คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เอลซ่า เตสเควีย
“ปู๊นๆ ชึก ชัก ชึก ชัก”เสียงรถไฟดังสนั่นไปทั่วทั้งรถ และตอนนี้นี้เขาก็กำลังนั่งอยู่ในรถไฟที่กำลังแล่นไปในสถานที่หนึ่ง ที่เป็นจุดหมายของเขา
ห้องในรถไฟที่ผมนั่งอยู่ตอนนี้เป็นห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างหรูหรา สำหรับคนทั่วไป แต่ตอนนี้เขากำลังนั่งเบื่อจากการพึ่งตื่นจากโลกแห่งควานฝัน เพราะความเป็นจริงตอนนี้สำหรับเขา มันชั่งโหดร้าย สำหรับคนที่ไม่เคยเจอ
เขาอยู่ในชุดเดรสสีขาวเรียบสะอาด ที่มีลอยตะเข็บสีดำ ที่หน้าอกด้านซ้ายมีสัญลักษณ์ของโรงเรียนติดอยู่ ใช้แล้วละ ขุดนี้เป็นชุดนักเรียนของโรงเรียนที่ตอนนี้เขากำลังจะเป็นเรียนที่นั้น
แต่ปัญหาของมันอยู่ที่ชุดเดรสที่เขาใส่อยู่ ชุดเดรสชุดของผู้หญิง และรูปร่างตอนนี้ถ้าจะบอกว่าตัวเขาคือผู้ชายละก็คงจะไม่มีใครเชื่ออยู่แล้วนั้นเพราะ สภาพของเขาตอนนี้ เส้นผมยาวสีเงินยาวสวยจนถึงสะโพก ดังตากลมโตสีฟ้าสดใส ใบหน้าที่ถูกตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ที่สมารถทำให้ใบหน้านั้น ดูเหมือนผู้หญิงขึ้นมาได้ทันที
ถ้าจะถามว่าทำไมเขาต้องมาอยู่ในสภาพนี้ คงต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 1 อสทิตย์ก่อน
“คุณหนูค่ะ นายหญิงเรียกตัวคุณหนูให้ไปที่นั่งเล่นค่ะ ตอนนี้นายหญิงกำลังรออยู่ค่ะ”เสียงคนรับใช้คนหนึ่งพูดขึ้นเมื่อเอลกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่สวนหลังบ้าน
เอลก็เลยจำใจต้องปิดหนังสือและเดินไปทันที
“คุณแม่มีอะไรหรือครับ”เอลพูด
“เอลมาก็ดีแล้วละนะ คืออย่างงี้นะลูกแม่ตัดสินใจให้ลูกไปเรียนที่โรงเรียนมิคคาเทียนะจ๊ะ”แม่ของเอลพูด
“แต่ที่บ้านก็มีคนมาสอนเป็นประจำอยู่แล้วไม่ใช้หรอครับ”เอลกล่าว
“ก็แม่อยากให้ลูกไปเปิดหูเปิดตาในโลกกว่างบ้างนี้นะ ลูกเองถึงเป็นผู้ชายแท้ๆ กับกับมีความสามารถทางเวทมนต์สูงมากเพราะลูกดันไปฝึกโดยไม่ยอมบอกให้ใครรู้ ตอนนี้ก็เลยเป็นปัญหา จนแม่คิดว่าจะให้ลูกไปเรียนที่นี้ อย่างน้อยแม่ก็คิดว่ามันน่าจะปลอดภัยกว่าอยู่ที่บ้าน”เธอพูด
“ครับๆ ได้ครับแม่ ผมจะทำตามที่แม่พูดก็ได้ครับ”เอลตอบ เพราะแม่ของเขาเป็นคนที่มีเหตุผล เอลถึงแม้จะโตแล้ว แต่เขาก็ยอบรับการตัดสินใจของแม่ขาอยู่
