ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [all SF]Cat Diary -short fiction of GOT7-

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF Niorbam]ในหนึ่งวันของผมกับเธอ -1-

    • อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 58


    วันนี้เป็นสัปดาห์ที่สามแล้ว ที่ผมได้มีโอกาสทำงานเป็นพิธีกรรายการ m countdown คู่กับแบมแบม...

    ผมไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า การได้ออกรายการกับคนในวงด้วยกันในช่วงเวลาพักใหญ่ ในรายการที่ดังขนาดนี้ และสองต่อสองกับแบมแบม....นี่อาจจะเป็นช่วงเวลาที่หลายๆคนใฝ่หาที่สุด แต่ในขณะเดียวกัน ถ้าถามผมล่ะก็ มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ลำบากใจมากเช่นกัน

    การที่เห็นคนที่เราแอบชอบ ห่วงใย และเฝ้าดูแลตลอดมา ค่อยๆเติบโต บินออกไปสู่โลกกว้างและพบเจอผู้คนมากมาย ยิ่งด้วยความที่เขาเป็นคนยิ้มง่าย สดใสร่าเริง และมอบแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับคนรอบข้าง ไม่แปลกเลยที่ใครๆต่างก็ให้ความสนใจและอยากทำความรู้จักกับเค้า

    บางครั้งก็อดหึงหวงไม่ได้

    แต่ทุกอย่างก็ถูกกลบไปด้วยรอยยิ้มของร่างบางตรงหน้าอยู่ดี สุดท้ายแล้ว ผมก็รู้สึกสนุกไปกับงานนี้มากๆเหมือนกัน หลายๆคนบอกผมรั่วขึ้น สดใสขึ้น ดูใสๆคล้ายเมื่อก่อนดี หรืออะไรก็ตาม...และก็จะว่าไป..การที่ผมได้รู้จักคนในวงการเพิ่มขึ้นบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรน่ะนะ

    อีกอย่าง การที่ผมได้ร่วมสร้างทรงจำพิเศษที่มีเพียงผมกับเขาจริงๆมันก็ทำให้ผมรู้สึกมีความสุขพิลึก

    .

    .

    .

    .

    จวบจนเวลาเลิกรายการก็ปาเข้าไปเกือบ 2 ทุ่ม(เวลาเกาหลี) แล้ว ด้วยความที่พวกเราต่างหิว และรายการวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ก็เลยขอตัวกลับหอกัน แต่แน่นอน ไหนๆก็ออกมาแล้วทั้งที ก็ขอแวะหาร้านอะไรอร่อยๆกินเสียหน่อย ผมพาแบมแบมเข้าร้านอาหารตกแต่งสไตล์ลอฟต์ ที่เน้นโชว์ความดิบของวัสดุดูไม่ใหม่แต่ก็ไม่เก่า ทั้งก่ออิฐโชว์แนว คอนกรีตเปลือยและงานไม้ ห้อยประดับตกแต่งด้วยกระถางไม้บ้าง ดูเป็นร้านที่บรรยากาศดีไม่น้อย

    จะว่าไป ตั้งแต่เขาสองคนได้มีเวลาสองต่อสองมากขึ้น ก็เหมือนรู้จักรสนิยมหรือความชอบต่างๆของทั้งสองฝ่ายมากขึ้น จริงๆแล้วอยู่ที่หอพวกเขาทั้งวงก็สนิทกันและก็รู้จักกันมากประมาณนึงอยู่แล้ว แต่การอยู่สองคนมันทำให้เห็นอะไรในมุมมองที่ต่างจากเดิมออกไป

    วันนี้แสบนักน่ะ เราน่ะจินยองพูดพลางชี้ไปที่หน้าผากของตัวเอง ใช่แล้ว เพราะวันนี้ทีมผมโหวตในรายการแพ้ ฝ่ายชนะก็เลยได้ดีดหน้าผากฝ่ายทีมแพ้กัน แต่แบมแบมเล่นดีดใส่ผมซะเต็มแรง ไม่มีปรานีกันเลยเด็กคนนี้ -3-
    หน้าพี่ตอนนั้นมันตลกจริงๆนะฮะผู้เป็นน้องพูดพลางหัวเราะ

