คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Prince cat-รักนายเจ้าชายแมวเหมียว III
หลังจากเจ้าชายอาบน้ำเสร็จคชาก็ให้พาให้ออกมานั่งรอข้างนอกเพื่อที่ตัวเองจะได้อาบน้ำบ้าง คนตัวเล็กวิ่งดุ๊กดิ๊กไปอาบน้ำไม่นานก็ออกมา ปรากฎว่าคนที่เสร็จก่อนยังไม่ยอมแต่งตัวในชุดที่เค้าเตรียมไว้ให้
“ เต๋าฮวย...ทำไมยังไม่แต่งตัวอีกล่ะ “ คนตัวเล็กถามด้วยความประหลาดใจซ้ำยังเรียกชื่อเดิมด้วยความเคยชิน
“ เจ้าจะให้ข้าใส่ชุดนี้ได้ยังไง “ ร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“ ทำไมล่ะ....” คชาหยิบชุดที่เตรียมให้ชายหนุ่มขึ้นมาดู ก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเสียหายตรงไหน
“ ก็มันไม่พอดีกับข้าน่ะสิ “ ชุดที่เตรียมมาให้มันไม่พอดีเลยสักนิด กางเกงหรอก็สั้นเต่อ ส่วนเสื้อยืดก็ค่อนข้างจะรัดไปสักนิดเพราะความที่เจ้าชายนั้นมีรูปร่างที่ผายผึ่งกว่า
“ เอ่อ......เอาไงดีล่ะ “ ริมฝีปากล่างถูกกัดเม้มเพราะเจ้าตัวกำลังใช้ความคิด ส่วนมือก็ยกขึ้นมาเกาหัวในแบบที่ชอบทำเป็นประจำ
“ อย่าทำแบบนั้น!! “ อยู่ๆ ร่างสูงก็ออกคำสั่ง
“ ทำอะไร? “ คชามองอย่างไม่เข้าใจ
“ อย่ากัดริมฝีปากอย่างนั้น “
“ ฮึ!......กัดริมฝีปาก....ทำไมล่ะ “ คนน่ารักเอียงคอมองอย่างสงสัย
“ นี่เจ้าไม่รู้หรือไงว่าที่เจ้าทำน่ะ....... “ คนตัวสูงลุกขึ้นแล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะบอกเสียงเบา “ มันเหมือนกับเจ้ากำลังยั่วยวนข้า “
“ บ้าแล้ว!! “ คนตัวเล็กดีดตัวออกห่างร่างสูงตามสัญชาตญาณทันทีก่อนจะรีบวิ่งไปคว้าเสื้อผ้ามาใส่ ผู้ชายคนนี้ทำให้รู้สึกกลัวได้ทุกที เมื่อเจ้าชายเห็นดังนั้นก็ยกยิ้มอย่างพอใจยิ่งรู้สึกอยากแกล้งคนน่ารักเข้าไปใหญ่
เมื่อแต่งตัวเสร็จคชาก็ตัดสินใจไปยืมชุดของพ่อมาให้เจ้าชายใส่ แต่ก็ยังคิดเหตุผลที่จะบอกกับแม่ไม่ได้ว่าเจ้าชายเป็นใครและมาอยู่ที่บ้านได้ยังไง ในขณะที่คิดๆ และวนไปมาอยู่ที่หน้าห้องของพ่อกับแม่อยู่นั้นผู้เป็นแม่ก็เปิดประตูออกมาพอดี
“ อ้าว!! ชาตื่นแล้วเหรอลูก แล้วมายืนทำอะไรตรงหน้าห้องม๊าเนี้ยทำไมไม่ลงไปกินข้าวล่ะ “
“ เอ่อ.....ม๊าครับ ชาขอยืมชุดป๊าหน่อยได้มั้ยครับ “
“ ชาจะเอาเสื้อผ้าป๊าไปทำอะไรล่ะลูก “ คนเป็นแม่ถามด้วยความสงสัย
“ เอ่อ.....คือชาจะเอาไปให้เพื่อนยืมน่ะครับ “
“ เอาไปให้เพื่อนยืม ชามีเพื่อนมาหาที่บ้านเหรอลูก “
“ ครับ “
“ ใครมากันเบนเหรอ ม๊าไม่เห็นเจอเลย “
“ เอ่อ.......คือ “ มาถึงตรงนี้คนตัวเล็กก็เริ่มคิดไม่ออกแล้วว่าจะบอกกับแม่ยังไง
“ มีอะไรหรือเปล่าลูก “
“ เพื่อนชาเพิ่งมาจากต่างประเทศน่ะครับม๊า “
“ มาจากต่างประเทศ? “