“ลูกรับปากแม่แล้วนะว่าลูกจะต้องไปเรียน และอีกอย่างแม่อยากให้ลูกไปเรียนในถานะของผู้หญิงจ๊ะ”เธอพูด
“................”เอล
“...............”แม่
“คึ...คือ รู้สึกว่าผมจะฟังอะไรผิดไปสักหน่อยนะครับ”เอลพูด
“ไม่ผิดหรอกจ๊ะ แม่จะให้ลูกไปเรียนในถานะของผู้หญิง เพราะฉะนั้น ตั้งแต่วันนี้จนถึงเดินทา ลูกต้องเรียนรู้การเป็นผู้หญิง และก็ไม่ต้องห่วง แม่ให้ลิซ่าไปเรียนก่อนตั้งแต่ปิดเทอมแล้ว ซึ่งเธอจะรับหน้าที่ในการแต่งตัวและแต่งหน้าให้ ส่วนลูกจะต้องมาเรียน การเดิน การเต้นรำ การเข้าห้องน้ำ และอื่นๆอีกมากมายจ๊ะ”เธอพูด
หลังจากนั้นเอลก็ได้รับการฝึกแบบนรกโดยได้รับการฝึกสอนจาก แม่ของเธอ และ คนรับใช้ต่างๆภายในบ้าน
เอลเองก็พอจะเข้าใจอยู่ว่า เพราะเวทมนต์เปิดศาสตร์อย่างหนึ่งที่นิยมใช้กันมาเมื่อประมาณ 50 ปีก่อน และเวทมนต์ก็เป็นศาสตร์ที่ผู้หญิงจะใช้ได้ดีกว่าผู้ชาย โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
แล้วเค้าดันเป็นผู้ชายที่สามารถใช้เวทมนต์ได้ดีกว่าผู้หญิงอีก ถ้าเรื่องนี้ถึงหูของรัฐบาลละก็ ต่อให้บ้านของเขามีอำนาจมากแค่ไหน ก็คงไม่อาจที่จะปกป้องเอลจากมันได้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
และคนที่จะฝึกเวทมนต์ได้นั้น จะต้องมีอายุ 12 ปีขึ้นไปเท่านั้นเพราะ ต้องให้ร่างกายลองรับพลังเวทย์ให้ได้ ซึ่งผมในตอน 8 ขวบ ได้เข้าไปในห้องหนังสือในบ้าน และได้ลองทำการฝึกเวทมนต์ขั้นพื้นฐานด้วยตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่คนที่ฝึกเวทย์มนต์ก่อนกำหนดจะมีร่างกายที่ผิดแปลกไปจากคนอื่นเพราะ ร่างกายไม่สามารถรองรับพลังเวทย์ได้
ซึ่งร่างกายของผมที่ผิดปกติก็คือ รูปร่างของผมจะเรียวบางกว่าผู้ชายปกติ ทำให้ดูภายนอกแทบจะเหมือนผู้หญิง
“เรียนท่านผู้โดยสารทักท่าน อีกสักครู่เรากำลังจะถึงสถานีเมืองราวัลเนียแล้ว เขาท่านผมโดยสารที่ต้องการที่จะลงสถานีนี้ กรุณาเตรียมตัวด้วยค่ะ”เสียงประกาศดังขึ้นไปทั่วรถไฟ จากนั้นเสียงเปิดประตูก็นังขึ้น
“คุณหนูเอลครับ ขอเชิญคุณหนูเตรียมตัวได้แล้วนะครับ”เสียงเจ้าหน้าที่ในรถไฟดังขึ้น เอลพยักหน้าครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ทำท่าจะไปหยิบกระเป๋าเสื้อผ้าใบโตของผมขึ้นมา แต่เมื่อกำลังจะไปหยิบ เสียงของเจ้าหน้าที่ก็ดึงขึ้นอีกครั้ง