    เห็นสีหน้าแบบนั้นของคนตรงหน้าทีไรก็โกรธไม่ลงทุกที แต่แสบขนาดนี้ก็ควรลงโทษหน่อยเนอะ

    สั่งอาหารก่อน แล้วหลังจากนั้นพี่จะเอาคืนนายซะหน่อย

    แบร่ พี่จินยองจะทำอะไรแบมได้ แบร่รรรรรรรน้องตัวแสบพูดพลางแลบลิ้นใส่

    ให้ตายสิ ช่วงหลังๆนี่ดื้อขึ้นทุกวัน จินยองคิด

    แซวเรื่องนี้หน่อยดีกว่า
    พี่ไม่โพสต์รูปลงอินสตราแกรมแต่พี่ก็ส่องนะ  เห็นว่าวันก่อนนายมาไลค์รูปพี่ตั้ง 2 รูปแน่ะ

    คนตรงหน้าเริ่มทำท่าเลิกลั่ก แต่พอดีกับที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี ฝ่ายตรงข้ามเลยก้มหน้าลงไปกินอาหารตรงหน้าแทน

    อยากให้ทำแบบนั้นให้มั่งเหรอ??”

    แบมแบมแทบสำลักสปาเก็ตตี้ที่กินอยู่                                              

    ว่าแต่ไลค์รูปอะไรน่ะเหรอ? ตะหนูนี่ไลค์รูปที่เขาป้อนขนมให้พี่สตาฟฟ์ตอนไปคอนมาเลเซียโน่นน่ะสิ

    เปล่านะ ผมกดไลค์เพราะแค่สีหน้าพี่น่าสนใจจริงๆถึงจะพูดแก้ตัว แต่หูของแบมเริ่มขึ้นสีระเรื่อจนแดงไม่แพ้มะเขือเทศที่อยู่ในจานสปาเก็ตตี้ข้างหน้าเลย

    ปากเลอะซอสแน่ะเขาพูดพลางเอามือไปปาดริมฝีปากที่เลอะซอสของแบมแบมเบาๆ คนตรงหน้ายิ่งเลิกลักเข้าไปใหญ่

    ดูแล้วน่ารักที่สุดเลย

    อย่างงี้พี่ป้อนให้ซักคำเอามั้ย ร่างใหญ่เอามือเท้าคางพลางอมยิ้มอย่างเอ็นดูคนตรงหน้า

    แบมแบมเหมือนหยุดคิดแปบนึง ก่อนที่จะหันมาตอบจินยอง

    กะ ก็ได้ แต่แค่คำเดียวเท่านั้นนะ!” พูดจบคำร่างเล็กก็หลับตาพลางอ้าปากรอ ริมฝีปากดูอวบอิ่มจนน่าเข้าไปลิ้มลอง คิดแล้วก็เสียดาย ตอนนี้ทำแค่นี้ก่อนก็ได้..
    อ้ามมมผู้เป็นพี่หั่นสเต็กในจานของตนให้พอดีคำ แล้วจัดการป้อนใส่เข้าปากเจ้าตัวเล็กอย่างเอ็นดู

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    จนเมื่อทานอาหารกันเสร็จ จินยองก็ขอแวะเข้าร้านหนังสือที่ไม่ห่างไกลจากร้านอาหารนั่นนักต่อ

    ใช่แล้ว การอ่านหนังสือเป็นอีกสิ่งนึงที่จินยองชอบทำเช่นกัน มันทำให้เขารู้สึกว่าสมองได้ใช้งาน ได้ขบคิด และยังช่วยในเริ่องการวางตัวในสังคมอีกด้วย

    ส่วนใหญ่แล้ว เวลาที่เขาอยู่กับหนังสือ จะเป็นช่วงเวลาที่เขาต้องการสมาธิมาก

    แต่ถ้าเป็นร่างเล็กข้างๆเขาคนนี้ เขาก็พร้อมที่จะให้เข้ามากวนเสมอ คิดไม่ทันขาดคำ เสียงเจื้อยแจ้วก็ดังตามมา

