ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    -Sector U-

    ลำดับตอนที่ #4 : Three : The Feedback

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ค. 56





    Three : The Feedback

     

     

     

    สูทสีเทาเข้มๆ เสื้อกั๊กสีเงิน เสื้อเชิ้ตสีดำ กับเนคไทสีขาวเงินดอนชี้ไล่ตามที่พูดแล้วหันกลับมาตวาด ยืนบื้ออะไรอยู่ ฉันให้เวลา 5 นาทีใส่ให้เสร็จซะเดี๋ยวนี้เลย!!”

    ออสเปรย์พยักหน้ารับแล้วหยิบเสื้อที่แขวนอยู่ใส่ตามที่ดอนบอก

    ส่วนนาย เดรค เหมือนหมอนี่ยกเว้นไทให้เปลี่ยนเป็นสีแดง ไม่เอาแดงเลือดนกนะ โน่น แดงเข้มเส้นนั้นเลยเดรคตะเบ๊ะรับคำแล้วปฏิบัติตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว

    ดอนกวาดตามองทั้งสองคนจนแน่ใจว่าใส่ตามที่เขาระบุเป๊ะๆแล้วจึงเดินไปที่ราวเนคไท พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงหยิบไทเส้นเล็กสีดำขึ้นมาผูก ก่อนจะหันไปมองเจ้าสองคนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าได้เร็วเหลือเชื่อ

    เดรคดอนเรียก

    ครับผม?”

    เดี๋ยวนายแยกไปเอาเจ้าสองตัวนั้นมาก่อนแล้วค่อยตามไปที่รถแล้วกัน ส่วนหมอนี่ฉันจะพาไปเอง

    คนถูกสั่งขมวดคิ้ว แค่ผมกับหมอนี่กับพวกนั้นเหรอครับ? จะไม่โทรตามคนอื่นหน่อยเหรอ?”

    เออ

    แต่บอส... มันไม่...แบบว่า มันไม่น้อยไปหน่อยเหรอครับ? คือคุณก็รู้ว่าเพนตากอนกับเราไม่ค่อย—”

    ฉันบอกว่า เออ’ ”

    เดรคยกมือยอมแพ้ โอเค ไม่เถียงแล้ว ว่าไงก็ว่ากันตามนั้น แล้วของๆเจ้าเหยี่ยวนี่จะ—”

    ยกไปทั้งกระเป๋าเลย ถ้ามาเลือกตอนนี้มันเสียเวลาดอนว่าแล้วหันกลับมาหาออสเปรย์ จำห้องอาวุธเมื่อกี้ได้ไหม? ไปหยิบติดตัวมา สายคาดกับซองปืนสำหรับไหล่อยู่ในตู้

    ออสเปรย์พยักหน้ารับเดินไปรื้อในตู้ที่บอก ค้นจนได้สายคาดและซองปืนขนาดเล็ก เขาดึงตัวล็อคออกแล้วใส่อย่างคล่องแคล่ว สายรัดที่ดอนมีเป็นแบบไขว้กลางหลัง กระชับตัวล็อกซองปืนเข้ารูปได้อย่างน่าแปลก เหมือนออกแบบมาให้เขาโดยเฉพาะ ขนาดใส่สูททับลงไปยังอำพรางได้เนียนจนแทบไม่ผิดสังเกต

    ดอนมองความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้าย เดรคเสร็จแล้ว เรื่องปกติ...ถ้ามัวอืดอาดเหมือนคราวล่าสุดเขาคงจะจับหมอนั่นโยนลงไปในท่อน้ำทิ้ง แต่ออสเปรย์นี่สิ ไม่เลวเลย ขนาดเพิ่งเจอหน้ากันแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็รับคำสั่งเสียยิ่งกว่าหมา ก็ดี ไม่เรื่องมาก ไม่พูดมาก ไม่ถ่วงเวลา ...ให้ตายเหอะ เขารอลูกน้องดีๆแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ววะ?

    เดรค เสร็จแล้วก็ลงไปรับไอ้พวกนั้นมาให้ไว ส่วนนายดอนหันมามองแล้วกระดิกนิ้ว

    มากับฉัน

     
     

     

    - 18 นาทีก่อน -

     

    โครม!

