ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    L'Horloge เรื่องเล่าของเข็มนาฬิกา

    ลำดับตอนที่ #5 : บทแทรก : หมื่นพันดารา

    • อัปเดตล่าสุด 8 ส.ค. 56





    บทแทรก

    หมื่นพันดารา

     

     

    เคยมีตำนานเล่าถึงดวงดาวที่ดับสลาย

     

     

    ในค่ำคืนที่พร่างพราวไปด้วยหมู่ดารา โอบล้อมด้วยพรรณพฤกษา กลางดินแดนแห่งแสงตะวัน

     

    “เฮล์ม”

    “?”

    น็อคซ์ทิ้งตัวลงกับผืนหญ้า ชูมือขึ้นไปบนฟ้า พยายามไขว่คว้าดวงดาว

    “ทำไมพวกมันถึงอยู่สูงจัง?” น็อคซ์เปรย “จะมีทางไหนที่ข้าจะคว้ามันได้ไหมนะ?”

    เฮล์มหัวเราะ แล้วเอนตัวลงข้างๆเขา

    “ฝันเฟื่อง” เฮล์มว่า “คิดจะไขว่คว้าสิ่งที่สูงเกินเอื้อม ไม่คิดว่ามันอาจหาญไปหน่อยหรือไง?”

    ช่างซ่อมนาฬิกายิ้ม แต่ยังไม่ลดมือลง

    “จริงอยู่ที่ข้าเป็นเพียงมนุษย์ มนุษย์ตัวจ้อย ไม่มีฤทธิ์เดช ไม่มีแม้กระทั่งอำนาจใดๆ” ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายพราวระยับในขณะที่จ้องสบมา “แต่จริงหรือ? ที่เราไม่สามารถทำอะไรได้เลย”

    เฮล์มเลิกคิ้ว เอ่ยถามว่ามันหมายความว่าอย่างไร

    “ข้าเชื่อว่า” น็อคซ์เริ่ม “หากข้า หากเจ้า หากทุกคนคิดที่จะพยายาม... ข้าเชื่อว่าไม่มีสิ่งใดเป็นไปไม่ได้”

    “กระทั่งจับดวงดาว?”

    “กระทั่งจับดวงดาวเลยล่ะ” น็อคซ์พยักหน้ายืนยัน

    พวกเขาจ้องสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง

     

    แล้วหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน

     

     

    เฮล์มใช้ปลายนิ้วปาดน้ำตา หัวเราะออกมาอีกครั้ง ก่อนจะถามอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “เจ้าคิดที่จะจับดวงดาว เจ้าคิดที่จะชวนคนทั้งโลกมาจับดวงดาว บอกตามตรงนะ...” ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วหัวเราะพรืด “...ข้าคงจะเป็นคนแรกที่ปฏิเสธเจ้า”

    ช่างซ่อมนาฬิกาชักสีหน้าในทันใด “ไหนบอกว่าจะร่วมหัวจมท้ายด้วยกันไงเล่า?”

    “ข้ารับปากแค่นาฬิกาไร้กาล” เขาแย้งพลางเอื้อมมือไปดึงปอยผมของน็อคซ์แรงๆ “ไม่ได้หมายความว่าข้าจะต้องไปไล่จับดาวไร้สาระกับเจ้า”

    น็อคซ์นิ่งเงียบไป ความมืดบดบังสีหน้าของช่างซ่อมนาฬิกาจนมิด เฮล์มเริ่มใจไม่ดี หรือว่าเขาจะพูดอะไรผิดไป?

    “แต่ว่านะ” ชายหนุ่มพูดต่อ น็อคซ์ไม่มีปฏิกิริยาเลยแม้แต่น้อยจนเขาเริ่มร้อนใจ “บางที แค่บางที...”

    เฮล์มแทบกัดลิ้นเมื่อเห็นอีกฝ่ายผินหน้าไปทางอื่น

    “บางทีเจ้าอาจจะทำสำเร็จ” นักวาดฝันหายใจเข้าเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพตัวเองไปเป็นนักเล่านิทาน “ข้าเคยอ่านตำนานบางเรื่อง... อันที่จริงมันน่าจะป็นนิทานมากกว่า”

     

    นิทานของเฮล์มกล่าวถึงดวงดาวที่สุกสว่างยิ่งกว่าใคร

     ครั้งหนึ่งเนิ่นนานมาแล้ว มีนักเดินทางผู้หนึ่งไล่ตามดวงดาวที่งดงามสุกสว่างยิ่งกว่าดวงใด เขาต้องการเก็บมันมาเชยชมไว้แต่เพียงผู้เดียว เขาจึงออกเดินทาง ยามเช้าเขาพักผ่อน เมื่อค่ำคืนมาเยือน เขาก็เริ่มวิ่งไล่ตามดาวดวงนั้น