“ ครับๆ พอดีว่า......เพื่อนชามาเยี่ยมชาช่วงปิดเทอมน่ะครับ “
“ แล้วเพื่อนชาไม่ได้เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาด้วยเหรอลูก “
“ หายน่ะครับ!! “
คชาแทบไม่อยากจะเชื่อตัวเองว่าจะโกหกแม่ได้เป็นฉากๆ ขนาดนั้น แต่สุดท้ายแม่ก็ไม่ไดสนใจอะไรแล้วก็หยิบชุดของพ่อมาให้ แถมยังบอกให้คชาพาเพื่อนลงไปกินข้าวด้วยกัน คชากลับเข้ามาในห้องพร้อมชุดของพ่อแล้วก็ยื่นมันให้กับคนที่นั่งรออยู่บนเตียง
“ ใส่ให้ข้าด้วยสิ “
“ นายก็ใส่เองสิเร็วๆ จะได้ลงไปกินข้าวกัน “
“ เจ้าแน่ใจนะว่าจะให้ข้าใส่เอง.......... “ พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นมาประชิดร่างเล็ก “ กลัวว่าจะไม่ได้ใส่น่ะสิ “ ก่อนจะโน้มลงมาที่ซอกคอขาว
“ ได้ๆ ใส่ให้ก็ได้! “ คนตัวเล็กหลับตาปี๋ก่อนจะตะโกนบอกเสียงดัง
“ หึ! ก็แค่นั้น “
คชารีบก้มหน้าก้มตาสวมเสื้อให้กับจอมบงการ มือเล็กกำลังติดกระดุมเสื้อในขณะที่มือหนาก็ไม่อยู่สุขเพราะเอาแต่คอยไล้ที่ข้างแก้มเนียนใส มันเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาอ่อนโยนไม่จาบจ้วงแต่ก็ทำให้คนถูกกระทำรู้สึกหวั่นไหวแปลกๆ
พอติดกระดุมเสร็จคนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมาเพื่อจะบอกให้ร่างสูงใส่อีกชิ้นเอง แต่ก็ต้องพบกับสายตาของอีกคนที่จ้องมองมาอยู่แล้ว ริมฝีปากหยักยกยิ้มน้อยๆ มันเป็นรอยยิ้มที่ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ มันเป็นรอยยิ้มที่ทำให้คนตัวเล็กต้องเผลอยิ้มตามไปด้วย
“ เจ้าช่วยข้าแค่นี้ก็พอแล้วล่ะ ที่เหลือข้าจัดการเองเพราะดูท่ามากกว่านี้เจ้าคงทนไม่ไหวเอาเป็นแน่ “
“ อืม.... “ คนตัวเล็กหันหลังให้เจ้าชายรู้สึกเหมือนหน้ามันร้อนผ่าว รอไม่นาน
“ เสร็จแล้ว “
“ งั้นลงไปข้างล่างกันเถอะ “ คชาหันมาหาก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วบอกก่อนลงไปข้างล่าง “ ต่อไปนี้ชั้นจะเรียกนายว่าเต๋านะ นายเรียกชั้นว่าคชาเหมือนเดิมนั่นแหละ คือชั้นบอกแม่ไว้ว่านายเป็นเพื่อนที่มาจากต่างประเทศน่ะ “
“ บอกมารดาเจ้าว่าข้าเป็นสหายรึ? “
“ ใช่ แล้วถ้าอยากอยู่ด้วยกันก็ต้องเลิกพูดว่าข้ากับเจ้าด้วย ให้เรียกแทนตัวเองว่าเต๋าแทน “
“ ชื่อประหลาด “ ร่างสูงทำหน้าเหยียดๆ
“ ไม่เห็นจะประหลาดซักนิด ตกลงว่าเอาตามนี้นะ อย่าใช้คำว่าข้ากับเจ้า “
“ อืมๆ ก็ได้ มีเท่านี้ใช่มั้ยที่จะบอกเต๋าน่ะ “
“ เอ่อ....อืมๆ “ พออีกคนเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกแทนตัวเองมันก็ดูน่ารักขึ้นอีกเป็นกอง แล้วทั้งสองคนก็พากันลงไปข้างล่าง
