คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [SF Niorbam]ในหนึ่งวันของผมกับเธอ -1-
วันนี้เป็นสัปดาห์ที่สามแล้ว ที่ผมได้มีโอกาสทำงานเป็นพิธีกรรายการ m countdown คู่กับแบมแบม...
ผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า การได้ออกรายการกับคนในวงด้วยกันในช่วงเวลาพักใหญ่ ในรายการที่ดังขนาดนี้ และสองต่อสองกับแบมแบม....นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนใฝ่หาที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าถามผมล่ะก็ มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจมากเช่นกัน
การที่เห็นคนที่เราแอบชอบ ห่วงใย และเฝ้าดูแลตลอดมา ค่อยๆเติบโต บินออกไปสู่โลกกว้างและพบเจอผู้คนมากมาย ยิ่งด้วยความที่เขาเป็นคนยิ้มง่าย สดใสร่าเริง และมอบแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับคนรอบข้าง ไม่แปลกเลยที่ใครๆต่างก็ให้ความสนใจและอยากทำความรู้จักกับเค้า
บางครั้งก็อดหึงหวงไม่ได้
แต่ทุกอย่างก็ถูกกลบไปด้วยรอยยิ้มของร่างบางตรงหน้าอยู่ดี สุดท้ายแล้ว ผมก็รู้สึกสนุกไปกับงานนี้มากๆเหมือนกัน หลายๆคนบอกผมรั่วขึ้น สดใสขึ้น ดูใสๆคล้ายเมื่อก่อนดี หรืออะไรก็ตาม...และก็จะว่าไป..การที่ผมได้รู้จักคนในวงการเพิ่มขึ้นบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรน่ะนะ
อีกอย่าง การที่ผมได้ร่วมสร้างทรงจำพิเศษที่มีเพียงผมกับเขาจริงๆมันก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขพิลึก
.
.
.
.
จวบจนเวลาเลิกรายการก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่ม(เวลาเกาหลี) แล้ว ด้วยความที่พวกเราต่างหิว และรายการวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ก็เลยขอตัวกลับหอกัน แต่แน่นอน ไหนๆก็ออกมาแล้วทั้งที ก็ขอแวะหาร้านอะไรอร่อยๆกินเสียหน่อย ผมพาแบมแบมเข้าร้านอาหารตกแต่งสไตล์ลอฟต์ ที่เน้นโชว์ความดิบของวัสดุดูไม่ใหม่แต่ก็ไม่เก่า ทั้งก่ออิฐโชว์แนว คอนกรีตเปลือยและงานไม้ ห้อยประดับตกแต่งด้วยกระถางไม้บ้าง ดูเป็นร้านที่บรรยากาศดีไม่น้อย
จะว่าไป ตั้งแต่เขาสองคนได้มีเวลาสองต่อสองมากขึ้น ก็เหมือนรู้จักรสนิยมหรือความชอบต่างๆของทั้งสองฝ่ายมากขึ้น จริงๆแล้วอยู่ที่หอพวกเขาทั้งวงก็สนิทกันและก็รู้จักกันมากประมาณนึงอยู่แล้ว แต่การอยู่สองคนมันทำให้เห็นอะไรในมุมมองที่ต่างจากเดิมออกไป
“วันนี้แสบนักน่ะ เราน่ะ”จินยองพูดพลางชี้ไปที่หน้าผากของตัวเอง ใช่แล้ว เพราะวันนี้ทีมผมโหวตในรายการแพ้ ฝ่ายชนะก็เลยได้ดีดหน้าผากฝ่ายทีมแพ้กัน แต่แบมแบมเล่นดีดใส่ผมซะเต็มแรง ไม่มีปรานีกันเลยเด็กคนนี้ -3-
“หน้าพี่ตอนนั้นมันตลกจริงๆนะฮะ”ผู้เป็นน้องพูดพลางหัวเราะ
เห็นสีหน้าแบบนั้นของคนตรงหน้าทีไรก็โกรธไม่ลงทุกที แต่แสบขนาดนี้ก็ควรลงโทษหน่อยเนอะ
“สั่งอาหารก่อน แล้วหลังจากนั้นพี่จะเอาคืนนายซะหน่อย”
“แบร่ พี่จินยองจะทำอะไรแบมได้ แบร่รรรรรรร”น้องตัวแสบพูดพลางแลบลิ้นใส่
ให้ตายสิ ช่วงหลังๆนี่ดื้อขึ้นทุกวัน จินยองคิด
แซวเรื่องนี้หน่อยดีกว่า
“พี่ไม่โพสต์รูปลงอินสตราแกรมแต่พี่ก็ส่องนะ เห็นว่าวันก่อนนายมาไลค์รูปพี่ตั้ง 2 รูปแน่ะ”
คนตรงหน้าเริ่มทำท่าเลิกลั่ก แต่พอดีกับที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี ฝ่ายตรงข้ามเลยก้มหน้าลงไปกินอาหารตรงหน้าแทน
“อยากให้ทำแบบนั้นให้มั่งเหรอ??”
