คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [SF] BangDae - Keep a Love
ณ ห้องปกครอง
“เมื่อไหร่พวกเธอสองคนจะเลิกทะเลาะกันซักที? บังยงกุก เธออยู่ ม.6 แล้วนะ ปีนี้เธอก็จะจบแล้ว ทำไมไม่เอาเวลาไปตั้งใจเรียน ตั้งใจอ่านหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาลัย? เธอด้วย จองแดฮยอน อยู่แค่ ม.4 ทำไมไม่ทำตัวเคารพรุ่นพี่บ้าง? ทำไมเธอดื้อได้ขนาดนี้ห๊ะ?”
อาจารย์ จอนฮโยซอง หัวหน้าอาจารย์ฝ่ายปกครองจอมเนี๊ยบขยับแว่นมองจ้องคน 2 คนที่ตอนนี้กำลังเหล่มองกันพร้อมทั้งโบ้ยความผิดใส่กันด้วยสายตา ประหนึ่งว่า ถ้าอีกคนไม่เริ่มก่อน เขาคงไม่โดนเรียกเข้าห้องปกครองแบบนี้ก็ได้
“เพราะพี่คนเดียวเลย”
แดฮยอนพูดเบาๆ ให้ได้ยินแค่เขา 2 คน ยงกุกมองแดฮยอน ก่อนจะโต้ตอบกลับเช่นกัน
“เพราะนายปีนเกลียวกับฉันต่างหาก”
“เพราะพี่คอยแกล้งผมตลอดเวลาต่างหาก”
“อย่ามาหลงตัวเอง ใครมันจะไปว่างแกล้งคนอย่างนายตลอดเวลากัน”
“เหมือนกันแหละ ใครจะไปว่างปีนเกลียวกับพี่ตลอดเวลา? ผมเอาเวลาไปขัดห้องน้ำยังจะดีกว่า”
“นี่นาย!”
“พอเลยพอ ในเมื่อพวกเธอไม่ยอมเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่ดีต่อกัน ครูจะทำให้พวกเธอรักกันเอง”
อาจารย์ฮโยซองพูดด้วยน้ำเสียงฉียบขาด ก่อนจะยิ้มเหมือนมีแผนการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้บังยงกุกและจองแดฮยอนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
ยงกุกกับแดฮยอนยืนจ้องหน้ากันอยู่หน้าห้องปกครองโดยสายตาของทั้งคู่กำลังโยนความผิดให้อีกฝ่ายแม้ว่าทั้ง 2 คนจะไม่พูดอะไร โดยที่ตอนนี้ ข้อมือซ้ายของยงกุกกับข้อมือขวาของแดฮยอนถูกล็อคเข้าด้วยกันโดยกุญแจมือ ซึ่งเป็นฝีมือของ ครูฮโยซองจอมโหดที่ใครๆต่างพากันขยาด
“เพราะนายคนเดียวเลยไอ้เด็กบ้า นายทำให้ฉันต้องโดนทำโทษแบบนี้”
ยงกุกพูดพลางใช้มืออีกข้างผลักหัวแดฮยอนเบาๆ ทำเอาคนตัวเล็กว่าที่ไม่ทันได้ตั้งตัว เซไปข้างหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหันมาโวยวายใส่เขาทันที
“อะไรวะ? ตัวเองมาหาเรื่องก่อนแท้ๆ จะมาโยนความผิดให้ผมทำไม?”
“ใครใช้ให้นายกวนประสาทฉัน?”
“ผมไปกวนประสาทพี่ตอนไหน?”
จองแดฮยอนจ้องหน้ากลับอย่างไม่ยอมแพ้ ยงกุกรู้สึกหมั่นไส้เจ้าเด็กนี่เหลือเกิน ไม่ว่าเจ้าเด็กนี่จะทำอะไรก็ดูขัดหูขัดตาเขาไปซะหมด ไหนจะปากบวมๆเจ่อๆนั่นอีกหล่ะ เห็นแล้วชวนหงุดหงิดจริงๆ
“ที่โรงอาหาร นายตัดหน้าฉันซื้อน้ำ แถมยังทำน้ำแดงหกใส่ทิกเกอร์ของฉันด้วย ยังไม่พอนะ... แทนที่นายจะรีบเอาทิกเกอร์ของฉันไปซัก นายกลับเอาทิกเกอร์ของฉันจุ่มน้ำแดงแล้วบอกว่า ทิกเกอร์คงเบื่อสีส้ม นายเลยเปลี่ยนสีทิกเกอร์เป็นสีแดง ทั้งๆที่นายก็รู้ว่าทิกเกอร์ตัวนั้นมันเป็นของฉัน”
แดฮยอนเงียบไปเล็กน้อยอย่างใช้ความคิด ทิกเกอร์ตัวที่เขาย้อมสีตัวนั้น พี่ฮิมชานเป็นคนให้เขา แต่เพราะว่ามันเป็นทิกเกอร์ เขาเลยรู้สึกหมั่นไส้เล็กน้อย เขารู้ดีว่ายงกุกชอบทิกเกอร์มากๆถึงขนาดอุ้มมาโรงเรียนด้วยทุกวัน และด้วยความหมั่นไส้ เขาจึงจับทิกเกอร์แช่น้ำแดง โดยแอบจินตนาการว่า ทิกเกอร์ตัวนั้นคือยงกุก ว่าแต่... ใครจะไปรู้หล่ะว่าทิกเกอร์ตัวนั้นจะเป็นของยงกุก?
“พี่ฮิมชานเป็นคนให้ทิกเกอร์ตัวนั้นกับผม ในเมื่อเขาให้ผมก็แสดงว่ามันเป็นของผมแล้ว ผมจะทำอะไรกับมันก็ได้ อีกอย่างผมไม่รู้ คนไม่รู้ย่อมไม่ผิด แต่คนผิดคือพี่! อยู่ดีๆก็เอาชีสเค้กสอดใส้ไส้เดือนมาโยนใส่ผม พี่มันโหดร้าย! นอกจากจะทำชีสเค้กสุดที่รักของผมเละแล้วพี่ยังแกล้งคุณไส้เดือนอีก! พี่มันเลือดเย็น!”
แดฮยอนพูดรัวใส่หน้ายงกุกก่อนจะผลักอกเขา ยงกุกก็ไม่ยอมน้อยหน้า มือหนาตบหน้าผากมนของแดฮยอนไม่หนักและไม่เบา ทำเอาคนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ก่อนจะดึงริมฝีปากล่างของยงกุกแรงๆจนคนตัวโตกว่าร้องออกมาด้วยความเจ็บ
จากการโต้ตอบเบาๆ เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด แดฮยอนก็กระชากคอเสื้อยงกุกเข้ามาก่อนจะผลักเขาไปติดผนังอย่างแรง ด้วยความที่ทั้งสองถูกมัดติดกันอยู่ เมื่อยงกุกเซไปชนกับกำแพง เขาก็รั้งแดฮยอนเข้ามาด้วย คนตัวเล็กเสียหลักเซไปชนกับแผ่นอกกว้างของคนตัวสูงกว่า ยงกุกรีบตวัดแขนขึ้นกอดแดฮยอนไว้ทันทีโดยสัญชาตญาณ
“เล่นอะไรของนายวะ? มันเจ็บนะเว้ย!”
“พี่นั่นแหละเป็นบ้าอะไรวะ? ผมก็เจ็บเหมือนกันนะ!!”
ยงกุกถามแดฮยอนเสียงดังก่อนจะก้มลงมองคนตัวเล็กกว่าที่อยู่ในอ้อมแขน พอดีกับที่แดฮยอนเงยหน้าขึ้นมาโวยวายใส่เขา ทำให้ปลายจมูกของทั้งคู่เฉียดกันไปนิดเดียว
ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเขาทั้งสอง... คนตัวสูงมองคนตัวเล็กกว่าเงียบๆ ก่อนจะอมยิ้มน้อยๆเมื่อเห็นแก้มเนียนของอีกคนเริ่มขึ้นสี แดฮยอนเสมองทางอื่นก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ
“จ... จ้องอะไร? ปล่อยได้แล้ว เดี๋ยวครูมาเห็นก็โดนเพิ่มโทษอีกหรอก”
แดฮยอนดันหน้าของยงกุกให้หันไปอีกทาง ก่อนจะเดินออกจากตรงนั้นโดยลืมไปว่าเขากับยงกุกถูกผูกติดกัน และเมื่อยงกุกกระตุกข้อมือตัวเองแรงๆ แดฮยอนก็เสียหลักถลาไปชนกับอกกว้างของยงกุกอีกครั้ง
“อะไรของพี่วะ? ผมจะกลับบ้าน!”
แดฮยอนหันไปตะคอกยงกุกเสียงดัง เขาเริ่มโมโหคนตัวสูงคนนี้ขึ้นมาจริงๆแล้ว เพราะคนตัวสูงกว่าเอาแต่แกล้งเขาไม่หยุด ยงกุกได้แต่ยิ้มกริ่มส่งมาให้
“จะกลับยังไง? อย่าลืมว่านายกับฉันโดนล่ามติดกันอยู่”
“แม่ง! น่าโมโหชะมัด!”
แดฮยอนบ่นอุบก่อนจะทำเสียงฮึดฮัดแบบไม่พอใจ ขนาดอยู่ด้วยกันไม่ถึงชั่วโมงเขายังตีกันจะเป็นจะตาย ถ้าอยู่จนครบ 1 อาทิตย์ ไม่เขาก็ยงกุกคงจะมีใครสักคนที่ตายก่อนแน่ๆ
เมื่อเห็นแดฮยอนไม่พูดอะไร ยงกุกก็ฉุดแดฮยอนให้เดินออกจากที่ตรงนั้น ทำให้แดฮยอนต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้ ตลอดทางที่พวกเขาเดินผ่าน มีทั้งรุ่นพี่และรุ่นน้องพากันมองพวกเขาก่อนจะกระซิบกระซาบอะไรกันทั้งผู้ชายและผู้หญิง ทำเอาแดฮยอนถึงกับทำหน้าไม่ถูกและรู้สึกประหม่าขึ้นมาดื้อๆ ผิดกับยงกุกที่เดินผิวปากด้วยความสบายใจ
“ตลอด 1 อาทิตย์ที่โดนล่าม นายต้องไปอยู่บ้านฉัน”
ยงกุกบอกแดฮยอนที่เดินอยู่ข้างๆ แดฮยอนทำตาโตทันทีก่อนจะโวยวายออกมา
“ได้ยังไงกันเล่า! ผมก็มีบ้านของผมนะ! ผมไม่มีทางไปอยู่บ้านพี่เด็ดขาด!!”
