ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The wing of imagine : ปีกแห่งจินตนาการ

    ลำดับตอนที่ #1 : บทที่ 1 เจ้าตัวยุ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 23 ส.ค. 49


    บทที่ 1 เจ้าตัวยุ่ง

                 

                  ลูกรัก พ่อกับแม่ขอโทษจริง ๆ พ่อกับแม่มีธุระด่วนที่กรีโม อาจไปนานเป็นเดือน หรือมากว่านั้น ระหว่างนี้ขอให้ลูกไปอยู่กับป้าซีเรีย อย่าทำตัวดื้อ ให้ป้าเค้าปวดหัว ...แล้วพ่อจะโทรหา

    รักลูกที่สุด

    พ่อกับแม่

         
         
       
          เ
    ด็กหนุ่มในเรือนผมสีดำอันยุ่งเหยิง ในดวงหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไร กำลังคิ้วขมวดอ่านจดหมายจากผู้เป็นพ่อและแม่อันบังเกิดเกล้า ก่อนจะฉีกจดหมายที่เขียนด้วยลายมือเร่งรีบนั่น แล้วขยี้ขยำเป็นก้อนปาทิ้งออกไปนอกคันรถที่กำลังแล่นผ่านแนวป่าสนสีเขียว
     
             เด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาล เรือนผมสีดำ ที่สุดแสนจะยุ่งเหยิง  และเป็นเจ้าของเปลวเพลิงย่อม ๆ สีแดง ซึ่งเป็นปานหรืออะไรนี่แหละ ที่สถิตอยู่ที่หลังมือขวาของเขามายาวนาน

            เด็กหนุ่มเบือนหน้าไปที่กองหนังสือข้าง ๆ ตัว ที่กำลังโอนเอน ไปพร้อม ๆ กับรถที่แล่นอยู่บนทางที่แสนจะขรุขระ เขาเบนหน้ากับมาอย่างไม่เข้าใจ ..ไม่ใช่ว่าเขาไม่เข้าใจว่าทำไม่กองหนังสือจึงโอนเอน แต่เด็กหนุ่มไม่เข้าใจที่ว่า ทำไมคนเป็นพ่อและแม่จึงชอบทิ้งให้ลูก ที่บอกว่ารักนักรักหนา ให้ไปอยู่กับใครก็ไม่รู้ ได้อยู่ร่ำไป

    "น่าเบื่อที่สุด!… ทำไมพ่อกับแม่ทิ้งฉันแบบนี้บ่อยจังล่ะลุง เดี๋ยวฉันก็ทิ้งพวกท่านมั่งหรอก" เด็กหนุ่มฉายแววตาวาววับพลางกอดอกแน่นด้วยความไม่เข้าใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลจับจ้องไปที่คนเป็นลุง ซึ่งกำลังบังคับพวงมาลัยรถอยู่ด้านหน้า

               
              "แกไม่ได้โดนทิ้งสักหน่อยคาโมกับแอมม่าเค้ามีธุระสำคัญจริง ๆ ถึงอย่างไรฉันก็ยังอยู่กับแกที่นี่นะวิง อย่ามาพล่ามสร้างอารมณ์เสียมารยาทให้ฉันเห็น! แกโตแล้วนะไม่ใช่เด็ก ๆ" คนเป็นลุงนามเคย์ ไอลิซกิ้นปลาม พลางหันสายตามาจากท้องถนนเบื้องหน้า เพื่อสบตาผู้เป็นหลาน


                ดวงหน้าชราผมสีเผือก นัยน์ตาสีฟ้ากับเคราหนวดสีขาวและศีรษะล้านมันวาวเล็กน้อย ของคนเป็นลุง เป็นใบหน้าที่คนเป็นหลานจอมนิสัยเสียรู้สึกเกรงกลัว หากพอเห็นสีหน้าแบบนี้ที่ไรผู้เป็นหลานมักจะเชื่อฟังคำสั่งของคนเป็นลุงเสมอ มักจะไม่กล้าต่อปากต่อคำด้วย

    "แกบอกว่าแก่ถูกทอดทิ้งใช่ไหมล่ะเจ้าหลานตัวแสบ ความจริงแกก็โตมากเเล้วนี่นา ถ้าฉันจะให้แกไปอยู่กับคุณซีเรีย โดยที่ไม่มีฉันเพื่อเป็นการดัดนิสัย แล้วทีนี้แกจะได้โดนทอดทิ้งอย่างแท้จริงไงล่ะ" เคย์คนเป็นลุงหันกลับไปมองถนนอย่างเดิม เขาส่งมาเพียงเสียงธรรมดา ที่มีผลต่อคนเป็นหลานมหาศาล จนทำให้เจ้าคนเป็นหลานผู้เข้าใจอะไรยากเลิกกอดอกตัวเอง หันมาตาถลนแทน


