ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    :( TAOKACHA(yaoi ) ): สะดุดรัก(นาย)พี่เลี้ยงจำเป็น

    ลำดับตอนที่ #32 : สะดุดรัก(นาย)พี่เลี้ยงจำเป็น 28 100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.22K
      3
      31 ส.ค. 55

     





                   สองขาเล็กก้าวไปบนฟุตบาทของถนนอย่างไร้จุดหมาย เด็กน้อยตัวเล็กแอบบหนีออกจากบ้านมาพร้อมกับกระเป๋าเป้หนึ่งใบซึ่งบรรจุเพื่อนสัตว์เลี้ยงไว้ในนั้น

     

     

     

    ได้ครับผมจะยอมกลับออกไป แต่พี่เต๋ารู้อะไรไหม...ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงที่ว่าไตเติ้ลไม่ใช่ลูกของพี่แต่เป็นลูกของผมได้หรอก ถึงวันนี้ลูกจะยังไม่รู้แต่วันนึงลูกก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดี และถ้าพี่คิดว่าผมจะยอมจากไปง่ายๆ วันนี้โดยที่ไม่ทำอะไรเลยพี่คิดผิด.... ผมทำผิดต่อเตยกับลูกมามากแล้ว มันถึงเวลาแล้วครับที่ผมจะมีส่วนในการรับผิดชอบในตัวลูกชายของผมสักทีและผมจะทุกวิถีทางเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการเลี้ยงดูไตเติ้ล “

     

     

     

    เสียงของชายแปลกหน้ายังคงดังก้องสะท้อนอยู่ในหัวคอยย้ำเตือนให้ฟังชัดๆ ซ้ำๆ ว่าไตเติ้ลไม่ใช่ลูกของพ่อเต๋า น้ำตาหยดเล็กๆ ไหลอาบแก้มมากมายและดูท่าว่าจะไม่หยุดไหลง่ายๆ แม้มืออ้วนป้อมจะเช้ดออกจนนับครั้งไม่ถ้วนแล้วก็ตาม

     

     

     

    เด็กยังไงก็ยังคงเป็นเด็กเมื่อพบเจอกับเรื่องไม่คาดฝันและสะเทือนใจจึงคิดแก้ปัญหาตามความคิดของตัวเอง โดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำลงไปจะส่งผลให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงแค่ไหน เด้กน้อยคิดไปเองว่าในเมื่อตัวเงไม่ใช่ลูกของพ่อจริงๆ เดี๋ยวอีกหน่อยพ่อก็คงจะยกตัวเองให้กับคนอื่นไปเลี้ยง และถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ก็สู้หนีออกมาจะดีซะกว่าเพราะเหตุผลที่ว่าไม่ออยากไปอยู่กับคนอื่น

     

     

     

    เด็กน้อยเดินมาจนถึงสี่แยกไฟแดงแห่งหนึ่งก็เริ่มสับสนว่าจะเดินไปทางไหนต่อ ตอนแรกที่หนีออกจากบ้านมาก็คิดว่าจะไปหาคุณครูแพรวาที่บ้าน แต่ก็ดันลืมไปว่าตัวเองไม่รู้จักบ้านครูแพรวา

     

     

     

    คุณลุงครับครับ...” เด็กน้อยเช็ดน้ำตาลวกๆ แล้วตัดสินใจเดินเข้าไปที่วินรถมอเตอร์ไซด์

     

    ว่าไงไอ้หนู! “ ชายแก่คนหนึ่งหันมาหา

     

    คุณลุงรู้จักบ้านคุณครูแพรวาไหมครับ “ ไตเติ้ลจำได้ว่าคุณครูแพรวาจะนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างกลับบ้านทุกวัน ไม่แน่ว่าลุงคนนี้อาจจะรู้จักก็ได้

     

    คุณครูแพรวาไหนลูก! ลุงไม่รู้จักหรอก “

     

    เหรอครับ......” เด็กน้อยหน้าจ๋อยสนิท

     