“คุณหนูเอลครับ ไม่ต้องหรอกครับ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของกระผมเองครับ”เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดเสียงดังก่อนที่จะรีบมาแย่งเอลถือกระเป๋า และเดินนำทางมาจนถึงด้านล่างของสถานี
และเมื่อมาถึงด้านล่าง ก็พบคนที่เขารู้จักมารอผมอยู่ก่อนแล้วเธอเป็นผู้หญิงผมสำน้ำตาลสั้นยาวถึงคอ ใบหน้าเล็ก ดวงตากลมโตดูหน้ารัก ซึ่งเธออยู่ในชุดนักเรียนสีขาวคล้ายๆกับของเขาใส่ แต่ต่างตรงที่ แขนและกระโปรงจะสั้นกว่าของผมมากนัก ซึ่งเธอก็คือ ลิซ่า คนรับใช้ของเอลนั้นเอง
“สวัสดีค่ะ คุณหนู คงเหนื่อยมากเลยสินะค่ะ ถ้ายังไงเรารีบกลับที่พักก่อนดีกว่าค่ะ”ลิซ่าพูด
“งั้นเราก็ไปกันเถอะ”เอลพูดหลังจากนั้นลิซ่าที่รับหน้าที่ถือกระเป๋าต่อจากพนักงานบนรถไฟ และเดินนำทางไปจนถึงโรงเรียนมิคคาเทีย
ซึ่งในระหว่างทางเอลค่อยๆเดินมาและผ่านร้านค้าและผู้คนมากมายที่หันมามองเอลเป็นพักๆ โดยที่เอลคิดในใจว่า ‘ทำไมรองเท้าส้นสูงมันเดินยากอย่างงี้นะ’
โรงเรียนมิคคาเทียเป็นโรงเรียนเวทมนต์อันดับต้นๆของโลกเลยละ ซึ่งโรงเรียนเวทมนต์ที่ได้รับการยกย่องว่ามีมาตรฐานถึงเกณมีอยู่ทั้งสิ้น 7 โลกเรียน ซึ่งโรงเรียน มิคคาเทียแห่งนี้ก็เป็น 1 ใน 7 โรงเรียนนั้นด้วย
ทำให้โรงเรียนนี้เต็มไปด้วยผู้ที่มีความสามารถในการใช้เวทมนต์ได้พอสมควร ซึ้งทำให้อัตรานักเรียนชายกับนักเรียนหญิงต่างกันอยู่ประมาณ 1 ต่อ 10 หรือก็คือ จะมีผู้หญิงทุกๆ 10 คนจะมีผู้ชาย 1 คนนั้นเอง
และโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่ทางรัฐบาลให้การสนับสนุนโรงเรียนอยู่ทำให้โรงเรียนนี้มีเนื้อที่กว้างขวาง และถูกตกแต่งให้สวยงามเป็นอย่างมาก
ซึ่งเมื่อเอลเข้าไปในโรงเรียนก็ได้เดินผ่านกลุ่มนักเรียนมากมายๆ ซึ่งนักเรียนแทบทุกคนต่างก็มองมาที่เอลเป็นตาเดียวซึ่งเอลก็ได้ยินเสียงพูดคุยกันของนักเรียนเหล่านั้น
“นี้ๆ เธอคนนั้นไง ที่พึ่งที่จะเข้ามา รู้สึกว่าหล่อนจะเข้าเรียนได้โดยไม่ต้องสอบด้วยละ”
“ดูสิ มีคนถือกระเป๋าให้ด้วย ดูท่าน่าจะเป็นลูกคุณหนูแน่เลย”
