คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Prince cat-รักนายเจ้าชายแมวเหมียว I
ฝนกระหน่ำเทลงมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสายราวกับฟ้ารั่ว หยดฝนตกลงมากระทบกับร่มสีแดงคันเล็กดังเป็นจังหวะต่อเนื่อง แม้จะมีร่มแต่กว่าครึ่งของร่างกายก็ยังคงเปียกปอนอยู่ดี สองเท้าเล็กย่ำลงไปบนถนนที่เต็มไปด้วยน้ำเจิ่งนอง เดินเพียงแค่อีกนิดเดียวก็จะถึงบ้านหนุ่มน้อยหน้าหวานจึงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นอีก
“ โดนฝนขนาดนี้เป็นหวัดแหงเลย “ บ่นกับตัวเองเบาๆ เพราะรู้สภาพร่างกายของตัวเองดีว่าเป็นหวัดง่ายแค่ไหน
แต่ก่อนจะถึงบ้านร่างเล็กต้องผ่านซอยเล็กๆ ซอยหนึ่ง มันค่อนข้างเปลี่ยวและมืดมาก สองข้างทางเต็มไปด้วยกองขยะและพวกเศษเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ ที่มีคนขนเอามาทิ้ง ถ้าเป็นเวลาปกติเค้าจะเดินผ่านที่นี่ได้สบายๆ แต่วันนี้ฟ้ามืดแล้วอีกทั้งฝนยังตกอีกต่างหาก ซอยที่มีดวงไฟสาธารณะเพียงแค่หัวซอยและท้ายซอยอย่างนี้จึงดูน่ากลัวมากเป็นพิเศษ
ร่างเล็กพยายามเดินเร็วๆ และไม่มองไปตามริมถนนเพราะความมืดมันจะทำให้รู้สึกว่ากองขยะพวกนั้นมีชีวิตและขยับได้ นึกๆ ดูก็เหมือนคนเพ้อแต่ถ้าตกอยู่ในสถานะการณ์แบบนั้น เป็นใครก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกอย่างรอบกายมันดูน่ากลัวมากจริงๆ
ในขณะที่กำลังเดินมาเกือบจะสุดซอยร่างเล็กก็ได้ยินเสียงแหบพร่าของใครบางคนดังมาจากทางด้านหลัง ดวงหน้าหวานหันกลับไปมองด้วยความหวาดระแวงทันที แต่ก็ไม่พบว่ามีใครตามมาเค้าจึงหันกลับมาแล้วตั้งท่าจะเดินต่อแต่ทว่า.....
“ ช่วยข้าด้วย....ช่วย...ข้าดะ..ด้วย “
“ ใครน่ะ!! “ ร่างเล็กหันกลับไปมองอีกครั้งแล้วตะโกนถามทันที
รอเวลาผ่านไปสักพักก็ไม่มีคำตอบกลับมา มีเพียงเสียงฝนที่เทกระหน่ำลงมาใส่ร่มคันน้อยหนักขึ้นเรื่อยๆ ..
“ ใครวะ..”
ร่างเล็กหันหลังเดินกลับมาไม่ถึงสองก้าวก็ได้ยินเสียงขยับของวัตถุอะไรบางอย่างข้างหลัง จึงตัดสินใจอีกครั้งที่จะหันกลับไป
“ ถ้าไม่มีอะไรอีกคราวนี้จะวิ่งหนีจริงๆ แล้วนะ “
แต่เมื่อหันกลับไปและมองที่ข้างถนนฝั่งต้นเสียง กลีบปากสวยได้รูปถึงกับต้องอ้าปากค้างเมื่อกองขยะตรงนั้นมันขยับได้ เหมือนมีอะไรอยู่ข้างใต้
“ เฮ้ย!! “
มือเรียวปล่อยร่มสีแดงให้ตกลงกับพื้น สองขาที่คิดจะวิ่งหนีมันกลับแข็งทื้อไม่สามารถขยับเขยื่อนได้เลย ภายในใจรู้สึกตื่นกลัวอย่างห้ามไม่อยู่ กองขยะตรงนั้นขยับและสั่นไหวรุนแรงขึ้นและแรงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับมีคนมาเขย่า ร่างเล็กหลับตาปี๋เมื่อมันวิ่งไม่ออกก็ยืนหลับตาอยู่ตรงนี้เลยแล้วกัน.....อย่างน้อยก็ไม่เห็น
ระหว่างที่กำลังลุ้นระทึกอยู่นั้น......
“ เหมี๊ยว~ เหมี๊ยว~ “
เสียงแมว...........แมวเหรอ?