    แล้วหนูเป็นลูกใครหลานใครล่ะเนี้ย ดึกดื่นป่านนี้ออกมาเดินคนเดี่ยวมันอันตรายนะลูก บ้านอยู่ไหนเดี๋ยวลุงไปส่งบ้าน “ ชายแก่บอกด้วยความเป็นห่วง

     

    ไม่ไปครับ!! ขอบคุณนะครับคุณลุง “ ไตเติ้ลกลัวว่าลุงคนขับมอเตอร์ไซด์จะพาไปส่งที่บ้านจึงรีบบอกลาแล้ววิ่งหนีไปทันที

     

    เดี๋ยวสิ!! ไอ้หนู!! ไอ้หนูเอ้ย!!.....ไปซะแล้ว “

     

    เด็กที่ไหนน่ะพี่ต๋อง “ คนขับรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างอีกคนหนึ่งถามขึ้น

     

    ไม่รู้เหมือนกันเห็นมาถามถึงบ้านคุณครูแพรวา ครูแพรวาไหนวะ ข้าก็ไม่รู้จัก พอถามจะไปส่งที่บ้านก็หนีไปโน้นแล้ว “

     

    ไม่ใช่ว่าหนีออกจากบ้านมานะพี่ “

     

    ข้าก็ไม่รู้ว่ะ “

     

    ใครถามถึงครูแพรวเหรอพี่ “ หนุ่มหน้าสิวใส่เหล็กดัดฟันสอดหน้าเข้ามาในวงสนทนาด้วย

     

    เด็กที่ไหนก็ไม่รู้....ทำไมเอ็งรู้จักหรือไงไอ้เฟรม “

     

    ครูแพรวาแฟนฉันหรือเปล่าพี่ต๋อง “

     

    เออว่ะ! ข้าก็ลืมไปเลย.......”

     

    แล้วเด็กนั่นไปไหนแล้วล่ะพี่ “ เฟรมมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่พบเด็กที่ว่า

     

    วิ่งหนีไปโน้นแล้ว “

     

    เหรอ......เด็กที่ไหนวะ “ เฟรมเกาหัวแกรกๆ

     

    เลิกสนใจได้แล้ว โน้นผู้โดยสารมาแล้ว “

     

    ครับๆ “

     

     

     

    เพราะกลัวว่าจะถูกส่งกลับบ้านไตเติ้ลจึงรีบวิ่งหนีออกมา แต่เดินนเหมื่อยขาก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหนต่อท้องก็ร้องจ๊อกๆ ด้วยความหิวเพราะตั้งแต่ที่ยงก้ยังไม่ได้กินอะไรเลย ข้าวกล่องที่กินกับชาชาเมื่อตอนกลางวันป่านนี้ก็คงจะย่อยไปจนหมดแล้ว

     

     

     

    หิวจัง...ทำไงดี “ ด้วยความเหมื่อยล้าเด็กน้อยจึงเดินมาหยุดนั่งที่ป้ายรถเมล์แล้วหยิบล้วงเอาเพื่อนกบออกมาจากกระเป๋าเป้

     

    ทำไงดีเซบัสเตียน เราจะไปที่ไหนกันดี “

     

    อ๊บ! “

     

    เราไม่อยากกลับบ้าน....แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนนี่นา “

     

    อ๊บ อ๊บ! “

     

    เราก็หิวเหมือนกัน....ทำไงดีล่ะ “

     

    อ๊บ! “

     

    หรือว่าจะไปหาป้าต้น!.......ไม่ได้สิ ถ้าไปหาป้าต้นเดี๋ยวป้าต้นก็พาเรากลับไปหาคุณพ่ออีกอยู่ดี “

     

    อบ อ๊บ “

     

    เราก็ไม่อยากหนีมาหรอก...แต่...อึก...เรากลัวคุณพ่อไม่รักเราแล้ว......อึก..แล้ว....แล้วจะให้เราไปอยู่กับลุงแว่นนั่นน่ะ “ พอนึกถึงที่ได้ยินลุงแว่นคนนั้นพูดเจ้าตัวเล็กก็ร้องไห้ออกมาอีก

     

    อ๊บ....”

