คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Part Hiroki : น้ำแข็งละลาย
Part ‘Hiroki’
น้ำแข็งละลาย
เสียงร้องจ้าของทารกตัวน้อยดังก้องไปทั่วทำให้คนที่รออยู่ด้านนอกต่างก็พากันโล่งอกกันเป็นแถว
“ผู้ชาย...สมบูรณ์ดีค่ะ” แพทย์สาววัยกลางคนเปิดประตูออกมาจากห้องผ่าตัดตะโกนบอกทุกคน
“ฉันได้หลานชายเว้ย!” พ่อของผมตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้น
ตอนนี้ตระกูลโยชิซ่าว่ากำลังตื่นเต้นกับสมาชิกคนใหม่ของบ้านที่กำลังถูกผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเป็นคนโน้นอุ้มทีคนนี้อุ้มทีจนสุดท้ายก็ไปอยู่ในมือพ่อของผม
“เจ้าเด็กนี่แปลก” ผมยื่นหน้าลงไปมองเจ้าเด็กนี่ที่กำลังมองกลับมาด้วยตากลมแป๋ว
“แปลกยังไง ฉันไม่เห็นว่าจะมีอะไรแปลกสักหน่อย”
“ผม...”
“อะไรนะ... แกจะพูดอะไรฮิโระ”
“สีผม...ไม่เหมือน” ผมพูดพร้อมกับยกนิ้วชี้ไปบนเส้นผมสีดำที่อยู่บนหัวเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ในอ้อมแขนของพ่อ
“แกคิดมากไปแล้ว เด็กๆ ก็งี้แหละ รออีกสักปีสักสองปีเดี๋ยวผมก็เปลี่ยนสีเองแหละ”
งั้นเหรอ... สีผมต้องรออีกสักหน่อยสินะ
“แต่ตา...” ผมพูดพร้อมกับจ้องมองไปยังดวงตาสีดำของเจ้าสิ่งมีชีวิตในอ้อมแขนของพ่ออีกครั้ง
“แกนี่ยังไงนะ... หรือแกคิดว่าหนูคาสิโนไปมีชู้วะ ... ตาของเจ้านี่น่ะเหมือนแม่ แกมองไม่ออกเหรอไง”
งั้นเหรอ... ตาของเจ้านี่เหมือนยัยเพี้ยนอย่างนั้นเหรอ
“แล้วอีกอย่างนะ แกดูหน้าลูกแกให้ดีฮิโระ” พ่อเอ่ยขึ้นอีกครั้งเมื่อผมเอาแต่มองเจ้าเด็กนั่นแล้วก็เงียบ
“ทำไม?”
“หน้าตาถอดแบบแกออกมาขนาดนี้ แกยังจะสงสัยอะไรอีก เอ้า... ลองเอาไปอุ้มดู” พ่อพูดพร้อมกับยื่นเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ มาให้ผม
“แอ้ๆ”
“ดูสิ... พอพ่อมันอุ้มส่งเสียงดีใจใหญ่เลย”
นี่พ่อผมบ้าไปแล้วเหรอไง แค่เจ้านี่ส่งเสียงแอ้ๆ ก็บอกว่าดีใจอย่างนั้นเหรอ นี่เขาแปลภาษาเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ได้ด้วยอย่างนั้นเหรอ
ผมจ้องมองสิ่งมีชีวิตตัวน้อยๆ ที่อยู่ในอ้อมแขนของตัวเองด้วยความรู้สึกพิศวง
เจ้านี่คือ ‘เลือดเนื้อเชื้อไข’ ของผมอย่างนั้นเหรอ?