ดวงตาเรียวค่อยๆ ลืมขึ้นมาช้าๆ ด้วยความหวาดระแวง เค้าเพ่งมองไปยังจุดที่สั่นไหวรุนแรงเมื่อกี๊ แล้วร่างเล็กก็พบสิ่งเล็กๆ บางอย่างขยับออกมาจากกล่องไม้ผุๆ อย่างอ่อนแรง
“ เป็นแมวจริงๆ ด้วยนึกว่าผี ตกใจหมดเลย....เฮ้อ~ “ เมื่อเห็นแล้วว่าเป็นเพียงแมวจรจัดตัวหนึ่งเค้าก็ไม่คิดจะสนใจมันอีก ก้มลงเก็บร่มแล้วเตรียมตัวจะเดินกลับบ้านด้วยความโล่งใจ
“ เหมี๊ยวว~~~~~ “ เจ้าแมวตัวเล็กร้องเรียกเสียง คนขี้สงสารจึงเดินเข้าไปหา
“ ร้องเรียกทำไมเจ้าเหมียว อยากไปอยู่ด้วยหรือไง “ เค้าพูดกับมันพลางมองดูแมวน้อยที่ตัวเปียกชุ่มไปด้วยหยดน้ำ
“ เหมี๊ยว.. “ มันตอบราวกับว่าฟังที่เค้าพูดรู้เรื่อง
“ ไปอยู่ที่บ้านไม่ได้หรอกนะ บ้านชั้นเลี้ยงหมาไว้ตั้งสองตัวเดี๋ยวโดนมันรุมเอาหรอก “
คนตัวเล็กก้มตัวลงเพื่อมองแมวตัวน้อยให้ชัดๆ เนื้อตัวมันมอมแมมเพราะมีขนสีขาวและคงอาศัยอยู่ในที่สกปก แต่หน้าตามันก็น่ารักมากที่เดียว แต่เมื่อสังเกตุดูดีๆ สายตาก็พลันต้องไปสะดุดกับกลุ่มหยดน้ำสีเข้มๆ ที่ไหลออกมาจากบริเวณท้องของเจ้าแมวน้อย เมื่อมันพยายามลุกขึ้นเพื่อขยับเข้ามาใกล้
“ เฮ้ย!!~ แกเป็นแผลเหรอเนี้ย!! “
ไม่รู้ว่าเป็นไปตามสัญชาตญาณหรือว่าเพราะอะไรแต่คนตัวเล็กก็จัดการอุ้มแมวตัวนั้นขึ้นมาแล้วรีบตรงกลับบ้านทันที ในใจคิดเพียงอย่างเดียว
ถ้าไม่ช่วย...มันก็อาจจะตาย!!
เมื่อมาถึงที่บ้านคนตัวเล็กก็มุ่งหน้าไปหาคนที่จะช่วยได้ทันที เค้าเดินลัดเลาะผ่านห้องต่างๆ ก่อนจะไปหยุดที่ห้องอาหารที่ตอนนี้ทุกคนในบ้านกำลังนั่งทานอาหารค่ำกันอยู่
“ อาตี๋ใหญ่!!~ กลับมาแล้วเหรอลูก มาๆ กินข้าวกัน “ หญิงชราหน้าตาใจดีกวักมือเรียกหลานชายคนโตทันทีที่เห็นหน้า
“ ตัวเปียกขนาดนี้ไปอาบน้ำก่อนดีกว่ามั้ย...เอ้ย!! เฮียเอาตัวอะไรมาอ่ะ “
“ เค้นท์!! ม๊าอยู่ไหน “
“ ม๊าอยู่นี่ 'คชา' มีอะไรลูก “ หญิงวัยกลางคนเดินออกมาจากห้องครัวที่อยู่ติดกัน
“ หม่าม๊า!! พาชาไปโรงบาลหน่อยสิครับ “
“ ชาเป็นอะไรลูก “ ผู้เป็นแม่ถามด้วยความเป็นห่วงทันที
“ ชาไม่ได้เป็นอะไรครับ แต่ชาจะพาเจ้านี่ไปโรงพยาบาลสัตว์ “ คนตัวเล็กเผยให้แม่เห็นเจ้าตัวมอมแมมที่อุ้มมา
“ เฮียไปเก็บมาจากไหนอ่ะ!! “ น้องชายแสนซนโดลงจากเก้าอี้เพื่อมองแมวที่พี่ชายเก็บมาอย่างอยากรู้
“ เดี๋ยวเฮียเล่าให้ฟังนะเค้นท์ ไปกันเถอะครับหม่าม๊า “ คนตัวเล็กจูงมือผู้เป็นแม่ให้เดินตามเค้าออกไปอย่ารวดเร็ว
“ เดี๋ยวชา....แม่ไปเอากระเป๋าตังค์กับกุญแจรถก่อนลูก!! “
“ ใจเย็นอาตี๋ใหญ่!! “
“ ครับอาม่า “ เมื่อสองแม่ลูกและเจ้าแมวน้อยออกจากบ้านไปความวุ่นวายก็จบลง
49 วันผ่านไป......