    ผมก็พึ่งรู้ไม่นานนี้เองว่าพี่ชอบอ่านหนังสือแนวโรแมนติกอะไรแบบนี้ ปกติเวลาพี่อ่านหนังสือพี่เหมือนสร้างโลกส่วนตัวอะไรซักอย่างขึ้นมาเลย ผมไม่กล้าเข้าไปกวนเลยอ่ะได้ยินเช่นนั้นด้วยความเคยชินหรือหลายๆอย่าง จินยองรีบคว้ามือแบมแบมมาสอดประสาน ทุกนิ้ว ทุกการสัมผัส พร้อมกับดึงเจ้าตัวเล็กเข้ามาใกล้ๆ

    ที่เขาชอบจับมืออย่างแรกคืออบอุ่นใกล้ชิด แต่อย่างที่สองคือ เพื่อต้องการรั้งไม่ให้เจ้าตัวเล็กข้างๆหายไปไหนอีก

    เราก็หัดอ่านหนังสือบ้างนะรู้มั้ย วันนี้ก่อนขึ้นรายการก็ซ้อมบทตั้งหลายรอบ เรื่องการอ่านออกเสียงพี่เช็คให้ได้แต่เรื่องการอ่านเกาหลีให้ทันพี่ช่วยไม่ได้นะ...

    แล้วจะให้ผมอ่านอะไร พี่ก็แนะนำมาสิ คนน้องบอกด้วยน้ำเสียงงอนๆ อยากให้อ่านแต่ตามประสาเด็กไทย(?) เห็นตัวอักษรเยอะๆมันก็รู้สึกเหนื่อยนะบางที

    วันหลังก็เข้ามาในห้องพี่ละกัน เรื่องไหนดูจะชอบก็ยืมไปได้ แต่อย่างเราน่าจะเหมาะกับแนวสนุกๆมากกว่า อืม..เคยดูหนัง maze runner ใช่ไหม
    อ้อใช่ฮะ สนุกดี จริงๆตอนนั้นเข้าไปดูเพราะเห็นคนเกาหลีเล่นเป็นนักแสดงนำด้วยแหละ ตกใจมากเลยแบมแบมเอียงตัวเข้ามาชิดกับจินยองขึ้นนิดหน่อยเพราะจะแอบชะโงกดูว่าสายตาของร่างใหญ่นั้นกำลังจ้องหนังสือเล่มในร้านอยู่บ้าง ทำเอาคนข้างๆใจเต้นขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกัน

    งั้นต้องลองอ่านต้นฉบับสิ ละเอียดกว่าในหนังเยอะเลย

    สุดท้าย จินยองตัดสินใจหยิบหนังสือเล่มหนาขึ้นมาเล่มนึงแล้วเอาไปจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์ ดูแล้วเหมือนปกนิยายรักอะไรซักอย่าง แต่ดูแนวสดใสแฝงความเป็นผู้ใหญ่นิดๆ
    อย่างงี้ถ้าไปไทยคราวหน้า ผมคงต้องหยิบนิยายแจ่มใสให้พี่ลองอ่านแล้วมั้งเนี่ยแบมแบมพูดพลางหัวเราะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ พี่ใหญ่ข้างๆได้แต่ทำสีหน้างุนงง
    พี่อ่านไทยไม่ออก...

    พี่สอนเกาหลีให้ผมตั้งเยอะแยะแล้วนี่นา ผมก็อยากสอนไทยให้พี่บ้าง นะ นะ

    สายตาออดอ้อนของร่างเล็กนี่ เขาก็แพ้ทางเหมือนกัน

    ก็ได้ๆคนพี่พูดอย่างจำใจ พลางหยิบตังค์ทอนแล้วเดินออกนอกร้านไป มืออีกข้างของทั้งสองก็ยังคงจับกุมกันไว้แน่น

    .

    .

    .

    .

    .

    แปลก เป็นบรรยากาศที่แปลก

    จะว่าเป็นแฟนกันมันก็ยังไม่ใช่ จะว่าเป็นพี่น้องก็ไมใช่ เป็น เพื่อน เป็นแม่ลูกก็ไม่ใช่...