ไม่อยากจะเชื่อว่า ‘โยชิซาว่า ฮิโรกิ’ จะสามารถสร้างเจ้าสิ่งมีชีวิตแบบนี้ขึ้นมาได้
“จากนี้ไปนายคือฮิโรกิ จูเนียร์”
#ห้าปีผ่านไป
ผมนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ในห้องรับแขก โดยมีเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เติบโตขึ้นจากตัวเล็กๆ มันกำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ๆ
ห้าปีที่ผ่านมาผมไม่ค่อยมีเวลาได้อยู่บ้านเท่าไหร่นัก เพราะต้องคอยจัดการกับคู่แข่งและแย่งชิงความเป็นใหญ่เพื่อครอบครองพื้นที่ในแถบย่านโตเกียว จนกระทั่งเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ผมได้ขึ้นมาเป็น ‘มาเฟียอันดับหนึ่ง’ ได้ในที่สุด และวันนี้ก็เป็นวันที่ผมได้กลับมาพักผ่อนสบายๆ เสียที
ตอนนี้ภายคฤหาสน์มีผมกับเจ้านี่อยู่กันตามลำพัง ส่วนบอดี้การ์ดอยู่ด้านนอก และด้วยความที่ผมไม่ค่อยอยู่บ้าน ทำให้การได้อยู่ตามลำพังกับเจ้านี่รู้สึกถึงความห่างเหินอย่างบอกไม่ถูก ซ้ำบรรยากาศมันก็เงียบจนเกินไป คิดได้แบบนี้ผมจึงค่อยๆ ลดหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะเหลือบมองไปยังร่างเล็กๆ ที่กำลังนั่งทำอะไรบางอย่างอยู่บนพื้น
เจ้านั่นทำอะไรแปลกๆ ที่ไม่เหมือนเด็กวัยห้าขวบจะเล่นของเล่นอย่างที่ผมเคยดูในทีวี
ทำอะไรของมัน?
ผมวางหนังสือพิมพ์ลงก่อนจะมองอย่างเขม็ง เจ้านั่นกำลังเอาถ้วยขนมอลูมิเนียมฟอยล์วางซ้อนๆ กัน แล้วเอาฝอยขัดหม้อวางลงไปบนนั้น ตามมาด้วยจรวดที่พับจากกระดาษ แล้วมันก็เอาขวดน้ำที่อยู่ใกล้ๆ มาแล้วค่อยๆ รินใส่ลงในถ้วยแต่ละชั้นอย่างช้าๆ จนกระทั่งมีควันออกมา
พึ่บ!
แล้วไฟก็ลุกพึ่บที่กระดาษจนมอดไหม้ไปหมด
“ทำอะไร”
“นายอยากรู้ด้วยเหรอไง”
เจ้าเด็กนี่!
ผมจ้องมันด้วยสายตาเย็นเฉียบ ถามดีๆ ตอบแบบนี้อยากตายเหรอไง
“ฉันก็แค่ทำการทดลอง” เมื่อเห็นผมจ้องหน้าแบบจะกินเลือดกินเนื้อมันก็เลยตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย จนดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าอายุจริง
“ทดลอง”
“อลูมิเนียมคือสิ่งที่ใช้แทนถ่าน และน้ำก็คือน้ำเกลือ...”
“เพื่อ?”