คชานั่งอ่านหนังสือสอบอยู่บนโซฟา คิ้วเรียวขมวดมุ่นโครงหน้าสวยเต็มไปด้วยความตึงเครียด มือข้างหนึ่งที่ว่างก็คอยเกาคอให้กับแมวตัวสีขาวขนปุยน่ารักนอนหลับอย่างสบายอยู่ข้างๆ แต่พอผ่านไปสักพักคนตัวเล้กที่สนใจอยู่กับตำราเรียนมากเกินไปก็ไม่ได้ใส่ใจเกาคอให้แมวน้อยอีก
มันลืมตาขึ้นมาช้าๆ ด้วยความเกียจคร้านก่อนจะตวัดตาคมมองไปยังคนหน้าหวานที่เอาแต่นั่งอ่านหนังสือไม่สนใจมัน
“ เมี๊ยววว~ “ มันร้องเรียกอย่างวางอำนาจแต่เสียงที่ดังออกมานั้นกลับฟังดูเหมือนมันกำลังอ้อนเจ้าของเสียมากกว่า
“ อืม “ วงหน้าหวานหันมามองนิดนึงก่อนจะลูบหัวมันเบาๆ แล้วหันกลับไปอ่านหนังสือต่อ
เรียกแล้วยังจะทำเป็นไม่สนใจข้าอีกเหรอ.........คงต้องใช้วิธีนี้ หึ!!
ว่าแล้วเจ้าขนปุยก็ลุกขึ้นไปคลอเคลียเอาตัวถูไถไปกับเอวบางของคชาก่อนจะปีนขึ้นไปบนตักแล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างถือสิทธิ์
“ ว่าไง 'เต๋าฮวย' เรียกร้องความสนใจเหรอ “ คนตัวเล็กวางหนังสือลงข้างๆ แล้วหันมาอุ้มเจ้าแมวขาวแทน
'เต๋าฮวย' เป็นชื่อของแมวตัวขาวที่คชาเก็บมันมาเลี้ยงได้เดือนกว่าๆ ที่ได้ชื่อนี้เป็นเพราะอาม่าบอกว่ามันมีขนสีขาวนวลเหมือนเต้าฮวย แต่เค้นท์เห็นว่ามันมีจุดขนสีดำอยู่บนกลางหน้าผากเหมือนลูกเต๋า คชาจึงเอาทั้งสองชื่อมารวมกันว่า 'เต๋าฮวย'
“ เหมี๊ยว...เหมี๊ยว..เหมี๊ยว!! เหมี๊ยว!!! “
อย่ามากล่าวหาข้านะ....ก็เจ้าไม่ยอมสนใจข้าเอง....แล้วบอกกี่ที่แล้วว่าอย่าเรียกข้าด้วยชื่อกระดากหูพันธุ์นั้น!!
“ หิวหรือไงฮึ!! วันนี้อ้อนจังเลยนะ “ คชาชูมันขึ้นเพื่อมองหน้าให้ถนัดๆ มองๆ ดูเหมือนมันทำหน้ามุ่ยยังไงก็ไม่รู้
“ เหมี๊ยวว!!~ “
ข้าไม่ได้หิวสักหน่อย.....แต่ข้าเบื่อ!!
“ โอเคๆ รู้แล้วว่าหิว ป่ะ!!ไปกินข้าวกัน “ คนตัวเล็กอุ้มแมวน้อยพาดบ่าแล้วลุกขึ้นก่อนจะเดินตรงไปในครัวโดยไม่สนใจเสียงร้องประท้วงของมันเลยแม้แต่น้อย
“ เหมี๊ยว!! เหมี๊ยว!!! “
ก็บอกว่าไม่หิวยังไงล่ะ!! เจ้านี่พูดไม่รู้เรื่องจริงๆ เลย เฮ้อ~
แต่ถึงจะบอกยังไงคชาก็ไม่มีทีท่าว่าจะรู้เรื่องสักนิด เพราะในสายตาของคนตัวเล็ก เต๋าฮวย ก็เป็นแค่แมวตัวน้อยน่ารักแค่นั้น......
