คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
‘เพราะไร้รูปร่าง...เราถึงได้พากันหวาดกลัว’
บทนำ
“พี่ชาย~ พี่ชายค้า~ พี่ชายเห็นฉันใช่มั้ย?~”
เสียงหนึ่งดังมาจากข้างหลังของผม ระหว่างที่ผมกำลังจะเดินกลับบ้าน ในเวลาใกล้ค่ำ ผมหันไปทางต้นเสียงก็พบ เด็กผู้หญิงอายุประมาณ 10 ขวบ ตัวซีดคนหนึ่ง ยืนก้มหน้าแต่สายตาของเธอกำลังมองผม
“อือ... รู้ได้ไง?”
ผมถามเด็กคนนั้นด้วยน้ำเสียงเหนื่อยๆ เด็กคนนั้นยิ้มให้ผมนิดหน่อย ก่อนที่มือเล็กซีดเผือดเหมือนคนไร้เลือดจะชี้มาทางผม
“พลังบางอย่างในตัวพี่ชาย~”
“งั้นเหรอ? ว่าแต่มีอะไรให้ฉันช่วยหล่ะ?”
“ช่วยพาหนูกลับบ้านได้มั้ยค้า?~”
เด็กคนนั้นส่งสายตาอ้อนวอนมาทางผม เป็นสายตาที่เจือไปด้วยความเศร้าจนผมอดที่จะสงสารไม่ได้ ผมเงียบไปนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้าลง
“ก็ได้... แล้วเธออยู่ที่ไหนหล่ะ?”
สายตาที่เต็มไปด้วยความหวังถูกส่งมาให้ผมอีกครั้ง เด็กคนนั้นชี้ไปทางพงหญ้ารกๆกอหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ
“หนูอยู่ตรงนั้น~ หนูหนาวเหลือเกินค่ะ~ หนูถูกฆ่าแล้วก็โดนหมกไว้ตรงนั้น~”
ผมมองไปยังตรงที่เด็กคนนั้นชี้ มันเป็นพงหญ้าที่รกมาก ไร้คนดูแล ถ้าจะมีใครสักคนถูกฆ่าแล้วเอาศพไปซ่อนไว้ตรงนั้น ก็ไม่แปลกที่จะไม่มีใครรู้ ก่อนจะควักมือถือออกมา กดเบอร์ที่คุ้นเคย
(ว่าไงไอ้เหงือก?)
“บอกพ่อมึงด้วยว่าบริเวณสวนสาธารณะท้ายหมู่บ้านกู มีศพเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกฆ่าหมกอยู่ตรงพงหญ้ารกๆ ข้างต้นมะขาม มาจัดการด้วย น้องเค้าบอกว่าอยากกลับบ้าน”
ผมบอก คิมฮิมชาน เพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะมองไปยังเด็กคนนั้น ที่ตอนนี้ยืนยิ้มเศร้าๆให้กับผม
(เจออีกแล้วเหรอวะ? เป็นมึงนี่ลำบากดีแฮะ โอเคๆ เดี๋ยวจะบอกป๊าให้)
ผมกดวางสายไอ้ฮิมชาน ก่อนจะหันไปมองเด็กคนนั้น
“รออยู่ที่นี่ก็แล้วกันนะ อีกไม่นานพ่อเพื่อนฉันก็คงมา เดี๋ยวเธอก็จะได้กลับบ้านแล้วหล่ะ”
ผมบอกเด็กคนนั้น ก่อนจะยิ้มให้นิดหน่อย เธอส่งยิ้มให้ผมเป็นการขอบคุณ
“ขอบคุณนะค้า~”
“อือ~ รีบๆไปสู่สุขคติก็แล้วกัน”
ผมบอกเด็กคนนั้น ก่อนที่จะหันหลังกลับ และร่างของเด็กคนนั้นก็ค่อยๆเลือนหายไป
ครับ! ผมมองเห็นวิญญาณ ผมไม่ได้มองเห็นสิ่งพวกนี้มาตั้งแต่เกิดหรอก แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อ 3 ปีก่อนนั่นแหละ ที่ทำให้ผมเห็นวิญญาณได้ สื่อสารกับวิญญาณได้...
3 ปีที่แล้ว...
