คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 - Someone
01 - Someone
เวลา 17.30 น.
ภายในร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งทีมงานและนักแสดงที่แอลร่วมงานด้วย พากันขึ้นไปที่ชั้นบน บริเวณโซนวีไอพี มีเพียงชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่ขอไปนั่งดื่มที่บาร์เพียงลำพัง โดยเขาให้เหตุผลว่าชอบความเงียบสงบมากกว่า เนื่องจากมีอะไรให้ต้องคิดค่อนข้างเยอะ และนั่นก็ไม่ได้เป็นการเสียงมารยาทแต่อย่างใด เนื่องจากทุกคนก็รู้จักนิสัยแอลเป็นอย่างดีอยู่แล้ว
“รับอะไรดีครับ” บริกรหนุ่มถาม
“ขอเตกีลาแก้วหนึ่ง” แอลตอบกลับพลางถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย
เขาไม่ได้อยากมาที่นี่เลยสักนิดเดียว แต่จำเป็นต้องมาเพราะไม่สามารถหาเหตุผลที่จะปฏิเสธได้
“เตกีลาครับ”
แก้วใสถูกวางลงบนเคาน์เตอร์ และแทบจะในทันทีชายหนุ่มยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด
“เฮ้! ซองยอลยังไม่มาอีกเหรอ หมอนั่นมัวทำอะไรอยู่”
ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยเรียบเฉย กระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงพนักงานคนหนึ่งตะโกนขึ้น ซองยอล… ชื่อนี้ เขายังคงจดจำได้ดี
“บนสวรรค์สบายดีรึเปล่า...” แอลพึมพำน้ำเสียงแผ่วเบา มือหนาลูบคลำขอบแก้วอย่างไร้ความหมาย
มันยากที่จะลืมคนที่ตายไปแล้ว โดยเฉพาะเมื่อคุณไม่เคยได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำต่อเขาเลย
“ย๊า! ลีซองยอล! รีบไปทำงานได้แล้ว!!”
ลี ซองยอล มันช่างเป็นอะไรที่บังเอิญซะจริงๆ ในประเทศเกาหลีใต้มีคนชื่อเดียวกันนามสกุลเดียวกันซ้ำกันเต็มไปหมด นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะมีคนชื่อ ลี ซองยอล โผล่ขึ้นมาอีก สิ่งเดียวที่แอลคิดก็คือ พระเจ้าคงกำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่
“แกมันซวยจริงๆเลยไอ้บ้าลีซองยอล…”
แต่ทว่าน้ำเสียงแบบนี้ คำพูดแบบนี้ มันจะบังเอิญเกินไปรึเปล่า?
นัยน์ตาคมกริบเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจ ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมองทางต้นเสียง แอลเห็นเพียงชายหนุ่มร่างสูงในชุดพนักงานเสิร์ฟคนหนึ่งกำลังยืนหันหลังอยู่ เขาหรี่ตามองด้วยความสงสัย
“เป็นไปไม่ได้…” พึมพำด้วยน้ำเสียงเบาบาง เมื่อคนที่เคยยืนหันหลังอยู่นั้นหันกลับมา
รอยยิ้มตอนพูดคุยกับลูกค้า สีหน้า ท่าทางแบบนั้น คือลีซองยอลที่เขาเคยรู้จักชัดๆ
“เมางั้นเหรอ…” พยายามสะบัดหัวแรงๆ มือหนายกขึ้นขยี้ตา แต่ภาพที่เห็นก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
ใบหน้าหล่อเหลาจดจ้องไปที่พนักงานเสิร์ฟคนเดิม และเมื่อชายหนุ่มคนนั้นกำลังเดินผ่านไป “ผมขอเตกีลาแก้วหนึ่ง” แอลพูดขึ้น ทำให้พนักงาคนดังกล่าวหยุดฝีเท้าลง และเห็นมาส่งยิ้มให้เขา