เมื่อมาถึงครัวคนตัวเล็กก็ง่วนกับการเอาปลาทูจากในตู้เย็นมาแกะและคลุกกับข้าวสวยก่อนจะอุ่นในไมโครเวฟแล้วเอามาให้เจ้าเต๋าฮวยกิน เมื่อเสร็จก็เอามาวางตรงหน้าเจ้าแมวขาวที่นั่งรออยู่บนโต๊ะเยี่ยงราชาแบบที่มันชอบทำประจำ
“ อ่ะนี่!! กินซะนะ “
“ เหมี๊ยว!! “ มันเอาอุ้งเท้าหน้าที่แสนปุกปุยปัดชามข้าวคลุกปลาทูออกไปกระจัดกระจายอยู่ข้างๆ อย่างเอาแต่ใจ
“ เต๋าฮวย!!~ ไม่น่ารักเลยนะ! ไม่กินแล้วจะเขี่ยทิ้งทำไมมันเสียของรู้มั้ย “
“ เหมี๊ยว!! “
ก็บอกแต่แรกแล้วนี่นาว่าข้าไม่กิน......พวกอาหารชั้นต่ำ!!
“ มานี่เลยอย่างนี่ต้องโดนทำโทษ “ คนตัวเล็กใช้นิ้วดีดที่หูของแมวน้อยเบาๆ เป็นการทำโทษ เค้าไม่ได้ดีดแรงเพราะกลัวว่าจะกระเทือนแผลที่เพิ่งจะหายมาหมาดๆ
“ เหมี๊ยว!! เหมี๊ยว!!! “ เจ้าแมวตัวขาวร้องโวยวายเสียงดัง
เจ้ากล้าดียังไงมาทำร้ายข้า!! เจ้ารู้มั้ยว่าข้าเป็นใคร!! คอยดูนะ...ถ้าข้ากลับร่างเดิมเมื่อไหร่เจ้าโดนเอาคืนแน่!!
“ ร้องเสียงดังเชียวเจ็บเหรอเต๋าฮวย? ไหนดูซิ...เจ็บมากมั้ยอ่า~ ชาขอโทษน้า “
“ เหมี๊ยวว!! “
ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลัง!! ข้าไม่ยอมใจอ่อนหรอกนะ
“ โอ๋~ มานี่มาชาอุ้มน้า ไปนั่งเล่นกันข้างนอกดีกว่าเนอะ “ ว่าแล้วคชาก็อุ้มเจ้าแมวขาวขึ้นมาซุกอกอย่างทะนุถนอมก่อนจะเดินออกจากครัวไป
“ เหมี๊ยว~ “
“ น่ารักจัง~ “
ถือว่าเจ้าขอโทษข้า....ครั้งนี้ข้าจะยกโทษให้ครั้งนึงก็แล้วกัน
กลางดึกสงัดบนเตียงหลังใหญ่ในห้องของคชา มีคนร่างเล็กและแมวตัวขาวขนปุกปุยนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆ กันเหมือนเช่นทุกคืน แต่คืนนี้มีบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนไป
เมื่อแสงจันทร์ของราตรีที่เจ็ดในเจ็ดรอบ สาดส่องลงมากระทบบนตัวเจ้า
เมื่อนั้นคำสาปในกายของเจ้าก็จะคลายลง
และเจ้ากลับเป็นมนุษย์เฉกเช่นเดิม.......
ร่างกายที่ปกคลุมไปด้วยขนสีขาวราวกับงาช้างของแมวตัวน้อย ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ขนเหล่านั้นหายไป แม้แต่หูแหลมๆ อุ้งเล็บก็ด้วย ร่างกายของมันบิดเบี้ยวและขยายใหญ่ขึ้นเปลี่ยนสภาพไป
นี่เป็นเวทมนต์วิเศษ 'ลึกลับ' อันใดในโลกไม่มีใครรู้เพราะทุกอย่างมันเป็นไปดั่งคำที่ว่า 'คำสาปจะคลายลง' และตอนนี้มันก็ได้คลายลงแล้วทำให้แมวน้อยน่ารักกลายเป็นบุรุษร่างแกร่งในสภาพเปลือยเปล่าแทน
บางทีจะเรียกว่ากลายร่างก็ไม่ถูกต้องเรียกว่า 'กลับคืนร่างเดิม' มากกว่า............
ฟิคใหม่ค่ะ
ลงตั้งแต่วันเกิดเต๋าถึงวันเกิดคชานะคะ
รับรองว่าสนุกแน่นอน ฝากติดตามกันด้วยนะคะ
ความคิดเห็น