“หรือนายจะให้ฉันไปอยู่บ้านนาย?”
“ยิ่งไม่ได้เลย! ถ้าพี่ไปอยู่บ้านผม มีหวังบ้านบรรลัยแน่ๆ!”
“ฉันเป็นคน ไม่ใช่ตัวเงินตัวทองนำความโชคร้าย”
ยงกุกพูดเสียงนิ่งก่อนจะดีดหน้าผากแดฮยอนไป 1 ที คนตัวเล็กกว่าตั้งท่าจะโวยวาย แต่ก็ต้องเงียบเมื่อเห็นอาจารย์ฮโยซองจอมโหดมองมา
“ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้พี่เหงือก แค้นนี้ต้องชำระ 10 ปีแก้แค้นก็ยังไม่สาย”
แดฮยอนพูดเบาๆพอให้ตัวเองได้ยิน ยงกุกพยายามเงี่ยหูฟังแดฮยอนแต่ก็จับใจความไม่ได้ว่าคนตัวเล็กกว่าพูดอะไร แต่มันต้องเกี่ยวกับเขาแน่ๆ
“แวะไปเก็บเสื้อผ้าที่บ้านนายก่อน แล้วค่อยไปบ้านฉัน”
“ก็ต้องเป็นงั้นอยู่แล้ว ผมเลือกอะไรได้ที่ไหนหล่ะ?! ชิ!”
แดฮยอนทำหน้างอ คิ้วขมวดตอบยงกุกที่ยักคิ้วกวนๆอยู่ข้างๆ ยิ่งยงกุกเห็นแดฮยอนโมโห เขายิ่งชอบใจและพยายามแหย่แดฮยอนให้โมโหอยู่ตลอดเวลา
ใครจะรู้ว่าเวลาไอ้เด็กนี่โมโห งอน หรืออะไรก็ตามมันโคตรจะน่ารักเลย!
แดฮยอนเดินบ่นงืมงัมอยู่คนเดียวตลอดทางกลับบ้าน โดยมียงกุกที่เดินฮัมเพลงผิวปากอย่างสบายใจอยู่ข้างๆ
“ขอให้เดินตกท่อ สะดุดขาตัวเอง แปรงฟันก็ขอให้แปรงหลุดลงคอ ฮึ่ม!!”
“บ่นอะไรคนเดียว? ไล่ผีอยู่รึไง?”
“ไล่พี่ให้ไปผุดไปเกิดเร็วๆหน่ะสิ”
แดฮยอนตอบกลับอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์และนั่นก็ทำให้ยงกุกดีดหน้าผากมนของแดฮยอนกลับมา 1 ทีเป็นรางวัล แดฮยอนหันไปจะเอาคืนแต่โดนคนตัวสูงกว่าจ้องกลับด้วยสายตาจริงจังจนเขานึกกลัว ก่อนจะถอนหายใจฟึดฟัดออกมา แล้วเดินนำพลางลากยงกุกไปตลอดทาง
แดฮยอนเปิดประตูรั้วด้วยอาการเหวี่ยงๆ ยิ่งเห็นหน้ายงกุกเขายิ่งหงุดหงิด ทำไมจองแดฮยอนถึงซวยแบบนี้นะ? เห็นทีเขาต้องเดินสายทำบุญ 99 วัดเสียแล้ว
“กลับมาแล้วเหรอฮยอนนี่? หิวมั้ย? อ้าว... แล้วนั่นใคร?”
จองฮานะ พี่สาวของแดฮยอนถามคนเป็นน้องด้วยท่าทางงงๆ เมื่อเห็นแดฮยอนเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้าที่บูดบึ้ง แถมที่ข้อมือยังมีกุญแจมือล็อคติดกันอยู่
“โดนทำโทษหน่ะครับ พี่ฮานะ ผมจะไม่นอนที่บ้านซักอาทิตย์หนึ่งนะ”
แดฮยอนบอกพี่สาวคนสวยของตัวเองที่ตอนนี้โดนยงกุกมอง จ้อง เหมือนจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัวจนแดฮยอนรู้สึกหงุดหงิด
“เลิกมองพี่สาวผมซักทีเถอะ จะมองอะไรนักหนาวะ?”
“พี่สาวนายชื่ออะไรวะ? โคตรสวยเลย... มีแฟนรึยัง?”
“เฮอะ! ผมไม่มีทางยกพี่สาวของผมให้คนอย่างพี่หรอก ผมไม่อยากได้คนอย่างพี่มาเป็นพี่เขย ต่อให้ผู้ชายจะหมดโลก ผมก็ไม่ขอเกี่ยวดองข้องแวะกับพี่เด็ดขาด!”
“โห... ไอ้เด็กหน้าแมว!”
ยงกุกทำท่าจะดีดหน้าผากแดฮยอนแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหันไปเจอฮานะที่กำลังมองเขาอยู่ ยงกุกเดินไปใกล้ฮานะทันทีก่อนจะส่งยิ้มที่ใครๆบอกว่าดูดีให้กับฮานะ
“ผมชื่อ บังยงกุก ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
“จองฮานะ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน”
“ย๊า!!! พี่ฮานะไม่ต้องไปยินดีเลยที่ได้รู้จักไอ้หมอนี่หน่ะ มันสร้างภาพ! จริงๆแล้วไอ้หมอนี่ไม่ได้เป็นอย่างที่พี่ฮานะเห็นหรอก”
แดฮยอนฟาดมือยงกุกทันทีที่เขายื่นมือไปจับมือฮานะ แดฮยอนขึ้นชื่อว่าหวงพี่สาว พอๆกับที่ฮานะหวงแดฮยอน เวลาใครเข้าใกล้พวกเขา อีกฝ่ายจะต้องโดนอาละวาดเสมอ
“ไอ้หน้าแมว! มันชักจะมากไปแล้วนะ!”
“มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ! คนอย่างนายหน่ะ อย่าหวังจะมาจีบพี่ฮานะเลย!”
“พอได้แล้วฮยอนนี่ รีบขึ้นไปเก็บของเถอะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน ให้พี่ไปส่งมั้ย?”
ฮานะเห็นท่าไม่ดีจึงตัดบทสนทนาของทั้งคู่ แดฮยอนในตอนนี้เหมือนแมวโมโห พร้อมจะตะกุยหน้ายงกุกได้ทุกเมื่อ คนตัวสูงก็เหมือนกัน เขาเหมือนร๊อตไวเลอร์ที่พร้อมจะฟัดลูกแมวอย่างแดฮยอนได้ตลอดเวลา
“พี่ฮานะไม่ต้องไปส่ง ผมไม่อยากให้พี่อยู่ใกล้หมอนี่นานกว่านี้”
“ให้พี่ไปส่งดีกว่า พี่เป็นห่วงฮยอนนี่นะ ฮยอนนี่ก็รู้ว่าถ้าเราเป็นอะไรไป พี่คงขาดใจตายแน่ๆ พี่มีแค่ฮยอนนี่นะ”
ฮานะเดินมาจับมือแดฮยอนเอาไว้ก่อนจะส่งสายตาแสดงความเป็นห่วงมาให้ แดฮยอนเม้มปากตัวเองนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้าลง
“ผมให้พี่ไปส่งก็ได้ครับ”
“น่ารักที่สุดเลยเด็กดีของพี่”
ว่าแล้วฮานะก็หอมแก้มแดฮยอนฟอดใหญ่ ก่อนที่แดฮยอนจะกอดฮานะแล้วอ้อนอย่างที่เคยทำเหมือนทุกครั้ง โดยที่ตัวเองคงจะลืมไปว่า ยงกุกก็อยู่ตรงนั้นด้วย
ยงกุกมองแดฮยอนที่ตอนนี้เหมือนลูกแมวเชื่องๆกำลังอ้อนเจ้าของก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย เวลาแดฮยอนไม่พยศมันน่ารักน่าฟัดมากสำหรับเขา ก่อนที่คนตัวสูงจะกระแอ้มออกมาเบาๆ
“รีบๆไปเก็บเสื้อผ้าได้แล้วไอ้ลูกแมว”
“อะไรวะ? เร่งอยู่ได้”
แดฮยอนทำหน้ามุ่ยก่อนจะเดินกระทืบเท้าลากยงกุกขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง แดฮยอนหยิบกระเป๋าใบใหญ่ออกมาเก็บเสื้อผ้าและของใช้จำเป็นยัดลงกระเป๋า ยงกุกมองสำรวจไปรอบๆห้องของแดฮยอน ห้องเล็กกระทัดรัด ตกแต่งแบบเรียบง่ายด้วยโทนสีขาว-ครีม ถ้าไม่บอกว่านี่คือห้องของแดฮยอน เขาคงคิดว่าห้องนี้ต้องเป็นห้องของเด็กผู้หญิงแน่นอน
“จะยืนสำรวจอีกนานมั้ย? หรือพี่จะนอนที่นี่?”
แดฮยอนถามยงกุกทั้งๆที่คิ้วยังขมวดเข้าหากัน ยงกุกดีดหน้าผากแดฮยอนไป 1 ทีด้วยความหมั่นไส้ และนั่นก็ทำให้แดฮยอนโวยวายออกมา
“เฮ้ยพี่! มีปัญหากับหน้าผากผมมากป่ะ? เดี๋ยวก็ดีดๆ ดีดจนความจำผมจะหายหมดแล้วเนี้ย!”
“หัดทำตัวให้มันน่ารักบ้างสิ”
“จะให้ผมทำตัวน่ารักยังไงหล่ะวะ? ก็ดูพี่ดิ เดี๋ยวก็แกล้ง เดี๋ยวก็หาเรื่องผม แค้นผมมากป่ะ? ผมไปทำอะไรให้พี่หมั่นไส้เหรอ?”