    ความรู้สึกตอนนี้ของทั้งสอง คือการที่ได้มีคนอีกคนอยู่ข้างๆ ก็เพียงพอ

    ทั้งสองเดินกุมมือไปด้วยกัน ในซอยเล็กๆที่ถึงมีบ้านอยู่เรื่อยๆตามทาง แต่ในเวลานี้ก็ไม่มีผู้คนสัญจรอะไร จนใกล้จะถึงหอพักแล้ว จินยองก็นึกอะไรขึ้นมาได้

    วันนี้เขายังไม่ได้ลงโทษแบมเลยนี่นา พอได้อยู่ข้างๆ ก็มีความสุขจนลืมเรื่องนี้ไปซะหมด...

    จริงๆเขาก็ไมได้คิดจะลงโทษอะไรจริงจังหรอก หรือถ้าจะให้เรียก การลงโทษของเขามันก็คงถือเป็นความเอาแต่ใจ ความต้องการภายในใจอย่างนึงของเค้าซะมากกว่า

    ไม่รอช้า จินยองหันไปเรียกแบมแบมที่มองฟ้ามองดาวไปทั่วให้หันกลับมา

    นี่ พี่ลืมไปว่ายังไม่ได้ลงโทษนายเลย
    หวา วันนี้ที่ผมทำเจ็บมากใช่มั้ยฮะ ขอโทษนะแบมแบมทำเสียงสลดไปนิดหน่อย ดูเหมือนเพราะคำพูดเขาจะทำให้คนตรงหน้ารู้สึกผิดนิดๆไปซะแล้ว

    งั้นพี่จุ๊บหน้าผากนายทีนึง.
    เอ๋?”
    แลกกันไง นายดีดหน้าผากพี่ พี่ก็ต้องทำอะไรกับหน้าผากนายซะหน่อยจินยองพูดพลางยีหัวเจ้าตัวเล็กข้างๆ

    จนทั้งสองหันมาสบตากันอย่างไม่ได้ตั้งใจ

    เหมือนเวลาหยุดนิ่งไป ในห้วงความคิดของจินยองตอนนี้มีหลายๆอย่างแล่นเข้ามา ทั้งรูปหน้าพร้อมแก้มที่แสนน่าหยิกของคนข้างหน้า ดวงตากลมโตที่ยิ่งมองยิ่งเหมือนถูกทำให้ต้องมนตร์เสน่ห์

    ผมไม่หลับตาจนกว่าพี่จะจูบหน้าผากนะเสียงของร่างเล็กเรียกสติของจินยองกลับมา

    ทำไมล่ะ

    บางทีผมก็อยากเห็นพี่ร่างเล็กขยับตัวไปมา เหมือนเต็มไปด้วยความเชินนิดหน่อย สีหน้าของแบมแบมตอนนี้บอกได้เลยว่าน่าหลงไหลเป็นที่สุด

    ตามใจละกัน

    ไม่รอช้า เขาวางมือลงบนไหล่ร่างบางพลางบรรจงโน้มศีรษะและนำริมผีปากไปสัมผัสหน้าผากของผู้เป็นน้องอย่างแผ่วเบา ถ่ายทอดความรู้สึกเอ็นดู ห่วงใยไปให้

    คนตรงหน้านี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะรัก และคอยดูแลทะนุถนอมตลอดไป

    .

    .

    .

    .

    .

    เขาเคยอ่านหนังสือเล่มนึง มันได้กล่าวไว้ว่า

    เรื่องราวของความรักนั้น มันต้องค่อยเป็นค่อยไป หลายครั้งๆเพราะทั้งสองฝ่ายไม่ทำตัวให้รู้จักกันดีในระดับนึงก่อน ความสัมพันธ์จึงจบลงอย่างรวดเร็ว

    บางครั้งทั้งสองฝ่ายตกลงคบกันทั้งที่ความรู้สึกของฝ่ายใดฝ่ายนึงยังคงสับสนในเรื่องราวต่างๆ ความสัมพันธ์จึงไม่ราบรื่น