     

    ขอบใจนะที่ปลอบ ว่าแต่เราจะทำยังไงดีล่ะ ไม่รู้จะไปไหนต่อแล้ว “

     

    อบ...อ๊บ...อ๊บ! “

     

    จริงสิ! ถ้าเราอยู่บ้านเราไม่ได้.....ก็ไปอยู่บ้านนายไง “

     

    อ๊บ “

     

    หวังว่าป้าเจี๊ยบจะยังไม่ปิดร้านนะ.....รีบไปกันเถอะฝนจะตกแล้วแน่ๆ เลย “

     

    อ๊บ! “

     

     

     

    ว่าแล้วเด็กน้อยก็เก็บเพื่อยกบใส่กระเป๋าเป้ไว้ตามเดิมก่อนจะรีบออกวิ่งไปยังร้านที่เคยไปกับพ่อและชาชาเป็นประจำ หลังจากที่ไตเติ้ลไปแล้วคนที่ยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ก์หันมามองหน้ากันด้วยความงงงวยเพราะไม่เข้าใจที่เด็กตัวน้อยคุยกับเพื่อนกบเมื่อกี๊

     

     

     

    กว่าจำมาถึงร้านป้าเจี๊ยบฝนก็ลงเม็ดบ้างแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่มาไม่ถึงกับเปียกแต่ก็ชื้นเล็กน้อย ไตเติ้ลผลักประตูร้านเข้าไปหวังว่าจะทักทายเจ้าของร้านแต่ก็เผลอได้ยินเสียงป้าเจี๊ยบคุยโทรศัพท์เสียงดังชัดเจน

     

     

     

    ไม่นะคะ ป้าไม่เห็นเลยค่ะคุณเต๋า “

     

    ได้ค่ะ ….ถ้าไตเติ้ลมาที่นี่ป้าจะรีบโทรบอกคุณเต๋านะคะ แต่นี่ป้าก็กำลังจะปิดร้านค่ะ “

     

    ได้ค่ะ “

     

    ขอให้หาเจอเร็วๆ ทีเถอะนะคะ “

     

     

     

    พอป้าเจี๊ยบก็วางสายไปก้หันมาง้วนกับการเก็บร้านต่อ ไตเติ้ลจึงได้ทีหมอบแอบอยู่ข้างโซฟาด้านในสุดเพราะกลัวว่าป้าเจี๊ยบจะเห็น เวลาผ่านไปสักพักทั้งร้านก็ถูกดับไฟจนมืดมิด ป้าเจี๊ยบมองไปรอบๆ เพื่อตรวจดูทั่วร้านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะออกจากร้านไปแล้วทำการล็อคจากทางด้านนอกโดยที่ไม่รู้เลยว่ามีเด็กน้อยที่ทุกคนกำลังตามหากันวุ่นแอบอยู่ในร้าน

     

     

     

    เมื่อเจ้าของร้านออกไปแล้วเจ้าตัวเล็กก็ออกมาจากที่ซ่อนแล้วรีบไปที่ประตู แต่พบว่ามันถูกล็อคทำให้ออกไปไม่ได้

     

     

     

    ทำไงดี....” ครุ่นคิดอยู่สักพัก

     

     

     

    จ๊อก!!!!!!!!!!!!