    รัสตี้! อธิบายมาเดี๋ยวนี้ว่ามันเรื่องอะไรไอ้พวกห้าเหลี่ยมนั่นถึงได้ติดต่อมา?” ดอนตวาด ฉันสั่งให้รายงานไปแล้วนี่ว่าไม่มีปัญหาอะไร ทำไมมันถึงยังติดต่อมาอีก ตอบมาเดี๋ยวนี้ไอ้หนูท่อน้ำทิ้ง!”

    ดอนยกขาขึ้นแล้วถีบไปเต็มๆที่เก้าอี้หมุนจนคนที่นั่งอยู่ร้องลั่น

    โอยยย! ขอร้องล่ะดอน ฟังกันก่อนได้ไหม?”

    สามพยางค์ อธิบายมา!”

     ฉันไม่รู้!!” รัสตี้ตะโกน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าพวกห้าเหลี่ยมอะไรนั่นจะติดต่อมาทำไม ติดต่อมาได้ยังไง ติดต่อมาเพราะอะไร เพื่ออะไร ฉันไม่รู้! โอเคไหม? ที่ฉันรู้คือพวกนั้นติดต่อมา แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะหา? จะให้ตอบกลับไปว่า โอเค ได้เลย ว่าไงพวก มีปัญหาอะไรหรือเปล่า? ให้ฉันช่วยไหม? ’ เหรอ?  บ้าไปแล้วดอน ถ้าฉันตอบไปแบบนั้นฉันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

    แล้วฉันต้องทำยังไง? ฉันต้องแจ้งนายถูกไหม? ในเมื่อมีตัวใหญ่เบ้งติดต่อมาหาเขาก็ต้องการนาย ไม่ถูกรึไง? พวกนั้นต้องการนาย ฉันก็ต้องการนาย ดังนั้นฉันเลยติดต่อนาย คิดว่าฉันอยากจะรบกวนเวลาอันมีค่าของนายรึไงดอน? ไม่เลย ฉันไม่อยากเลยแม้แต่นิดเดียว เวลาของนายมีค่าเท่าไหร่ เวลาของฉันก็มีค่ามากกว่านายสิบๆเท่า เวลาที่ฉันเสียไปในการติดต่อนายฉันเอาไปทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ อย่างน้อยๆฉันก็เล่นทวิตเตอร์ได้ไม่น้อยกว่าสามทวิตด้วยซ้ำไป!

    แล้วเป็นยังไง? ฉันยอมเสียสละเวลาของตัวเองเพื่อโทรหานาย เรียกให้นายมาดูว่า เพนตากอนโทรมาหานะสุดท้ายฉันได้อะไรตอบแทน? นายถีบประตูเข้ามา... ใช่! ถีบเลยนะ! นายถีบประตูห้อง ของฉันเข้ามาหน้าตาเฉย นายตะโกนลั่นห้อง นายตวาดใส่ฉัน นายถีบเก้าอี้ฉัน แล้วนายยังบังคับให้ฉันอธิบายภายในสามคำ!! บัดซบเหอะดอน อธิบายบ้าบออะไรมันจะทำได้ภายในสามคำไม่ทราบ?!!”

    ทั้งห้องเงียบกริบ... ไม่เว้นแม้แต่ดอน

     

    ----------

     

    ทันทีที่วางสายเสร็จดอนก็หุนหันออกไปจากห้องโดยไม่ลืมออกคำสั่งเรียกเดรคและออสเปรย์ให้ตามมา ฝีเท้าของดอนเร่งร้อนจนขนาดที่ว่าพวกเขาทั้งสูงกว่าทั้งช่วงก้าวยาวกว่าก็ยังตามไม่ทัน ดอนได้แต่สบถงึมงัมไปตลอดทางจนกระทั่งถึงหน้าประตูบานใหญ่ ดอนไม่หยุดเปิด ...แต่ดอนถีบประตูไปเลย

    แล้วเหตุการณ์ก็เหมือนอย่างที่กล่าวไปข้างต้น...

    ห้องกว้างๆ เปิดแอร์เย็นๆแต่อีท่าไหนอากาศมันร้อนจนมาคุ จอมอร์นิเตอร์ทั่วห้องยังทำงานเสียงดังหึ่งๆ มันเป็นห้องบัญชาการไม่ผิดแน่ แต่นั่นไม่ได้เกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้เท่าไหร่

    ตอนนี้เดรคยืนเงียบไม่คิดจะสอดปากเข้าไปแบบทุกที

    ตอนนี้เขายืนเงียบ บอกตามตรงว่าอ่านสถานการณ์ไม่ออก ที่สำคัญ...