             "
    ฉันพูดจริง ๆ ไม้ได้ขู่เอาเล่น ๆ สมมุติว่าถ้าคุณซีเรียเป็นคนชอบความรุนแรง แกซวยแน่"

             
             "แต่แต่ว่า!
    โอเคเอางั้นก็ได้ คนอย่างวิง ไอลิซกิ้นเคยกลัวอะไรซ่ะที่ไหนกันล่ะ" คนเป็นหลานวางกล้ามขึ้นมาทันควัน

               
    เรื่องเซ็งยังไม่ทันหายความซวยก็เข้ามาแทรกซ่ะอีก คนเราก็งี้แหละ ชอบตะแบงในใจ
     

              "เออลุงแล้วยัยป้าซีเรียอะไรนั่น จะดุไหมล่ะ" เจ้าคนเป็นหลานถามอย่างสงสัย เจ้าตัวลืมไปสนิทเรื่องที่ตัวเองวางกล้ามว่าเคยกลัวอะไรซ่ะที่ไหนกันล่ะ จบคำพูด เขารีบเอามืออุดปากตัวเองทันที

               
              "ทำเป็นเก็กนะฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน นั่นมันเป็นชะตาของแก ถ้าป้าซีเรียใจดีก็ถือว่าเป็นบุญ แต่ถ้าป้าอะไรนั่นใจร้ายแกก็โชคร้ายไป" คนเป็นลุงพูดเหมือนจะไม่ใยดีผู้เป็นหลานเลยสักนิด แต่ลึก ๆ ก็รักนั่นแหละ แต่อยู่ที่การแสดงออกไม่แจ่มชัดเท่านั้นเอง

               
                คนเป็นหลานได้แต่ภาวนาขอให้ยัยป้าซีเรียเป็นคนใจทารุณนิดเดียวพอ เขากลัวมากว่าจะกลายเป็นคนใจดีน้อยแล้วชอบกลั่นแกล้งกัน แม้เขาจะโตพอที่จะเรียกได้ว่าเด็กหนุ่ม ทว่าในใจเบื้องลึกก็เป็นเด็กขาดความอุ่นคนหนึ่ง.. ภายใต้จิตใจดวงในนั้น แฝงไปด้วยปมนิสัยความกลัวมากมาย อันเรียงรายเป็นแถว ๆ เริ่มตั้งแต่ กลัวพ่อมดหมอผีปีศาจซาตาน กลัวสัตว์เลื้อยคลาน และอีกหลาย ๆ ความกลัวที่ไร้เหตุผล

               
                วิงเอียงสมองและสายตาจากเรื่องเครียด ๆ ไปนอกรถที่กำลังแล่นไปเรื่อย ๆ เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมู่แมกไม้นานาพันธุ์ข้างหนึ่ง สวนอีกข้างก็เป็นหน้าผา ซึ่งพื้นที่ข้างล่างเป็นลำธารใส ๆ ที่ทอประกายแสบตากับแสงแดดอ่อน ๆ  เบื้องหน้าไกลลิบเป็นที่ตั้งตระหง่านของภูเขาสูงสีขาวโพน บริเวณปลายยอดของมันมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่


               อยู่ ๆ เจ้าคนจอมน้อยใจ ก็เกิดคิดบางเรื่องขึ้นมาได้ เขารีบเอ่ยปาก


              "
    อือ... ลุงแล้วมาอยู่ที่นี่ มีโรงเรียนหรือเปล่า ฉันจะต้องเรียนไหมเนี้ย ตั้งแต่เกิดก็ยังไม่เคยเข้าโรงเรียนกับเค้าเสียที มัวแต่เร่ร่อนไปอยู่กับคนอื่น" ผู้เป็นหลานหันมาถาม ทันทีที่ความคิดอันบรรเจิดแทรกเข้ามาในหัวสมอง


             "
    มีแน่นอนที่สำคัญต้องเรียนเพราะแม่แกสั่งมา จะเอาโรงเรียนไหนล่ะ โรงเรียนนักเวทเมจิกเชี่ยน โรงเรียนนักรบ โรงเรียนสอนทำอาวุธ โรงเรียนสัตว์เทพชีวะศาสตร์ โรงเรียนแมกไม้ปฎิชีวะนะ หรือจะเอาโรงเรียนนักสำรวจดีล่ะ" เคย์ คนเป็นลุงเสนอพลางบอกไม้โบกมือประกอบ แม้ว่าสายตาของเขายังจับจ้องอยู่ที่ถนน