     

     

    หิวจัง......” สองมือกุมทั้งที่ร้องเสียงดัง “ อยู่ที่นี่ไปก่อนก็ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้พอป้าเจี๊ยบมาเปิดร้านเราค่อยแอบออกไป “

     

     

     

    เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นไตเติ้ลก็ถอดกระเป๋าเป้ไว้บนโซฟาเอาเวบัสเตียนออกมา แล้วเดินตรงเข้าไปในครัวของร้าน

     

     

     

    คงต้องหาอะไรกินก่อน พลังงานเหลือขีดสุดท้ายแล้วเซบัสเตียนหิวจะแย่ “ มือเล็กทำการเปิดตู้เย็นแล้วสำรวจหาของที่พอจะกินได้ “ ขอโทษนะครับป้าเจี๊ยบ แล้วเติ้ลจะหาเงินมาใช้คืนให้นะ “

     

     

     

    ไตเติ้ลหยิบถาดเค๊กที่เหลืออยู่เพียงไม่ถึงครึ่งก้อนออกมาแล้วนั่งกินมันตรงหน้าตู้เย็นด้วยความหิว เมื่อกินจนอิ่มแล้วก็พยายามเก็บทุกอย่างให้เข้าที่เหมือนเดิม ก่อนจะกลับมานั่งลงที่โซฟาในร้าน

     

     

     

    อ๊บ อ๊บ อ๊บ! “

     

    ฝนตกหนักแล้ว “ มองออกไปนอกร้านพบว่าฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก

     

    อ๊บ อ๊บ “

     

    หนาวจังเลยเนอะเซบัสเตียน “

     

     

    ด้วยอุณหภูมิที่เย็นลงและเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ชื้น จึงไม่แปลกที่เด็กน้อยจะรู้สึกหนาว มองไปรอบๆ ร้านที่มืดสลัวกับบรรยากาศเย็นๆ รอบร้านเป็นกระจกใสสามารถมองทะลุออกไปข้างนอกได้ พอเห็นต้นไม้ใบไม้ในเวลากลางคืนถูกลมพายุพัดปลิวไปมาเป็นเงาไตเติ้ลก็เริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมา

     

     

     

    น่ากลัวจังเลย....” มือเล็กค่อยๆ ดึงผ้าปูโต๊ะมาคลุมตัวแล้วนอนมอบอยู่บนโซฟา

     

    อ๊บ “

     

    แต่ยังดีนะที่เรามีเซบัสเตียนเป็นเพื่อน..... “

     

    อ๊บ! “ เจ้ากบตัวเขียวกระโดดไปที่ริมกระจกแล้วส่งเสียงร้องแข่งกับฝูงกบที่อยู่ตรงสระน้ำข้างนอกดังระงม

     

    เซบัสเตียน......ดีใจใช่ไหมที่ได้เจอพี่น้องน่ะ......”

     

    อ๊บ! อ๊บ “

     

    เซบัสเตียนมีครอบครัวที่ยังกับมาหาได้.......ต่างกับเติ้ลที่ไม่มีแล้ว....ฮือ....อึก...คิดถึงคุณพ่อกับชาชาจังเลย “

     

     

     

     

    ครืนนน~~

     

     

    เสียงฟ้าร้องเสียงดังทำให้เจ้าตัวเล็กต้องนอนมุดตัวร้องไห้อยู่ใต้ผ้าปูโต๊ะที่ใช่แทนผ้าห่มไปชั่วคราว ทั้งกลัว ทั้งคิดถึง ทั้งเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ เรื่องที่ได้รับรู้มันช่างเกินกำลังที่เด็กตัวเล็กจะทนรับไหว และไม่นานด้วยความเหนื่อยล้าไตเติ้ลก็เผลอหลับไปพร้อมๆ กับคราบน้ำตา

     

     

     

     

     

     

     

     

    แต่ทว่าในอีกด้านหนึ่งคนทั้งบ้านเพียงพอไม่สามารถอยู่กันอย่างเป็นสุขได้เลย ยิ่งฝนเทกระหน่ำลงมาอย่างหนักแบบนี้ทุกคนยิ่งร้อนใจ เต๋ากับคชากลับเข้ามาบ้านมาเกือบตีสามหลังจากวนรถหาท่ามกลางสายฝนกันอยู่นานก็ยังหาลูกน้อยไม่เจอ

     

     

     