“ใช่! นายทำตัวน่าหมั่นไส้มาก”
“หมั่นไส้ผมตรงไหน? ลองพูดมาดิ ถ้าเหตุผลมีไม่มากพอ ผมต่อยพี่...”
แดฮยอนเงียบทันทีก่อนจะยืนนิ่งอย่างอึ้งๆ ก่อนที่ใบหน้าเนียนจะเริ่มขึ้นสี ยงกุกที่กระทำการอุกอาจด้วยการขโมยหอมแก้มแดฮยอนยืนยักคิ้วให้คนตัวเล็กกว่าอย่างกวนๆ
“หมั่นไส้ตรงนี้แหละ เหตุผลมากพอรึยัง?”
ยงกุกไม่รอให้แดฮยอนตอบ เขาคว้ากระเป๋าเสื้อผ้าของแดฮยอนมาถือก่อนจะลากคนตัวเล็กกว่าลงมาจากห้องนอนไปหาฮานะที่รออยู่ที่รถก่อนแล้ว
ตลอดทางบนรถ แดฮยอนเอาแต่นั่งเงียบและพยายามหลบตายงกุกที่คอยมองเขาอยู่ตลอดเวลา ก่อนที่คนตัวเล็กจะตัดสินใจข่มตาหลับเพื่อหนีสายตาของยงกุกเพื่อเป็นการตัดปัญหา
“พี่ฮานะครับ ทำไมน้องชายของพี่ถึงได้ดื้อแล้วก็แสบขนาดนี้ครับ?”
ยงกุกถามฮานะในขณะที่รถกำลังติดไปแดงยังแยกหนึ่ง ฮานะยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะลูบหัวของแดฮยอนที่กำลังหลับเบาๆ
“คงเป็นเพราะต้องการปกปิดความอ่อนแอของตัวเองมั้ง?”
“อ่อนแอ?”
“ใช่! แม่ของพวกเราเสียตอนที่แดฮยอนอายุได้ 5 ขวบ ส่วนพ่อก็แต่งงานใหม่ พี่เลยพาแดฮยอนมาอยู่ที่โซล เรามีกันแค่ 2 คนพี่น้อง แดฮยอนพยายามทำตัวให้เข้มแข็งเพราะไม่อยากให้เป็นภาระของพี่ไปมากกว่านี้ ทั้งๆที่แดฮยอนหน่ะ อ่อนแอแล้วก็ต้องการๆปกป้องมากๆเลย”
“ไม่น่าเชื่อนะครับว่าเจ้าเด็กแสบจอมขวางโลกอย่างไอ้ลูกแมวนี่จะอ่อนแอเป็นกับเค้าด้วย”
“แดฮยอนก็แค่เด็กคนหนึ่งแหละ ถ้ายงกุกได้สัมผัสอีกมุมหนึ่งของแดฮยอน พี่เชื่อว่ายงกุกจะต้องหลงรักเจ้าเด็กแสบคนนี้แน่ๆ”
แดฮยอนทำหน้ายุ่งเพราะถูกปลุกในขณะที่ตัวเองกำลังหลับสบาย ฮานะกอดแดฮยอนเอาไว้แน่น ก่อนจะจ้องหน้าน้องชายตัวแสบนิ่ง
“อยากได้อะไร ขาดเหลืออะไรโทรบอกพี่นะ พี่จะเอามาให้ ก่อนนอนอย่าลืมดื่มนม ห่มผ้าด้วย ตอนเช้าต้องรีบตื่นนะ อย่าไปเรียนสายหล่ะ อย่าสร้างความวุ่นวาย อย่าทำตัวให้เป็นภาระของยงกุก เข้าใจมั้ยฮยอนนี่?”
“ผมรู้แล้วน่า... พี่ฮานะไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมโตแล้วนะ”
“โตแต่ตัวหน่ะสิเรา พี่กลับแล้วนะ มีอะไรก็โทรหาพี่ได้ตลอดเวลานะฮยอนนี่ เป็นเด็กดีหล่ะ”
แดฮยอนโบกมือให้พี่สาวที่ขับรถออกไปจนลับตา ก่อนจะหันมาจ้องหน้ายงกุกที่ยืนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่แก้มเนียนนั้นจะขึ้นสีอีกรอบ
“พี่...”
“อะไร?”
“พี่ห้ามลวนลามผมอีก!”
แดฮยอนพูดแค่นั้นก่อนจะหันไปคว้ากระเป๋าแล้วรีบเดินเร็วๆเข้าบ้านของยงกุก แต่คนตัวสูงกว่าไม่ยอมขยับ แถมยังกระตุกข้อมือตัวเองแรงๆจนแดฮยอนเสียหลักถลาไปชนกับอกกว้างของยงกุก คนตัวสูงกว่าไม่รอช้า รีบฝังจมูกของตัวเองลงบนแก้มเนียนของแดฮยอน พลางสูดเก็บความหอมจากแก้มเนียนนั้นฟอดใหญ่
“ย๊า!!!!!!!!! ผมเพิ่งพูดไปเองนะว่าอย่าลวนลามผม!!!”
แก้มของแดฮยอนเป็นสีแดงจัด คนตัวสูงได้แต่ส่งยิ้มกวนๆมาให้
“ไม่รับปาก”
ยงกุกพาแดฮยอนเข้ามาในบ้าน โดยที่แดฮยอนได้แต่เดินตามเข้ามาเงียบๆอย่างทำอะไรไม่ได้ ในใจแอบด่าคนตัวสูงตรงหน้าสารพัด พลางสาบานกับตัวเองว่า เขาจะประทุษร้ายทิกเกอร์ทุกตัวที่เจอ เพื่อเป็นการแก้แค้นอีกด้วย
“พาใครมาด้วยหน่ะไอ้กุก?”
ใครคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำก่อนจะเอ่ยถามยงกุกอย่างสงสัย แดฮยอนแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นบุคคลที่ 3 ที่มาใหม่ หน้าตาของเขาเหมือนคนตัวสูงโรคจิตข้างหน้าอย่างกับแกะ!
“พอดีเจอแมวข้างถนนหน่ะ เลยเก็บมาเลี้ยง แต่แม่งโคตรแสบเลยหว่ะ”
“พูดดีๆนะไอ้พี่เหงือก ใครแมวข้างถนน? ผมเป็นคนนะเว้ย!”
“เห็นมะ?”
“เอาดีๆไอ้กุก ถ้าไม่อยากโดนเตะ”
“เออๆ มีเรื่องที่โรงเรียนนิดหน่อยเลยโดนทำโทษ ต้องโดนล่ามกับไอ้แมวแสบนี่ 1 อาทิตย์ จากนี้ไป ไอ้แมวแสบจะมาอยู่ที่บ้านเรานะ”
ยงกุกพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ แดฮยอนที่ทำท่าเหมือนจะตะปบยงกุกให้ได้ เป็นต้องละความสนใจจากคนตรงหน้า หันมาหาผู้ชายอีกคนที่หน้าตาพิมพ์เดียวกับยงกุกที่ส่งยิ้มมาให้
“น่ารักดีหว่ะ หน้าตาเหมือนแมวจริงๆ พี่ชื่อยงนัมนะครับ เป็นแฝดพี่ของไอ้กุก มีปัญหาอะไรปรึกษาพี่ได้นะ”
“เอ่อ... ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อ แดฮยอน จากนี้ไปขอฝากตัวด้วยนะครับ”
แดฮยอนทำตัวไม่ถูก ก่อนจะโค้งให้คนตรงหน้าเล็กน้อยอย่างมีมารยาท ยงนัมยิ้มให้แดฮยอนก่อนจะยีผมคนตัวเล็กจนยุ่ง ยงกุกมองยงนัมกับแดฮยอนอย่างไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เขารู้สึกหงุดหงิด ไม่รู้ว่าเพราะอะไร?
“อยากอาบน้ำแล้ว กูไปอาบน้ำก่อนนะ”
พูดจบ ยงกุกก็คว้าข้อมือเล็กของแดฮยอนฉุดให้เดินตามเขาขึ้นไปยังชั้น 2 โดยมียงนัมที่มองตามอย่างงงๆ ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างมีเลสนัย
“หึๆ ไอ้ยงกุก”
“โอ้ยๆๆ พี่ยงกุก! ผมเจ็บนะ!”
แดฮยอนร้องออกมาเมื่อยงกุกพาเขาเข้ามาในห้องเรียบร้อย แดฮยอนมองข้อมือตัวเองข้างที่โดนกุญแจมือล็อคเอาไว้ ยงกุกยังคงบีบข้อมือเขาไว้แน่น คนตัวสูงกว่ารีบปล่อยข้อมือทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
แดฮยอนยกข้อมือข้างนั้นขึ้นมาดู บริเวณรอบข้อมือเริ่มเป็นแผลถลอกและมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อยเนื่องจากโดนกุญแจมือบาด และยังโดนยงกุกกระชากบ่อยๆ แถมตอนนี้ข้อมือของเขายังเป็นรอยนิ้ว 5 นิ้วของยงกุกชัดเจน จนตัวต้นเหตุเริ่มรู้สึกผิด
“เจ็บจัง... ถ้าโดนล็อคแบบนี้ตลอดทั้งอาทิตย์ ข้อมือต้องเป็นแผลเยอะกว่านี้แน่ๆ”
แดฮยอนพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะมองแผลตัวเองอย่างปลงๆ แดฮยอนเช็ดเลือดที่ซึมออกมาอย่างไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อยงกุก จับมือข้างที่เป็นแผลของแดฮยอนไปดูเงียบๆ
“ขอโทษ”
คำพูดสั้นๆของยงกุกทำเอาแดฮยอนเลิกคิ้วสูงอย่างฉงน ยงกุกขอโทษเขา??
“อาบน้ำกันเถอะ เดี๋ยวฉันทำแผลให้”
“อาบน้ำ?”
“ใช่ไง นายจะนอนเน่าแบบนี้เหรอ?”
