ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Inescapable ( fic infinite )

    ลำดับตอนที่ #4 : 03 - Reason

    • อัปเดตล่าสุด 3 ต.ค. 56


        



               03 - Reason

    ปิ๊งป่อง!

    “ใครมาน่ะ…” ผู้จัดการเอ่ยถามเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ข้างกายเขา แต่แอลก็ไม่รู้เหมือนกัน เขาทำได้แค่ส่ายหน้าไปมา “เดี๋ยวฉันไปดูให้” ชายวัยกลางคนบอกพลางลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ และเดินไปที่ประตูห้อง

    แอลยังคงนั่งคิดบางอย่างอยู่กับที่ คิดถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา คำถามที่ยังคงค้างคาใจเขาเสมอ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แอลคิดถึงเรื่องนี้ เขาคิดแบบนั้นมานานแล้ว ตั้งแต่ตอนรู้ข่าวว่าซองยอลตาย… ตอนนั้นเป็นครั้งแรกที่เขาได้เริ่มคิดเรื่องนี้แบบจริงจัง แต่แอลก็ยังคงไม่ได้คอตอบอยู่ดี

    “เฮ้ มีคนบอกว่าชื่อเคลวินมาหานายน่ะ”

    “เคลวิน?” แอลท้วนชื่ออีกครั้ง

    “ใช่ รู้จักรึเปล่า” รู้ยิ่งกว่ารู้เลยล่ะ

    ชายหนุ่มค่อนหัวเราะออกมาทันที “มาได้จังหวะจริงๆเลยนะ”

    แอลพูดแล้วลุกขึ้นจากโซฟา เขาเดินตรงไปที่หน้าประตูห้อง ตรงหน้าปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดสูทอย่างเป็นทางการ แอลมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด

    “คุณชาย” แต่เคลวินก็ไม่ได้ถือสาอะไร หรือเขาไม่มีสิทธิ์จะถือสานั่นเอง

    “พี่กลับไปก่อนเถอะ” แอลหันไปบอกผู้จัดการของเขา

    “อืม นายไม่ได้มีปัญหาอะไรใช่ไหม” ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเห็นสายตาที่แอลใช้มองอีกฝ่าย มันไม่เป็นมิตรเลยจริงๆ

    “ครับ เขาเป็นคนรู้จักของผมเอง ไม่ต้องเป็นห่วง”

    “อ้อแล้วเรื่องข่าวถ้าทางท่านประธานคิดจะแก้ข่าวยังไง แล้วฉันจะโทรมาบอกนายอีกทีแล้วกัน โอเคนะ” ผู้จัดการไม่ลืมที่จะทิ้งท้ายเรื่องนี้ไว้กับแอล ก่อนจะเดินออกจากห้องของเขาไป

    “มีเรื่องด่วนงั้นเหรอ?” เหมือนเป็นทั้งคำถามและการประชด

    แต่โดยปกติแล้วการที่ชายหนุ่มในชุดสูทคนนี้ปรากฏตัวที่เกาหลี ก็มักจะมีเรื่องบางอย่างมาบอกเสมอ

    “ครับ เรื่องท่านประธาน”

    “งั้นเหรอ

    แอลพูดแค่นั้นแล้วเดินกลับไปที่โซฟาใจกลางห้องโถง เป็นเชิงให้อีกฝ่ายตามเข้ามา

    “นายท่านไม่สบายมากครับ” ชายหนุ่มในชุดสูทพูดขึ้นในขณะที่แอลกำลังนั่งลงที่โซฟา

    “อืม” ร่างสูงครางเสียงเบา ใบหน้ายังคงเรียบเฉยไม่ต่างจากเดิม

    “คุณชาย นายท่านต้องการพบคุณจริงๆ”

    คราวนี้แอลเงยหน้าขึ้นมองชายในชุดสูทตรงหน้าเขาอีกครั้ง “แล้วไง?

    “นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้าย….” น้ำเสียงนั้นแผ่วเบาและจริงจัง

    “นายพูดแบบนี้มาสามรอบแล้ว” แต่แอลก็ไม่ได้สนใจเลยเพราะโดนหลอกมานับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งเหตุผลเดียวที่ต้องโกหกก็เพื่อให้เขากลับไปที่อเมริกา “อีกอย่าง… มีอะไรอยากจะบอกฉันไหม?” ตอนนี้เขาสนใจเรื่องอื่นมากกว่า

    “ครับ?

