ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    L'Horloge เรื่องเล่าของเข็มนาฬิกา

    ลำดับตอนที่ #6 : บทแทรก : เส้นทางราตรี

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 56




    บทแทรก

    เส้นทางราตรี

     

     

    เล่ากันว่า ในยามที่ขอบฟ้าอับแสง เส้นทางในราตรีจะปรากฏ

     

     

    บนถนนสายเล็ก รายล้อมด้วยทุ่งหญ้าสุดลูกหูลูกตา ละลานด้วยบุปผานานาพันธุ์

     

    “ไม่มีแม่น้ำ” เฮล์มขมวดคิ้ว

    “ถูก ไม่มีแม่น้ำ” น็อคซ์พยักหน้ารับ

    “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่ามี”

    “ใช่ ก่อนหน้านี้มี”

    “ไหนล่ะ?”

    “นั่นสิ ไหนล่ะ?”

    เฮล์มต่อยเข้าที่ชายโครงของน็อคซ์ น็อคซ์ลงไปทรุดกับพื้น แล้วโอดโอยถึงโคตรเหง้าศักราชของเฮล์ม

     

    น็อคซ์อ่านแผนที่ผิด เฮล์มแทบอยากสบถกับเรื่องนี้ ไม่อยากจะเชื่อว่าช่างซ่อมนาฬิกาเดินทางมาคนเดียวได้ยังไงเป็นเดือนๆก่อนที่จะมาพบเขา จริงๆแล้วการอ่านแผนที่ผิดไม่ใช่เรื่องแปลกของคนไม่ชำนาญ แต่ที่แปลกคือวิธีการอ่านผิดของน็อคซ์ต่างหาก

    ในแผนที่มันไม่มีแม่น้ำ เฮล์มมั่นใจว่ามันไม่มีแม่น้ำ เฮล์มดูแล้วมันไม่มีแม่น้ำ แต่น็อคซ์บอกว่าก่อนหน้านี้เห็นแม่น้ำชัดๆ แถมถัดจากแม่น้ำยังเป็นป่าใหญ่กินพื้นที่มากโข ซึ่งนั่นมันผิดจากภาพที่เขาเห็นในตอนนี้ลิบลับ

    พวกเขายืนอยู่ในทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ อาณาเขตของมันทอดยาวออกไปจนสุดสายตาที่เนิน มองยังไงก็ไม่เห็นว่ามีแหล่งน้ำ ต่อให้หันหลังแล้วมองก็เจอแต่ต้นไม้ใหญ่ไม่กี่ต้นจนเรียกว่าป่าไม่ได้ กับเขตพื้นที่ที่แห้งแล้งลงทุกที

    เฮล์มมองไปรอบๆอย่างไม่รู้จะทำยังไงก่อนจะหยุดสายตาลงที่น็อคซ์ ช่างซ่อมนาฬิกามีสีหน้าลำบากใจและอะไรสักอย่างที่เขาบอกไม่ถูก

    รู้สึกผิด?

    นักวาดฝันไล่ความคิดนั้นออกไปจากหัว เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า แล้วสั่งให้น็อคซ์นั่งลงรอเวลา น็อคซ์เลิกคิ้ว มีท่าทีสงสัย ถามเขาว่ารออะไร

    เฮล์มชี้นิ้วขึ้นฟ้า ตอบช่างซ่อมนาฬิกา

    “รอจนกว่าจะมืด”

     

     

     

    ไม่นานนักแสงสุดท้ายของวันก็ลับหายไป

    เฮล์มทิ้งตัวลงนอนบนพื้น ในขณะที่น็อคซ์ยังนั่งข้างๆอย่างไม่เข้าใจ

    “ตกลงเรารออะไรกัน?” ช่างซ่อมนาฬิการ้องถาม

    เฮล์มเหลือบมองด้วยหางตา “รอเส้นทาง”

    “เส้นทาง?” คิ้วของน็อคซ์เลิกขึ้นสูง

    “หรือเจ้าไม่เคยได้ยิน?” เฮล์มผุดลุกขึ้นมาบ้าง “เรื่องของเส้นทางราตรี

    ช่างซ่อมนาฬิกาส่ายหน้า

    เฮล์มถอนหายใจ

    “เจ้าเห็นนั่นไหม?” เขาชี้ขึ้นไปบนฟ้า บนดวงดาวที่กำลังแข่งกันทอแสง

    “เห็น” ช่างซ่อมนาฬิกาว่า

    “แล้วเจ้าเห็นเส้นทางของมันไหม?”

    น็อคซ์ขมวดคิ้วแล้วส่ายหน้า

    “ดูให้ดี” เฮล์มกระซิบ “เจ้าต้องดูให้ดี”

    “ข้าเห็นแต่ดาว” น็อคซ์ขมวดคิ้วก่อนจะเสริม “กระจัดกระจายสิ้นดีเลยด้วย”

     “แปลก...” เฮล์มชักสีหน้าประหลาดใจ “เจ้ามองเห็นแม่น้ำในแผนที่โล่งๆได้แต่ทำไมถึงไม่เห็นเส้นทางราตรี”

    คู่สนทนาชักสีหน้าใส่แล้วไม่ตอบอะไรกลับมาอีก

     

    เฮล์มรู้สึกอยากหัวเราะขึ้นมาดังๆ

     

    เส้นทางราตรี เขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาจากหมู่บ้านของเขาเมื่อครั้นยังเด็ก