             "
    คิดหนักนะเนี่ย" เจ้าคนขี้น้อยใจนิด ๆ เลิกคิ้ว


               วิงเพ่งพินิจคิดทวนไปมาอยู่พักใหญ่ โรงเรียนนักเวท น่าเบื่อมากต้องท่องจำคาถาไม่รู้กี่พันบท แถมยังมีการสอบที่ยากสุด ๆ จนแทบกระอักเลือด


              ถ้าเป็นโรงเรียนนักรบไม่ไหวแน่ คงไม่ได้ตายดี สงสัยจะเอาชีวิตไปทิ้งเสียเปล่า ๆ การเรียนก็ทารุณสุดแสนจะบรรยาย เดือน ๆ นึงต้องเข้าการประลองชิงคะแนน ซึ่งมันก็เสี่ยงชีวิตและป่าเถื่อนอยู่มาก


               โรงเรียนสอนทำอาวุธ ก็งั้น ๆ เบื่อจะตาย วัน ๆ ก็เอาแต่ตีดาบ ตีหอก ปลุกเสกคทา แล้วก็ต้องทำน้ำยาเคลือบที่แสนจะซับซ้อนยุ่งยากน่าเซ็ง


               โรงเรียนสัตว์เทพชีวะศาสตร์ โรงเรียนนี้น่าสนใจดี แต่ไม่เอาดีกว่า สงสัยจะได้แผลเป็นกลับมาแน่นอน หรือไม่ก็เสียโฉมเพราะโดนเจ้าดากูลพ่นไฟใส่ ฉะนั้นตัดโรงเรียนนี้ทิ้งไปเลย


                เพราะฉะนั้นก็จะเหลืออีกสองโรงเรียนคือโรงเรียนแมกไม้ปฎิชีวะนะกับโรงเรียนนักสำรวจ เจ้าโรงเรียนแมกไม้นี่ตัดออกไปได้เลย โรงเรียนนี้ก็ไม่ผิดกับโรงเรียนนักเวทสักเท่าไร ต้องจำพืชชนิดต่าง ๆ สมุนไพร สรรพคุณทางตัวยา จะเรียกอีกอย่างก็โรงเรียนแพทย์นั่นแหละ ยากจาตาย


                และสุดท้ายโรงเรียนนักสำรวจ ค่อนข้างจะสมบุกสมบันหน่อย ต้องออกค้นหาสิ่งต่าง ๆ  เต็มไปด้วยอันตรายทั้งนั้น แต่จะว่าไปโรงเรียนนี้ก็ไม่ได้เคร่งตำราเรียนสักเท่าไร ได้เที่ยวอีกต่างหาก โรงเรียนนี้แหละเหมาะสมที่สุดแล้ว


             "
    โอเคลุง โรงเรียนนักสำรวจนี่แหละดีที่สุด" วิงตอบทันทีที่ตัดสินใจ เขาพูดอย่างภาคภูมิใจในความคิดอันบรรเจิดที่จะหาทางเอาตัวรอดจากวิชาที่ต้องท่องจำแล้วก็แสนจะโหดร้ายอย่างพวกนักรบ


              "
    โอ๊ะ ๆ ฉันลืมไปหลานรัก ที่นี่เค้ารวบเอาทุกโรงเรียนและทุกสายวิชามาอยู่ในโรงเรียนเดียวกัน แถมนักเรียนยังจะต้องเรียนทุกหลักสูตร จะต้องเรียนแบบหัวปั่นแน่แกเอ้ย" เคย์หันขวับมาแก้ไข พลางตลกในสีหน้าของผู้เป็นหลานที่แทบจะเบี้ยวเป็นถนนคดเคี้ยวที่รถกำลังแล่นอยู่ด้วยซ้ำ


              "ฮึ่ย! …อะไรนะลุงต้องเรียนทุกวิชาทุกหลักสูตร ก็หมายความว่า ต้องเรียนนักเวท นักรบ นักทำอาวุธ เรียนสัตว์เทพ เรียนแมกไม้ด้วยล่ะซิ อย่างงี้ตัวได้เป็นเกลียวหัวได้เป็นน็อตแน่"
    เจ้าคนเป็นหลานอุทาน เจ้าตัวแทบนั่งไม่ติดที่ นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิกกว้างอีกครั้ง


             "วิง...
    ก็นี่มันเป็นเวรกรรมของแกนี่นา ฉันเป็นลุงยังช่วยไรไม่ได้เลย" เคย์หัวเราะชอบใจ พลางปลอบหวน ๆ


             "ถ้าเป็นอย่างงี้
    ขอยื่นคำเกือบขาดเลยว่า ลุงล้อหล่อนะวันนี้ ขอไม่เรียนได้ไหม" วิงปะเหราะคนเป็นลุง อย่างรู้ดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปตามที่ต้องการแน่ เจ้าตัวแทบหน้าซีดไปถนัดตา