    “เรื่องซองยอล นายกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่รึเปล่า?” แอลยังคงซัดคำถามไม่หยุดเพื่อจับผิดใครบางคน “จริงๆแล้วนายรู้มากแค่ไหนเกี่ยวกับเรื่องซองยอล” เขาสงสัยว่าบางทีลูกน้องสนิทคนนี้ สมัยอยู่อเมริกาอาจจะเป็นคนวางแผนให้ซองยอลได้หนีไปจากเขา

    “เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ” อีกฝ่ายถามกลับด้วยสีหน้ามึนงง

    แอลได้แต่หัวเราะออกมาเล็กน้อยเมื่อเห็นแบบนั้น เคลวินโกหกได้ไม่เนียนเลย

    “ตอนอยู่อเมริกามีนายคนเดียวที่รู้ว่าฉันทำอะไรกับซองยอลไว้บ้าง ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใคร คนที่ไปขอให้พ่อฉันช่วยจัดฉากทำเป็นว่าซองยอลตายไปแล้ว!!” เหมือนระเบิดเวลา แอลรอที่จะพูดคำนี้อยู่นาน เขาตะโกนออกมาเสียงดังลั่น

    ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นเมื่อตอนที่เขารู้ข่าวจากพ่อว่าซองยอลตายไปแล้ว ตอนนั้นเขาตัวแข็งราวกับหิน เหมือนโลกทั้งใบพังทลายลงตรงหน้าของเขา อยากจะร้องไห้ออกมาก็ทำไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าทุกคน เขาทำได้แค่ร้องไห้ออกมาคนเดียวในห้องของตัวเอง ร้องเรียกหาชื่อของคนๆนั้น ในขณะที่คนอื่นๆใช้ชีวิตเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป

    “คุณชาย… เจอคุณซองยอลแล้วเหรอครับ

    “ใช่ ฉันเจอมันแล้ว สุขสบายดีแถมตอนนี้ยังทำเป็นไม่สนใจฉันด้วย เหมือนกับว่ามันไม่รู้จักฉันมาก่อน หมอนั่นทำอย่างกับว่าฉันเป็นคนแปลกหน้า ทำเหมือนแม่ของมันไม่ใช่เมียน้อย ไม่ใช่คนที่ทำให้แม่ของฉันต้องตายอย่างโดดเดี่ยว!!!

    “คุณชาย

    แอลอยากจะสงบสติอารมณ์ของตัวเองไว้ แต่เมื่อไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงเรื่องราวในอดีต ตอนที่ได้รู้จักกับซองยอลครั้งแรก ความโกรธแค้นทุกอย่างก็ถาถมเข้ามาใส่ ราวกับว่านี่ไม่ใช่ตัวของเขาเอง ความคิดทุกอย่างได้แตกแยกออกไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง

    “คนอย่างมันน่าจะตายๆไปซะ”

    เขาเกลียดโลกใบนี้ เกลียดที่พ่อของเขาไม่ได้อยู่ด้วยในวันที่แม่ของเขาจากไป แต่กลับไปอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง มิหนำซ้ำเมื่อแม่ของเขาเสียไปแล้วก็ยังนำลูกของผู้หญิงคนนั้นเข้ามาในบ้าน ให้เป็นพี่น้องกับเขาทั้งๆที่ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน

    “กลับไปซะ”

    “คุณชาย

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะกลับออกไป แอลจึงเดินไปที่หน้าประตูห้องด้วยสีหน้าโกรธจัด เขาเปิดประตูห้องออกอย่างรุนแรงแล้วยืนอยู่ตรงนั้น รอให้ใครบางคนเดินออกไป

    “ผมหวังว่าคุณชายจะไปฟังคำอธิบายจากนายท่าน” ชายในชุดสูททิ้งท้ายไว้ด้วยคำพูดประโยคนั้น

    เมื่อผู้มาเยือนเดินจากไปแอลยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง เขาลังเลที่จะทำบางสิ่งบางอย่าง ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา มือหนายกขึ้นจับลูกบิดประตู กำลังจะปิดประตูห้อง แต่เมื่อใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้น สายตาก็ไปบรรจบที่ภาพตรงหน้า

    “ซองยอล?” ครางเสียงเบาด้วยความประหลาดใจ

    แอลเห็นซองยอลกำลังเดินเข้าไปในห้องพักที่ห่างออกไปจากเขาไม่มากนัก และมีผู้ชายคนหนึ่งกอดคอร่างบางเข้าไปในห้อง… โดยที่ทั้งคู่ไม่ได้สังเกตเห็นเขาเลยแม้แต่น้อย

     

    “ต้องล้อฉันเล่นแน่ๆ” แอลพึมพำอยู่คนเดียว เขายืนพิงประตูห้องตัวเองเพื่อรออะไรบางอย่าง

    จะเข้าไปดีหรือเปล่า หรือบางทีคนๆนั้นอาจจะไม่ใช่ซองยอล

    มีเพียงความลังเลอยู่ในหัวของเขา และในขณะนั้นเองใครบางคนก็เดินออกมาจากห้อง ไม่ใช่ซองยอลแต่เป็นคนที่แอลไม่รู้จัก เมื่อเห็นคนแปลกหน้าเดินผ่านไปไกลแล้ว แอลก็รีบตรงเข้าไปเคาะประตูห้องทันที

    “เปิดสิวะ”

    ปึกปึกปิ๊งป่องๆ!!!