“แต่... ผมกับพี่โดนล็อคด้วยกันอยู่นะ”
“ก็อาบมันด้วยกันนี่แหละ จะอายอะไร? ผู้ชายด้วยกัน”
ยงกุกพูดแบบไม่ใส่ใจก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกอย่างทุลักทุเล แม้ว่าสีหน้าของเขาจะเรียบเฉย แต่ภายในใจของเขากำลังเต้นรัว แดฮยอนใบหน้าแดงจัด แต่ก็ต้องทำตามอย่างช่วยไม่ได้ เกิดมาไม่เคยอาบน้ำกับใคร มันทำให้แดฮยอนรู้สึกแปลกๆ และเขินอายจนปิดไม่มิด แต่เพราะสถานการณ์ที่บังคับ เขาจึงต้องทำอย่างช่วยไม่ได้
“คือ...”
ที่ถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วใช้ผ้าเช็ดตัวพันตัวเองเอาไว้ ต่างกับยงกุก ที่ไม่ยอมหาอะไรมาปิดกายตัวเอง แถมยังเดินผิวปากอย่างสบายใจเข้าห้องน้ำประหนึ่งว่าแดฮยอนไม่ได้อยู่ในห้อง
ยงกุกผสมน้ำในอ่างอาบน้ำ เขาพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ ก่อนจะแอบมองแดฮยอนที่กำลังมองสำรวจทั่วห้องน้ำอย่างแมวกำลังสำรวจสถานที่ใหม่
แดฮยอนตัวเล็กเกินกว่าจะเป็นผู้ชาย เอวขอด ผิวเนียนชวนสัมผัส ขาเรียวเล็ก ยงกุกมองสำรวจร่างกายของแดฮยอนก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ก่อนจะรีบหันไปสนใจกับน้ำในอ่าง เมื่อแดฮยอนหันมามอง
“น้ำได้ที่แล้ว มาอาบด้วยกันมา”
ยงกุกก้าวลงไปนั่งในอ่างพลางมองหน้าแดฮยอน คนตัวเล็กแก้มขึ้นสีอีกรอบ ก่อนจะทำใจปลดผ้าเช็ดตัวที่พันรอบเอวไว้ออกแล้วก้าวลงไปในอ่างกับยงกุกที่รออยู่ก่อนแล้ว
“เหวอ!!”
และทันทีที่แดฮยอนก้าวลงไปในอ่าง ยงกุกก็คว้าเอวเล็กของแดฮยอนพลางฉุดคนตัวเล็กให้นั่งหันหลังพิงอกเขา ตอนนี้แดฮยอนหน้าแดงจัด มือยงกุกข้างที่คว้าเอวเขายังคงอยู่ที่เดิม แถมยังรั้งเอวเขาจนทุกส่วนของแผ่นหลังแนบชิดติดกับอกของยงกุกทุกส่วน
“พ... พี่ยงกุก... ป... ปล่อยผมเถอะ”
แดฮยอนพยายามขยับหนีคนตัวสูง แต่ยงกุกไม่ยอมปล่อยง่ายๆ มือข้างที่โอบเอวเขา ตอนนี้กำลังลูบเบาๆบริเวณหน้าท้องของแดฮยอนจนคนตัวเล็กกว่าขนลุกไปทั้งตัว ยงกุกไม่หยุดอยู่แค่นั้น เขาฝังใบหน้าของตัวเองลงกับซอกคอเนียนของแดฮยอน ก่อนจะขบเม้มเบาๆจนเกิดรอย จากลำคอสู่ไหล่เล็ก แดฮยอนได้แต่เม้มปากตัวเองแน่นอย่างพยายามข่มเสียงไม่ให้เล็ดลอดออกมา
“อ... อือ...”
แดฮยอนรู้สึกอยากตบปากตัวเองที่เผลอร้องออกมาด้วยน้ำเสียงแบบนั้น มือหนาของยงกุกเลื่อนขึ้นมาเล่นกับยอดอกเล็กของแดฮยอน คนตัวเล็กกว่ากัดปากแน่นจนเลือดซึม เขารู้สึกกลัวยงกุก เขาไม่รู้ว่ายงกุกกำลังทำอะไร? แต่การกระทำของเขาทำให้แดฮยอนรู้สึกกลัวจริงๆ
“พ... พี่ยง... ผม... ผมกลัว...”
แดฮยอนพยายามขยับหนียงกุก ตากลมโตมีหยาดน้ำใสคลอเล็กน้อย ยงกุกชะงักเล็กน้อยอย่างคนเพิ่งได้สติ ก่อนจะผลักแดฮยอนออกห่าง
“รีบอาบน้ำเถอะ”
ยงกุกไม่พูดอะไรอีกแม้ว่าเขาจะรู้สึกผิดมากก็ตาม เขาโดนคนตัวเล็กกว่าคนนี้ยั่วโดยที่เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจ และเขาก็เกือบจะทำอะไรบ้าๆลงไปถ้าแดฮยอนไม่เรียกให้เขามีสติ แดฮยอนก้มหน้าอาบน้ำเงียบๆอย่างไม่พูดอะไร ตามลำคอและไหล่เนียนของแดฮยอนเต็มไปด้วยร่องรอยที่เขาเผลอฝากไว้
แดฮยอนรีบอาบน้ำโดยที่ตัวเองไม่กล้าสบตาหรือมองหน้ายงกุกอีก เขายอมรับว่าการกระทำของยงกุกทำให้เขากลัวจริงๆ และอีก 1 อาทิตย์ต่อจากนี้เขาจะใช้ชีวิตยังไงให้พ้นเงื้อมือของร๊อตไวเลอร์ที่จ้องจะเขมือบเขา
ยงกุกสังเกตท่าทางของแดฮยอนก็ได้แต่เม้มปากแน่น แดฮยอนดูจะกลัวเขาจริงๆ ลูกแมวนั่นไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าเขา แล้วแบบนี้จะอยู่ยังไงให้ครบอาทิตย์?
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ทั้งคู่ก็พากันแต่งตัวด้วยความทุลักทุเล แดฮยอนเงียบลงไปมากจากเหตุการณ์ในห้องน้ำ คนตัวเล็กจับลูกบิดประตูทำท่าจะเดินออกจาห้อง แต่โดนยงกุกคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน
“ทำแผลก่อนดิ ไม่เจ็บรึไง?”
“แผลแค่นี้เองเหอะ ผมไม่ได้ใจเสาะขนาดนั้น ทิ้งไว้งี้แหละเดี๋ยวก็หาย”
แดฮยอนตอบกลับยงกุกพลางเสมองไปทางอื่นเพื่อหลบสายตาคมที่กำลังจ้องมองตัวเอง
“อย่าดื้อได้ป่ะวะ? บอกจะทำแผลให้ก็คือจะทำให้ไง หรืออยากโดนแบบในห้องน้ำอีก?”
“ไม่!”
แดฮยอนตอบกลับทันทีก่อนจะยกแขนขึ้นกันอกตัวเองไว้แล้วจ้องเขาเขม็ง ยงกุกกลั้นหัวเราะเบาๆเมื่อคนตรงหน้าทำตัวเป็นลูกแมวที่กำลังขู่ฟ่อๆคอเสื้อกว้างหลุดไหล่ลงข้างหนึ่งเผยให้เห็นร่องรอยจากการกระทำของเขา จากกลั้นหัวเราะ กลายเป็นเม้มปากตัวเองไว้แน่นอย่างพยายามสะกดอารมณ์
เอาอีกแล้ว... ไอ้เด็กหน้าแมวนี่ยั่วเขาอีกแล้ว...
“งั้นก็มาทำแผล”
ยงกุกพูดพลางลากแดฮยอนที่เริ่มบ่นงึมงัมไปยังลิ้นชักที่เขาเก็บอุปกรณ์ทำแผล ยงกุกมีเรื่องทำให้เจ็บตัวบ่อย ของพวกนี้จึงขาดไม่ได้สำหรับเขา คนตัวสูงกว่าหันไปจับไหล่แคบของลูกแมวขี้โวยวายก่อนจะกดไหล่นั้นให้เจ้าตัวนั่งลงบนเก้าอี้โดยไม่พูดอะไร
แดฮยอนมองยงกุกที่เอาสำลีชุบแอลกอฮอล์เงียบๆ ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นเมื่อคนตัวสูงกว่าเอาสำลีที่ชุ่มไปด้วยแอลกอฮอล์แตะซับลงบนแผลของเขาเบาๆ มือเล็กข้างนั้นกำเข้าหากันแน่น ยงกุกทายาลงบนแผลของแดฮยอนเบาๆก่อนจะปิดพลาสเตอร์ให้คนตัวเล็กเป็นการปิดท้าย
เขารู้ว่าแดฮยอนแสบแผลแค่ไหน? แต่ไอ้เด็กหน้าแมวคนนี้กลับไม่ร้องออกมาซักแอะ เหมือนที่ฮานะพูด... แดฮยอนไม่อยากทำตัวให้เป็นภาระของใคร เขาไม่รู้ว่าคนตัวเล็กคนนี้กำลังคิดหรือรู้สึกอะไรบ้าง? แม้ว่าเขาจะแกล้งแดฮยอนแรงๆหลายต่อหลายครั้ง ต่อยกันก็หลายหน แต่เขาไม่เคยเห็นคนตัวเล็กตรงหน้านี้ร้องไห้หรือวิ่งไปฟ้องใครๆ แดฮยอนไม่เคยทำตัวอ่อนแอให้ใครเห็นเลยจนเขาอดแปลกใจไม่ได้ว่าคนตัวเล็กๆคนนี้ เอาความรู้สึกไปเก็บไว้ที่ไหนจนหมด?
“จะมองผมอีกนานป่ะ? ถ่ายรูปผมใส่กรอบเอาไว้ดูเลยมั้ย?”