“อยากรู้จักว่าหล่อนยัดไปเท่าไหร่ ถึงเข้าโรงเรียนนี้โดยไม่ต้องสอบได้นะ”
เสียงนินทาจากคนหลายกลุ่มลอยผ่านเข้าหูของเอล แต่เอลก็ไม่ได้สนใจอะไร ซึ่งผิดกับลิซ่าที่มีท่าทีลนลาน แต่แล้วเอลก็ถูกผู้หญิงคนหนึ่งขวางไว้
“นี้เธอ ฉันไม่รู้หรอกน่าว่าเธอจะเข้ามาที่นี้ได้อย่างไร แต่ถ้าเธอไม่มีความสามารถพอละก็ ฉันคิดว่าเธอกลับไปดีกว่า ที่นี้ไม่ต้องการคนที่ไม่มีความสามารถ”ผู้หญิงคนนั้นกล่าว
เธอดูรูปร่างเหมือนมนุษย์ เธอมีผมสีทองยาว ใบหน้าเรียวสวย ดวงตาคม อยู่ในชุดนักเรียน แต่ตางกับของเอลตรงที่เธอเป็นกระโปรงทรงเอยาวถึงเข่า และในมือของเธอมีเธอถือดาบเรเปียร์มาด้วย
เอลตั้งใจที่จะเดินหนีเพราะยังไม่อยากมีปัญหามาตั้งแต่วันแรกที่มาโรงเรียน แต่ผู้หญิงคนนั้นยื่นขวางทางเข้าอยู่และรู้สึกว่า เธอคงไม่ยอมให้เขาเอลผ่านไปง่ายๆแน่
เอลหันไปมองเธอก่อนที่จะพูดสั้นๆ”ขอโทษนะค่ะ คือว่าดิฉันกำลังรีบอยู่นะค่ะ ดิฉันต้องรีบไปพบ ผอ. และดิฉันของถามอะไรคุณสักอย่างนะค่ะ รู้ได้อย่างไรว่าดิฉันนั้นไม่มีความสามารถพอที่จะเรียนที่นี้”
และที่พูดแบบนี้ก็เพราะผลของการเรียนการเป็นผู้หญิงจากท่านแม่
ผู้หญิงคนนั้นเมื่อได้ยินที่เอลพูด เธอก็พูดต่อว่า”งั้นฉันก็อยากให้เธอพิสูจน์สิว่าเธอมีความสามารถ มาประลองกับฉันซะ”เธอพูดพร้อมกับชี้ดาบมาที่เอลเป็นเชิงท้าทาย
ซึ่งคนที่อยู่รอบๆก็เงียบลงและหยุดดูทั้ง 2 คนทันที
เอลเมื่อได้ยินเขาคิดว่าคงไม่สามารถหลีกเลียงการประลองได้เขาก็หันไปพูดกลับลิซ“ลิซ่า ของยืมอุปกรณ์เวทย์ของคุณหน่อยได้ไหม พอดีของฉันยังส่งมาไม่ถึงนะ”
“แต่ว่า ของดิฉันไปแค่ของธรรมดาเองนะค่ะคุณหนู และอีกอย่างมันยังไม่ได้จูนเข้ากับพลังของคุณหนูเลยนะค่ะ”ลิซ่าพูด
“ไม่เป็นไรขอแค่พอแสดงความสามารถให้เธอเห็นก็พอ”เอลตอบ ซึ่งลิซ่าก็หยิบกำไลสีขาวมาให้เอล 2 วง
เอลหยิบกำไลนั้นมาสวมไว้ที่ข้อมือทั้ง 2 ข้าง แล้วก่อนที่จะยืนในทวงท่าสบายๆจากนั้นกำไลก็เปล่งแสงออกมาเบาๆ
“ดิฉันพร้อมแล้วค่ะ ถ้าอย่างงั้นก็ขอคุณมาทดสอบดิฉันเลยค่ะ”เอลพูดอย่างราบเรียบ
หญิงคนนั้นไม่ได้พูดอะไร เธอยกมือขึ้นมาข้างหนึ่งจากนั้นมือของเธอก็ปรากฏแสงสีทองขึ้นมา
เป๊าะ!
เธอดีนิ้วตัวจากนั้นก็มีสายฟ้าสายหนึ่งพุ่งจากมือของเธอไปหาเอล
เปรี้ยง!! ตูม!!!