    -หากหลงทาง จงมองหาเส้นทางราตรี- คำกล่าวนี้ถูกบอกต่อๆกันมาจากนักเดินทางหลายคนที่ผ่านมาที่หมู่บ้าน การมองหาเส้นทางราตรีนั้นไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงแค่รอ รอจนกว่าท้องฟ้าจะมืดสนิท รอจนกว่าดวงดาวจะปรากฏ เมื่อนั้นเส้นทางราตรีก็จะฉายชัด

    มีอีกเรื่องเล่าหนึ่งของเส้นทางราตรี มันเป็นโศกนาฏกรรมของชายหนุ่มและหญิงผู้เป็นที่รัก กล่าวกันว่าชายหนุ่มผู้นั้นออกเดินทางตามหาดวงดาว ทิ้งให้ภรรยาของเขาต้องอยู่ตัวคนเดียวพร้อมกับคำสัญญาว่าจะกลับมาเมื่อเขาได้มันมาอยู่ในมือ

    นางรอ รอแล้ว รอเล่า

    หนึ่งวัน สองวัน สามวัน หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน ครึ่งปี สองปี สิบปี สามสิบปี

    เขาไม่เคยกลับมา

    ดังนั้นนางจึงตัดสินใจออกเดินทางตามหาชายผู้ให้คำสัญญา

    นางเดินทางตามเส้นทางที่ดวงดาวบอก นางเดินทางตามรอยของชายผู้เป็นที่รัก แต่ด้วยเพราะนางไม่เคยออกเดินทางไปไหนไกลๆเพียงคนเดียวมาก่อนจึงลำบากนัก ในหนึ่งเดือนแรกนางยังทนได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป นางก็ล้มป่วย

    นางหิว

    นางหลงทาง

    และนางกำลังจะตาย

    ในวินาทีนั้น ดวงดาวเจิดจรัสที่นางเดินทางตามมันมาก็ดับแสงและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้าลงมาตรงหน้านาง น้ำตาของนางค่อยๆไหลออกมา นางรู้ดี รู้ดีว่าทันทีที่ดาวดวงนั้นอับแสง ชายคนรักของนางก็จะตายตกตามไปเช่นกัน

    น้ำตาของนางหยดลงบนผืนดิน เสียงร่ำไห้ของนางคร่ำครวญถึงชายคนรักที่ดับสูญ

    นางอ้อนวอนต่อดวงดาวที่ดับแสง

    ขอให้นางได้พบกับเขาอีกครั้งหนึ่ง

     

    หลังจากนั้น เรื่องราวของดวงดาวที่สุกสว่างยิ่งกว่าใครก็จบลง ผู้คนเริ่มเล่าขานถึงเรื่องราวของเส้นทางที่หญิงสาวเดินตามทางของชายคนรักในยามราตรี และหยาดน้ำตาของหญิงสาวผู้นั้นกลายเป็นดวงดาวบนท้องฟ้ายามค่ำคืน

    มันงดงาม ไม่ต่างอะไรกับสายธาร

     

     

    “หากเจ้าคิดจะมองหาเส้นทางราตรีก็ไม่ใช่เรื่องยาก” เฮล์มพูด “ดวงดาวมีรูปแบบของมัน และพวกมันไม่เคยเปลี่ยน เหมือนที่หญิงสาวในเรื่องตามหาชายคนรักของนาง ขอเพียงมองให้ออก ก็จะพบกับมัน

    “และหากโชคดี--”

     

    “โชคดีอะไร?” น็อคซ์ร้องถาม อยู่ๆเฮล์มก็หยุดไปเฉยๆ หมอนั่นชอบเป็นแบบนี้ คราวที่แล้วก็เหมือนกัน เล่าอยู่ดีๆก็หยุด แต่ตอนนั้นหนีรูเบนส์อยู่ การเสียสมาธิในการหนีเพื่อมาเล่าก็ดูไม่ใช่เรื่องดี หรือไม่ดี? หรือยังไง? บางทีก็รู้สึกรำคาญเสียงในใจตัวเองชะมัด เหมือนเถียงกับตัวเองคนเดียวที่มีอีกสิบคนได้ น่ารำคาญเป็นบ้า นี่มันไม่ดีเลย ไม่ดีเลยจริงๆ หรือยังไง? ว่าแต่ถึงตรงไหนแล้วนะ?

    “ตกลงว่าโชคดีอะไร? อะไรโชคดี? โชคดีแล้วทำไม?”

    เฮล์มไม่ตอบ แต่หันหน้ามาแล้วยิ้มพร้อมกับชี้ขึ้นไปบนฟ้า

     

    มันเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืน ที่แต่งแต้มไปด้วยหมู่ดาวเป็นสายธาร

     

    -หากโชคดี จะได้เห็นธารดารา หยาดน้ำตาของนาง ผู้ไปตามเส้นทางราตรี-

     

     


     

    “ครั้งหนึ่ง ใต้ผืนฟ้าและธารดารา”

    “ณ ที่นั้น คือเจ้าแห่งกาลและนักวาดฝัน”

     

     


     

     

    ***************************************************************



     

    เย่ะห์ อนันต์ขยัน

    อย่าที่บอกไปในตอนที่แล้ว บทแทรกแบบนี้จะมีอยู่เยอะ บางทีอาจเยอะกว่าบทหลัก เพราะบทหลักอนันต์วางแปลนไว้ อนันต์ใส่พวกนี้เข้าไปไม่ได้ (จริงๆอาจจะใส่ได้แต่อนันต์อาจจะขี้เกียจเองมากกว่า) เพราะงั้นก็ ตามนี้แหละ//วิ้งค์ใส่

    ภาวนาให้อนันต์ขยันต่อไปอีกซักพัก

    อนันต์เอง





     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×