    ดอนเงียบ...อย่างที่น่าสะพรึงกลัวเป็นที่สุด

     

     

    เหมือนรัสตี้จะเริ่มรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป เหงื่อเย็นๆลามเลียทั่วแผ่นหลัง พอคิดจะขยับก็ขนลุกเกรียวจนไม่คิดจะขยับต่อ จะลุกหนีก็ไม่ได้ จะเปลี่ยนเรื่องเบี่ยงประเด็นยิ่งไม่ได้ใหญ่... พลาดไปแล้ว...พลาดไปถนัดเลย ชิบหายแล้วไง...

    รัสตี้ดอนพูด

    ทั้งห้องสะดุ้งเฮือก เหมือนอุณหภูมิจะลดลงกระทันหัน...

    ตกลงเพนตากอนว่ายังไงมั่ง?” คนถามเอียงคอน้อยๆ คิ้วขมวดมุ่น ครุ่นคิดถึงประเด็นสนทนาอย่างจริงจัง

    “...เอ้อ ก็... ประมาณว่าเรียกให้นายไปเจอน่ะนะรัสตี้ขยับแว่นแล้วยิ้มแหยๆ เฮ้ย...แจ็กพ็อตแตกเว้ยยย ดอนไม่โกรธ?! จริงอ่ะ? จริงเหรอ? จริงดิ?!! ไม่น่าเชื่อ เซอร์ไพรส์สุดยอด!

    กี่โมง?”

    เห็นว่าจะส่งเครื่องบินมารับนะ... แต่นายต้องไปให้ถึง J.F.K.* ใน...” ชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมามอง กลืนน้ำลาย แล้วตอบ “ 1 ชั่วโมง 16 นาที...”

    บ้าจริงดอนสบถ ไกลขนาดนั้นเนี่ยนะ...”

    น่าๆ ไม่เป็นไรหรอกมั้งครับบอสเดรคโอ๋ ไหนๆสถานการณ์กำลังดีขึ้นเขาก็ต้องรีบโอ๋พ่อเจ้าประคุณเสียหน่อย เกิดระเบิดตูมตามแถวนี้ขึ้นมาคงลำบากแย่ นี่ไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วนเท่าไหร่ รีบไปน่าจะทันอยู่

    ดอนพยักหน้าแล้วสั่ง งั้นไปเตรียมตัวกันเดี๋ยวนี้เลย รัสตี้สั่งเอารถออก

    เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว

    ดีรอยยิ้มอย่างพึงพอใจทาบทับบนริมฝีปาก งั้นไปกันเลย เดรค ออสเปรย์ ตามมา

    ...งั้นเดี๋ยวฉันไปส่ง!” รัสตี้ผุดลุกจากเก้าอี้กุลีกุจอตามมาอย่างหวังเอาใจ

    ดอนก้าวเท้าออกไปจากห้องแล้วหยุด รัสตี้ ฉันอยากให้นายคอยประสานงานอยู่ในห้องนี้

    หา?...เดี๋ยวสิ ฉันแค่—”

    เพนตากอนมีอะไรแปลกๆดอนขัด ฉันไม่ไว้ใจ นายเจาะเข้าไปได้ไหม? แล้วลองหาไฟล์แปลกๆดูให้ที เรื่องนี้มันมีอะไรไม่ชอบมาพากล

    โอเค ได้เลย ของถนัด รับรองว่านายจะไม่ผิดหวังตะเบ๊ะรับคำพลางฉีกยิ้มกว้าง ดอนสุดยอด รัสตี้สุดยอด วันนี้ไม่โดนด่าทั้งๆที่ใส่ไปหลายดอก รัสตี้โคตรเจ๋งจริงๆ  

    ดอนยิ้มรับ เล่นเอารัสตี้เคลิ้มไปชั่วขณะ แหม...หมอนี่จะยิ้มดีๆก็ยิ้มได้นี่หว่า หน้าตาก็ไม่ได้เลวร้ายแต่เสือกชอบยิ้มร้ายๆมันเลยดูเหมือนตัวร้ายแบบร้ายโคตรๆ พอมายิ้มดีๆแบบนี้มันเลยดูดีขึ้นแบบยกระดับจากดีเป็นโคตรของโคตรดี ให้ตายสิ แบบนี้ค่อยเจริญหูเจริญตาขึ้นมาหน่อย

    ช่ายยย ดอนยิ้มสวยจะตาย

    เออ ดอนยิ้มสวย

    ใช่...