“เพื่อใช้ปรากฏการณ์ในการเกิดไฟฟ้าสถิตให้สร้างปฏิกิริยาเคมีระหว่างอลูมิเนียมและน้ำเกลือ อย่างพวกแบตเตอร์รี่ยังไงล่ะ” เจ้านั่นตอบพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่ยินดียินร้ายอะไรนัก
คราวนี้ผมเงียบเจ้านั่นก็เลยเงียบ ซ้ำยังจ้องตาผมแบบไม่เกรงกลัวอีกต่างหาก
นี่มันไปเรียนรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน ทำไมมันไม่เล่นอะไรที่เหมือนเด็กทั่วๆ ไปเขาเล่นกันนะ
เราจ้องหน้ากันไปสักพัก เป็นผมเสียเองที่ละสายตาไปมองทางอื่น
เจ้าเด็กนี่ประหลาดจนเกินไป ประหลาดจนผมนึกกลัวมันขึ้นมาว่าในอนาคตมันจะเผาบ้านของเราหรือเปล่านะ
#สิบเก้าปีผ่านไป
ตอนนี้ ‘เจ้านั่น’ (ผมหมายถึงจูเนียร์น่ะ) มันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ อีกต่อไปแล้ว มันเติบโตมาเป็นหัวหน้าแก๊ง ‘Battle Blood Guy’ ที่มีชื่อเสียงดังกระฉ่อนไปทั่วญี่ปุ่น อีกทั้งมันยังตัวเท่าผม ไม่เหมือนเจ้าสิ่งมีชีวิตที่ผมเคยอุ้มเมื่อตอนแรกเกิด หน้าตามันก็เหมือนผมทุกอย่าง ซ้ำนิสัยก็เหมือนผมมาก เหมือนจนคิดไม่ถึงว่ามันจะเติบโตมาแล้วจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ แต่ทว่ามันก็มีจุดแตกต่างกันที่สีผมของมันเป็นสีดำและสีตาเป็นสีดำก็เท่านั้น และในวันนี้วันที่ลูกชายคนแรกของมันอายุเข้าหนึ่งขวบปีเต็ม ทำให้คฤหาสน์โยชิซาว่ากลับมาคึกคักอีกครั้ง
“ฮิโระ...” จูเนียร์เรียกผมที่นั่งไขว้ห้างอยู่บนโซฟา มันเดินมาพร้อมกับเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ในอ้อมแขน
“...” ผมไม่ตอบได้แต่เอียงคอมอง
“เอาไป” มันพูดพร้อมกับยื่นเจ้าตัวเล็กมาให้
“อะไร”
“เจ้าเด็กนี่มันเหมือนนาย มันไม่เหมือนฉันเลยสักนิด เพราะฉะนั้นนายเอาไปเลี้ยง” ว่าแล้วมันก็จับเด็กนั่นวางลงบนตักของผมอย่างถือวิสาสะ ผมตัวแข็งทื่อเป็นท่อนหิน ทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะ
แปลก...ความรู้สึกแปลกประหลาดมากเกินไป
“อ้อแอ้ๆ” เจ้าสิ่งมีชีวิตเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะส่งเสียงอ้อแอ้แล้วปรบมือไปมาอีกต่างหาก
“นายชื่อเดวิลใช่มั้ย...” ผมถามเจ้าเด็กนี่เสียงเบา กลัวว่าใครจะได้ยิน
“แอ้ๆ” เจ้าเด็กนี่ยังตอบเหมือนเดิมพร้อมกับยิ้มแล้วปรบมือ
“นายเหมือนฉัน” ผมพูดพร้อมกับมองเส้นผมสีเทาและดวงตาที่เป็นสีเทาเหมือนผมอย่างกับแกะ ถึงว่าเจ้าสิ่งมีชีวิตตัวโตกว่าบอกว่า ‘ไม่เหมือนมันแต่เหมือนผม’
“แอ้ๆ...”
“จากนี้ไปฉันจะเลี้ยงนายเอง... เดวิล”
#กลับมาปัจจุบัน
ตอนนี้เดวิลอายุห้าขวบแล้ว และผมก็รู้แล้วว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ได้เรียกว่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ อีกต่อไป แต่เป็นหลานชายสุดรักที่ผมเลี้ยงมาเองกลับมือ คงจะแปลกใจกันสินะว่าทำไมทีลูกชายของตัวเองผมกลับไม่ยอมเลี้ยงหรือให้ความรักเหมือนๆ พ่อทั่วๆ ไป ก็เจ้านั่นมันไม่ได้ทำตัวน่ารักกับผมเลยสักนิดติดจะกวนประสาทเสียด้วยซ้ำ อีกทั้งรูปลักษณ์ภายนอกยังไม่มีอะไรเหมือนผมเลยสักอย่าง ไม่แปลกหรอกที่ผมจะรักใคร่หลานชายที่เหมือนตัวเองแบบนี้
“โอจี้ซังฮะ!” เดวิลวิ่งพรวดเข้ามากอดผม
“ว่าไง” ผมรู้สึกได้ถึงน้ำแข็งที่เกาะกินหัวใจของผมมาเนิ่นนานนั้นละลายไปเพราะเจ้าหลานชายคนนี้
“จูเนียร์แกล้งผมอีกแล้วฮะ!”