    เขายอมรับว่าเขาไมได้มีประสบการณ์ความรักในชีวิตจริงอะไรมาก แต่มองตาของร่างบางตรงหน้า เขาก็รับรู้ว่า เจ้าตัวยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสิ่งที่ตัวเองรู้สึกนั้นเรียกว่าความรักแน่รึเปล่า

    เขาอยากให้เจ้าตัวเล็กของเขานั้นรู้สึกเขาให้มากขึ้น เหมือนที่เขารู้จักแบมแบมมากขึ้นเช่นกัน และอยากให้แบมแบมนั้นค่อยๆชัดเจนในความรู้สึกของตัวเค้าเอง ผ่านการกระทำทั้งหมด

    และเมื่อถึงเวลาที่ผมมองตาแล้วรู้ว่าเขาเข้าใจแล้วว่าสิ่งที่รู้สึกอยู่คือความรักและเข้าใจมันจริงๆ

    เขาก็จะไม่ลังเลเลยที่จะบอกรักคนตรงหน้า

    .

    .

    .

    .

    .

    ความรู้สึกของเขาตอนพี่จินยองจูบหน้าผากน่ะเหรอ

    เขาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาตัดสินใจไม่หลับตาตอนพี่เขาโน้มตัวลงมา

    สิ่งที่มองเห็นก็มีเสื้อผ้าที่ซ่อนแผ่นอกแกร่งไว้เท่านั้นเอง

    แต่มันให้ความรู้สึกว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คนตรงหน้าก็จะปกป้องเค้าได้

    จริงๆแล้วก็แปลก หลังจากพี่เขาจูบหน้าผากผมแล้ว แทนที่ผมจะดีดตัวออกหรืออะไร กลับเอาหน้าซุกอกแกร่งนั้น มันทั้งเขินอายทั้งหลายอย่างสมกันไปหมด

    ระหว่างทางที่เหลือก่อนถึงหอ ผมก็ได้แต่ขอบคุณพี่เขา ที่คอยอยู่ข้างๆผมมาตลอด

    จริงๆแล้วเห็นแสดงออกหลายอย่างเวลาอยู่ในรายการได้อย่างงี้ ตัวเขาเองก็ไมได้มีความมั่นใจอะไรในตัวเองมากขนาดนั้น แต่พอรู้ว่ายังไงเค้าก็อยู่ข้างๆ เขาเลยมีความกล้ามากมายขึ้นมา

    ตอนถึงหน้าหอพี่เขาก็ปล่อยมือ แต่ใจของผมจู่ๆก็ไม่อยากจะปล่อยมือนั้นเลย

    อยากจับมือนั้นไว้นานๆ

    อยากมองหน้าเขาอีกนานๆ

    อยากมีเวลาอยู่กับเขาอีกนานๆ

    ความรู้สึกแบบนี้ เขาเรียกว่า ความรักแล้วรึเปล่านะ ?

    .

    .

    .

    .

    .

    ---------------------------------------------------------------------------------

    ฟิคแต่งอิงเรื่องจริงมันก็แต่งสนุกดีตรงที่ เหมือนมันเกิดขึ้นในชีวิตจริงได้ 555+

    ขอบคุณบทความจากนิตยสารเยอะมากที่เป็นส่วนอ้างอิงสำคัญให้เกิดฟิคนี้ ตั้งแต่หนังสือที่จินยองอ่าน รูปแบบการตกแต่งบ้านที่จินยองชอบ นิสัยและอีกหลายๆมุมมองของพี่เขา รวมทั้งช่องโหว่ในชีวิตจริงอย่างการไปออกพิธีกรรายการ m countdown ด้วยกันทั้งวัน ก็เลยมั่นใจว่าสองคนนี้น่าจะมีเวลาอยู่กันสองต่อสองแน่นอน ไม่มากก็น้อย

    ปล.ตอนนี้ชอบวันพฤหัสมาก เพราะสองคนนี้ได้ไปออกรายการด้วยกันนี่แหละ เห็นอยู่ด้วยกันก็มีความสุขละ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×