    ชิบหายแล้ว ดอนยิ้ม?!!

    กว่าจะรู้ตัวก็เหมือนจะสายไป...

     
     

    ที่หน้าประตูห้อง ดอนหันกลับมายิ้มทิ้งท้าย พอรวมกับแสงไฟทางเดินด้านหลังที่สาดเข้ามาในห้องมืดๆไอ้โพสิชั่นนั้นเลยยิ่งแลดูศักดิ์สิทธิ์มีออร่าเปล่งประกายวิ้งๆบาดตา รัสตี้ขยี้เปลือกตาแรงๆแล้วเพ่งอีกที คราวนี้เขาแทบอยากกรี้ด...

    ไอ้ท่าทางเทวดาสูงศักดิ์และศักดิ์สิทธิ์เมื่อกี้มันหายวับลับตาเหลือไว้แต่รอยยิ้มจอมมารและสายตาอาฆาตแค้นแสนสาหัสเตรียมเผด็จศึกเพียงอย่างเดียว!

    รัสตี้พุ่งเข้าไป อีกไม่กี่เมตรเขาจะถึงตัวดอน

    ยืนยันรหัส AL-005” รอยยิ้มของบอสใหญ่แสยะกว้าง ล็อคเลย

    ปึง!

     

    ตอนนี้เหลือเวลาแค่...1 ชั่วโมง 14 นาที ไม่เหลือเวลาให้ผลาญเล่นแล้วดอนมองนาฬิกาแล้วก้าวเดินนำ ไม่สนใจเสียงทุบดังลั่นจากห้องที่เพิ่งออกมา ต้องจัดการเรื่องเสื้อผ้าขอพวกนายก่อน ออกไปเจอพวกนั้นแบบนี้ไม่ดีแน่

    เดรคขานรับเสียงอ่อย กลืนน้ำลายฝืดเฝือนลงคอ ก่อนจะเหลือบไปมองกำแพงเหล็กที่เคยเป็นประตูห้องบัญชาการของรัสตี้อีกครั้ง

    ทันทีที่สิ้นคำประกาศรหัสของดอนกำแพงเหล็กกล้าหนาหนักก็ร่วงลงมาจากช่องเพดาน ขวางประตูห้องไว้จนมิด ปิดตายจนออกไม่ได้ จะมีแว่วมาแค่เสียงทุบประตูกับเสียงตะโกนด่าทอมาเบาๆทางช่องระบายอากาศ เหยี่ยวตาสีเขียวได้แต่กระพริบตาปริบๆ ทำอะไรไม่ถูก เขามารู้จากเดรคในภายหลังว่าการล็อคครั้งนี้ของดอนไม่ได้ร้ายแรงอย่างที่เห็น เพราะรหัสที่ดอนสั่งไปไม่ใช่รหัสฉุกเฉิน เดรคว่าดอนปรานีมากแล้ว เพราะถ้าล็อคกันจริงๆจังๆแบบของจริงเลยมีหวังหมอนั่นจะขาดอากาศหายใจตายไปก่อน... แต่ถึงจะปรานี แต่ล็อคนี่ก็จะเปิดต่อเมื่อดอนสั่งเท่านั้น ดังนั้นรัสตี้คงต้องภาวนาให้ดอนหายโกรธอย่างไวแล้วกลับจากเพนตากอนให้ทันก่อนมันจะอดตาย

        ออสเปรย์อ้าปากเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่แล้วก็หุบไป เขาประสานสายตากับเดรค อีกฝ่ายพยักหน้าน้อยๆเป็นนัยแล้วทั้งคู่ก็พร้อมใจกันเดินตามดอนอย่างไม่ปริ ปากบ่น

    รัสตี้คาดผิด... ดอนโกรธสุดๆ

    โกรธจนนิ่ง นิ่งจนเฉย

    โกรธจนยิ้มออกมา

    นับจากนั้นออสเปรย์ปฏิญาณกับตัวเองแล้วว่าจะไม่เชื่อใจรอยยิ้มของดอนเด็ดขาด

    ต่อให้ตายก็จะต้องไม่ทำให้ดอนยิ้มเด็ดขาด

    จริงๆนะ อย่ายิ้มเลย...