    ทุกคนนั่งรวมกันอยู่ที่ห้องรับแขกเพื่อรอข่าวจากทั้งตำรวจและเต๋าคชา พอเต๋าพยุงคชาเดินกลับเข้ามาที่ห้องรับแขกด้วยสีหน้าอิดโรย ทุกคนก็รู้ว่ายังหาไม่พบ

     

     

     

    พวกเราจะทำยังไงกันดี....ไม่รู้ป่านนี้ไตเติ้ลจะไปอยู่ที่ไหน “ แม่ของเต๋าพูดขึ้นหลังจากที่ยังคงตามหาหลานชายไม่เจอ

     

    ยิ่งฝนตกหนักขนาดนี้...ไม่รู้...จะไปหลบฝนที่ไหน...ไตเติ้ลเอ้ย... “ ต้นนั่งกอดกับแม่ของเต๋า

     

     

     

    คชาซุกอยู่ในอ้อมอกของเต๋าโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำเพราะห่วงจนไม่สามารถแปลออกมาเป็นคำพูดได้ อยากจะออกไปตามหาอีกแต่มันก็ยังหาไม่เจอ ความเข้มแข็งที่แกล้งฝืนทำเมื่อตอนหัวค่ำเปลี่ยนเป็นหยดน้ำตาที่ไหลออกมาเงียบๆ เพราะไม่สามารถทำหรือช่วยอะไรได้เลยในตอนนี้

     

     

     

    เต๋ากระชับอ้อมกอดทุกครั้งที่คนตัวเล้กสะอื้น อดทนกัดฟันแน่นอดกลั้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา ห่วงลูกที่สุดตอนนี้ห่วงกว่าใคร แต่ถ้าหัวหน้าครอบครัวอย่างเค้าแสดงความอ่อนแอมาให้ทุกคนเห็นก็จะไม่มีใครเลยที่เป็นหลักยึดให้กับทุกคนได้

     

     

     

    ทุกคนครับ....ผมว่าไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะครับ ตามหาเราก็ตามกันทุกที่ที่นึกออกแล้ว ตอนนี้ก็ต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจตามหาเบาะแสกันไปก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยเริ่มต้นกันใหม่....ผมเชื่อ! และอยากให้ทุกคนเชื่อเหมือนผมว่าเราจะต้องหาไตเติ้ลเจอแน่นอน ….ไม่ว่ายังไง...เราต้องหาเจอ เพราะฉะนั้นทุกคนเข้มแข็งไว้นะครับ “

     

    นั่นสิครับ...ผมว่าพวกเราไปพักผ่อนเอาแรงกันก่อนดีกว่านะครับ “ ไทด์เห็นด้วยอีกคน

     

    ผมขอโทษนะครับพี่เต๋า....ผม....” ธีร์นั่งก้มหน้าและเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง

     

    ไม่ต้องพูดแล้วธีร์.......มันไม่สามารถช่วยอะไรได้ตอนนี้ หน้าที่ของแกคือช่วยพวกเราตามหาลูกให้เจอ! คิแค่นี้แล้วไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้ต้องออกไปตามลูกแต่เช้า “

     

    งั้นเดี๋ยวต้นพาป้าเอ๋ไปนอนนะครับ “ ต้นกับเจมส์ช่วยกันพยุงแม่ของเต๋าขึ้นไปพักบนห้อง แล้วทุกคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่านเหลือเพียงเต๋ากับคชาเท่านั้น

     

    คชา......” เต๋าก้มหน้ามองคนตัวเล็กที่ซุกอยู่กับอกของตนเอง

     

    ครับเต๋า...” คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองดวงตาสองข้างบวมและแดงช้ำ

     

    ไปนอนกันนะ...พักผ่อนกันก่อน “ เต๋าลูบแก้มคนตัวเล็กเบาๆ

     

    “ …..แต่ชาไม่อยากนอน.....ชาอยากรอโทรศัพท์จากคุณตำรวจ “ คชาบอกเสียงอู้อี้

     

    คชาต้องพักผ่อนก่อนนะ “

     

    แล้วถ้า....คุณตำรวจหรือใครโทรมาล่ะ “

     

    เราค่อยออกไปไง...”