ยงกุกดีดหน้าผากแดฮยอนไป 1 ที แดฮยอนเบะปากใส่คนตัวสูงที่นั่งตรงหน้านั้นเล็กน้อย เขาไม่อยากเชื่อว่าคนห่ามๆ จอมกวนประสาทอย่างยงกุกจะมีมุมอ่อนโยนกับคนอื่นเหมือนกัน
ยงกุกกับแดฮยอนยังคงใช้ชีวิตแบบปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือการมีอีกคนเข้ามาในชีวิต การใช้ชีวิตตลอด 24 ชั่วโมงกับอีกคนคือสิ่งที่พวกเขาเลี่ยงไม่ได้ แม้ว่าการใช้ชีวิตประจำวันของเขามันจะยากขึ้น และพวกเขาจะยังทะเลาะกัน แต่มันก็น้อยลงมากกว่าเมื่อก่อนมาก มีบ้างที่ยงกุกยังคงแกล้งแดฮยอน และแดฮยอนเอาคืนยงกุกแบบเจ็บแสบ แต่ในสายตาของคนอื่น ยงกุกกับแดฮยอนดูสนิทกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน นั่นคือสิ่งที่อาจารย์ฮโยซองรู้สึกภูมิใจ
“เย็นนี้จะไปไหนรึเปล่าไอ้ลูกแมว?”
ยงกุกถามแดฮยอนที่กำลังเก็บของลงกระเป๋าหลังจากเลิกเรียนวิชาสุดท้าย เป็นเพราะอาจารย์ประจำวิชาของทั้ง 2 คนรับรู้เรื่องการทำโทษครั้งนี้ แดฮยอนกับยงกุกจึงต้องผลัดกันไปเรียนกับอีกฝ่าย ยงกุกภาคเช้า แดฮยอนภาคบ่าย ซึ่งนั่นไม่เป็นปัญหากับทั้งสองคน
“ผมอยากกินเค้ก”
“ไม่กินเค้กซักวันมันจะตายป่ะ?”
การพูดคุยโดยมีประโยคแขวะอีกฝ่ายกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับพวกเขา เพราะการใช้ชีวิตด้วยกันทุกวันทำให้เขารู้ว่าคำพูดที่แสนเจ็บแสบพวกนั้นมันคือความเคยชิน อีกฝ่ายพูดเพราะไม่ได้คิดอะไรจริงๆ
“แล้วพี่หล่ะ? ไม่เอาไอ้เสือส้มนี่มาเรียนซักวันมันจะตายป่ะ?”
แดฮยอนพูดพลางหิ้วหางตุ๊กตาทิกเกอร์ที่วางใกล้ๆโยนใส่หน้ายงกุกอย่างอดไม่ได้ ยงกุกรีบรับลูกสุดที่รักของตัวเองก่อนจะเขกหัวแดฮยอนไป 1 ทีอย่างอดไม่ได้
“เถียงไม่ได้ก็ใช้กำลัง ซาดิสม์!”
“เออ! ไม่เถียงเว้ยว่าซาดิสม์ อยากลองป่ะหล่ะ?”
ยงกุกยิ้มกริ่มพลางยื่นหน้าไปใกล้แดฮยอน ทำให้คนตัวเล็กกว่าแก้มขึ้นสีได้ไม่ยาก ยงกุกเปลี่ยนวิธีแกล้งแดฮยอนใหม่ จากที่เคยพูดจาแรงๆแล้วหาเรื่องตีแดฮยอน เป็นพูดจาสองแง่สองง่ามให้แดฮยอนนชหน้าแดง เขินเขาแทน เพราะในสายตาของยงกุกแล้ว แดฮยอนน่ารักเวลาที่เจ้าตัวหน้าแดง หรือตกอยู่ในอาการประหม่า
ไม่รู้ว่ามันตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ยงกุกแกล้งแดฮยอนแล้วยิ้ม แทนที่จะโมโหเหมือนทุกครั้ง...
“ลองบ้าลองบออะไรหล่ะ? แล้วจะกลับมั้ยบ้านหน่ะ? ไม่กลับก็เชิญนอนเฝ้าโรงเรียนไปเลย”
“ถ้าฉันนอนที่โรงเรียนจริง นายคิดว่านายจะได้กลับบ้านป่ะไอ้หน้าแมว?”
ยงกุกยักคิ้วใส่แดฮยอนที่ขบเขี้ยวยิงฟันใส่เขา พร้อมจะตะปบเขาได้ตลอดเวลา เมื่อเถียงยงกุกไม่สำเร็จ แดฮยอนจึงหันไปเล่นงานทิกเกอร์ลูกรักของยงกุกแทน มือเล็กคว้าเหมับเข้าที่หูของตุ๊กตาเสือส้มพลางดึงแรงๆ และนั่นก็ทำให้ยงกุกร้องออกมาทันทีเหมือนเป็นคนโดนเสียเอง
“อย่าทำอะไรลูกรักของฉันนะ! อ๊าก!! ทิกเกอร์ลูกพ่อ!!!”
แดฮยอนได้แต่ยิ้มอย่างคนได้รับชัยชนะ ก่อนจะผิวปากคว้ากระเป๋าลากยงกุกออกจากห้องอย่างสบายอารมณ์ โดยมียงกุกที่เดินโอ๋ทิกเกอร์ตามหลังมาติดๆ
เหมือนเป็นความเคยชินของแดฮยอนเสียแล้วในบ้านหลังนี้ เขารู้สึกว่าที่นี่กลายเป็นบ้านของเขาไปแล้วจริงๆ บังยงนัมต้อนรับเขาเป็นอย่างดี แม้ว่าบางทีเขาจะต้องทะเลาะและเจ็บตัวเพราะยงกุกไปบ้าง แต่รวมๆแล้ว แดฮยอนรู้สึกรักบ้านหลังนี้พอๆกับบ้านของตัวเอง
“พี่ยงนัมทำอะไรเหรอครับ? หอมจัง~”
แดฮยอนเอ่ยออกมาเมื่อเดินมาถึงโต๊ะกินข้าว บนโต๊ะมีอาหารอยู่ 2-3 อย่าง แดฮยอนมองอาหารตรงหน้าด้วยสายตาที่เป็นประกาย หลังกลับจากโรงเรียน แดฮยอนกับยงกุกจะอาบน้ำก่อนลงมากินข้าว ซึ่งยงนัมเป็นคนจัดการเรื่องอาหารในแต่ละมื้อ ฝีมือทำอาหารของยงนำเทียบเท่าเชฟจากร้านดังๆเลยหล่ะ
“อาหารง่ายๆหน่ะ ไม่รู้จะถูกปากนายรึเปล่า?”
ยงนัมยิ้มให้แดฮยอนเล็กน้อยก่อนจะหันไปปิดแก๊ส คนตัวสูงที่พ่วงตำแหน่งพ่อครัวของบ้านตักแกงกิมจิใส่ถ้วยใบใหญ่ก่อนจะวางแกงถ้วยนั้นลงบนโต๊ะตรงหน้าแดฮยอน คนตัวเล็กกว่ายิ้มกว้างจนตาหยีส่งให้ยงนัม
“ผมกินง่ายครับ กินได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แล้วอาหารพวกนี้ก็น่ากินมากๆด้วย พี่ทำเองเหรอ?”
“ใช่! พี่ชอบทำอาหาร นี่ก็แช่เค้กไว้อีกเดี๋ยวก็คงได้ที่แล้วหล่ะ ชีสเค้กหน่ะนายชอบมั้ย?”
“ชีสเค้ก?! ผมชอบชีสเค้กมากๆเลยหล่ะครับ”
“เฮอะ! ตะกละก็บอก”
ยงกุกอดแขวะคนตัวเล็กที่ยืนทำท่ากระดี๊กระด๊าข้างๆตัวเองไม่ได้ ทีกับไอ้ยงนัมหล่ะพูดเพราะพูดดีเชียว ทีกับเขานี่ด่าเอาๆ
แมวอะไรวะ? โคตรสองมาตรฐานเลยเหอะ!
แดฮยอนจิกตาใส่ยงกุกเล็กน้อยก่อนจะหันมายิ้มให้ยงนัม คนตัวเล็กขยับเก้าอี้ออกนั่งเมื่อยงนัมเชิญชวน กลิ่นหอมๆของอาหารชวนให้กระเพาะของแดฮยอนทำงานได้เป็นอย่างดี
บนโต๊ะอาหารมื้อนั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนตัวเล็กช่างจ้อ แดฮยอนเป็นคนพูดเก่งและอัธยาศัยดี จึงไม่แปลกที่จะทำให้เขากับยงนัมสนิทกันภายในเวลาอันรวดเร็ว บทสนทนาบนโต๊ะอาหารมีเพียงยงนัมและแดฮยอนเท่านั้น ยงกุกได้แต่เขี่ยข้าวในจานไปมาอย่างรู้สึกเซ็งๆ ทั้งๆที่ๆนี่เป็นบ้านของเขา และไอ้ยงนัมก็เป็นแฝดของเขา แต่ทำไมเขากลับรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกได้ถึงเพียงนี้? อีกอย่างนะ ยิ่งเห็นแดฮยอนหัวเราะต่อกระซิกกับยงนัมแล้วเขาพูดตรงๆเลยว่าเขาไม่ชอบ
“โอ๊ย! เบื่อโว้ย!”
ยงกุกสบถออกมาก่อนจะลุกขึ้น เรียกให้ยงนัมกับแดฮยอนหันมามองได้เป็นอย่างดี ยงกุกทำท่าจะหนีขึ้นห้องของตัวเองแต่ก็ต้องชะงักเมื่อแดฮยอนกระตุกกุญแจมือข้างที่ล่ามติดกันนั้นเบาๆ
“ผมยังกินข้าวไม่อิ่มเลย จะรีบไปไหนหล่ะ? รอกันก่อนดิ กินแล้วนอนระวังจะกลายเป็นสุกรตัวน้อยๆนะ”
“จะกินก็กินไปดิ ฉันจะไปเล่นเกม”
“ผมกินคนเดียวได้ไงหล่ะก็โดนมัดติดกับพี่ไว้แบบนี้อ่ะ รอก่อนดิ”
“ไม่เว้ย! ฉันจะขึ้นข้างบน!”