“ครับ…” รอยยิ้มค่อยๆจางหายไป กลับกลายเป็นสีหน้าอึ้งทึ่งแทนทั้งที่ เมื่อทั้งคู่ได้สบตากัน
ชั่วขณะแอลรู้สึกได้ในทันที ว่าอีกฝ่ายกำลังตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของเขา
“ซองยอล?” ชายนหุ่มครางถามเสียงเบา
“ครับ เดี๋ยวผมจะจัดการให้” แต่อีกฝ่ายไม่ยอมตอบ
เมื่อร่างบางกำลังจะหันหลังกลับไป คนที่เคยนั่งติดอยู่กับเก้าอี้ก็รีบลุกขึ้นกระชากแขนของอีกฝ่ายเอาไว้
“ฉันถามว่านายชื่อลีซองยอลรึเปล่า” แอลที่เต็มไปด้วยความสับสนเริ่มถามขึ้นอีกครั้ง
มือหนาบีบแขนของอีกฝ่ายเอาไว้แน่น ทำให้ชายหนุ่มในชุดพนักงานเสิร์ฟไม่สามารถเดินหนีไปไหนได้ เขาค่อยๆหันหลังกลับมาอย่างเชื่องช้า จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย และไร้ซึ่งคำตอบใดๆในทีแรก
“ครับ ผมชื่อลี ซองยอล” ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน กว่าชายหนุ่มจะตอบออกมาได้
“นายยังตาย?” แอลพูดขึ้นเสียงสั่น เขายังคงจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่เชื่อสายตา ความรู้สึกมากมายท่วมท้นที่ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ อัดแน่นอยู่ในใจของเขา
“ขอโทษนะครับคุณลูกค้า แต่ผมไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่”
เพียงคำพูดแค่ประโยคเดียวเท่านั้นทำเอาอีกฝ่ายถึงกับพูดไม่ออก มือเหมือนไร้เรี่ยวแรง ถูกอีกฝ่ายสะบัดออกได้อย่างง่าย
แอลยังคงมองตามหลังคนที่แสนคุ้นเคยไป และเมื่ออีกฝ่ายเดินกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มที่สั่ง เขาก็เริ่มตั้งสติได้ เมื่อแก้วใสถูกวางไว้บนเคาน์เตอร์ แอลก็รีบกระชากแขนของอีกฝ่ายเอาไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยว!” คราวนี้ทั้งคู่ได้สบตากันตรงๆอีกเป็นครั้งที่สอง แต่สีหน้าของคนที่แอลคิดว่าตายไปแล้วนั้น กลับแตกต่างออกไปจากก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เขาไม่ตกใจ ไม่แสดงออกใดๆ และดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรซะด้วยซ้ำ “นี่มันหมายความว่ายังไงกัน”
“คุณลูกค้าหากต้องการอะไรเพิ่มเติมสามารถสั่งกับพนักงานคนอื่นๆได้เลยนะครับ” ชายหนุ่มสวมบทพนักงานเสิร์ฟปั้นหน้ายิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่นั้นเป็นเพียงแค่พนักงานเสิร์ฟและลูกค้าธรรมดาๆเท่านั้น
“ไม่ตลกเลยนะซองยอล…”
“ขอตัวนะครับ” ถึงแม้จะพูดอย่างนั้นออกไปแล้ว แต่แอลก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยคนตรงหน้าไป
มันเหมือนสงครามเย็นที่ทั้งคู่ยังคงจ้องตากันอยู่ แต่ในขณะเดียวกันนั้นมือของพวกเขาก็กำลังยื้อแย่งกันไปด้วย
เพล้ง!
