้ากากบังอยู่ แต่คิมมยองซูก็ขอบอกได้เลยว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามนั้นเย้ายวนไม่น้อย
“น้ำไหมครับ คุณดูไม่ไหวแล้วนะ”ทักท้วงอย่างเป็นห่วงในอาการมึนเมาของคนตรงหน้า ถึงจะไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกันเป็นพิเศษแต่หลังจากที่นั่งด้วยกันมานานพอสมควรก็ถือซะว่ารู้จักกันแล้วก็แล้วกัน ซองยอลส่ายหัวพร้อมโบกมือปฏิเสธ ร่างบางลุกขึ้นและพยายามจะทรงตัวให้ตรง เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เซล้มลงฝั่งที่มยองซูนั่งอยู่ ร่างหนาขยับตัวลุกขึ้นพยุงร่างบางเอาไว้ นัยน์ตาของคนทั้งสองประสานกันอยู่เนิ่นนานก่อนที่มยองซูจะนั่งลงกับโซฟาตัวใหญ่เช่นเดิม
ร่างบอบบางเมามายเสียจนต้องเอนพิงซบไปกับอกแกร่ง มยองซูไม่ได้ว่าอะไร ออกจะชอบใจเสียด้วยซ้ำที่อีกคนซบลงมาแบบนี้ กลิ่นน้ำหอมจางๆจางตัวอีกฝ่ายเกือบทำให้มยองซูสติเตลิดไปไกล ยิ่งช้อนตามองกันด้วยสายตาแบบนั้นแล้วก็อดที่จะเตือนไม่ได้ แต่ดูเหมือนจะเมามากเสียจนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น ซองยอลขยับตัวมาจ้องตากับมยองซูแทน แขนเรียวยกขึ้นวางบนไหล่หนาและเปลี่ยนเป็นโอบรอบคออีกฝ่าย และวินาทีนั้นที่สติของมยองซูได้หายไปจากความรู้สึกนึกคิด เขารับรู้เพียงริมฝีปากนุ่มที่ทาบทับลงมาเท่านั้น มือหนากอดกระชับเอวบางเอาไว้ในขณะที่ริมฝีปากยังคงมอบจูบแสนหวานให้แก่กันและกัน เรียวปากอิ่มแดงของอีกฝ่ายหวานเสียจนมยองซูอยากจะครอบครองมันซ้ำๆ แต่เมื่ออีกคนหายใจไม่ทันก็ต้องจำยอมปล่อยให้ร่างบางได้กอบโกยอากาศหายใจเข้าปอดก่อนที่จะถูกช่วงชิงไปอีกครั้ง..และอีกครั้ง
“อือ..”เสียงหวานครางอื้ออึงในลำคอเมื่อมือสากไม่หยุดอยู่แค่การโอบแต่กลับลูบไล้เรือนกายของตนอย่างจาบจ้วงและเป็นเครื่องแสดงถึงความต้องการของอีกฝ่าย ไม่ใช่แค่เขาที่ต้องการ ตอนนี้อีซองยอลก็ต้องการเช่นเดียวกัน เรียวปากสวยประทับจูบลงมาอีกครั้ง ร่างหนาโน้มตัวลงกับโซฟาเป็นผลให้แผ่นหลังบางแนบอยู่กับผิวเบาะนุ่ม ซองยอลครางอืออีกครั้ง มือทั้งสองออกแรงผลักคนด้านบนเบาๆ
“เดี๋ยวมีคนมาเห็นนะฮะ”ใบหน้าเขินอายที่ขึ้นสีระเรื่อของซองยอลเรียกรอยยิ้มเอ็นดูจากร่างหนา อะไรจะน่ารักขนาดนี้กันผู้ชายคนนี้ จมูกโด่งก้มลงหอมแก้มใสแล้วช้อนกายบางขึ้นไปชั้นบน ซองยอลแนบใบหน้าลงกับอกอุ่น เขารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปแต่เขาก็เต็มใจที่จะทำมันต่อไป ถึงแม้จะรู้ว่าหลังจากนี้เขาจะไม่มีวันรู้ได้เลยว่าอีกคนเป็นใคร หน้าตาเป็นอย่างไร ทำงานที่ไหนหรือข้อมูลอื่นๆของคนคนนี้
ร่างบางถูกวางลงบนเตียงนอนนุ่มอย่างนุ่มนวล ร่างหนาที่คร่อมอยู่ด้านบนเผยยิ้มมุมปาก ก้มลงมากระซิบอะไรบางอย่างที่ซองยอลฟังไม่รู้เรื่องแล้วก็ละออกไป ตกอยู่ในความคิดตัวเองได้ไม่นานก็ต้องเม้มปากเมื่ออีกคนขมเม้มผิวกายของเขาจนเกิดเป็นรอยแดง มือหนาเลื่อนมาตั้งใจจะเปิดหน้ากากของซองยอลออกแต่มือบางกลับจับห้ามไว้ด้วยรอยยิ้มที่ไม่อาจคาดเดาอารมณ์ได้
“ไม่เปิดเผยตัวตนนะฮะ”พูดบอกเสียงแผ่ว มือบางไล้ไปตามโครงหน้าหล่อ เขาว่าตอนนี้เขามีสติขึ้นแล้วล่ะ เรื่องแบบนั้นห้ามเกิดขึ้นเด็ดขาด เขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาได้เขาไปง่ายๆหรอกนะ นึกโทษตัวเองที่เมื่อก่อนหน้านี้เผลอคิดอะไรแบบคนใจง่ายไป แม่ไม่เคยเลี้ยงนายมาแบบนี้นะซองยอล มีสติสิ!