     
     

     

    -ปัจจุบัน-

     

    หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าตามคำสั่งของดอน เขาถูกพาไปยังห้องอาวุธอีกครั้งพร้อมคำสั่งให้หยิบติดตัวมาเท่าที่จะเก็บมิดชิดได้ เขาเลือกหยิบ Beretta Tomcat .32 ACP * สีเงินสองกระบอกเสียบเข้าซองที่บ่า ใส่แมกกาซีนบรรจุลูกพร้อมอย่างละสองเข้าที่กระเป๋าเสื้อด้านในเป็นอันเสร็จสรรพ

    ดอนพยักหน้าเมื่อเห็นเขาพร้อมแล้วเดินนำออกจากห้อง ดอนหันมากำชับให้เขาเดินตามให้ไวและอย่าหลง ไม่งั้นจะไม่ตามเก็บ ก่อนจะเดินลิ่วๆไม่แคร์ใครอย่างรวดเร็ว

    ทางที่ดอนนำมาพาไปหยุดอยู่ที่ห้องทรงกลม ประตูสุญญากาศปิดล็อคตามหลังอย่างแน่นหนา ใจกลางห้องเป็นปล่องแก้วขนาดใหญ่สูงจรดเพดานพร้อมแผงควบคุมข้างๆ ดอนเดินเข้าไปหามัน นาบฝ่ามือลงไป แล้วประตูเหล็กกล้าก็เปิดออก

     

    มันเป็นลิฟท์ตัวหนึ่ง

     

    ในทีแรกเขาดูไม่ออกว่ามันเป็นลิฟท์เพราะมันไม่มีพื้นลิฟท์ผนังลิฟท์และตัว ลิฟท์ แต่พอดอนดึงแขนเขาแล้วลากเข้าไปก็ต้องแปลกใจกับองค์กรที่ชื่อว่า Sector U อีกครั้ง

    อันที่จริงที่บอกว่าไม่มีทั้งลิฟท์ผนังลิฟท์และตัวลิฟท์ที่ว่านั่นมันผิดทั้งหมด เพราะผนังลิฟท์คือปล่องแก้ว พื้นลิฟท์คือแผ่นกระจกใสจนเขาไม่ทันสังเกต น่ากลัวว่าเหยียบไปมันจะแตกเพล้ง แต่ดอนที่ลากเขาเข้ามายืนอยู่ด้วยกันนี่แล้วก็คงพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า (ตอนนี้) มันปลอดภัย

    ไม่ตกไปตายหรอกน่าดอนมองหน้าเขาแล้วยิ้มเยาะ เห็นอย่างนี้แต่ไอ้นี่เป็นถึงกระจกโลหะ* รับรองได้ว่าไม่ร้าวเพราะโดนหมีงี่เง่าปาหินใส่แบบที่เนเธอร์แลนด์หรอก*”

    ดวงตาสีดำไหวระริกน้อยๆเมื่อเห็นเหยี่ยวตัวใหม่ดูจะหายใจทั่วท้องก่อนจะเอื้อม มือไปที่ผนังแก้ว ปรากฏเป็นภาพโฮโลแกรมของตัวเลขชั้นจำนวนมากพร้อมคำอธิบายด้านหลังให้ออสเปรย์จ้องอีกรอบ ดอนแตะนิ้วลงไปที่ชั้น P* แล้วหันมากำชับ

    จำไว้ ช่วงนี้นายเพิ่งจะมาอยู่ที่นี่ใหม่ๆ ฉันยังไม่อนุญาตให้นายออกไปไหนมาไหนคนเดียว ถ้าจะออกไปข้างนอกต้องมีคนไปด้วย แต่ถ้าในนี้ฉันยอมให้เดินเล่มตามสบายยกเว้นแล็บของฉันกับห้องฮาวนด์

    ออสเปรย์พยักหน้า นิ่งไปนิดหน่อย ขมวดคิ้วแล้วถาม

    ฮาวนด์นี่ใครกันครับ?” เขาได้ยินชื่อนี้บ่อยมาก ในตอนที่ยังบาดเจ็บอยู่ถึงจะสติจะเลือนลางแค่ไหนแต่ก็ยังได้ยินชื่อของคนๆ นี้ในหลายๆครั้งด้วยกัน

    สมาชิกคนนึง ตอนนี้ไม่อยู่ดวงตาสีดำสนิทมองลิฟท์ที่เคลื่อนตัวสูงขึ้นในความมืดอย่างรวดเร็วแล้วหันมายิ้ม