ในห้องอาหารทุกคนอยู่กันพร้อมหน้า ทั้งอาม่า แม่ และ เค้นท์ ส่วนพ่อของคชาก็ไปทำงานต่างประเทศเช่นทุกที สองถึงสามเดือนจะกลับมาครั้งนึง บ้านนี้ถึงเหลือกันอยู่สี่คน เมื่อคชาพาสมาชิกใหม่ชั่วคราวเขามาในห้องอาหารก็โดนทักทันที
“ อาตี๋ใหญ่พาใครมาเนี้ย แฟนลื้อเหรอ “ อาม่าเงยหน้าขึ้นมามองเต๋าอย่างสำราจ
“ ไม่ใช่นะอาม่า!! นี่เพื่อนชาชื่อเต๋า เพิ่งมาจากต่างประเทศ “ คชารีบแก้ตัวทันควัน
“ อาม่าก็นึกว่าแฟนลื้อ น่าเสียดาย “ อาม่าส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะกินข้าวต่อ
“ อาม่าอย่าไปแซวชามันสิ “ ผู้เป็นแม่หันมาบอกอาม่าก่อนจะหันมาหาลูกชาย “ ชาชวนเพื่อนกินข้าวสิลูก “
“ ครับๆ เต๋านั่งนี่นะเดี๋ยวตักข้าวให้ “ คนตัวเล็กเลื่อนเก้าอี้ให้ชายหนุ่มแล้วเดินไปตักข้าว เค้นท์มองหน้าเพื่อนพี่ชายไม่วางตาก่อนจะถามขึ้นด้วยความสงสัย
“ เฮียเต๋าทำไมขาวจัง “
“ ขาว? หมายถึงผิวข้า...เอ่อ.....ผิวเต๋าน่ะเหรอ “ คนพูดผิดรีบเปลี่ยนสรรพนามทันที
“ ใช่ครับ “
“ ไม่รู้สิ คงเหมือนกับพระมารดาล่ะมั้ง “ ร่างสูงตอบอย่างไม่แน่ใจ
“ แม่เต๋าเค้าขาวน่ะ เค้นท์อย่างถามมากน่ากินข้าวไปเหอะ “ คชาวางจานข้าวให้เต๋าและตัวเองก่อนจะนั่งลงข้างๆ กัน
“ เต๋าอยู่ประเทศอะไรลูก “ นวลแม่ของคชาถามขึ้น
“ เต๋าอยู่ที่แมกโน.... “
“ เม็กซิโกครับม๊า!! “ คชารีบแย่งตอบเพราะกลัวเต๋าจะพูดเรื่องประหลาดให้แม่ฟัง
“ แล้วเรารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะม๊าไม่เห็นคชาเคยเล่าถึงเต๋าให้ฟังเลย คชาก็ม๊าเพื่อนสนิทไม่กี่คน “
“ ก็.....ตอนที่...ที่ชาไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่อเมริกาน่ะครับม๊า ชาคงลืมเล่าให้ม๊าฟัง “ คนตัวเล็กรีบโกหก
“ อ๋อ~ “ ผู้เป็นแม่พยักหน้า ส่วนเต๋าก็นั่งฟังโดยที่ไม่รู้เรื่องเลยว่าที่คชาพูดหมายถึงอะไร นั่งกินข้าวกันเงียบๆ ไปสักพักเค้นท์ก็นึกเรื่องที่จะเล่าให้คชาฟังออก
“ เฮียรู้เปล่าว่าป๊าส่งตั๋วเครื่องบินไปญี่ปุ่นมาให้ด้วย “
“ จริงเหรอเค้นท์!! จริงเหรอครับม๊า!! “ คชาถามด้วยน้ำเสียงดีใจ
“ จริงสิ! ม๊าลืมบอกชาไปเลยนะเนี้ย “
“ ไปวันไหนครับม๊า “
“ อีกสองอาทิตย์ลูก ชาปิดเทอมแล้วใช่มั้ย “
“ ครับ ปิดเทอมแล้ว “
“ งานนี้อั้วไม่ไปด้วยนา “ อาม่าบอกกลางวงสนทนา
“ อ้าว!! ทำไมล่ะครับอาม่า “ คชาถามอย่างแปลกใจ
“ อาม่าแกจะไปเยี่ยมอาแปะหลีที่จีนพอดีนะชา “ นวลบอกลูกชาย
“ ว้า~ อยากให้อาม่าไปด้วยจัง “ คชาบอกอย่างเสียดาย
“ คชาแกะนี่ให้เต๋าหน่อยสิ “ จู่ๆ คนที่เงียบอยู่นาน ก็ออกคำสั่งให้คนตัวเล็กแกะกุ้งให้
“ ไหนๆ “ คนตัวเล็กหันไปหาแล้วก็แกะกุ้งให้ ส่วนร่างสูงก็อ้าปากรอให้ให้อีกคนป้อนกุ้งเข้าปาก ” อ่ะ “ คชาเห็นท่าทางก็เลยป้อนให้เพราะไม่อยากมีปัญหา
“ อร่อยจัง~ “ ร่างสูงเผยยิ้มออกมา