     

    แต่ว่า.....”

     

    เชื่อเต๋านะ...นะคะคนดี ไปพักผ่อนก่อนพอพรุ่งนี้ตื่นมาเต๋าจะพาชาชาไปหาลูกไตเติ้ลนะคะ “

     

    สัญญานะ “

     

    สัญญา....เต๋าสัญญา! ไม่ว่ายังไงเราสองคนต้องหาลูกเจอแน่นอน “

     

    ก็ได้ค่ะ...ชาเชื่อเต๋านะ “

     

     

     

     

     

     

     

     

    ครืน~~ ครืน~~ ครืน~~~

     

     

    เสียงโทรศัพท์สั่นเตือนปลุกให้คนร่างสูงตื่นแล้วค่อยๆ ผละออกจากอ้อมกอดของคนข้างๆ

     

     

    สวัสดีครับ...”

     

    คุณเต๋านี่ป้าเจี๊ยบนะคะ “

     

    ครับป้า “

     

    ป้าเจอไตเติ้ลแล้วนะคะ นอนอยู่ที่ร้านป้านี่แหละค่ะมอมแมมเชียว “

     

    เจอแล้วเหรอครับ!! จริงเหรอครับ!! “ เสียงดีใจของเต๋าปลุกให้คนตัวเล็กตื่นขึ้นด้วย

    จริงๆ ค่ะ แต่ป้าจะยังไม่ปลุกนะคะ คุณเต๋ารับมารับแกเถอะค่ะป้ากลัวแกจะหนีไปอีก “

     

    ครับๆ ผมฝากป้าดูลูกผมแป๊บนึงนะครับผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้!! “ พูดจบร่างสูงก็รีบวางสายไปทันที

     

    รีบไปกันเถอะ!! “ คชาลุกขึ้นนั่งหัวฟูอยู่ข้างๆ เต๋าสั่งทันทีเพราะจับใจความได้ว่าเต๋าพูดอะไรกับปลายสายบ้าง

     

    ไปครับ....” คนตัวสูงลุกขึ้นยืนข้างเตียงแล้วหันหลังมายื่นมือให้คชา “ ไปรับลูกกัน!! “

     

    ครับ “ คนตัวเล็กยกยิ้มอย่างมีความสุขได้อีกครั้ง เมื่อมองเห็นแสงแห่งความสุขของเช้าวันใหม่ส่องลงมาอีกครั้ง




     

    ........................................................................................................
     

    สวัสดีค่ะ

    ตอนนี้โอ้ยแต่งไปก็เศร้าไป แบบว่าเรื่องนี้ไม่เคยดราม่าเลยพอมาเจอตอนนี้ก้ไม่ไหวแล้ว!!!! ข้าน้อยสงสารเด็ก

    แต่สุดท้ายก็เจอจนได้ 555555 ส่วนใครที่สงสัยว่าเซบัสเตียนมันรู้เรื่องที่ไตเติ้ลพูดจริงๆ หรือเปล่าก็รออ่านตอนพิเศษในเล่มนะคะ 5555 (ขายของๆ)

     

    ขอแสดงความยินดีกับคนที่ได้รูปเล่มนะคะแล้วก็ขอบคุณทุกคนที่ร่วมสนุก

    คำตอบทุกคนไม่มีผิดไม่มีถูกค่ะ อินเลือกเอาตามใจชอบ5555

    คือว่าคนที่อินเลือกอินชอบคำตอบในข้อแรกมาก คิดคล้ายๆ อินเลย555555 (เจ้าเอาตัวเองเป็นที่ตั้งรึ!!)

    คุณ aRm_36 ได้รับไปนะคะ เมลล์ที่อยู่ให้อินด้วยนะคะ

    ขอบคุณทุกคนอีกครั้งที่ร่วมสนุกและติดตามกันมาตลอดค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×