“...” ผมไม่พูดอะไรแต่ลุกพรวดขึ้นจากโซฟาแล้วจูงมือเดวิลออกมาจากห้อง ต้องไปจัดการกับเจ้าผู้ชายเลือดเย็นที่กล้าแกล้งหลานชายของมาเฟียอันดับหนึ่ง
แต่พอผมเดินเข้าไปในห้องของจูเนียร์ หมอนี่ก็แสยะยิ้มมาให้
“มาพร้อมกันอีกแล้วกอริลลากับชิมแปนซี”
“นายเรียกฉันว่าชิมแปนซีอีกแล้วนะ!” เดวิลตะโกนตอบเพราะผมเอาแต่เงียบ อยากรู้นักว่ามันจะมาไม้ไหนอีก
“ก็นายทำตัวเหมือนชิมแปนซีก้นแดงทำไมล่ะ”
“จูเนียร์!!”
“หึ...”
“นายมันก็เป็นซะแบบนี้ ถ้าสักวันฉันหายไปนายจะรู้สึก!” เดวิลตะโกนออกไปอย่างเหลืออด
“ก็ดีสิ...ถ้านายหายไปฉันจะได้มีลูกใหม่ที่เหมือนฉันมากกว่านี้” จูเนียร์ตอบพร้อมกับผุดยิ้มร้าย และพอเด
วิลได้ยินแบบนั้นก็กำหมัดทั้งสองข้างแน่น
“จูเนียร์...นายมันเลือดเย็นที่สุด” เดวิลตะโกนประโยคนี้ออกมาพร้อมกับวิ่งหายไปจากห้อง ทำให้ตอนนี้เหลือผมไว้กับไอ้เจ้าผู้ชายเลือดเย็นนี่แหละ
“ทำเป็นพูดดีไป” ผมเอ่ยขึ้นเสียงเย็น
“พูดดีอะไร”
“ถ้าหลานชายฉันหายตัวไป ฉันจะโทษเป็นความผิดของนาย” ผมพูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินหนีออกมาอีกคน
ทุกคนรู้สึกเหมือนกันกับผมไหมว่า... จูเนียร์มันเลือดเย็นจนเกินไป เลือดเย็นจนถึงขนาดผมอดคิดไม่ได้ว่ามันเหมือนผมเมื่อตอนที่มันเกิดมาเลยจริงๆ ตอนนั้นผมก็เป็นแบบนี้ เป็นแบบที่มันแสดงออก ซึ่งผมมารู้ภายหลังว่าที่ตัวเองเป็นแบบนั้นก็เพราะเพิ่งเคยมีประสบการณ์ในการมีลูกเป็นครั้งแรก จึงไม่รู้ว่าตัวเองควรแสดงออกแบบไหน ควรทำตัวเช่นไร แต่พอเกิดอันตรายขึ้นกับจูเนียร์ ผมถึงได้รู้ว่าเจ้านั่นมีความสำคัญกับผมมากแค่ไหน
เชื่อเถอะ... ถ้าหากจูเนียร์มีนิสัยเหมือนผมล่ะก็ เมื่อตอนที่เดวิลตกอยู่ในอันตรายจริงๆ มันนี่แหละจะเป็นคนแรกที่ร้อนรนทำอะไรไม่ถูก ... หึ
ความคิดเห็น