“มึงไม่พอใจก็พูดมาดีๆไอ้กุก อย่ามาทำตัวงี่เง่าแบบนี้”
ยงนัมพูดมาเรียบๆพลางมองน้องชายฝาแฝดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้ทัน ยงกุกถึงกับเงียบไปทันทีก่อนจะแก้ตัวอย่างข้างๆคูๆ
“ฉัน... ฉันจะไม่พอใจอะไรหล่ะวะ? ก็อิ่มข้าวแล้ว”
“แต่แดฮยอนยังไม่อิ่มเลย รอน้องก่อนสิ”
“ทำไมฉันต้องรอไอ้หน้าแมวนี่ด้วย?”
“มึงอย่ามาทำตัวไม่มีเหตุผล แดฮยอนยังกินข้าวไม่อิ่ม มึงอิ่มแล้วมึงก็นั่งรอก่อนดิ ไม่งั้นกูจะคิดว่ามึงกำลังไม่พอใจกู”
“กูจะไม่พอใจมึงเรื่องอะไร?”
“บังยงกุกครับ กูเป็นแฝดมึงแล้วมึงก็เป็นแฝดกู กูรู้ว่ามึงรู้ว่าที่กูพูดหมายถึงอะไร?”
ยงกุกได้แต่เม้มปากตัวเองอย่างเถียงไม่ออก ตาคมมองไปยังเจ้าตัวปัญหาที่นั่งมองหน้าเขาที ยงนัมทีอย่างไม่เข้าใจ ยิ่งเห็นท่าทางที่เหมือนแมวกำลังสงสัยแบบนั้นยงกุกยิ่งหมั่นไส้ กำปั้นหนักๆถูกส่งไปจอดบนหัวกลมๆของแดฮยอน 1 ทีแบบเน้นๆ คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยทำได้แค่โวยวายออกมา
“ทำอะไรของพี่วะ? มันเจ็บนะเว้ย!”
“เจ็บก็ดี จะได้จำ”
“แล้วผมทันไปทำอะไรให้พี่รึยังหล่ะ? คนอะไรวะ โคตรไม่มีเหตุผลเลย!”
“เออ! ฉันมันไม่มีเหตุผลเหมือนไอ้ยงนัมหรอก”
ยงนัมส่ายหน้าน้อยๆให้น้องชายฝาแฝดของตัวเอง เขาหล่ะเบื่อจริงๆกับพวกปากไม่ตรงกับใจ หวงก็ไม่ยอมรับว่าหวง เห็นแล้วอดหมั่นไส้ไม่ได้
“รีบๆกินดิวะ จะเล็มอะไรนักหนา? นี่นายกินข้าวหรือสูบวิญญาณข้าวกันแน่?”
แดฮยอนมองคนขี้โวยวายข้างๆด้วยหางตา ปากอิ่มงอง้ำด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาตักข้าวเข้าปากคำใหญ่ๆ ยงนัมส่ายหน้าให้กับความเอาแต่ใจของน้องชายฝาแฝดตัวเองก่อนจะตำหนิน้องตัวเองด้วยน้ำเสียงติดจะไม่พอใจ
“มึงจะเร่งน้องมันทำไมวะ? เกิดข้าวติดคอน้องขึ้นมามึงจะทำไง?”
“ก็ดีไง ให้ข้าวติดคอตายไปเลยก็ดีตัวภาระแบบนี้”
แดฮยอนชะงัก ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นอย่างพยายามสะกดอารมณ์ตัวเอง ยงนัมกับยงกุกสังเกตอาการแปลกๆที่เปลี่ยนไปของคนตัวเล็กได้ ยงนัมขยับปากด่ายงกุกแบบไม่มีเสียง ยงกุกนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าตัวเองเผลอพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป
“ผมอิ่มแล้วหล่ะครับพี่ยงนัม เดี๋ยวผมช่วยพี่เก็บโต๊ะนะ”
แดฮยอนแสร้งยิ้มให้กับคนตัวสูงที่มองเขาด้วยสายตาเป็นห่วง ก่อนจะหันมามองยงกุกที่จ้องเขาอยู่ก่อนแล้ว
“รอผมอีกนิดได้มั้ย? ขอผมช่วยพี่ยงนัมเก็บโต๊ะก่อน... จะได้ไม่ทำตัวให้เป็นภาระไปมากกว่านี้”
เหมือนมีดกรีดกลางใจยงกุกเต็มๆ น้ำเสียงของแดฮยอนไร้ความกวนประสาทแบบทุกครั้ง แววตาที่จ้องมองเขาฉายแววน้อยใจอยู่ลึกๆ ขอบตาเริ่มแดงเหมือนคนพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลนั้นทำให้ยงกุกถึงกับพูดไม่ออก เมื่อแดฮยอนเห็นว่ายงกุกไม่พูดอะไร เขาจึงเก็บรวบรวมจานที่อยู่บนโต๊ะมารวมกันเงียบๆ ยงนัมยังคงขยับปากด่ายงกุกไม่หยุดก่อนจะหันมามองคนตัวเล็กที่ก้มหน้าก้มตาเก็บจานอยู่ใกล้ๆ
“แดฮยอนไปพักเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการต่อเอง แค่นี้ก็ช่วยได้มากแล้วหล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ ให้ผมได้ทำประโยชน์อะไรบ้างเถอะ มาอาศัยบ้านพี่ทั้งทีนี่นา...”
แดฮยอนแสร้งยิ้มส่งให้คนตรงหน้า ก่อนจะยกจานชามทั้งหมดไปเก็บโดยมียงกุกเดินตามมาเงียบๆ แดฮยอนไม่เคยรู้สึกอยากให้เวลาผ่านไปเร็วๆเหมือนวันนี้มาก่อน เขารู้สึกอยากเอากุญแจมือนี้ออกเต็มที ตอนนี้เขาคิดถึงบ้าน คิดถึงฮานะ เขาอยากกลับบ้านตัวเอง บ้านที่เขาสบายใจจะอยู่
แดฮยอนคว่ำจานใบสุดท้ายที่ล้างเสร็จ ก่อนจะบอกลายงนัมแล้วเดินตามยงกุกขึ้นมาบนห้องเงียบๆ แดฮยอนมองเตียงขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่นั้นก่อนจะหันมามองยงกุกตรงๆพลางสูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่
“ผมจะพยายามทำตัวให้ดีขึ้น ครูฮโยซองจะได้เห็นว่าเราดีกันแล้วจริงๆ พี่ทนหน่อยนะ พรุ่งนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้วที่เราจะติดอยู่ด้วยกันแบบนี้ ตอนเช้าเรารีบไปโรงเรียนกันนะครับ จะได้ไปหาครูฮโยซอง ให้ครูฮโยซองเอากุญแจบ้าๆนี่ออกให้ซักที...”
“...”
“...ผมรู้ว่าพี่ลำบากใจที่ต้องมาติดแหง็กแบบนี้กับผม ผมขอโทษนะครับที่ต้องกลายมาเป็นภาระให้พี่แบบนี้ ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนี้เลย ผมขอโทษจริงๆ”
แดฮยอนก้มตัวลงต่ำโค้งให้อีกคนเพื่อเป็นการบ่งบอกว่าสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด เขารู้สึกตามนั้น และเขารู้สึกขอโทษจริงๆ แดฮยอนล้มตัวลงนอนบนเตียงของยงกุก โดยที่ตัวเองขยับไปจนชิดกับผนังด้านใน พลางหันหน้าเข้ากับกำแพงโดยข้อมือที่ถูกล็อคติดกับยงกุกนั้น คนตัวเล็กวางไพล่หลังตัวเองเอาไว้ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมแล้วหลับตาลงอย่างต้องการหนีความจริงในตอนนี้
ยงกุกนั่งมองแดฮยอนที่นอนหันหน้าเข้ากับกำแพงอย่างพูดอะไรไม่ออก ใช่! เขาเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจ กวนตีน ปากหมา นั่นคือคำนิยามที่ยงนัมพูดถึงเขาบ่อยๆ แต่เขาไม่ได้ต้องการจะพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจคนตัวเล็กคนนี้เลยสักนิด แต่ก็อีกนั่นแหละ เขาปากหนักเกินไปที่จะพูดขอโทษลูกแมวตัวเล็กคนนี้
ยงกุกล้มตัวลงนอนข้างๆแดฮยอน ไฟถูกเปิดไว้แค่โคมจากหัวเตียงให้พอเป็นแสงสลัว ยงกุกนอนไม่หลับ เป็นเพราะใจของเขายังไม่สงบ และยากที่จะทำให้มันสงบลงได้ ยิ่งคิดยิ่งใจหาย พรุ่งนี้แล้วใช่มั้ยที่เขาจะได้เป็นอิสระจากกุญแจบ้าๆนี่ซักที?
เวลาผ่านไปจนดึก ยงกุกก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะง่วงเลยสักนิด เขาตั้งใจจะลุกขึ้นหยิบโน๊ตบุคมาเล่นแก้เซ็ง แต่ก็ต้องชะงัก เมื่อได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆจากคนที่เขาคิดว่าหลับไปนานแล้ว
“ฮึก!...”
ยงกุกหันมองคนที่ยังคงนอนหันหน้าเข้ากับกำแพง ริมฝีปากสีหม่นเม้มเข้าหากัน ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยถามออกไปเบาๆ
“ยังไม่หลับเหรอ?”
แดฮยอนเช็ดน้ำตาตัวเองลวกๆ ก่อนจะพยายามบังคับเสียงตัวเองให้ปกติที่สุด
“หลับแล้ว แต่ตกใจตื่นหน่ะ กำลังจะหลับ”
“...ลุกมาคุยกันหน่อยดิ”
“ผมง่วง จะหลับแล้ว...”