    อีกไม่นานก็ได้เจอ

     

     

     

    เดรคมาถึงหลังจากนั้น 3 นาที

    ชักช้าดอนชักสีหน้าเขม้นมองอย่างหงุดหงิด

    โห่...อะไรกันเดรคร้อง พยายามควบคุมลมหายใจให้เป็นปกติ กว่าผมจะลงไปหาเจ้าพวกนี้ กว่าจะล่ามมันได้แต่ละตัว กว่าจะวกขึ้นมาอีกรอบ... เห็นใจหน่อยเหอะบอส นะ นะ นะ

    เจ้าพวกนี้ที่เดรคพูดถึงคือสุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนสองตัว

    ในมือของเดรคมีสายลากจูงสีแดงสองเส้นล็อคไว้กับปลอกคอสีดำของโดเบอร์แมนสองตัว ขนาดโตเต็มวัย สูงจากพื้นถึงไปหู 2 ฟุต 9 นิ้ว ที่พอเห็นดอนปุ๊บก็กระชากตัวเองออกจากสายลากจูงในมือเดรคปั๊บ เจ้าสองตัวนั้นวิ่งเข้าไปคลอเคลียพันแข้งพันขาดอนได้อย่างน่าหมั่นไส้เป็น ที่สุด

    เดรคกัดฟันกรอด ไอ้หมาเวร... ทีตอนเขาลงไปลากมันมานี่แทบเป็นแทบตาย สั่งอะไรก็ไม่ฟัง กว่าจะปล้ำจับใส่สายลากจูงได้เขาหวิดต้องเสียแขนให้เขี้ยวในปากมันไปหลายรอบ ขนาดพาขึ้นลิฟท์มาก็ยังขู่แง่งๆยื้อยุดสายจูงไม่ยอมนิ่ง พอมาเจอดอนงี้ทำตัวเรียบร้อยน่ารักเข้าไปเลียแข้งเลียขาเลียหน้าเลียมือเจ้า นายเสียยกใหญ่ ไอ้หมาเวรตะไลนิสัยไม่ดีสองมาตราฐานเอ๊ย!

    ดอนตบหัวเจ้าสองตัวนั่นสองสามทีก่อนจะเดินนำไปหยุดลงที่หน้ารถคันหนึ่งในหลายสิบคัน

    มันคือ BMW 6 Series Gran Coupe สี Metallic Havanna *

     

    ออสเปรย์อ้าปากแล้วหุบ ทำท่าเหมือนจะพูดอะไรซักอย่างแต่สุดท้ายก็หันไปมองดอนด้วยสายตาทึ่งๆแทน

    "ชอบรึไง?" ดอนถาม

    ออสเปรย์พยักหน้า ขมวดคิ้ว แล้วส่ายหน้า "แปลกใจมากกว่าครับ..."

    จะไม่ให้แปลกใจได้ยังไงไหว... เขาคิดพลางกวาดสายตามองไปรอบๆ โอเค...เซ็คเตอร์ยูไม่ใช่องค์กรกระจอก อันนี้เขาเข้าใจแจ่มแจ้งดีอยู่แล้ว แต่สภาพรอบตัวเขาตอนนี้มันดูไม่เข้าเค้ากับคำว่า 'องค์กรอิสระ' เสียเท่าไหร่...

    'สภาพรอบตัว' ที่ออสเปรย์พูดถึงนั้นมันดูปกติมากหากอยูในโชว์รูม...

    ก็ใครมันจะไปคิดกันล่ะว่าชั้นจอดรถของเซ็คเตอร์ยูจะมีรถจอดเรียงรายอยู่ไม่ต่ำกว่ายี่สิบคัน!!

     

    ทันทีที่ออกมาจากลิฟท์แก้วก็ปะทะเข้ากับรถยุโรปแทบทุกยี่ห้อเรียงเป็นตับอย่างสวยงาม มองไปทางซ้ายเห็น BMW Z4* มองไปทางขวาเจอ Lamborghini gallardo nera* มองตรงไปเจอ Jaguar xj ultimate* หันหลังกลับก็ต้องปะทะเข้ากับ Maybach 62*

     

    ออสเปรย์เริ่มไม่เข้าใจ... อันที่จริงไม่เข้าใจมาได้ซักพักแล้วว่าตกลงองค์กรนี้มันอะไรกันแน่...

