คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 เจ้าตัวยุ่ง
บทที่ 1 เจ้าตัวยุ่ง
ลูกรัก พ่อกับแม่ขอโทษจริง ๆ พ่อกับแม่มีธุระด่วนที่กรีโม อาจไปนานเป็นเดือน หรือมากว่านั้น ระหว่างนี้ขอให้ลูกไปอยู่กับป้าซีเรีย อย่าทำตัวดื้อ ให้ป้าเค้าปวดหัว ...แล้วพ่อจะโทรหา
รักลูกที่สุด
พ่อกับแม่
เด็กหนุ่มในเรือนผมสีดำอันยุ่งเหยิง ในดวงหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร กำลังคิ้วขมวดอ่านจดหมายจากผู้เป็นพ่อและแม่อันบังเกิดเกล้า ก่อนจะฉีกจดหมายที่เขียนด้วยลายมือเร่งรีบนั่น แล้วขยี้ขยำเป็นก้อนปาทิ้งออกไปนอกคันรถที่กำลังแล่นผ่านแนวป่าสนสีเขียว
เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาล เรือนผมสีดำ ที่สุดแสนจะยุ่งเหยิง และเป็นเจ้าของเปลวเพลิงย่อม ๆ สีแดง ซึ่งเป็นปานหรืออะไรนี่แหละ ที่สถิตอยู่ที่หลังมือขวาของเขามายาวนาน
เด็กหนุ่มเบือนหน้าไปที่กองหนังสือข้าง ๆ ตัว ที่กำลังโอนเอน ไปพร้อม ๆ กับรถที่แล่นอยู่บนทางที่แสนจะขรุขระ เขาเบนหน้ากับมาอย่างไม่เข้าใจ ..ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไม่กองหนังสือจึงโอนเอน แต่เด็กหนุ่มไม่เข้าใจที่ว่า ทำไมคนเป็นพ่อและแม่จึงชอบทิ้งให้ลูก ที่บอกว่ารักนักรักหนา ให้ไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ได้อยู่ร่ำไป
"น่าเบื่อที่สุด! ทำไมพ่อกับแม่ทิ้งฉันแบบนี้บ่อยจังล่ะลุง เดี๋ยวฉันก็ทิ้งพวกท่านมั่งหรอก" เด็กหนุ่มฉายแววตาวาววับพลางกอดอกแน่นด้วยความไม่เข้าใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องไปที่คนเป็นลุง ซึ่งกำลังบังคับพวงมาลัยรถอยู่ด้านหน้า
"
แกไม่ได้โดนทิ้งสักหน่อยคาโมกับแอมม่าเค้ามีธุระสำคัญจริง ๆ ถึงอย่างไรฉันก็ยังอยู่กับแกที่นี่นะวิง
อย่ามาพล่ามสร้างอารมณ์เสียมารยาทให้ฉันเห็น! แกโตแล้วนะไม่ใช่เด็ก ๆ" คนเป็นลุงนามเคย์ ไอลิซกิ้นปลาม พลางหันสายตามาจากท้องถนนเบื้องหน้า เพื่อสบตาผู้เป็นหลาน
ดวงหน้าชราผมสีเผือก นัยน์ตาสีฟ้ากับเคราหนวดสีขาวและศีรษะล้านมันวาวเล็กน้อย ของคนเป็นลุง เป็นใบหน้าที่คนเป็นหลานจอมนิสัยเสียรู้สึกเกรงกลัว หากพอเห็นสีหน้าแบบนี้ที่ไรผู้เป็นหลานมักจะเชื่อฟังคำสั่งของคนเป็นลุงเสมอ มักจะไม่กล้าต่อปากต่อคำด้วย
"แกบอกว่าแก่ถูกทอดทิ้งใช่ไหมล่ะเจ้าหลานตัวแสบ ความจริงแกก็โตมากเเล้วนี่นา ถ้าฉันจะให้แกไปอยู่กับคุณซีเรีย โดยที่ไม่มีฉันเพื่อเป็นการดัดนิสัย แล้วทีนี้แกจะได้โดนทอดทิ้งอย่างแท้จริงไงล่ะ" เคย์คนเป็นลุงหันกลับไปมองถนนอย่างเดิม เขาส่งมาเพียงเสียงธรรมดา ที่มีผลต่อคนเป็นหลานมหาศาล จนทำให้เจ้าคนเป็นหลานผู้เข้าใจอะไรยากเลิกกอดอกตัวเอง หันมาตาถลนแทน
"ฉันพูดจริง ๆ ไม้ได้ขู่เอาเล่น ๆ สมมุติว่าถ้าคุณซีเรียเป็นคนชอบความรุนแรง แกซวยแน่"
"แต่
แต่ว่า!