“แดฮยอน ลุกมาคุยกันก่อนนะ... ครับ”
น้ำเสียงกึ่งขอร้องนั้นทำให้แดฮยอนรู้สึกแปลกๆ หัวใจของเขาเต้นเป็นจังหวะเร็วขึ้นอย่างกลั้นไม่อยู่ เมือเห็นคนตัวเล็กยังคงนอนนิ่ง ยงกุกจึงถือวิสาสะดึงแขนแดฮยอนให้ลุกขึ้น ก่อนจะจับคนตัวเล็กกว่าให้หันมาเผชิญหน้ากับตัวเอง
ตากลมโตบวมแดงก่ำ หยาดน้ำใสๆยังคงคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสอง จมูกแดงเหมือนคนร้อนไห้หนักๆ ปากเจ่อๆ เชิดๆที่ช้ำเพราะเจ้าตัวกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเพื่อข่มเสียงสะอื้น ไม่รู้ว่าแดฮยอนร้องไห้ตั้งแต่เมื่อไหร่? แต่ก็คงจะนานพอดูถึงทำให้เจ้าตัวอยู่ในสภาพเช่นนี้
“ร้องไห้เป็นตุ๊ดเลยนะ”
“อืม... ผมมันตุ๊ด พี่จะด่าจะว่าอะไรผมอีกเหรอ? เอาเลย ว่ามาได้เลย ผมจะไม่เถียงพี่เลยซักคำ ว่ามาสิครับ...”
แววตาที่เต็มไปด้วยความน้อยใจฉายชัดจากดวงตากลมโตคู่นั้น ยงกุกอยากตบปากตัวเองแรงๆที่นอกจากจะพูดดีๆไม่ได้แล้วยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนตัวเล็กตรงหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้ นิ้วเรียวสวยเช็ดน้ำตาออกจากตากลมโตของคนตรงหน้าเขาเบาๆ แดฮยอนได้แต่ก้มหน้าเหมือนกำลังรอฟังคำพูดประชดแดกดันจากเขา
“...ขอโทษนะ”
“...”
“ฉันมันเป็นคนปากหมา พูดอะไรไม่คิด ฉันขอโทษที่พูดจาทำร้ายจิตใจของนาย...”
“พี่ไม่ต้องขอโทษหรอก ที่พี่พูดมันถูกแล้ว ผมมันเป็นตัวภาระจริงๆนั้นแหละ”
คนตัวเล็กพูดพลางข่มสะอื้น ยงกุกลังเลเล็กน้อยก่อนจะรั้งร่างตรงหน้าเข้ามากอดแนบไว้กับอก มือสวยลูบหัวคนในอ้อมกอดเบาๆอยากปลอบประโลม
“ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น”
“แล้วพี่จะให้ผมคิดยังไงหล่ะ? พี่ไม่ได้หมายความแบบนั้นแต่พี่พูดแบบนั้นพี่ควรให้ผมตีความยังไง? แต่ก็เอาเถอะ ผมมันเป็นแบบนั้นจริงๆ”
“แดฮยอน...”
“พี่มีอะไรจะพูดอีกมั้ย? ผมจะนอนแล้ว...”
แดฮยอนดันอกคนตัวโตกว่าออก แตยงกุกกลับกอดแดฮยอนแน่นเข้าไปอีก ยงกุกไม่ใช่คนที่มีความอดทนสูงมากนัก พอมาเจอแดฮยอนงอแงใส่แบบนี้ ความอดทนเขาก็เริ่มจะหมดแล้วเหมือนกัน ทั้งๆที่เรื่องนี้เขาจะเป็นคนผิดก็ตาม
“บอกว่าขอโทษไง”
“บอกว่าไม่ต้องขอโทษไง”
“อย่าประชดดิวะ!”
“ผมไม่ได้ประชด!”
“ก็ที่ทำอยู่เนี้ย เค้าเรียกประชด!”
“ก็บอกว่า...”
แดฮยอนเป็นต้องกลืนคำพูดทั้งหมดลงคอทันที เมื่อริมฝีปากหม่นของอีกฝากประกบลงมาบนริมฝีปากของตัวเองที่กำลังจะเถียง จูบหนักๆที่เต็มไปด้วยอารมณ์ถูกส่งมาให้แดฮยอน
รุนแรง... ดุเดือด...
แดฮยอนได้แต่ทุบอกอีกคนเพื่อขออากาศหายใจ ยงกุกปล่อยแดฮยอนให้เป็นอิสระเล็กน้อยก่อนจะกดจูบคนตัวเล็กในอ้อมแขนของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ยงกุกผละริมฝีปากออกจากแดฮยอนเมื่อรู้สึกถึงความเค็มของอะไรบางอย่างในปากของตัวเอง แดฮยอนมองยงกุกด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ปากอิ่มทีเจ่ออยู่แล้วกลับบวมเจ่อเข้าไปอีก บนริมฝีปากสีสดแต่งแต้มไปด้วยสีเข้มของอะไรบางอย่างจางๆ
“พอใจแล้วใช่มั้ย? ถ้าพอใจแล้วผมจะนอนแล้วครับ”
แดฮยอนเม้มปากตัวเองแน่น มือเล็กเช็ดน้ำตาออกจากตาตัวเองจนแห้งสนิท คนตัวเล็กกว่าล้มลงนอนที่เดิมในท่าเดิม ยงกุกทึ้งหัวตัวเองแรงอย่างคนใกล้บ้าเต็มที เขากำลังโมโห โมโหตัวเองที่เผลอทำตัวเถื่อนๆกับแดฮยอน
ทำดีกับแดฮยอนไม่ได้แล้วยังไปทำร้ายแดฮยอนอีก แดฮยอนต้องเจ็บเพราะยงกุกกี่ครั้งแล้ววันนี้?
แดฮยอนตื่นขึ้นมาก็พบว่ายงกุกนั่งมองตัวเองอยู่ก่อนแล้ว จากสภาพของยงกุกแดฮยอนเดาได้ไม่ยากว่าคนตัวสูงคนนี้คงไม่ได้นอนทั้งคืน แดฮยอนลุกขึ้นเข้าห้องน้ำโดยมียงกุกตามไปเงียบๆ ตากลมโตที่ผ่านการร้องไห้อย่างหนักเมื่อคืนยังคงบวมช้ำ ปากอิ่มที่ยังคงบวมนั้นมีแผลจากฝีมือของเขา
เขากับแดฮยอนเดินไปโรงเรียนกันอย่างเงียบๆ คนตัวเล็กเงียบกว่าทุกวัน เงียบจนทำให้เขารู้สึกอึดอัด แม้เขาจะพยายามพูดจากวนประสาทแดฮยอนเหมือนทุกครั้งบนโต๊ะกินข้าว แต่สิ่งที่เขาได้กลับมาคือความเงียบ ยงนัมได้แต่สมน้ำหน้าเขา ซึ่งยงกุกก็ยอมรับผิดแต่โดยดีโดยไม่คิดจะเถียง
“นี่... พูดอะไรบ้างดิ”
ยงกุกสะกิดแขนแดฮยอนที่เดินตรงไปห้องปกครองแบบไม่เร่งรีบ คิดแล้วก็ใจหาย เขากับแดฮยอนกำลังจะถูกแยกออกจากกันแล้ว...
“ช่วยทนอีกนิดนะครับ อีกเดี๋ยวพี่ก็จะไม่มีภาระคนนี้อีกแล้ว”
“ไม่เอาแบบนี้ดิ กวนประสาทก็ได้ พูดด่าฉันก็ยังดี”
“...”
“แดฮยอน...”
“อ้าว! บังยงกุก จองแดฮยอน วันนี้แล้วใช่มั้ยที่พวกนายจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระ? เป็นยังไงบ้างตลอด 1 อาทิตย์ที่ผ่านมา?”
อาจารย์ฮโยซองเอ่ยทักพวกเขาความอารมณ์ดี แดฮยอนปั้นยิ้มส่งไปให้เป็นคำตอบ
“พวกเราไม่ตีกันแล้วครับ ไม่เชื่อครูคอยจับตาดูได้เลย”
“ครูเชื่อว่าพวกนายจะไม่ตีกันแล้ว ยื่นมือมา เดี๋ยวครูไขกุญแจให้”
แดฮยอนยื่นมือตัวเองไปให้อาจารย์ฮโยซอง แต่ยงกุกกลับขืนมือเอาไว้ ตาคมมองแดฮยอนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหมาย เขายังไม่อยากแยกกับแดฮยอนตอนนี้... เขาไม่อยาก...
“เอ้า! ส่งมือมาเร็วเข้า”
ยงกุกจำใจยื่นข้อมือไปให้อาจารย์ฮโยซอง กุญแจปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระจากกัน แดฮยอนขอตัวขึ้นห้องทันทีที่กุญแจหลุดออก ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดอะไรด้วยอีกเลย
แดฮยอนโทรบอกฮานะให้ไปเอาของที่บ้านยงกุกให้ พอดีกับที่ยงนัมไม่ได้ไปเรียน แดฮยอนไม่ต้องย้อนกลับไปเอาของที่บ้านหลังนั้นอีก คนตัวเล็กถอนหายใจออกมาเบาๆ เรื่องของเขากับยงกุก จบสิ้นสักที...
จากวันนั้น แดฮยอนก็คอยหลบหน้ายงกุกอยู่ตลอดเวลา เขายอมกินขนมปังอยู่บนห้องดีกว่าต้องลงไปที่โรงอาหารแล้วเจอกับยงกุก เวลาที่เขาเห็นยงกุกเดินมา แดฮยอนจะหลบทันที เขาเลี่ยงการพบเจอกับยงกุกให้ได้มากที่สุด หลายครั้งที่ยงกุกพยายามจะเข้าหาเขา แต่แดฮยอนกลับวิ่งหนี จนผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วที่เขากับแดฮยอนไม่ได้คุยกัน
“เฮ้อ~”
“ทำตัวเป็นคนแก่ไปได้นะมึง”
ยงนัมวางหนังสือลงก่อนจะมองน้องชายฝาแฝดของตัวเองที่นอนเอกเขนกอยู่ที่โซฟาพร้อมกับถอนหายใจรอบที่ร้อยของวัน บ้านของเขาเงียบลงไปมากเมื่อไม่มีแดฮยอน ที่ว่างข้างๆยงกุกดูกว้างขึ้นเมื่อไม่มีคนตัวเล็กคนนั้น การใช้ชีวิตคนเดียวโดยที่ไม่มีแดฮยอน ทำให้เขาเหงา...
ใช่แล้ว... ยงกุกรู้สึกเหงาเมื่อไม่มีแดฮยอน เขาคิดถึงไอ้ลูกแมวคนนั้น...