“ หัดแกะเองบ้างสิเต๋าไม่ได้เป็นแม........ “ คชาเกือบพูดเรื่องแมวอย่างลืมตัวแต่ก็ห้ามตัวเองเอาไว้ได้
“ เป็นอะไร “ เสียงทุ้มถาม
“ เปล่า “ แล้วคชาก็ก้มลงกินข้าวอย่างเงียบๆ
พฤติกรรมของคชาและเพื่อนชายที่แสดงออกมาทำให้สามคนที่นั่งร่วมโต๊ะด้วยแทบจะนั่งอ้าปากค้าง ความสัมพันธ์มันดูไม่เหมือนเป็นเพียงแค่เพื่อนกันสักนิด แต่ทั้งอาม่าและนวลก็เลือกที่จะเงียบไว้ ส่วนเค้นท์ที่ยังคงเป็นเด็กจึงเงียบอย่างคนอื่นไม่ได้
“ เฮียเต๋าครับ เฮียชาเป็นแฟนของเฮียเต๋าเหรอ “น้องตัวดีรู้ว่าถ้าถามพี่ชายก็คงไม่ตอบ
“ เค้นท์!! “ คชาถลึงตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อน้อง
“ อะไรคือแฟน? “ เต๋าถามงงๆ
“ ......ไม่ต้องถามมากหรอกน่า อ่ะกุ้ง!! “ คชาป้อนกุ้งใส่ปากเต๋าอีกตัว
“ อื้อ.....เต็มปากอยู่เลยเห็นมั้ยคชา “ ร่างสูงบอกอย่างไม่สบอารมณ์
“ กินๆ ไปเหอะน่า “ คนตัวเล็กบอกเพราะเริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่โดนถามเรื่องแฟน ไม่รู้ว่าอาการแบบนี้มันเรียกว่าหงุดหงิดหรืออายกันแน่
“ คชา!~ “ ดวงตาคมหันมาจ้องคนตัวเล็ก มือข้างนึงก็ตักข้าวเข้าปากส่วนมืออีกข้างกลับลูบไล้ที่ต้นขาของคชาอยู่ใต้โต๊ะ
“ โอเคๆ พูดดีๆ ก็ได้ “ คชาทำเสียงอ่อนลงและช้อนตามองเจ้าชายจอมเผด็จการอย่างขอความเห็นใจเพราะกลัวคนข้างๆ จะทำอะไรประเจิดประเจ้อจนถูกสงสัย
“ ก็แค่นั้น หึ! “ และร่างสูงก็ย้ายมือออกจากต้นขาของอีกคน
“ งื้อ~ “ คชาเบ้ปากน้อยๆ ก่อนจะหันกลับไปกินข้าวต่อ
.......คนอะไรเผด็จการชะมัด.................(คชา)
........เจ้าชีวิตในกำมือของข้า.............(เต๋า)
.........เด็กสองคนนี้น่าสงสัย................(แม่)
..........แฟนเฮียชัวร์/แฟนอาตี๋ใหญ่ชัวร์............(เค้นท์/อาม่า)
เมื่อกินข้าวเสร็จคชาก็ช่วยแม่ล้างจานอยู่ในครัวส่วนเต๋าก็ออกไปนั่งดูทีวีกับเค้นท์ที่ห้องนั่งเล่น พอคชาล้างจานเสร็จก็เดินออกมาจากครัวซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นคนตัวเล็กจึงเดินไปรับสาย
“ สวัสดีครับ “
“ สวัสดีครับขอสายคชาหน่อยครับ “ เสียงปลายสายบอกกลับมา
“ พูดอยู่ครับ “
“ คชาไปซื้อของด้วยกันป่ะ บอสให้โทรถามอ่ะ “ เมื่อรู้ว่าเป็นคนที่คุ้นเคยปลายสายก็พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกันเองทันที
“ อ้าว! เบนเหรอ “
“ อืม....ตกลงไปด้วยกันเปล่า “
“ ไม่ค่อยอยากออกจากบ้านเลยอ่ะ “ คนตัวเล็กบอกเพื่อนเมื่อหันไปเห็นสายตาอยากรู้อยากเห็นของร่างสูงที่นั่งอยู่ตรงโซฟา ถ้าเค้าออกไปข้างนอกมันก็เป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่าเต๋าก็ต้องไปด้วย......