             "
    ฝันไปเถอะ! แกต้องเรียน" คนเป็นลุงส่ายหัวปฏิเสธ


             "
    แล้วจะเรียนเพื่ออะไร เรียนไปทำไมกัน ในเมื่อทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ก็แทบจะพอเลี้ยงคนได้ทั้งเมืองอยู่แล้ว มันมีมากจนไม่เห็นต้องดิ้นลนทำงานสักนิด ไม่เห็นจำเป็นต้องเรียนเลย"


            "
    ทรัพย์สมบัติ หาใช่จะอยู่กับเราไปตลอด แต่สิ่งที่ติดอยู่กับตัวเรากับความรู้สึกกับสมองเราน่ะ มันอยู่กับเราตลอดไป แล้วก็ยังสูงค่ากว่าอัญมณีก้อนไหน ๆ เพราะไม่มีใครจะแย่งเอามันจากเราไปได้ สิ่งนี้ก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ" คนเป็นลุงสอน แม้สายตาจะอยู่ที่ถนนเบื้องหน้า


            "
    โถ่ลุง ฉันรู้น่า แต่อย่างฉันไหวพริบรอบตัวอย่างนี้ ไม่ต้องเรียนก็อาจจะเก่งกว่าคนที่เรียนบางคนด้วยซ้ำ ปรกติฉันก็อ่านเอาในหนังสือแล้วนี่นา" คนเป็นหลานเอานิ้วเคาะหัวตัวเอง


            "
    ความจริงข้อที่แกว่าก็ใช่ แต่อีกจุดประสงค์นึงของการเรียนครั้งนี้ก็คือ"


               คนเป็นลุงค่อย ๆ หรี่เสียงลง พลางหันหน้ามาและดับเครื่องรถ... "มันเป็นการเข้าไปเพื่อ ขโมยความลับบางประการของคน ๆ หนึ่ง กับสิ่ง ๆ หนึ่ง ที่พ่อแกฝากให้แกช่วยหน่อย"


             "
    ไม่เอาหรอกฉันไม่เล่นด้วย อย่ามาล้อเล่นเลยลุง" วิงสั่นศีรษะหัวเราะ

    "แหม่ ฉลาดน่ะเนี่ย รู้ว่าฉันหรอกแก" เคย์ยิ้มแหย ๆ


             "
    ก็นึกอยู่แล้ว ระดับไหนนี้นะ" วิงยกยอตัวเอง ความจริงแล้วในใจของเขานั้นเชื่อคำพูดของคนเป็นลุงไปเกือบกึ่งหนึ่ง คนเป็นหลานรู้สึกว่าโดนหักเหลี่ยมในใจ แม้คนเป็นลุงจะไม่รู้ก็ตาม


              "
    โอเคลุง จบมุขแล้วเดินทางต่อเถอะ" วิงตัดบท


             "
    แหงอยู่แล้วแหละ ฉันไม่จอดรถอยู่ที่นี่ทั้งวันหรอก" เคย์ค่อย ๆ แล่นรถต่อ


             "
    อย่างไงฉันก็ต้องเรียนอยู่ดี แล้วโรงเรียนอยู่ที่นี่ไหนล่ะ" เจ้าตัวเริ่มยอมรับชะตากรรม


            "
    เมืองลอยฟ้าอาเซมพลัส หรือไม่ก็เมืองภูผาเซ็นโนเลีย หรือไม่ก็มหาเกาะแห่งเอเรสโซโร่ หรือไม่ก็เมืองบาดาลกอซีเวอร์เตอร์เวิล หรือไม่ก็ดินแดนสนธยาซันนาเซส"


            "
    บกวนลุงช่วย เอาสักที่จะได้มะ" คนเป็นหลานตาขวาง


            "
    อ้าวก็ที่จะเข้าไปเรียนในแต่ละที่น่ะ มันแล้วแต่คะแนนสอบของแก... รวมไปถึงวาสนาด้วย"


    [][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][][]
    ขอโทษที่ไม่ได้อัพเสียนาน กลับมาคราวนี้ เอาฉบับใหม่มาลงเสียเลย ขอให้แฟนพันธุ์แท้ทั้งหลาย จงลบแนวเรื่องเก่าของเดอะวิงไปให้หมด นี่คือ เรื่อง ปีกแห่งจินตนาการ กับ ตำราปริศนา ปฐมบทใหม่แห่งจินตนาการ

    ขอร้องว่าอย่าเอาแนวเรื่องเก่ามาเปรียบเทียบ

    ด้วยความสัตย์
    BluEyes

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×