“เฮ้อ!”
“คิดถึงก็ไปหาเขาดิวะ ไม่ใช่มาทำตัวหมดอาลัยตายอยากแบบนี้”
“แดฮยอนไม่ยอมคุยกับกูหว่ะ เลี่ยงได้เป็นเลี่ยง หลบหน้ากูตลอดเลย แล้วมึงจะให้กูทำยังไงหล่ะ?”
ยงนัมยิ้มเยาะแฝดน้องของตัวเองเล็กน้อย
“ตอนเขาอยู่ มึงเหี้ยกับเขาเองนี่”
“ไอ้นัม ถ้ามึงไม่ช่วยมึงก็หุบปากไปเลยไป”
ยงกุกหันมองพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง พร้อมชูนิ้วกลางใส่หน้าคนเป็นพี่ให้เป็นของแถม ยงนัมหัวเราะออกมาก่อนจะถีบขาคนเป็นน้องแรงๆไปหนึ่งที
“ชอบแดฮยอนหล่ะสิ?”
“ใครมันจะ...”
“มึงเลิกปากแข็งซักทีเหอะยงกุก เพราะปากมึงเป็นแบบนี้ไงเขาถึงได้ไปจากมึง การทำให้ปากตรงกับใจมันยากนักเหรอวะ? ถ้ามึงมัวแต่ฟอร์ม มึงก็เตรียมตัวเสียเขาไปได้เลย มึงรักษาเขาไว้ไม่ได้หรอก...”
เมื่อเห็นยงกุกเงียบ ยงนัมก็ยิ้มเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อ
“รักเขาก็บอกเขา ไม่ใช่มัวแต่ปากหมาใส่เขา มันก็จริงที่เขาไม่คิดอะไร แต่อะไรที่มันมากไปมันก็ไม่ดีนะเว้ย ความรักหน่ะ มันต้องมียอมกันบ้าง เพราะความรักไม่ใช่การเอาชนะ แต่มันคือการยอมแล้วก็ปรับตัวเข้าหากัน รักเขาก็บอกเขาไป ไม่ใช่เอาเวลามาทิ้งไปวันๆอย่างกับคนแก่รอเวลาตายแบบนี้”
“นี่มึงจะให้กำลังใจกูหรือมึงจะด่ากู?”
“มึงชอบแดฮยอนใช่มั้ย?”
ยงนัมไม่ตอบคำถามของยงกุก แต่กลับเป็นฝ่ายถามแทน ยงกุกนิ่งไปก่อนจะถอนหายใจยาวออกมา
“เออ! กูชอบแดฮยอน ที่กูคอยแกล้งคอยทำเหี้ยใส่แดฮยอนก็เพราะกูชอบแดฮยอน กูชอบเขามาก กูรักแดฮยอนสุดๆ แต่มึงก็รู้ไงว่ากูทำอะไรดีๆ หวานๆไม่เป็น กูทำได้แค่นี้แหละ มึงพอใจรึยัง?”
“พี่พูดจริงเหรอ?”
ยงกุกใจหายวาบทันทีก่อนจะเด้งตัวเองขึ้นนั่งมองคนตัวเล็กที่เดินเข้าบ้านตรงมายังเขาแบบอึ้งๆ แดฮยอนเองก็อึ้งไม่ต่างจากเขา ก่อนจะถามซ้ำ
“พี่พูดจริงๆเหรอพี่ยงกุกที่บอกว่าชอบผม?”
แดฮยอนได้รับโทรศัพท์จากยงนัมว่าเขาทำชีสเค้กเอาไว้อยากให้แดฮยอนมากิน ตอนแรกแดฮยอนก็อิดออดไม่อยากมาเพราะไม่อยากมาเจอยงกุก แต่ยงนัมบอกว่ายงกุกไม่อยู่ ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าและคงจะกลับดึกๆ แดฮยอนถึงยอมมาที่บ้านหลังนี้อีกครั้ง และเขาก็มาทันที่จะได้ยินทุกคำพูดที่ยงกุกพูดกับยงนัมอีกด้วย
“ฉันก็แค่...”
“กูบอกมึงแล้วนะยงกุก โอกาสมันไม่ได้มีบ่อยๆ ถ้ามึงทำลายมันอีก มึงก็อย่าหวังว่ามึงจะได้มันเป็นครั้งที่สอง กูช่วยมึงแค่นี้แหละ ที่เหลือมึงจัดการเองแล้วกัน อ้อ! กูจะบอกอีกอย่างนะ ถ้ามึงปล่อยโอกาสครั้งนี้ผ่านไป กูนี่แหละจะจีบแดฮยอนเอง”
ยงนัมถีบยงกุกอีกทีก่อนจะเดินไปตบไหล่แดฮยอนเบาๆแล้วหนีขึ้นห้องตัวเอง ตอนนี้เลยเหลือแค่เขากับแดฮยอนเท่านั้น
“...”
“...”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมกลับหล่ะ”
“เดี๋ยวก่อน!”
ยงกุกคว้าข้อมือเล็กนั้นไว้ทันทีที่แดฮยอนหันหลังกลับ ยงกุกเม้มปากแน่นก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ก่อนจะดึงข้อมือเล็กนั้นเบาๆให้คนตัวเล็กนั่งข้างๆตัวเอง
“ที่ฉันบอกว่าชอบนายนั่นหน่ะ...”
“...”
“ฉันพูดจริงๆ...”
แดฮยอนตาโตให้กับคำสารภาพรักจากปากของคนที่คอยแต่จิกกัดและด่าว่าเขาอยู่ตลอด คนที่เขาคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้คุยกันดีๆเหมือนคนอื่น
คนที่เขาคิดว่า... ความรักระหว่างเขากับคนปากเสียคนนี้ ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
“...ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ? ก็ตั้งแต่แรกที่เข้าไปแกล้งนายนั่นแหละ จริงๆไม่ได้อยากแกล้งหรอก แต่นายก็รู้จักนิสัยของฉันแล้วนี่...”
“...”
“ฉันหน่ะ... อยากคุยดีๆกับนายเหมือนที่คุยกับคนอื่น แต่เวลาเห็นนายคุยกับคนอื่นแล้วมันหงุดหงิดหว่ะ พอหงุดหงิดแล้วปากมันเลยพาลจะหมาใส่ มันเลยทำให้พูดดีๆด้วยไม่ได้ซักที ทั้งๆที่โคตรอยากจะดีด้วยเลย”
แดฮยอนหน้าขึ้นสีให้กับประโยคบอกรักแบบห่ามๆนั้น ยงกุกถือโอกาสรวบเอวบางนั้นเข้ามาใกล้แล้วกอดไว้หลวมๆ ก่อนจะเกยคางของตัวเองลงบนไหล่แคบของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้
“แดฮยอน... ที่ผ่านมาฉันขอโทษนะ ที่ฉันเคยบอกว่านายเป็นภาระ ฉันหมายความตามนั้นแหละ...”
“พี่ยงกุก!”
“อย่าเพิ่งขัดดิ ฟังให้จบก่อนได้ป่ะวะ?”
ยงกุกใช้มือข้างหนึ่งปิดปากแดฮยอนเอาไว้ คนตัวเล็กกว่าขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจแต่ก็ยอมนิ่งฟังต่อไป
“ที่ฉันบอกว่านายเป็นภาระหน่ะ... นายเป็นภาระกับหัวใจของฉัน นายทำให้ฉันรักนายเวอร์ๆ หวงนายโคตรๆ แต่แบบ... แม่งต้องเก็บไว้ทั้งที่มันโคตรจะอึดอัด ต้องคอยห้ามใจตัวเองไม่ให้เผลอปล้ำนายตอนที่เราอยู่ด้วยกัน นายคิดว่าตัวเองเป็นภาระมั้ยหล่ะ?”
“...”
“ยัง! ฉันยังพูดไม่จบ... ในเมื่อนายรู้ว่าตัวเองเป็นภาระแบบนี้แล้ว นายจะรับผิดชอบฉันมั้ย?”
แดฮยอนดึงมือยงกุกออกจากปากตัวเอง ก่อนจะซัดกำปั้นหนักๆเข้ากับแขนของคนปากเสียข้างๆไป 1 ที คนตัวเล็กขมวดคิ้วยุ่ง หน้าง้ำปากงอนมองเขา
“แม่ง... คนอะไรวะ บอกรักได้โคตรปากหมาเลย...”
“ถึงจะหมาก็หมากับนายคนเดียวนะเว้ย!”
“เออ... ผมโคตรภูมิใจเลย”
ว่าแล้วก็ซักกำปั้นเข้าให้อีกที
“แล้ว... สนใจจะอยู่ตีกัน อยู่ด่ากันไปตลอดชีวิตมั้ยหล่ะ?”
ยงกุกยักคิ้วให้คนตัวเล็กก่อนจะฉวยโอกาสหอมแก้มเนียนที่ขึ้นสีจัดนั้น 1 ที แดฮยอนหัวใจเต้นรัวอย่างไร้เหตุผล ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ก่อนจะพยักหน้าลงช้าๆ และคำตอบของแดฮยอนก็ทำให้ยงกุกยิ้มกว้างออกมาทันที
“เออ... ใครเลิกก่อน เจอยำตีน ตกลงมั้ย?”
“ตกลงแบบไม่มีเงื่อนไขเลยครับ”
แม้ว่าคู่ของเขาจะไม่หวานเหมือนคู่อื่นๆ ไม่มีคำพูดสวยหรูเหมือนคู่อื่นๆ แต่บังยงกุกจะทำให้จองแดฮยอนมีความสุขไม่แพ้คู่อื่นๆแน่นอน
------------------------------------------------------------------------
อยากมีแฟนแบบบังยงกุกมั้ยครับ? ฮ่าๆๆๆๆๆ SF เรื่องนี้เขียนออกมายาวมากเลย 24 หน้าเอสี่แหนะ ถ้ารีดเดอร์ขยันอ่าน ไรท์ก็จะขยันเขียนน๊าาา จะอัพฟิคให้บ่อยขึ้นน๊า อย่าเพิ่งทิ้งกันหล่ะ ^^
ความคิดเห็น