“ ไม่อยากไปเหมือนกันแต่บอสดิ! แม่งงอแงจะไปซื้อเสื้อใหม่อยู่นั่นแหละ แค่ไปภูกระดึงแค่เนี้ยจะซื้ออะไรนักหนาก็ไม่รู้เสื้อผ้าที่มีอยู่ก็แทบจะล้นตู้อยู่แล้ว “ ชายหนุ่มบ่นเบาๆ
“ เออจริงด้วย~ ลืมเรื่องภูกระดึงไปเลยว่ะ สัญญากับบอสไว้แล้วด้วยว่าจะไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อน “
“ แล้วตกลงคชาจะมามั้ย “
“ ไปๆ งั้นถ้าถึงสยามแล้วจะโทรหานะ “
“ โอเค~ แล้วเจอกัน “ พูดจบอีกฝ่ายก็วางสายไป เมื่อคชาวางสายร่างสูงก็เดินเข้ามาหา
“ คชายืนพูดอะไรคนเดียวน่ะ “ ถามอย่างสงสัยเพราะเค้าก็ไม่เห็นว่าจะมีใครยืนอยู่กับคนตัวเล็กสักคน
“ เอ๋อ....เอ่อ นี่เค้าเรียกว่าโทรศัพท์น่ะ เป็นเครื่องมือสื่อสารไว้คุยกับคนที่อยู่ไกลๆ ...เข้าใจป่ะ จะอธิบายยังไงดีอ่ะ “ คนตัวเล็กเกาหัวเบาๆ ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงให้อีกคนเข้าใจ
“ ไม่เห็นเข้าใจสักนิด “ เต๋าทำหน้างงหนักกว่าเดิม
“ งั้นก็ช่างมันเถอะ “ พูดจบคชาก็เดินขึ้นไปบนห้อง ปล่อยให้เจ้าชายยืนงงมองโทรศัพท์อย่างสงสัย
ไม่นานคนตัวเล็กก็ลงมาจากห้องพร้อมด้วยกระเป๋าเป้หนึ่งใบ ก่อนจะตรงเข้าไปบอกกับผู้เป็นแม่ในครัวว่าจะออกไปข้างนอก
“ ชาเอารถไปนะครับม๊า “
“ ขับได้เหรอชา “
“ ชาได้ใบขับขี่มาแล้วนะม๊า ชาขับได้ไม่ต้องเป็นห่วงครับ “ คชาสอบใบขับขี่ผ่านตั้งแต่อายุ 18 แล้วแต่แม่ก็ยังไม่ยอมให้ขับรถไปไหนมาไหนเองเพราะความเป็นห่วง
“ งั้นก็พากับไปดีๆ นะลูก “
“ พากันไปดีๆ ? “ คนตัวเล็กทำหน้างง
“ แล้วเต๋าขับรถเป็นมั้ยลูก “ คนตัวเล็กหันหลังไปพบใครอีกคนยืนซ้อนอยู่ข้างหลัง
“ รถคืออะไร.....” ชายหนุ่มทำหน้างง โลกนี้ช่างมีอะไรหลากหลายที่เค้าไม่รู้จัก
“ เอ่อ....ขับไม่เป็นครับม๊า เดี๋ยวชาขับเอง “ แล้วคนตัวเล็กก็ดึงมือหนาให้ตามตนเองออกจากห้องครัวไปที่รถ
คชาเปิดประตูให้อีกคนเข้าไปนั่งด้านข้างคนขับ ก่อนจะวิ่งไปเปิดประตูรั้วแล้วกลับมาขึ้นรถ พอขึ้นมาบนรถก็เจอใครอีกคนทำหน้างงงวยและมองไปรอบๆ รถด้วยความสนใจ
“ นี่คือรถเหรอ “ ชายหนุ่มหันมาถาม
“ ใช่ “ คนตัวเล็กตอบส่งๆ ความจริงคชาไม่ได้คิดจะพาเต๋าออกไปข้างนอกด้วยกัน แต่ถ้าปล่อยทิ้งไว้ที่บ้านอย่างนั้นคงไม่ดีแน่ๆ พอรถเคลื่อนไปบนถนนร่างสูงก็หันมาถามอีก
“ มันเคลื่อนที่ได้อย่างไร!! “ น้ำเสียงแสดงความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด
“ ก็ชั้นขับมันอยู่นี่ไงล่ะ “ คนตัวเล็กตอบ
“ รถคือพาหนะ ในโลกขอเจ้าสินะ “ เงียบไปสักพักเต๋าก็พูดขึ้นเมื่อเค้าสรุปได้ว่าสิ่งนี้คืออะไร
“ อืม “
“ แล้วนี่เจ้าจะพาข้าไปไหน “
“ ไปหาเพื่อน แล้วก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ให้พูดว่าข้ากับเจ้าน่ะ เรียกชื่อสิ “ คชาหันไปบอก
“ แต่ตอนนี้ข้าอยู่กับเจ้าสองคนไม่มีคนอื่นนี่ เรียกแบบนั้นข้าไม่ถนัด “ ร่างสูงพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ เรียกแบบนั้นตลอดไม่ได้หรือไง จะได้ชินไงล่ะ “
“ เจ้าชอบให้ข้าเรียกแบบนั้นเหรอ “
“ อืม “
“ งั้นก็ได้ “ เสียงทุ้มที่ยอมตอบตกลงง่ายๆ ทำให้คนตัวเล็กแปลกใจจนต้องหันมามอง “ มองเต๋าทำไม “
“ ทำไมยอมทำตามง่ายจัง “
“ ก็คชาชอบนี่ “ คำพูดง่ายๆ เพียงคำเดียวแต่มันกลับมีผลกับหัวใจของคชาเหลือเกิน
.......ถ้าชอบก็จะยอมทำตามเหรอ............