ตอนนั้นผมเพิ่งเข้ามาเรียนปี 1 ก็อย่างที่รู้ๆกันแหละครับว่าเด็กปี 1 มักจะเป็นที่สนใจของพวกรุ่นพี่ที่จะแกล้งกันอยู่แล้ว และด้วยความที่ผมเป็นคนเงียบๆ มีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่เคยยอมใครและหน้าตาติดกวนไปหน่อย เลยทำให้เป็นที่หมายหัวของพวกรุ่นพี่ในคณะ
“ไง! ไอ้ยงกุก... เมื่อไหร่เมื่อนั้นนะมึง ขวางหูขวางตากูจริงๆ”
ครับ... มันก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอดตั้งแต่ผมเข้ามาเรียนที่นี่ ผมมักจะถูกหาเรื่องจากพวกรุ่นพี่เป็นประจำ และคนที่เหมือนจะเกลียดขี้หน้าผมสุดๆก็คงจะเป็นคนๆนี้แหละครับ ยุนดูจุน รุ่นพี่ปี 3 ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักเลงของคณะ
“ฉันไปทำอะไรขวางหูขวางตาพวกนายมิทราบ?”
ผมถามกลับไปด้วยใบหน้านิ่งๆตามสไตล์ แน่นอนว่าผมคงจะไม่ให้ความเคารพ คนที่หาเรื่องผมอยู่ตลอดเวลาหรอก
“หึ! ก็ดูตามึงสิ! ใส่คอนแทคเลนส์ข้างละสีแบบนี้ปัญญาอ่อนรึเปล่าวะ?”
“จะต้องให้บอกอีกกี่รอบกันว่าไม่ได้ใส่? ฉันจะบอกอีกรอบนะว่านี่มันสีนัยตาจริงๆ ช่วยจำแล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว”
“สีกวนบาทาซะจริงๆนะมึง ขออัดให้หายคันตีนทีเถอะ”
“เออ! เข้ามาเลย”
สิ้นเสียงของผม พวกของยุนดูจุนก็พากันดาหน้าเข้ามาหาผมทันที เรื่องแบบนี้ผมเจอเป็นประจำจนชินแล้วหล่ะครับ ส่วนมากก็พวกรุ่นพี่ในมหาลัย หรือไม่ก็พวกที่รู้สึกหมั่นไส้ผม จะชอบมาหาเรื่องผมแบบนี้เป็นประจำ เพราะสีของนัยตาผมที่ออกจะขัดหูขัดตาคนอื่น
ด้วยความที่ผมมีสีนัยตาที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งอาจเป็นเพราะความผิดพลาดทางพันธุกรรม ทำให้นัยตาข้างซ้ายของผมมีสีฟ้าอมเขียว และข้างขวาเป็นสีน้ำตาลเหมือนเหล็กขึ้นสนิม เวลาใครที่ได้มองตาผม ต่างก็พากันพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าแปลก ดูลึกลับ และน่ากลัว แต่มันเป็นสีธรรมชาติ โดยไร้การใส่คอนแทคเลนส์ใดๆทั้งสิ้น
ตุ๊บ!!!
ผลั่วะ!!!
พลั่ก!!!
ปึก!!!
โครม!!!
“ไง? สิ้นฤทธิ์แล้วเร๊อะ? นึกว่าจะแน่...”
เสียงของดูจุนดังขึ้นมาอย่างเยาะเย้ย หึ! ก็พวกมึงมีกันเกือบ 30 คน แล้วกูมันตัวคนเดียว ล้มพวกมึงได้เกือบครึ่งมันก็ดีถมเถแล้วหล่ะ
“หมาหมู่...”
“เออ! จะว่ายังไงก็ช่างกูไม่สน ตอนนี้กูขอปิดฉากมึงก่อนก็แล้วกันไอ้ยงกุก!”
ผลั๊วะ!!!
ยุนดูจุน ย่างสามขุมเข้ามาก่อนจะฟาดไม้ลงบนหัวของผมอย่างแรง หัวของผมเจ็บจี๊ดขึ้นมาก่อนที่ภาพทุกอย่างจะกลายเป็นสีขาวโพลน และนั่นก็เป็นความรู้สึกสุดท้ายของผม ก่อนจะสลบไป...