เสียงสายฟ้าพุ่งมาแต่มันกับเกิดระเบิดขึ้นระหว่างทางในระยะที่ห่างกับเอลพอสมควร
ผู้หญิงคนนั้นหน้าเริ่มถอดสี เธอถือดาบของเธอมาในระบบหน้าอกในลักษณะของการแทง จากนั้นก็ตั้งท่าอยู่เพื่อเตรียมที่จะพุ่งเข้าใสเอล
เอลเมื่อเห็นก็ไม่มีท่าทีอะไรมาก แสงสีขาวที่กำไลปรากฏขึ้นมาครั้ง จากนั้นน้ำในอากาศก็รวมขึ้นในลักษณะลูกบอลลูกเล็กๆก่อนที่จะใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากนั้นน้ำในมือของเอลก็ค่อยๆเปลี่ยนรูปร่างจากลูกบอลก็ยืดยาวออกมาก่อนที่จะหยุดลงในรูปร่างที่เหมือนดาบ จากนั้นน้ำก็ค่อยๆจับตัวเป็นน้ำแข็ง เมื่อน้ำแข็งจับตัวกันหมด
เพล้ง!
น้ำแข็งสวนหนึ่งแตกออกมาเป็นเศษเล็กๆและก็ปรากฏดาบในมือน้ำแข็งที่สวยงาม 1 เล่มที่มือของเอล
“เห้ย! ดูนั้นดิ หล่อนใช้เวทมนต์น้ำแข็งได้ด้วยหว่ะ”
“นั้นมันเวทย์ขึ้นสูงเลยนี้ แล้วทำไปหล่อนถึงใช้มันได้หละ”
“แล้วอุปกรณ์เวทย์นั้นก็ยังไม่ผ่านการจูนด้วยนะ”
แสงคนรอบข้างที่ดูอย่างตื้นเต้น และสงเสียงดังออกมาตื้นเต้น
เธอที่อยู่ตรงหน้าของเอล ถึงกับตกใจที่เอลแสดงเวทย์น้ำแข็งออกมา แต่เธอก็ยังไม่ยอมหยุดเธอกับพุ่งตัวเข้าใส่เอลด้วยความเร็วสูง เรเปียร์ของเธอมีกระแสไฟฟ้าจางๆอยู่ที่ตัวดาบ หมายที่จะโจมตีเอล
เอลก็ไม่ได้มีท่าทีตื้นตระหนก เขาใช้มีอข้างสีที่มีแสงสีเขียวและสีแดงผสมกันอยู่จากๆลูปไปที่ดาบครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ดาบน้ำแข็งในมือตั้งรับการโจมตีของเธอได้อย่างไม่ยากเย็น
เธอคนนั้นเมื่อเห็นเอลสามารถตั้งรับการโจมตีของเธอได้ก็โหมโจมตีเข้าใส่เอลอย่างรวดเร็ว แต่เอลก็สามารถตั้งรับการโจมตีของเธอได้ทุกดาบ
จนกระทั้ง เธอเสียจังหวะในการโจมตี ซึ่งเอลก็ไม่ปล่อยให้เสียป่าว เขาใช้วิธีการเก้าเท้าประชิดและใช้มีอีกข้างที่ไม่ได้ถือดาบที่ตอนนี้มีแสงสีเขียวและสีน้ำเงินอยู่ที่มีพร้อมทั้งใช้ฝามือที่ซัดไปที่ท้องของเธอ จนเธอกระเด็นออกไปแล้วไปนอนอยู่บนพื้น
“หวังว่า ดิฉันคงจะมีความสามารถพอนะค่ะ”เอลพูดสั้นๆ
เพล้ง!!