เมื่อจบประโยคนั้นคนตัวเล็กก็ดำดิ่งสู่ใจกลางความหวั่นไหวในหัวใจของตัวเอง ทำไมต้องหวั่นไหวกับคำพูดง่ายๆ แบบนั้นด้วย ไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้สึกดีใจด้วย ขับรถไปโดยไม่ได้สนใจว่าคนที่นั่งข้างๆ คอยสังเกตุการกระทำทุกท่วงท่าของเค้าอยู่
ใช้เวลาสักพักคชาก็ขับรถมาถึงที่นัดกับเพื่อนไว้ เมื่อเข้าไปวนหาที่จอดรถเรียบร้อยแล้วเค้าก็พาร่างสูงเข้าไปในห้างสรรพสินค้า แต่ก่อนจะเดินเข้าไปก็ไม่ลืมที่จะกำชับอีกคนก่อน
“ เดินตามดีๆ นะอย่าให้หลง “
“ ทำแบบนี้ก็ไม่หลงแล้ว “ ร่างสูงคว้ามือเล็กเอาไว้
“ อึ้ย!! ทำแบบนี้ไม่ได้นะ คนออกจะเยอะแยะ “ พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมแต่ไม่สำเร็จ
“ แล้วถ้าเต๋าเกิดหลงขึ้นมาแล้วจะทำยังไง บอกให้ทำอะไรก็ทำเถอะน่า~ “ และก็ไม่วายที่จะพูดอย่างเอาแต่ใจ
“ งื้อ..... “ คนตัวเล็กทำหน้าบึ้งนิดนึงก่อนจะปล่อยให้เลยตามเลยแล้วพากันเข้าไปด้านใน
คชาเดินจูงมือพาเต๋าไปในจุดที่นัดเบนไว้ เมื่อมาถึงก็โทรหาเพื่อนทันทีพอวางสายไปได้ไม่นาน ชายหนุ่มรูปหล่อหน้าลูกครึ่ง คนหนึ่งก็เดินมาสะกิตคชาที่ยืนรอโดยมีเต๋ากุมมืออยู่
“ คชา “
“ เบน!! “ คนตัวเล็กหันมาหาตามเสียงเรียก แล้วยิ้มหวานให้เพื่อน
“ รอนานป่ะ “ หนุ่มหน้าลูกครึ่งถาม
“ เพิ่งมาถึง แล้วบอสล่ะ “ คนตัวเล็กถามเมื่อมองไม่เห็นอีกคนที่ว่าจะมาด้วย
“ ไปเข้าห้องน้ำเดี๋ยวมาน่ะ แล้วนี่.....ใคร “ เบนบอกพร้อมถามเมื่อหันไปเห็นผู้ชายอีกคนที่กุมมือเพื่อนของเค้าอยู่ มองมาอย่างไม่เป็นมิตร
“ เอ่อ.....นี่ เต๋า เพื่อนเราเองเพิ่งมากจากเมกซิโกน่ะ “ คชาสะบัดมือของตัวเองให้หลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่ม
“ สวัสดีเต๋า เราเบนยินดีที่ได้รู้จักนะ “ เบนยิ้มให้อย่างเป็นมิตรผิดกับเจ้าชายที่หน้าบึ้งงองุ้ม
“ อืม “ ตอบรับเพียงสั้นๆ และมองเบนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยชอบใจ บรรยากาศรอบข้างจึงดูหม่นลงทันที
“ คชา~ “ เสียงใสของ หนุ่มน้อยอีกคนเรียกคชามาจากอีกด้าน
“ บอส “
“ นี่ใครน่ะ “ บอสหันไปชี้หน้าชายหนุ่มแปลกหน้าที่แผ่รังสีอำมหิตออกมา
“ นี่เต๋า เพื่อนเราเอง เราพาเพื่อนมาด้วยไม่ว่านะ “