โอเคเอางั้นก็ได้ คนอย่างวิง ไอลิซกิ้นเคยกลัวอะไรซ่ะที่ไหนกันล่ะ" คนเป็นหลานวางกล้ามขึ้นมาทันควัน
เรื่องเซ็งยังไม่ทันหายความซวยก็เข้ามาแทรกซ่ะอีก คนเราก็งี้แหละ ชอบตะแบงในใจ
"เออ ลุงแล้วยัยป้าซีเรียอะไรนั่น จะดุไหมล่ะ" เจ้าคนเป็นหลานถามอย่างสงสัย เจ้าตัวลืมไปสนิทเรื่องที่ตัวเองวางกล้ามว่าเคยกลัวอะไรซ่ะที่ไหนกันล่ะ จบคำพูด เขารีบเอามืออุดปากตัวเองทันที
"ทำเป็นเก็กนะ
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นมันเป็นชะตาของแก ถ้าป้าซีเรียใจดีก็ถือว่าเป็นบุญ แต่ถ้าป้าอะไรนั่นใจร้ายแกก็โชคร้ายไป
" คนเป็นลุงพูดเหมือนจะไม่ใยดีผู้เป็นหลานเลยสักนิด แต่ลึก ๆ ก็รักนั่นแหละ แต่อยู่ที่การแสดงออกไม่แจ่มชัดเท่านั้นเอง
คนเป็นหลานได้แต่ภาวนาขอให้ยัยป้าซีเรียเป็นคนใจทารุณนิดเดียวพอ เขากลัวมากว่าจะกลายเป็นคนใจดีน้อยแล้วชอบกลั่นแกล้งกัน แม้เขาจะโตพอที่จะเรียกได้ว่าเด็กหนุ่ม ทว่าในใจเบื้องลึกก็เป็นเด็กขาดความอุ่นคนหนึ่ง.. ภายใต้จิตใจดวงในนั้น แฝงไปด้วยปมนิสัยความกลัวมากมาย อันเรียงรายเป็นแถว ๆ เริ่มตั้งแต่ กลัวพ่อมดหมอผีปีศาจซาตาน กลัวสัตว์เลื้อยคลาน และอีกหลาย ๆ ความกลัวที่ไร้เหตุผล
วิงเอียงสมองและสายตาจากเรื่องเครียด ๆ ไปนอกรถที่กำลังแล่นไปเรื่อย ๆ เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมู่แมกไม้นานาพันธุ์ข้างหนึ่ง สวนอีกข้างก็เป็นหน้าผา ซึ่งพื้นที่ข้างล่างเป็นลำธารใส ๆ ที่ทอประกายแสบตากับแสงแดดอ่อน ๆ เบื้องหน้าไกลลิบเป็นที่ตั้งตระหง่านของภูเขาสูงสีขาวโพน บริเวณปลายยอดของมันมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่
อยู่ ๆ เจ้าคนจอมน้อยใจ ก็เกิดคิดบางเรื่องขึ้นมาได้ เขารีบเอ่ยปาก
"อือ... ลุงแล้วมาอยู่ที่นี่ มีโรงเรียนหรือเปล่า ฉันจะต้องเรียนไหมเนี้ย ตั้งแต่เกิดก็ยังไม่เคยเข้าโรงเรียนกับเค้าเสียที มัวแต่เร่ร่อนไปอยู่กับคนอื่น" ผู้เป็นหลานหันมาถาม ทันทีที่ความคิดอันบรรเจิดแทรกเข้ามาในหัวสมอง
"มีแน่นอนที่สำคัญต้องเรียนเพราะแม่แกสั่งมา จะเอาโรงเรียนไหนล่ะ โรงเรียนนักเวทเมจิกเชี่ยน โรงเรียนนักรบ โรงเรียนสอนทำอาวุธ โรงเรียนสัตว์เทพชีวะศาสตร์ โรงเรียนแมกไม้ปฎิชีวะนะ หรือจะเอาโรงเรียนนักสำรวจดีล่ะ" เคย์ คนเป็นลุงเสนอพลางบอกไม้โบกมือประกอบ แม้ว่าสายตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่ถนน