แก้วใสที่เคยวางอยู่บนเคาน์เตอร์ตกลงบนพื้นเสียงดังเพล้ง เมื่อชายหนุ่มในชุดพนักงานเสิร์ฟสามารถสะบัดแขนออกจากพันธนาการของอีกฝ่ายได้ เพราะเสียงดังเมื่อสักครู่นี้เขาก็ก้มหัวขอโทษลูกค้าและคนอื่นๆในร้าน
“ขอโทษด้วยครับ”
ทั้งคู่กลายเป็นจุดสนใจอยู่พักหนึ่ง ก่อนทุกคนจะหันหลังกลับไปทำกิจกรรมของตนเองต่อ
“นั่นแอลนี่น่า…”
เมื่อได้ยินเสียงจากคนรอบข้างที่จำตนเองได้ แอลก็ถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหน่ายเล็กน้อยและปั้นหน้ายิ้มในมาดของ ‘แอล’ อย่างเลี่ยงไม่ได้ ถึงอยากจะคุยกับใครบางให้รู้เรื่อง แต่อีกฝ่ายก็เดินเข้าไปที่หลังเลิกอย่างรวดเร็วและไม่กลับออกมาอีกเลย
“เกิดอะไรขึ้นนายทำแก้วแตกเหรอ ซองยอล” ที่หลังร้าน บริกรหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนร่วมงาน
“อืม มือมันลื่นนิดหน่อยน่ะ”
“ถ้าไม่สบายก็บอกนะ ไว้ฉันทำแทน”
“ไม่เป็นไร… สบายมาก”
ซองยอลตอบกลับด้วยรอยยิ้มในขณะที่เขารู้สึกเหมือนกำลังจะตายเพราะใครบางคน…
หลังเลิกงานตอนนี้เวลาก็ร่วงเลยไปกว่าสี่ทุ่มแล้ว แต่ถึงกระนั้นซองยอลก็มีงานพิเศษอื่นต้องไปทำอีก เขาเลือกที่จะเดินออกไปทางหลังร้านเพื่อเลี่ยงใครบางคน ไม่รู้ว่ากลับไปแล้วหรือยัง แต่ทว่า…
“มาคุยกันหน่อยสิ” เสียงทุ้มดังขึ้น และเมื่อมองตรงไปข้างหน้าก็ปรากฏร่างสูงของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา “คิดไว้แล้วว่านายต้องทำแบบนี้” แอลค่อยๆเดินเข้ามาใกล้กับซองยอลมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเลือกที่จะเว้นระยะห่างไว้เพียงเล็กน้อย
“คุณลูกค้าครับ ผมต้องขอโทษจริงๆที่วันนี้เสียมารยาทต่อหน้าคุณ” ซองยอลยังคงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไร
“คุณลูกค้า…? ยังไม่เลิกเล่นละครอีกเหรอ”
“………” อีกฝ่ายมีสีหน้าตรึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด
“อย่าทำเป็นจำฉันไม่ได้เลยซองยอล นายคิดอะไรอยู่แค่มองตาฉันก็รู้แล้ว” คำพูดนั้นมาพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “เราเคยเป็นพี่น้องกันไม่ใช่รึไง?”
เหมือนคำถามแต่ก็ไม่ใช่ ราวกับว่าเป็นการถากถางซะมากกว่า
“หรือจะพูดให้ถูกเราเคยเป็นมากกว่านั้น” แอลยังคงไม่หยุดพูดออกมา ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆเลื่อนไปกระซิบที่ข้างหู “ยังจำสัมผัสจากฉันได้ไหม….”
ในตอนนี้ซองยอลสัมผัสได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน วินาทีนี้ร่างกายของเขาแข็งทื่อราวกับหิน ไม่แม้แต่จะกล้าพูดอะไรออกมา
“หึ…” แอลเลื่อนใบหน้าออกมาจากซอกคอของอีกฝ่าย แสยะยิ้มเยาะเย้ยคนตรงหน้า
แต่ทว่า…
ผัวะ!
ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดไปตามแรงชกของอีกฝ่ายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ตัวเซถอยหลังไปเล็กน้อย มือหนายกขึ้นเช็คคราบเลือดที่มุมปากโดยอัตโนมัติ “แก!!” เปล่งเสียงออกมาด้วยความโกรธ
“นี่สำหรับที่คุณมาจุ้นจ้านกับผม”
“ฮะ?” แอลสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน
“พวกเราไม่ได้รู้จักกันดีถึงขนาดนั้น อย่ามายุ่งกับผมอีกไม่งั้นผมจะแจ้งตำรวจจับคุณ”
คิ้วเข้มยิ่งขมวดเป็นปมเมื่อได้ยินคำขู่ของอีกฝ่าย มันต่างจากที่แอลคิดไว้มาก ตอนนี้เขาไม่แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ได้แต่มองดูอีกฝ่ายค่อยๆเดินห่างออกไป ในขณะที่ตนเองนั้นยังคงยืนอยู่ที่เดิม
ซองยอลที่เขาเคยรู้จักไม่ใช่แบบนี้เลย…
ผับแห่งหนึ่งใจกลางกรุงโซล
สองเท้าก้าวเข้ามาในสถานที่ทำงานพิเศษอีกแห่ง ภาพแสงสีเสียงที่แสนคุ้นเคยปรากฏขึ้นตรงหน้า ซองยอลเดินตรงไปที่บาร์เขาเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมงานคนสนิท ก่อนจะเอ่ยถามถึงใครบางคน “อูฮยอน พี่ซองกยูล่ะ?”
“เจ้านายบอกว่าจะออกไปทำธุระนิดหน่อยน่ะ”
“อ่า… งั้นเหรอ” พึมพำด้วยน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อย
สรรพนามที่ทั้งคู่เลือกใช้กับบทสนทนาที่พูดถึงคนๆเดียวกันนั้น แสดงออกถึงสถานะความสัมพันธ์ และความสนิทสนมอย่างชัดเจน
“มีอะไรงั้นเหรอ?”
“เปล่าหรอก ไม่สำคัญอะไร” ตอบด้วยรอยยิ้มจางๆก่อนจะเดินไปที่หลังร้าน เปลี่ยนชุดทำงานและเดินออกมา “มานี่ ฉันจัดการเอง โต๊ะสิบเจ็ดสินะ” ซองยอลบอกเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง มือหนายกถาดเอาไว้เอง แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะของลูกค้าชายกลุ่มหนึ่งที่สั่งเครื่องดื่มเอาไว้
“ดูดิ หน้าอ่อนเป็นบ้า หุ่นก็บางซิบ” ชายหนุ่มคนหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้น ในขณะที่ชองยอลกำลังเสิร์ฟเครื่องดื่มให้กับพวกเขาบนโต๊ะ
ไม่มีคำพูดใดๆออกจากปากซองยอล ถึงแม้เขาจะรู้ตัวดีว่าทุกคนในกลุ่มกำลังจับจ้องมาที่เขาอยู่
“มานั่งดื่มด้วยกันสักแก้วสิน้อง เดี๋ยวพี่ให้ทิป”
“ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมรับหน้าที่เสิร์ฟอย่างเดียว”
“ไม่เอาน่า แค่นิดๆหน่อย” เมื่อลูกค้ายื่นแก้วมาตรงหน้าแล้ว ถึงแม้ซองยอลอยากจะเลี่ยงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำได้
ไม่ใช่ว่าเพราะเงินแต่เป็นเพราะผับแห่งนี้เป็นของพี่ซองกยู พี่ชายที่เขานับถือเหมือนพี่แท้ๆ และเป็นผู้มีพระคุณของเขา ร้านของพี่ซองกยูก็เหมือนกับร้านของเขา ซองยอลเอาใจใส่กับลูกค้าในร้านเสมอ ราวกับว่านี่เป็นร้านของเขาซะเอง