แบมแบมแทบสำลักสปาเก็ตตี้ที่กินอยู่
ว่าแต่ไลค์รูปอะไรน่ะเหรอ? ตะหนูนี่ไลค์รูปที่เขาป้อนขนมให้พี่สตาฟฟ์ตอนไปคอนมาเลเซียโน่นน่ะสิ
“เปล่านะ ผมกดไลค์เพราะแค่สีหน้าพี่น่าสนใจจริงๆ”ถึงจะพูดแก้ตัว แต่หูของแบมเริ่มขึ้นสีระเรื่อจนแดงไม่แพ้มะเขือเทศที่อยู่ในจานสปาเก็ตตี้ข้างหน้าเลย
“ปากเลอะซอสแน่ะ” เขาพูดพลางเอามือไปปาดริมฝีปากที่เลอะซอสของแบมแบมเบาๆ คนตรงหน้ายิ่งเลิกลักเข้าไปใหญ่
ดูแล้วน่ารักที่สุดเลย
“อย่างงี้พี่ป้อนให้ซักคำเอามั้ย” ร่างใหญ่เอามือเท้าคางพลางอมยิ้มอย่างเอ็นดูคนตรงหน้า
แบมแบมเหมือนหยุดคิดแปบนึง ก่อนที่จะหันมาตอบจินยอง
“กะ ก็ได้ แต่แค่คำเดียวเท่านั้นนะ!” พูดจบคำร่างเล็กก็หลับตาพลางอ้าปากรอ ริมฝีปากดูอวบอิ่มจนน่าเข้าไปลิ้มลอง คิดแล้วก็เสียดาย ตอนนี้ทำแค่นี้ก่อนก็ได้..
“อ้ามมม”ผู้เป็นพี่หั่นสเต็กในจานของตนให้พอดีคำ แล้วจัดการป้อนใส่เข้าปากเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู
.
.
.
.
.
.