"คิดหนักนะเนี่ย" เจ้าคนขี้น้อยใจนิด ๆ เลิกคิ้ว
วิงเพ่งพินิจคิดทวนไปมาอยู่พักใหญ่
โรงเรียนนักเวท น่าเบื่อมากต้องท่องจำคาถาไม่รู้กี่พันบท แถมยังมีการสอบที่ยากสุด ๆ จนแทบกระอักเลือด
ถ้าเป็นโรงเรียนนักรบไม่ไหวแน่ คงไม่ได้ตายดี สงสัยจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า ๆ การเรียนก็ทารุณสุดแสนจะบรรยาย เดือน ๆ นึงต้องเข้าการประลองชิงคะแนน ซึ่งมันก็เสี่ยงชีวิตและป่าเถื่อนอยู่มาก
โรงเรียนสอนทำอาวุธ ก็งั้น ๆ เบื่อจะตาย วัน ๆ ก็เอาแต่ตีดาบ ตีหอก ปลุกเสกคทา แล้วก็ต้องทำน้ำยาเคลือบที่แสนจะซับซ้อนยุ่งยากน่าเซ็ง
โรงเรียนสัตว์เทพชีวะศาสตร์ โรงเรียนนี้น่าสนใจดี แต่ไม่เอาดีกว่า สงสัยจะได้แผลเป็นกลับมาแน่นอน หรือไม่ก็เสียโฉมเพราะโดนเจ้าดากูลพ่นไฟใส่ ฉะนั้นตัดโรงเรียนนี้ทิ้งไปเลย
เพราะฉะนั้นก็จะเหลืออีกสองโรงเรียนคือโรงเรียนแมกไม้ปฎิชีวะนะกับโรงเรียนนักสำรวจ เจ้าโรงเรียนแมกไม้นี่ตัดออกไปได้เลย โรงเรียนนี้ก็ไม่ผิดกับโรงเรียนนักเวทสักเท่าไร ต้องจำพืชชนิดต่าง ๆ สมุนไพร สรรพคุณทางตัวยา จะเรียกอีกอย่างก็โรงเรียนแพทย์นั่นแหละ ยากจาตาย
และสุดท้ายโรงเรียนนักสำรวจ ค่อนข้างจะสมบุกสมบันหน่อย ต้องออกค้นหาสิ่งต่าง ๆ เต็มไปด้วยอันตรายทั้งนั้น แต่จะว่าไปโรงเรียนนี้ก็ไม่ได้เคร่งตำราเรียนสักเท่าไร ได้เที่ยวอีกต่างหาก โรงเรียนนี้แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว
"โอเคลุง โรงเรียนนักสำรวจนี่แหละดีที่สุด" วิงตอบทันทีที่ตัดสินใจ เขาพูดอย่างภาคภูมิใจในความคิดอันบรรเจิดที่จะหาทางเอาตัวรอดจากวิชาที่ต้องท่องจำแล้วก็แสนจะโหดร้ายอย่างพวกนักรบ
"โอ๊ะ ๆ
ฉันลืมไปหลานรัก ที่นี่เค้ารวบเอาทุกโรงเรียนและทุกสายวิชามาอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน แถมนักเรียนยังจะต้องเรียนทุกหลักสูตร จะต้องเรียนแบบหัวปั่นแน่แกเอ้ย" เคย์หันขวับมาแก้ไข พลางตลกในสีหน้าของผู้เป็นหลานที่แทบจะเบี้ยวเป็นถนนคดเคี้ยวที่รถกำลังแล่นอยู่ด้วยซ้ำ
"ฮึ่ย!