    นักเดินทางใช้เวลากว่าครึ่งชีวิตในการไล่ตามมัน เขาละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งญาติสนิทมิตรสหาย กระทั่งหญิงสาวคนรักที่รักเขามากกว่าใครก็ยังทิ้งอย่างไม่ใยดีเพื่อไล่ตามความฝันของตน

    หนึ่งวัน สองวัน สามวัน หนึ่งอาทิตย์ หนึ่งเดือน ครึ่งปี สองปี สิบปี สามสิบปี

    เขาได้แต่ไล่ตามอย่างไม่ลดละ

    เมื่อใดที่แหงนหน้ามองฟ้า ดวงตาก็จะค้นหาแต่ดวงดาว

    ไล่ตามปีแล้ว ปีเล่า

    กระทั่งจบชีวิตลง

     

    ในวาระสุดท้าย มือของชายชรานักเดินทางเอื้อมขึ้นไปไขว่คว้าหามัน

    แล้วดวงดาวที่สวยที่สุดในความคิดของเขาก็ตกลงมา

    ทิ้งแสงเงินไว้เป็นสาย ไล่ลงมาจากฟ้าเบื้องบน จรดผืนดิน

    น้ำตาของนักเดินทางกลอกกลิ้งลงมาเป็นสาย พร้อมด้วยรอยยิ้มที่สดใสยิ่งกว่าใคร

    ในที่สุดเจ้าก็ตกลงมา

    ประกายในดวงตาค่อยๆดับวูบ

    หลังจากนี้ ข้าจะได้เจ้ามาครอบครองเสียที

    ดวงตาของนักเดินทางชราค่อยๆปิดลง มือแห้งเหี่ยวที่ไขว่คว้าตกลงข้างตัว

    ชายผู้ไล่ตามความฝันของตน สิ้นใจเมื่อเห็นความฝันของตนตกลงเบื้องหน้า

    สิ่งที่เขาทำมาทุกอย่าง ล้วนแหลกสลายเป็นผุยผง

    ไม่ต่างอะไรจากธุลีดิน

     

    เฮล์มนิ่งเงียบไป สูดหายใจเข้าปอด แล้วเริ่มอธิบายด้วยเสียงตะกุกตะกัก

    “ที่ข้าเล่าเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะต้องการตัดกำลังใจเจ้า” ชายหนุ่มแลบลิ้นเลียริมฝีปากแล้วว่าต่อ “ที่ข้าพูดไปแบบนั้น...เพราะข้าห่วง ห่วงว่าเจ้าจะทำอะไรเกินตัว ทิ้งทุกอย่างเพื่อมัน ถ้าหากเจ้าต้องลงทุนลงแรงไปกับอะไรที่จะทำให้เจ้าต้องตายเหมือนกับนักเดินทางในเรื่อง ข้าคงปล่อยให้เป็นไปแบบนั้นไม่ได้”

    เฮล์มผุดลุกขึ้นนั่ง เงยหน้าขึ้นมองฟ้า เอ่ยออกมาเสียงเบา

    “เพราะอย่างน้อย เจ้าก็เป็นสหายของข้า”

     

    น็อคซ์ยังคงนิ่งเงียบ ไม่ตอบอะไรกลับมา เฮล์มตัดสินใจหันไปถามว่าคิดอย่างไรกับสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่แล้วก็ต้องชะงักก่อนที่ความโกรธจะพุ่งขึ้นสุดตัว

    “น็อคซ์...”

    ชายหนุ่มกัดฟันกรอด

     

    “ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!!

     

     

    “ครั้งหนึ่งเคยมีตำนานเล่าถึงการเดินทางของจ้าวแห่งกาลและนักวาดฝัน”

    “ครั้งพวกเขานอนทอดกายในป่าใหญ่ ใต้ผืนฟ้าและดวงดาว”

    “ครั้งหนึ่งพวกเขาเป็นสหายกัน”

     

     

     



    ***************************************************


     

    นี่เป็นบทที่อนันต์หาทางใส่ลงไปในเรื่องแต่ใส่ไม่ได้ ดังนั้นจึงใส่เป็นบทแทรกแทน ซึ่งจะมีแบบนี้อีกเป็นจำนวนมาก... คือมันไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเนื้อหาหลัก มันจะเกี่ยวกันแบบอ้อมๆ ดังนั้นรายละเอียดเล็กๆน้อยๆจะอยู่ในพวกนี้ทั้งหมด

    หวังว่าอนันต์จะขยันในเร็ววัน




     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×