จนเมื่อทานอาหารกันเสร็จ จินยองก็ขอแวะเข้าร้านหนังสือที่ไม่ห่างไกลจากร้านอาหารนั่นนักต่อ
ใช่แล้ว การอ่านหนังสือเป็นอีกสิ่งนึงที่จินยองชอบทำเช่นกัน มันทำให้เขารู้สึกว่าสมองได้ใช้งาน ได้ขบคิด และยังช่วยในเริ่องการวางตัวในสังคมอีกด้วย
ส่วนใหญ่แล้ว เวลาที่เขาอยู่กับหนังสือ จะเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการสมาธิมาก
แต่ถ้าเป็นร่างเล็กข้างๆเขาคนนี้ เขาก็พร้อมที่จะให้เข้ามากวนเสมอ คิดไม่ทันขาดคำ เสียงเจื้อยแจ้วก็ดังตามมา
“ผมก็พึ่งรู้ไม่นานนี้เองว่าพี่ชอบอ่านหนังสือแนวโรแมนติกอะไรแบบนี้ ปกติเวลาพี่อ่านหนังสือพี่เหมือนสร้างโลกส่วนตัวอะไรซักอย่างขึ้นมาเลย ผมไม่กล้าเข้าไปกวนเลยอ่ะ”ได้ยินเช่นนั้นด้วยความเคยชินหรือหลายๆอย่าง จินยองรีบคว้ามือแบมแบมมาสอดประสาน ทุกนิ้ว ทุกการสัมผัส พร้อมกับดึงเจ้าตัวเล็กเข้ามาใกล้ๆ
ที่เขาชอบจับมืออย่างแรกคืออบอุ่นใกล้ชิด แต่อย่างที่สองคือ เพื่อต้องการรั้งไม่ให้เจ้าตัวเล็กข้างๆหายไปไหนอีก
“เราก็หัดอ่านหนังสือบ้างนะรู้มั้ย วันนี้ก่อนขึ้นรายการก็ซ้อมบทตั้งหลายรอบ เรื่องการอ่านออกเสียงพี่เช็คให้ได้แต่เรื่องการอ่านเกาหลีให้ทันพี่ช่วยไม่ได้นะ...”
“แล้วจะให้ผมอ่านอะไร พี่ก็แนะนำมาสิ” คนน้องบอกด้วยน้ำเสียงงอนๆ อยากให้อ่านแต่ตามประสาเด็กไทย(?) เห็นตัวอักษรเยอะๆมันก็รู้สึกเหนื่อยนะบางที
“วันหลังก็เข้ามาในห้องพี่ละกัน เรื่องไหนดูจะชอบก็ยืมไปได้ แต่อย่างเราน่าจะเหมาะกับแนวสนุกๆมากกว่า อืม..เคยดูหนัง maze runner ใช่ไหม”
“อ้อใช่ฮะ สนุกดี จริงๆตอนนั้นเข้าไปดูเพราะเห็นคนเกาหลีเล่นเป็นนักแสดงนำด้วยแหละ ตกใจมากเลย”แบมแบมเอียงตัวเข้ามาชิดกับจินยองขึ้นนิดหน่อยเพราะจะแอบชะโงกดูว่าสายตาของร่างใหญ่นั้นกำลังจ้องหนังสือเล่มในร้านอยู่บ้าง ทำเอาคนข้างๆใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกัน
“งั้นต้องลองอ่านต้นฉบับสิ ละเอียดกว่าในหนังเยอะเลย”
สุดท้าย จินยองตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมาเล่มนึงแล้วเอาไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ดูแล้วเหมือนปกนิยายรักอะไรซักอย่าง แต่ดูแนวสดใสแฝงความเป็นผู้ใหญ่นิดๆ
“อย่างงี้ถ้าไปไทยคราวหน้า ผมคงต้องหยิบนิยายแจ่มใสให้พี่ลองอ่านแล้วมั้งเนี่ย”แบมแบมพูดพลางหัวเราะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พี่ใหญ่ข้างๆได้แต่ทำสีหน้างุนงง
“พี่อ่านไทยไม่ออก...”
“พี่สอนเกาหลีให้ผมตั้งเยอะแยะแล้วนี่นา ผมก็อยากสอนไทยให้พี่บ้าง นะ นะ”
สายตาออดอ้อนของร่างเล็กนี่ เขาก็แพ้ทางเหมือนกัน
“ก็ได้ๆ”คนพี่พูดอย่างจำใจ พลางหยิบตังค์ทอนแล้วเดินออกนอกร้านไป มืออีกข้างของทั้งสองก็ยังคงจับกุมกันไว้แน่น
.
.
.
.
.
แปลก เป็นบรรยากาศที่แปลก
จะว่าเป็นแฟนกันมันก็ยังไม่ใช่ จะว่าเป็นพี่น้องก็ไมใช่ เป็น เพื่อน เป็นแม่ลูกก็ไม่ใช่...