    ทั้งเคาะทั้งกดออดหน้าประตูเสียงดัง จนกระทั่งมีคนออกมาเปิดประตูห้องให้เขา

    “มาแล้วครับ” ทันทีที่ภาพตรงหน้าปรากฏ ชายหนุ่มที่เดินมาเปิดประตูห้องก็ถึงกับต้องตกใจ

    “ทำไม? เห็นหน้าฉันทำอย่างกับว่าเห็นผี อ้อ แต่เป็นฉันมากกว่าที่เหมือนเห็นผี” แน่ล่ะ ก็เขาคิดมาตลอดว่าซองยอลตายไปแล้ว

    “คุณมาทำอะไรที่นี่”

    “ฉันควรถามนายมากกว่าว่าทำไมถึงเข้ามาที่นี่พร้อมกับ” แอลเว้นช่วงพลางแค่นหัวเราะออกมา “ผู้ชายคนหนึ่ง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน

    “มันไม่ใช่เรื่องของคุณ”

    “งั้นเหรอ?” อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูง

    “เชิญกลับไปเถอะนะครับ”

    ปึก!

    เมื่อประตูห้องกำลังจะปิดลงแอลก็ใช้เท้าของเขาและแขนยันเอาไว้

    “ไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจจับคุณ”

    “คำขู่โง่ๆ คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ”

    ซองยอลเงียบไปในทันทีเมื่อได้ยิน

    ใช่ เขาไม่กล้าแจ้งหรอก นี่ก็เป็นแค่คำขู่ ซึ่งพยายามทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าเขาได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ ซองยอลคนเดิมที่รู้จักอีกต่อไป แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่สำเร็จ เมื่อแอลไม่ได้มีสีหน้าเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย และยังคงมองเขาด้วยสายตาดูถูกไม่ต่างจากเดิม

    “มานี่!” เมื่อพูดจบก็กระชากแขนของอีกฝ่ายให้ออกมาจากห้อง จนร่างบางแทบปลิว

    “ปล่อยผมคุณคิดจะทำอะไร ปล่อยผมสิ!” ซองยอลร้องบอกเสียงหลงด้วยความตกใจ ในขณะที่แอลยังคงกระชากแขนเขาให้เดินตามไป จนกระทั้งถึงห้องพักของเขา ร่างสูงผลักซองยอลเต็มแรงจนแผ่นหลังกระแทกเข้ากับกำแพงห้อง

    “ฉันปล่อยแน่” แอลพูด

    แต่ประโยคนั้นไม่ได้ทำให้ซองยอลรู้สึกสบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย

    “แต่ขอบอกไว้อย่าง ถ้านายอยากจะหนีก็หนีไปให้ไกล เพราะต่อให้นายจะหนีไปไกลสักแค่ไหน ฉันก็จะตามหานายให้จนเจอ อย่าคิด ว่าฉันจะปล่อยนายไปอีกครั้ง ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินนี้เพื่อตามหานาย ต่อให้ฉันต้องทำร้ายใครต่อใคร ...ฉันก็จะทำ” น้ำเสียงที่แสนเยือกเย็นนั้นดังขึ้นพร้อมกับใบหน้าเรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยความร้ายกาจของผู้พูด

    บรรยากาศภายในห้องเงียบสนิทเมื่อแอลพูดประโยคนั้นจบ ซองยอลพูดไม่ออก เขาได้แต่ยืนมองหน้าของปีศาจร้ายที่แฝงอยู่ในตัวคนๆนี้ คิดถึงเรื่องราวในอดีตที่อีกฝ่ายเคยทำไว้กับเขา และมันก็เจ็บปวดมากเกินจะเยียวยา

    “เมื่อก่อนนายอาจจะสามารถพูดได้ว่า ฉันใช้กำลังเพื่อให้นายมาเป็นของฉัน และใช้เงินฟาดหัวนายอีกที แต่ตอนนี้… ฉันจะไม่ใช่เงินหรือกำลัง แต่ฉันจะให้ทางเลือก

    ……….

    “จะมาเป็นของฉันไหม” นั่นไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำขู่ “ถ้าไม่ก็เตรียมตัวรอดูคนรอบข้างแกต้องเดือดร้อนได้เลย

    ซองยอลรู้ดีว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหากเขาตอบปฏิเสธ

    “ครับ” น้ำเสียงสั่นจนรู้สึกได้อย่างชัดเจน

    “ครับอะไร พูดให้มันชัดๆสิ” อีกฝ่ายยังคงเล่นสนุกอยู่

    “ผมเป็นของคุณ”


     


    อารมณ์ของมยองประมาณว่าทั้งรักทั้งเกลียดซองยอลนะคะ เลยสับสนกับตัวตนของตัวเอง
    ตอนหน้าลีมนัมและมยองยอลนิดหน่อยค่ะ เอ็นซีทิ้งเมล์ไว้นะคะ ช่วงนี้เด็กดีโหดไม่กล้าแปะลิ้งค์เลยค่ะ 
    จะส่งให้ไม่เกินช่วงเที่ยงคืนวันนี้นะคะ ในอนาคตมีตอนอดีตของมยองแน่นอนค่ะ




        

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×