อะไรนะลุงต้องเรียนทุกวิชาทุกหลักสูตร ก็หมายความว่า ต้องเรียนนักเวท นักรบ นักทำอาวุธ เรียนสัตว์เทพ เรียนแมกไม้ด้วยล่ะซิ อย่างงี้ตัวได้เป็นเกลียวหัวได้เป็นน็อตแน่" เจ้าคนเป็นหลานอุทาน เจ้าตัวแทบนั่งไม่ติดที่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอีกครั้ง
"วิง... ก็นี่มันเป็นเวรกรรมของแกนี่นา ฉันเป็นลุงยังช่วยไรไม่ได้เลย" เคย์หัวเราะชอบใจ พลางปลอบหวน ๆ
"ถ้าเป็นอย่างงี้
ขอยื่นคำเกือบขาดเลยว่า
ลุงล้อหล่อนะวันนี้ ขอไม่เรียนได้ไหม" วิงปะเหราะคนเป็นลุง อย่างรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปตามที่ต้องการแน่ เจ้าตัวแทบหน้าซีดไปถนัดตา
"ฝันไปเถอะ! แกต้องเรียน" คนเป็นลุงส่ายหัวปฏิเสธ
"แล้วจะเรียนเพื่ออะไร เรียนไปทำไมกัน ในเมื่อทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ก็แทบจะพอเลี้ยงคนได้ทั้งเมืองอยู่แล้ว มันมีมากจนไม่เห็นต้องดิ้นลนทำงานสักนิด
ไม่เห็นจำเป็นต้องเรียนเลย"
"ทรัพย์สมบัติ หาใช่จะอยู่กับเราไปตลอด แต่สิ่งที่ติดอยู่กับตัวเรากับความรู้สึกกับสมองเราน่ะ มันอยู่กับเราตลอดไป แล้วก็ยังสูงค่ากว่าอัญมณีก้อนไหน ๆ เพราะไม่มีใครจะแย่งเอามันจากเราไปได้
สิ่งนี้ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ" คนเป็นลุงสอน แม้สายตาจะอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า
"โถ่ลุง ฉันรู้น่า แต่อย่างฉันไหวพริบรอบตัวอย่างนี้ ไม่ต้องเรียนก็อาจจะเก่งกว่าคนที่เรียนบางคนด้วยซ้ำ ปรกติฉันก็อ่านเอาในหนังสือแล้วนี่นา" คนเป็นหลานเอานิ้วเคาะหัวตัวเอง
"ความจริงข้อที่แกว่าก็ใช่ แต่อีกจุดประสงค์นึงของการเรียนครั้งนี้ก็คือ
"
คนเป็นลุงค่อย ๆ หรี่เสียงลง พลางหันหน้ามาและดับเครื่องรถ... "
มันเป็นการเข้าไปเพื่อ ขโมยความลับบางประการของคน ๆ หนึ่ง กับสิ่ง ๆ หนึ่ง ที่พ่อแกฝากให้แกช่วยหน่อย"
"ไม่เอาหรอกฉันไม่เล่นด้วย อย่ามาล้อเล่นเลยลุง" วิงสั่นศีรษะหัวเราะ
"แหม่ ฉลาดน่ะเนี่ย รู้ว่าฉันหรอกแก" เคย์ยิ้มแหย ๆ
"ก็นึกอยู่แล้ว ระดับไหนนี้นะ" วิงยกยอตัวเอง ความจริงแล้วในใจของเขานั้นเชื่อคำพูดของคนเป็นลุงไปเกือบกึ่งหนึ่ง คนเป็นหลานรู้สึกว่าโดนหักเหลี่ยมในใจ แม้คนเป็นลุงจะไม่รู้ก็ตาม
"โอเคลุง จบมุขแล้วเดินทางต่อเถอะ" วิงตัดบท
"แหงอยู่แล้วแหละ ฉันไม่จอดรถอยู่ที่นี่ทั้งวันหรอก" เคย์ค่อย ๆ แล่นรถต่อ
"อย่างไงฉันก็ต้องเรียนอยู่ดี แล้วโรงเรียนอยู่ที่นี่ไหนล่ะ" เจ้าตัวเริ่มยอมรับชะตากรรม
"เมืองลอยฟ้าอาเซมพลัส หรือไม่ก็เมืองภูผาเซ็นโนเลีย หรือไม่ก็มหาเกาะแห่งเอเรสโซโร่ หรือไม่ก็เมืองบาดาลกอซีเวอร์เตอร์เวิล หรือไม่ก็ดินแดนสนธยาซันนาเซส"
"รบกวนลุงช่วย เอาสักที่จะได้มะ" คนเป็นหลานตาขวาง
"อ้าว
ก็ที่จะเข้าไปเรียนในแต่ละที่น่ะ มันแล้วแต่คะแนนสอบของแก... รวมไปถึงวาสนาด้วย"
[][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][]
ขอโทษที่ไม่ได้อัพเสียนาน กลับมาคราวนี้ เอาฉบับใหม่มาลงเสียเลย ขอให้แฟนพันธุ์แท้ทั้งหลาย จงลบแนวเรื่องเก่าของเดอะวิงไปให้หมด นี่คือ เรื่อง ปีกแห่งจินตนาการ กับ ตำราปริศนา ปฐมบทใหม่แห่งจินตนาการ
ขอร้องว่าอย่าเอาแนวเรื่องเก่ามาเปรียบเทียบ
ด้วยความสัตย์
BluEyes
ความคิดเห็น