ความรู้สึกตอนนี้ของทั้งสอง คือการที่ได้มีคนอีกคนอยู่ข้างๆ ก็เพียงพอ
ทั้งสองเดินกุมมือไปด้วยกัน ในซอยเล็กๆที่ถึงมีบ้านอยู่เรื่อยๆตามทาง แต่ในเวลานี้ก็ไม่มีผู้คนสัญจรอะไร จนใกล้จะถึงหอพักแล้ว จินยองก็นึกอะไรขึ้นมาได้
วันนี้เขายังไม่ได้ลงโทษแบมเลยนี่นา พอได้อยู่ข้างๆ ก็มีความสุขจนลืมเรื่องนี้ไปซะหมด...
จริงๆเขาก็ไมได้คิดจะลงโทษอะไรจริงจังหรอก หรือถ้าจะให้เรียก การลงโทษของเขามันก็คงถือเป็นความเอาแต่ใจ ความต้องการภายในใจอย่างนึงของเค้าซะมากกว่า
ไม่รอช้า จินยองหันไปเรียกแบมแบมที่มองฟ้ามองดาวไปทั่วให้หันกลับมา
“นี่ พี่ลืมไปว่ายังไม่ได้ลงโทษนายเลย”
“หวา วันนี้ที่ผมทำเจ็บมากใช่มั้ยฮะ ขอโทษนะ” แบมแบมทำเสียงสลดไปนิดหน่อย ดูเหมือนเพราะคำพูดเขาจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกผิดนิดๆไปซะแล้ว
“งั้นพี่จุ๊บหน้าผากนายทีนึง.”
“เอ๋?”
“แลกกันไง นายดีดหน้าผากพี่ พี่ก็ต้องทำอะไรกับหน้าผากนายซะหน่อย”จินยองพูดพลางยีหัวเจ้าตัวเล็กข้างๆ
จนทั้งสองหันมาสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เหมือนเวลาหยุดนิ่งไป ในห้วงความคิดของจินยองตอนนี้มีหลายๆอย่างแล่นเข้ามา ทั้งรูปหน้าพร้อมแก้มที่แสนน่าหยิกของคนข้างหน้า ดวงตากลมโตที่ยิ่งมองยิ่งเหมือนถูกทำให้ต้องมนตร์เสน่ห์
“ผมไม่หลับตาจนกว่าพี่จะจูบหน้าผากนะ”เสียงของร่างเล็กเรียกสติของจินยองกลับมา
“ทำไมล่ะ”
“บางทีผมก็อยากเห็นพี่”ร่างเล็กขยับตัวไปมา เหมือนเต็มไปด้วยความเชินนิดหน่อย สีหน้าของแบมแบมตอนนี้บอกได้เลยว่าน่าหลงไหลเป็นที่สุด
“ตามใจละกัน”
ไม่รอช้า เขาวางมือลงบนไหล่ร่างบางพลางบรรจงโน้มศีรษะและนำริมผีปากไปสัมผัสหน้าผากของผู้เป็นน้องอย่างแผ่วเบา ถ่ายทอดความรู้สึกเอ็นดู ห่วงใยไปให้
คนตรงหน้านี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะรัก และคอยดูแลทะนุถนอมตลอดไป
.
.
.
.
.