“ผมให้อีกจูบเดียวนะฮะ”เอ่ยบอกแบบนั้นก่อนไม่ได้มีโอกาสพูดอีก ริมฝีปากร้อนมอบจูบที่แสดงถึงความต้องการและแทบจะละลายซองยอลให้จมหายลงไปกับเตียง ผู้ชายคนนี้จูบเก่งเกินไปแล้วนะ ซองยอลผลักร่างหนาออกเมื่อหายใจไม่ออก อีกฝ่ายลุกขึ้นพร้อมกับฉุดให้ซองยอลลุกขึ้นด้วย มือหนาหยิบมือบางมาสวมแหวนของตนเองพร้อมกระซิบประโยคสุดท้ายในค่ำคืนนี้
“เผื่อว่าเราเจอกันอีก ผมจะได้รู้ว่าคุณเป็นใคร”เสียงทุ้มแหบพร่าดังวนไปวนมาก้องอยู่ในหัวซองยอลตลอดทาง ตั้งแต่ผู้ชายคนนั้นมาส่งถึงหน้าประตูบ้านพี่ซองกยูพร้อมบอกว่าให้ขับรถกลับดีๆ คำกล่าวนั้นไม่ได้ทำให้ซองยอลสามารถขับรถกลับบ้านได้อย่างปลอดภัยนัก หนักสุดก็เกือบชนต้นไม้ข้างทาง รถแทบเกยฟุตบาท ดีที่แถวนั้นไม่มีตำรวจไม่งั้นคงได้เสียเงินโดยใช่เหตุเป็นแน่
-midnight party-
ร่างบางคีย์ข้อมูลที่จำเป็นลงในเอกสารอย่างเหม่อลอย เสียงทุ้มในวันนั้นยังคงดังก้อง สัมผัสทุกส่วนที่ผู้ชายคนนั้นแตะต้องซองยอลยังคงจำได้ รอยจูบที่ฝากเอาไว้ก็ยังเด่นชัดอยู่บนลำคอของเขา ผ่านมาได้สองวันแล้ว อีซองยอลยังเอาแต่คิดถึงผู้ชายใต้หน้ากากคนนั้น ตกหลุมรักเขาหรือยังไงกันซองยอล ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่ล่ะ เขาเป็นใครเราไม่มีทางรู้ได้เลยสักนิด
“ซองยอล เหม่อๆนะ”เพื่อนร่วมงานคนนึงทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าซีดเซียวเหมือนคนไม่ได้นอนแถมยังเหม่อลอยของซองยอล อาการแบบนี้เป็นใครก็คงจะต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา
“อ..อ่อ ไม่ได้เป็นอะไรหรอก ขอบคุณนะ”
คิดถึงผู้ชายคนนั้นขนาดนี้เลยงั้นหรอซองยอล….
TALK:D
เรื่องที่สองมาแบบงงๆ เอ๊ะอะไร 5555555555555555
มีคนมาเฟบตั้งสามคนแล้วแน่ะ -w- ดีจุยยย อิอิ
คนที่ขอมยองยอลเรามาลงให้แล้วนะคะ >_________< ส่วนคนที่ขอมยองฮยอนง่ะ..ฮยอนนี่หมายถึงอูฮยอนใช่ไหมคะ ไม่ใช่จงฮยอนซีเอ็นบลูใช่ไหม หรืออะไรยังไงตอบเราด้วยนะ เดี๋ยวเเต่งผิดคู่เน้อออ
ขอบคุณคนที่มาเมนท์ให้มากมาย *จุ๊บแก้ม*
เจอกันตอนหน้านะฮับบบ บะบุยยยยยยยยยย *ปาหัวใจ*
ความคิดเห็น