หลังจากนั้นผมก็ฟื้นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวถึงขีดสุด ก่อนจะเริ่มมองเห็นอะไรแปลกๆในโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นคนไข้ที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด เดินไปมาอยู่เต็มโรงพยาบาล พอผมถามใครว่าเห็นเหมือนผมบ้างมั้ย? แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นสักคน ตอนนั้นผมแทบจะเป็นบ้า ต้องใช้ยาระงับประสาทอยู่พักใหญ่ แต่พอเริ่มชิน เริ่มปรับตัวได้ ผมก็คอยช่วยวิญญาณดวงนั้นดวงนี้ โดยประสานงานกับพ่อของไอ้ฮิมชาน ที่เป็นตำรวจ จนคลายคดีใหญ่ๆได้หลายคดี แต่บางครั้งสิ่งที่ผมเห็นมันก็ทำให้ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาเป็นคน หรือว่าวิญญาณ?
ผมเดินเอื่อยๆแบบไม่รีบร้อน ชีวิตประจำวันของนักศึกษาชั้นปีที่ 4 อย่างผมไม่มีอะไรมากหรอกครับ มันเป็นชีวิตที่ออกจะน่าเบื่อด้วยซ้ำ จนบางครั้งผมก็รู้สึกหงุดหงิดกับชีวิตของตัวเอง ผมเดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย ก่อนที่สายตาจะหันไปสะดุดกับอะไรบางอย่างที่อยู่บนเสาไฟฟ้าข้างหน้า
บนเสาไฟฟ้าต้นนั้น มีใครคนหนึ่งยืนอยู่ สายตาของเขานิ่งสนิท ตากลมโตจ้องออกไปเบื้องหน้าเหมือนกำลังใช้สมาธิหรือรอคอยอะไรบางอย่างอยู่ ผมสั้นสีเงินดูอ่อนนิ่มปลิวไสวไปกับสายลมยามเย็น ชุดสีเข้มดูตัดกับผิวสีน้ำผึ้งดูลงตัว ตรงหน้าอกมีสัญลักษณ์อะไรบางอย่างติดอยู่ ในมือของเขาถือเคียวสีเงินขนาดใหญ่วาววับ สะท้อนกับแสงแดดยามเย็น ผมขยี้ตาตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ก่อนจะขมวดคิ้วมองบุคคลปริศนาบนเสาไฟฟ้าคนนั้น
นี่มันวิญญาณประเภทไหนกัน??
ผมกำลังจะอ้าปากทัก แต่เขากลับกระโดดหายตัวไปก่อนที่ผมจะทันพูดอะไร และตอนนั้นเองที่มีป้ายอะไรบางอย่างตกลงมา ใกล้ๆกับที่ผมยืนอยู่
ผมเดินเข้าไปหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมา ก็พบว่ามันคือป้ายอะไรสักอย่างรูป 6 เหลี่ยมสีดำสนิท ตรงกลางป้ายมีรูปหัวกะโหลกติดอยู่ ใต้ป้ายมีอักษรคำว่า ‘DSC’ ผมพลิกไปดูด้านหลังแผ่นป้ายนั้นก็เห็นอักษรเล็กๆเขียนเป็นภาษาญี่ปุ่น อ่านว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ผมตัดสินใจเก็บป้ายนั้นเข้ากระเป๋าของตัวเองก่อนจะรีบกลับบ้าน
ภาพใบหน้าและสายตาของคนๆนั้นยังคงติดตาของผม ผมอยากรู้จริงๆ ว่าเขาคนนั้นเป็นใครกัน?
### ต็อคคคค ###
เอ๊ะอะไรยังไง? ฟิคเก่ายังเขียนไม่เสร็จ เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เรื่องนี้มาแนวแฟนตาซี บอกเลยว่าไรท์เพิ่งจะลองเขียนแนวนี้เป็นจริงเป็นจัง หวังว่าจะถูกใจกันนะคะ เรื่องนี้ ไรท์แปลงมาจากนิยายที่เคยเขียนเก็บไว้นานมาก ตอนแรกกะจะเขียนส่ง สนพ.แหละ แต่ตอนนี้เปลี่ยนเอามาแปลงใหม่ดีกว่า ติชมได้นะเพื่อที่ไรท์จะได้เอาไปแก้ไขในตอนหน้า พูดคุยกันได้นะคะ @BABYB_HYUN ทวงฟิคได้ ขอฟิคสั้นได้ ให้อาหารได้(?) ไรท์ไม่กัดนะ ฉีดยาแล้วเรียบร้อยค่ะ ^^
ความคิดเห็น