เขาเคยอ่านหนังสือเล่มนึง มันได้กล่าวไว้ว่า
เรื่องราวของความรักนั้น มันต้องค่อยเป็นค่อยไป หลายครั้งๆเพราะทั้งสองฝ่ายไม่ทำตัวให้รู้จักกันดีในระดับนึงก่อน ความสัมพันธ์จึงจบลงอย่างรวดเร็ว
บางครั้งทั้งสองฝ่ายตกลงคบกันทั้งที่ความรู้สึกของฝ่ายใดฝ่ายนึงยังคงสับสนในเรื่องราวต่างๆ ความสัมพันธ์จึงไม่ราบรื่น
เขายอมรับว่าเขาไมได้มีประสบการณ์ความรักในชีวิตจริงอะไรมาก แต่มองตาของร่างบางตรงหน้า เขาก็รับรู้ว่า เจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกนั้นเรียกว่าความรักแน่รึเปล่า
เขาอยากให้เจ้าตัวเล็กของเขานั้นรู้สึกเขาให้มากขึ้น เหมือนที่เขารู้จักแบมแบมมากขึ้นเช่นกัน และอยากให้แบมแบมนั้นค่อยๆชัดเจนในความรู้สึกของตัวเค้าเอง ผ่านการกระทำทั้งหมด
และเมื่อถึงเวลาที่ผมมองตาแล้วรู้ว่าเขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่คือความรักและเข้าใจมันจริงๆ
เขาก็จะไม่ลังเลเลยที่จะบอกรักคนตรงหน้า
.
.
.
.
.
ความรู้สึกของเขาตอนพี่จินยองจูบหน้าผากน่ะเหรอ
เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาตัดสินใจไม่หลับตาตอนพี่เขาโน้มตัวลงมา
สิ่งที่มองเห็นก็มีเสื้อผ้าที่ซ่อนแผ่นอกแกร่งไว้เท่านั้นเอง
แต่มันให้ความรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนตรงหน้าก็จะปกป้องเค้าได้
จริงๆแล้วก็แปลก หลังจากพี่เขาจูบหน้าผากผมแล้ว แทนที่ผมจะดีดตัวออกหรืออะไร กลับเอาหน้าซุกอกแกร่งนั้น มันทั้งเขินอายทั้งหลายอย่างสมกันไปหมด
ระหว่างทางที่เหลือก่อนถึงหอ ผมก็ได้แต่ขอบคุณพี่เขา ที่คอยอยู่ข้างๆผมมาตลอด
จริงๆแล้วเห็นแสดงออกหลายอย่างเวลาอยู่ในรายการได้อย่างงี้ ตัวเขาเองก็ไมได้มีความมั่นใจอะไรในตัวเองมากขนาดนั้น แต่พอรู้ว่ายังไงเค้าก็อยู่ข้างๆ เขาเลยมีความกล้ามากมายขึ้นมา
ตอนถึงหน้าหอพี่เขาก็ปล่อยมือ แต่ใจของผมจู่ๆก็ไม่อยากจะปล่อยมือนั้นเลย
อยากจับมือนั้นไว้นานๆ
อยากมองหน้าเขาอีกนานๆ
อยากมีเวลาอยู่กับเขาอีกนานๆ
ความรู้สึกแบบนี้ เขาเรียกว่า ความรักแล้วรึเปล่านะ ?
.
.
.
.
.
---------------------------------------------------------------------------------
ฟิคแต่งอิงเรื่องจริงมันก็แต่งสนุกดีตรงที่ เหมือนมันเกิดขึ้นในชีวิตจริงได้ 555+
ขอบคุณบทความจากนิตยสารเยอะมากที่เป็นส่วนอ้างอิงสำคัญให้เกิดฟิคนี้ ตั้งแต่หนังสือที่จินยองอ่าน รูปแบบการตกแต่งบ้านที่จินยองชอบ นิสัยและอีกหลายๆมุมมองของพี่เขา รวมทั้งช่องโหว่ในชีวิตจริงอย่างการไปออกพิธีกรรายการ m countdown ด้วยกันทั้งวัน ก็เลยมั่นใจว่าสองคนนี้น่าจะมีเวลาอยู่กันสองต่อสองแน่นอน ไม่มากก็น้อย
ปล.ตอนนี้ชอบวันพฤหัสมาก เพราะสองคนนี้ได้ไปออกรายการด้วยกันนี่แหละ เห็นอยู่ด้วยกันก็มีความสุขละ
ความคิดเห็น