“ ไม่ว่าหรอก ดีซะอีกคชาจะได้มีเพื่อนเดิน “
“ สวัสดีเต๋าเราชื่อบอสนะ เต๋าเรียนที่ไหนน่ะไม่เคยเห็นหน้าเลย “ บอสถามซื่อๆ
“ เต๋าเรียนที่เมกซิโกน่ะบอส “ เบนหันมาตอบแทน
“ จริงเหรอ? แล้วพูดภาษาไทยได้หรือเปล่า “ หนุ่มน้อยถามต่อ
“ พูดได้ “ คชาตอบให้แทน
“ แล้วทำไมไม่พูดเองล่ะ “
“ ก็สองคนนี้แย่งเต๋าพูดหมดแล้วนี่ “ ชายหนุ่มบอกอย่างไม่สบอารมณ์แต่ในสายตาบอส กลับเห็นว่าเต๋าน้อยใจที่โดยแย่งพูดมากกว่า
“ อืมๆ สองคนนี้ชอบแย่งเต๋าพูดเนอะ แล้วนี่เต๋าจะไปเที่ยวภูกระดึงด้วยกันกับเราหรือเปล่าชา หรือว่าเต๋ากลับไปก่อน “
“ เอ่อ.....เต๋าไม่.... “
“ ไปสิ ต้องไปอยู่แล้วล่ะหรือบอสจะไม่ให้เต๋าไป “ เสียงที่ส่งมาออกจะวางอำนาจไม่น้อย แต่อาจจะเป็นเพราะใช้คำเรียกแทนตัวเองแบบนั้นบอสจึงไม่รู้สึกถึงความผิดปกติด้วยความที่เป็นคนซื่อ
“ ให้ไปสิ!! ไปกันเยอะๆ สนุกดีเนอะเบน เนอะคชา “ บอสหันมาถามความเห็นเพื่อนที่ทำหน้าจืดเจื่อนไปตามๆ กัน “ เป็นอะไรกันทำไมทำหน้างั้นล่ะ “
“ บอส...ไปดูเสื้อผ้ากันดีกว่านะ “ เบนคว้ามือบอสแล้วจูงนำไปทันที เหลือทิ้งไว้แค่คชากับเต๋าเท่านั้น
“ สองคนนั้นเป็นสหายของคชาเหรอ “ ร่างสูงหันมาถาม
“ ใช่.......” คนตัวเล็กพยักหน้า
“ งั้นก็แล้วไป “ ร่างสูงบอก ก่อนจะดึงมือคชามาจับไว้เหมือนเดิม “ แล้วห้ามสะบัดมือเต๋าออกอีกนะ เข้าใจมั้ย!! “
“ อื้ม.... “ คชารับคำไม่อยากมีเรื่องเพราะเต๋าดูไม่ค่อยสบอารมณ์
ทั้งสี่คนเดินดูเสื้อผ้าตามร้านต่างๆ ไปทั่ว คชาเองก็เพิ่งจะฉุดคิดได้ว่าควรจะซื้อเสื้อผ้าให้กับเต๋าด้วยเพราะเต๋าไม่มีเสื้อผ้าสักชุด เมื่อเลือกเสื้อกับกางเกงที่เหมาะได้แล้วก็บอกให้คนตัวสูงไปลองชุด แต่ตัวที่เลือกมาเต๋าใส่ไม่พอดีคชาจึงถามหาไซด์อื่นจากพนักงานหนุ่มคนหนึ่ง ในขณะที่ทิ้งให้เต๋ารออยู่ที่ห้องลองเสื้อ
“ ขอโทษนะครับ เสื้อตัวนี้มีไซด์ L หรือเปล่าครับ “
“ มีครับ....แต่คุณตัวเล็กแค่นี้ไซด์ M ก็น่าจะใส่ได้แล้วนะครับ “ พนักงานคนนั้นโปรยยิ้มหวานให้คชาพร้อมกับมองสำรวจร่างกายของคนตัวเล็กอย่างจาบจ้วง
“ คือผมไม่ได้ใส่เองน่ะครับ “
“ งั้นรอสักครู่นะครับ “ ส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินหายไป
รอไม่นานพนักงานหนุ่มคนนั้นก็เดินกลับมา.........