“ขอบคุณครับ” ซองยอลรับแก้วมาจากลูกค้าที่นั่งดื่ม เขาทำทีท่าว่าจะยกมันขึ้นดื่ม
“เดี๋ยวสิ นั่งลงก่อนทำแบบนี้มันเสียมารยาทนะ” เมื่อได้ยินคำพูดของลูกค้า ซองยอลก็ต้องเลื่อนแก้วลงโดยอัตโนมัติ ชายหนุ่มมีสีหน้าลังเลเล็กน้อยที่จะนั่งลง แต่สุดท้ายก็ยอมทำตาม
“นั่นแหละ หมดแก้วเลย” เสียงของลูกค้าดังขึ้น ในขณะที่ซองยอลกำลังกระดกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นดื่ม พร้อมกับท่อนแขนของใครบางคนที่โอบรอบคอเขาเอาไว้อย่างถือวิสาสะ “เก่งมาก ดื่มอีกสิ” คราวนี้ลูกค้ายื่นแก้วใหม่มาให้
“ขอโทษด้วยครับ ผมคงต้องไปทำงานต่อแล้ว” แต่ซองยอลไม่สามารถรับเอาไว้ได้ เขากำลังลุกขึ้นหนีไป แต่ก็โดนล็อคตัวเอาไว้ซะก่อน
“เอานี่เงิน อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า เดี๋ยวฉันให้เพิ่มอีก” คำพูดนั้นมาพร้อมกับเงิน 50,000 วอนที่ถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ
“ครับ?” ซองยอลรู้สึกสับสนกับสิ่งที่ได้ยิน
เขาเหรอเล่นตัว…
“ถ้าแกยอมนอนกับฉันคืนนี้จะให้มากกว่านี้อีก”
“คุณว่าอะไรนะครับ”
“ฉันบอกว่าถ้าคืนนี้แกนอนกับฉัน จะให้มากกว่านี้อีก เป็นไงสนใจรึเปล่า?”
คำพูดนั้นทำให้ซองยอลแทบบ้า แล้วไหนจะเสียงหัวเราะของคนรอบข้างอีก แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดมาก เมื่อเทียบกับคำพูดทำนองนี้ที่เขาเคยถูกใครบางคนกระทำมาแล้ว ตัวของเขาแลกกับเงิน เป็นสิ่งที่คนๆหนึ่งเคยทำเอาไว้กับซองยอล
“ผมต้องไปแล้วจริงๆ” ซองยอลไม่เล่นด้วยและไม่อยากมีเรื่อง เขาเลี่ยงที่จะตอบโต้งกลับ ยอมให้คนพวกนั้นดูถูก แต่เมื่อลุกขึ้นได้ก็โดนอีกฝ่ายกระชากแขนไว้ไม่ให้ไปไหน
มันเป็นแบบนั้นอยู่สักพักการยื้อแย่งและเสียงหัวเราะของลูกค้ากลุ่มนั้น สีหน้าของทุกคนดูสนุกสนานกับกระทำของเพื่อนตนเองและซองยอล แต่ซองยอลนั้นกลับไม่ได้รู้สึกถึงอะไรเลย แค่อยากจะไปจากที่ตรงนี้ให้ได้โดยไม่มีเรื่องกับใครซะก่อน แต่ที่เขาปรารถนาไว้ก็พังทลายลงเมื่อ…
ผัวะ!
ใครบางคนเข้ามาต่อยลูกคนคนนั้น ท่ามกลางความตกใจของทุกคน ปรากฏใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร ที่มีแผลเล็กน้อยตรงมุมปาก และหลายคนก็ยังจำชื่อของเขาได้ มีเสียงซุบซิบพูดชื่อของเขาท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย
‘แอล’
ไรท์เตอร์ตัดสินใจเพิ่มคู่ลีดนัมเข้าไปด้วยนะคะ <3
น่าจะออกประมาณตอนสามค่ะ เนื้อหาของทั้งคู่แบบชัดเจน อิอิ
ความคิดเห็น