ดาบน้ำแข็งที่อยู่ในมือแตกกระจายออกเป็นเศษเล็กก่อนที่จะหายไปในอากาศ จากนั้นเอลก็เดินจากไป โดยที่มีลิซ่าเดินถือกระเป๋าจามไปติดๆ
จากนั้นเอลก็เดินไปที่ห้อง ผอ.โดยมีลิซ่านำทางให้จนกระทั้ง ถึงจุดหมาย
เมื่อเอลเปิดประตูเข้าไปในห้องก็ปรากฏเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ยินดีตอนรับสู้โรงเรียนมิคคาเทียค่ะ คุณ เอลซ่า เตสเควีย หรือจะให้เรียก เอล ดีละค่ะ”ผู้หญิงที่นั่งเก้าอี้ตัวใหญ่ที่ตอนนี้กำลังหันหลังให้กับเอลพูด
“เรียก เอลซ่า จะดีกว่านะค่ะ”เอลพูด
“ท่าทางคุณจะถูกฝึกมาดีนะค่ะ แถมยังไม่มีอาการหลุดเลยด้วย แถมเมื่อครู่เธอยังแสดงฝีมือการใช้เวทย์ที่ดีเยี่ยมอีกนะ”เธอพูด
ซึ่งตรงนี้เอลก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ จากนั้นเธอก็หมุนเก้าอี้เข้ามาหาเอล ซึ่งภาพที่เห็นคือ เด็กตัวเล็กผมสีทอง ที่ทำทรงผมทวีนเทล หน้าตาหน้ารัก อยู่ในชุดสูรของผู้หญิงที่ดูหรูหราซึ่งเธอก็พูดออกมาว่า”ฉันขอแนะนำตัวเอลก็นะค่ะ ฉัน อานิว อีสที เป็น ผอ.ของโรงเรียนนี้ค่ะ และอย่างที่เห็น ดิฉันร่างกายของฉัน เป็นผลมากจากฝึกเวทย์มนต์ก่อนวัย ทำให้ร่างกายของฉันหยุดเติบโตตั้งแต่ 10 ปี”จากนั้นเธอก็นิ่งเงียบสักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะพูดต่อ
“ฉันก็ไม่มีอะไรมาก ก็แค่อยากจะเจอเธอเท่านั้นเอง และหลังจากนี้เธอก็ตามสบายนะค่ะ และขอบอกอะไรไว้อย่างหนึ่งนะค่ะ เรื่องที่คุณเป็นผู้ชายมีแค่ ฉัน คนรับใช้ที่อยู่ข้างเธอ เฟทีส อาจารย์แผนกอุปกรณ์เวทย์ และก็ ไลล่า อาจารย์ห้องพยาบาลเท่านั้นที่รู้นะค่ะ ซึ่งตารางเรียนของเธอฉันส่งไปให้ที่ห้องพักแล้วค่ะ และสามารถเริ่มเรียนในวันพรุ่งนี้ได้เลย”
เอลเมื่อฟังอานิวพูดจบ ก็โค้งหนึ่งครั้งเป็นการเคารพ และเดินออกไปจากห้องทันที และเมื่อเอลเดินออกไปจากห้องและ ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น เธอมีเส้นผมสีแดงสดที่ผูกเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง และเธอสวมชุดกาวอยู่
“เขาคนนั้นเป็นอย่างไรบ้างค่ะ เฟทีส”อานิวพูด
“ถ้าเป็นเรื่องการใช้เวทย์ละก็บอกเลยค่ะ ว่าสุดยอด สำหรับนักเรียนทั่วไป แค่เห็นหล่อนใช้เวทย์น้ำแข็งก็ถือว่าสุดยอดแล้ว แต่ในสายตาของระดับ อาจารย์ทั่วไปเธอสุดยอดยิ่งกว่า การใช้เวทย์น้ำแข็งที่เป็นเวทย์ขั้นสูงได้ ต้องใช้เวทย์น้ำเป็นแก่นหลัก แล้วใช้เวทย์ไฟที่มีระดับพลังอยู่ที่ประมาณ 8-10% ของพลังของเวทย์น้ำที่ใช้ออกมา