“ ได้แล้วครับ “
“ ขอบคุณมากนะครับ “ คชายิ้มขอบคุณก่อนจะรับเสื้อมา แต่พนักงานคนนั้นแอบจับมือเล็กแล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้
“ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!!! “ เสียงดังเฉียบขาดดังมาจากด้านหลัง และก็มีแรงหนึ่งกระชากมือเล็กกลับมา
“ เต๋า!! ทำไม...... “ คชาตกใจที่หันมาแล้วเห็นว่าชายหนุ่มเดินเปลือยอกออกมาจากห้องลองเสื้อ
“ มานี่!! “ เต๋าลากคชาให้มาที่ห้องลองก่อนเหวี่ยงคนตัวเล็กเข้าไปแล้วจะปิดประตูลง
“ โอ้ย!! เจ็บนะเต๋าฮวย “ คนตัวเล็กบ่นเบาๆ ก่อนจะเอามือลูบหัวไหลที่กระแทกผนังเมื่อกี๊
“ ไปจับมือกับมันทำไม!! รู้มั้ยว่าข้าไม่ชอบ!! “
“ อะไรเนี้ยเต๋า......ใจเย็นดิ “ คนตัวเล็กออกแรงดิ้นเมื่อทั้งสองมือถูกกดให้ติดกับผนังโดยร่างสูง
“ บอกมาก่อนสิว่าไปจับมือกับมันทำไม “ ร่างสูงถามเสียงเย็น อารมณ์คุกรุ่น เค้าไม่ชอบให้ใครมามาทำตัวสนิทสนมและใกล้ชิดกับคชาของเค้า
“ มันบังเอิญไม่ได้ตั้งใจ ปล่อยก่อนได้มั้ย “
“ ทำไมต้องปล่อย อยากออกไปหามันหรือไง!! “
“ ไม่ใช่นะ!! เข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้วเต๋า “ คชาอยากอธิบายให้อีกคนเข้าใจแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองต้องอธิบายด้วย
“ รู้มั้ยว่าไม่ชอบ!! “
“ ไม่ชอบอะไร “ คนตัวเล็กถาม
“ ไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนของข้า คนที่ข้าหมายปอง เข้าใจมั้ย!!~ “ เจ้าชายหนุ่มบอกเสียงดังด้วยแรงอารมณ์ เพราะเค้ารู้สึกห่วงคนตัวเล็กนี้ยิ่งกว่าใคร
“ ...............” คชานิ่งงันไปทันที
“ เจ้าต้องเป็นคนของข้า.....ของข้าคนเดียว!! “
พูดจบก็ฉกชิงครอบครองริมฝีปากอิ่มไว้ในทันที ร่างสูงกัดริมฝีปากบางเบาๆ ให้เผยอออกก่อนจะสอดแทรกลิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหวาน รสจูบครั้งนี้ราวกับว่าถูกกระชากวิญญาณเพราะเต็มไปด้วยแรงอารมณ์รุนแรงและร้อนแรงไปในคราวเดียว คนตัวเล็กขาอ่อนเพราะแทบจะขาดอากาศหายใจ ร่างสูงจึงถอนจูบก่อนจะซุกไซ้เข้าที่ซอกคอขาวและดูดดุนจนขึ้นสีเป็นรอยแดง
“ ต๋าวว....ยะ...หยุด...ก่อน. “ คนตัวเล็กบอกอย่างยากลำบาก
มือหนาปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระก่อนจะเปลี่ยนเป้าหมายมาถลกเสื้อคชาขึ้น ก่อนจะก้มลงไปครอบครองยอดอกสีหวาน คชาหอบหายใจกระเส่าอย่างหมดทางสู้ พยายามสะกดเสียงครางไม่ให้หลุดรอดออกไปเพราะกลัวคนอื่นได้ยิน มือเล็กทุบเข้าที่กลางหลังของร่างสูงแต่เหมือนกับว่าเต๋าจะไม่รู้สึกสักนิด
“ อ๊ะ!! เต๋าฮวย....หยุดนะ!! อ่า~....”
คนตัวเล็กขาพับลงอย่างหมดแรงเพราะถูกรุกเร้าอย่างหนัก เต๋าโอบประคองร่างบางไว้ก่อนจะกดจูบลงที่ริมฝีปากแดงช้ำอีกครั้ง หยดน้ำตาเม็ดโตล่วงหล่นลงมาทางห่างตาเป็นผลให้ร่างสูงได้สติและหยุดกระทำทันที
“ ข้าพึงใจเจ้านะคชา “ น้ำเสียงหนักแน่นบอกทั้งๆ ที่ดวงตาคู่สวยยังคงหลับพริ้มอยู่
“ ..............” เปลือกตาปรือขึ้นมามองชายหนุ่มตรงหน้า
“ ที่ข้าทำเพราะข้าหวงเจ้า ข้าไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเจ้า!! “ แววตาหวงแหนจริงจังถูกส่งมาให้คชาตัวเล็กรับรู้ “ คชา....เต๋าขอโทษ “
“ ....กลับบ้านกันเถอะนะ.....เต๋าฮวย “ คนตัวเล็กซบลงที่อกกว้างแล้วบอกออกมาเบาๆ
“ อืม “ เต๋าพยักหน้าก่อนจะช่วยใส่เสื้อผ้าให้คชาจนเรียบร้อย
คชาขับรถกลับบ้านโดยที่ไม่ได้บอกเพื่อนสักคำ กลับบ้านโดยที่สติแทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รู้สึกเหมือนจะโกรธแต่กลับไม่โกรธ มันบอกไม่ถูกว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ เพียงแค่สบตาสีเข้มคู่นั้นคชาก็ต้องใจอ่อนทุกครั้งไป.....
........ทำไมต้องยอม.............(คชา)
.........ทำไมถึงยอมข้า.................(เต๋า)
สวัสดีค่ะ
มาลงแล้วนะคะ ชอบไม่ชอบติชมกันได้ค่ะ
วันนี้ไม่เวิ่น 5555
ความคิดเห็น