ถึงจะสามารถสร้างน้ำแข็งได้ ไม่เช่นนั้น ถ้าใช้พลังของเวทย์ไฟน้อยความนั้นจะทำให้ไม่เกิดอะไรขึ้นและเวทย์ไฟจะสลายไป แต่ถ้าใช้พลังมากกว่านั้น เวทย์น้ำจะทำทำลายเวทย์ไฟจนหมดและทำให้พลังของเวทย์น้ำลดลงด้วย แต่การที่หล่อนสร้างดาบน้ำแข็งนั้นมัน หล่อนใช้เวทย์ลมนำอากาศรอบๆมาเพื่อรวบสวมน้ำออกมาจากอากาศ จากนั้นใช้เวทย์ดินเพื่อควบคุมรูปร่างให้เป็นดาบถึงค่อยใช้เวทย์ไฟทำให้เป็นน้ำแข็ง จากตอนที่จะรับการโจมตี หล่อนใช้เวทย์ลมผสานไฟ เพื่อเพิ่มของแข็งของตา และทำให้ดาบนั้นคมยิ่งขึ้น”เฟทิสพูด
“นั้นยังแค่เวทมนต์ของเธอ แต่เพลงอาวุธของเธอก็ยอดเยี่ยมเหมือนกัน”อานิวพูด
พวกเธอทั้ง 2 คนมองหน้ากันแล้วมองออกไปที่นอกหน้าต่าง
“ไม่น่าเชื่อเลยนะค่ะ จะใช้เวทย์ที่สะเอียดขนาดนั้นโดยอุปกรณ์เวทย์ที่ยังไม่ได้ทำการจูน”เฟทิสพูด
“ถ้าทาง โรงเรียนนี้คงจะมีอะไรสนุกขึ้นมากเลยละค่ะ”อานิวพูด
เอลหลังจากที่กลับจากพูดคุยกับ ผอ.แล้ว ลิซ่าก็นำทางเอลมายังที่พัก ซึ่งห้องของเอลนั้นถือว่ากว้าพอสมควร ห้องพักของโรงเรียนนี้จะอยู่ด้วยกัน 2 คน ซึ่งเอลก็อยู่กับลิซ่า
ห้องที่เอลอยู่นั่นมีสีพนังสีขาว เพดานมีโคมไฟระย้าที่ส่องแสงสว่าง ซึ่งในห้องก็ของเอลก็จะมีเตียง 2 เตียง เตียงหนึ่งเป็นเตียงไม้ธรรมดาที่หาได้ทั่วไป อีกเตียงเป็นเตียงสีขาวที่ดูหรูหรา ที่เตียงมาม่าน 2 ผืนที่ถูกผูกเอาไว้อย่างเรียบร้อยที่หัวเตียง
นอกจากนั้นยังมีโต๊ะเครื่องแป้งที่มีเครื่องสำอางวางอยู่เต็มไปหมด และมีโต๊ะเขียนหนังสือ 2 ตัวที่วางอยู่คนละมุมห้อง และในห้องยังมีห้องน้ำในตัวอีกด้วย
“ในที่สุดก็ถึงสักที”เอลพูด
“เหนื่อยหน่อยนะค่ะ แต่ว่าคุณหนูจะอาบน้ำสักหน่อยไปละค่ะ”ลิซ่าพูด
“ก็ดีนะ”เอลตอบ
เวลาผ่านไปสักพักก็มีเสียงประหลาดดังขึ้นมาที่ห้องของเอล
“อืม! อ๊ะ!!! นิ...นี้ ยะ...อย่าทำอะไร แปะ...แปะ...แปลกๆสิ”เสียงของเอลที่ตอนนี้ฟังแทบจะไม่เป็นศัพท์
“คุณหนูก็อยู่นิ่งๆก่อนสิค่ะ”ลิซ่าพูดด้วยน้ำเสียงเฉยๆและจากนั้นเธอก็ลำพึงขึ่นมา”รู้สึกว่าจะต้อง จับให้มั้น กดลง และก็ค่อยๆดันขึ้น อ๊ะ หลุดแล้ว”จากนั้นก็มีก้อนสีขาวนวลที่มีรูปร่างเป็นทรงครึ่งวงกลม 2 อันอยู่ที่มือของลิซ่า
“กว่าจะเอาหน้าอกออกมาได้ ความรู้สึกแปลกๆนี้ ทำใจให้ชินไม่ได้เสียจริง”เอลอดบ่นออกมาไม่ได้
“งั้นคุณหนูก็ไปอาบน้ำเถอะค่ะ เดียวระหว่างนั้น ฉันจะไปหาอะไรมาให้คุณหนูทานนะค่ะ”ลิซ่าพูดจากนั้นเธอก็เดินออกจากห้องไป
ความคิดเห็น