     

    ดอนตบมือสองครั้งดึงสายตาให้หันไปมอง

    "เลิกพิรีพิไรได้แล้ว เดรค พาเจ้าสองตัวนั้นขึ้นรถ ส่วนนาย" ดวงตาสีดำตวัดมามองแล้วออกคำสั่ง "ไปนั่งข้างคนขับ"

    "อ้าว แล้วผมล่ะ?" เดรคร้อง หมาสองตัวต้องยัดเบาะหลัง อันนี้เขาเข้าใจ เจ้าเหยี่ยวนั่งหน้า อันนี้เขาไม่พอใจแต่ก็เข้าใจ ประเด็นคือ แล้วเขาล่ะ?

    ดอนชักสีหน้าเหมือนจะรำคาญ

    "Just sit" แล้วยิ้ม "with DOG"

     

     

    ดอนขับรถได้น่าหวาดเสียวสิ้นดี

    เท้าของดอนเหยียบแต่คันเร่ง เบรคแทบจะไม่ถูกแตะ นานๆทีถึงจะแตะเบรคที ไม่ก็ผ่อนคันเร่งที แต่แนวโน้มว่าจะเหยียบคันเร่งหนักๆมีมากกว่าอย่างแน่นอน

    ออสเปรย์เอนหลังชิดเบาะ หวังว่าเข็มขัดนิรภัยจะทำหน้าที่ของมันอย่างสมราคา

     

    ทันทีที่ทุกคนและหมาสองตัวก้าวขึ้นรถจนครบ เสียงครืดคราดก็ดังขึ้นมาจากใต้ท้องรถ ยังไม่ทันที่เขาจะยื่นหน้าออกไปหาต้นเสียงรถทั้งคันก็ลอยขึ้นเสียก่อน

    แต่จะใช้คำว่าลอยก็ไม่ถูกนัก ในเมื่อมันถูกพื้นยกตัวขึ้น

    พื้นที่เคยเป็นวัสดุสีเทาราบเรียบกำลังยกตัวขึ้นอย่างช้าๆ คล้ายกับกลไลตู้ในห้องเก็บอาวุธ มันถูกยกสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกัน บนเพดานที่ควรจะทึบแสงนั้นเลื่อนเปิด เกิดเป็นช่องขนาดเท่าๆกับพื้นที่กำลังยกรถขึ้นจนลอดผ่านไปได้

    ออสเปรย์นิ่งเงียบ นึกอยากจะตั้งคำถาม แต่พอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามันเปล่าประโยชน์ ขนาดรักษาเขาให้หายภายใน 1 อาทิตย์ได้กับอีแค่พื้นยกขึ้น เพดานเปิดได้ มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเท่าไหร่เลย

    พื้นเลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆจนหยุดเมื่อระดับของมันเสมอกับพื้นของลานจอดรถที่เขามารู้เอาหลังจากที่รถวิ่งออกไปแล้วว่ามันคือลานจอดรถใต้ดินของโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว The James New York*

    ออสเปรย์มองภาพนั้นย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา องค์กรลับใต้ดิน องค์กรอิสระที่มีเทคโนโลยีระดับสูงซ่อนตัวอยู่ใต้ลานจอดรถใต้ดินของโรงแรมในนิวยอร์ก!

    เขาหันไปมองดอนแล้วถามเรื่องของโรงแรม

    แต่คำตอบที่ได้กลับมามีแค่รอยยิ้มเสียงหัวเราะในลำคอ

     

    "ต้องเร็วขนาดนี้เลยเหรอบอส?..." เดรคถามเสียงอึกอักก่อนจะหันไปรั้งสายจูงเจ้าโดเบอร์แมนสองตัวไม่ให้ถลาไปหาเจ้าของ

    "อย่าถามอะไรที่แสดงความโง่ได้ไหมเดรค?" ดอนย้อน ปรายตาสบที่กระจกมองหลังอย่างเยียบเย็น "หัดอยู่เงียบๆแบบออสเปรย์ซัก 5 นาทีคงไม่ตายหรอกมั้ง

    เดรคนั่งนิ่ง ปิดปากสนิทตามคำสั่ง

    ดอนขับรถต่อไป หลังจากปาดหน้าฟอร์ดไปสองคันก็ถาม นายเอาของให้ออสเปรย์หรือยัง?”

    ออสเปรย์เลิกคิ้ว หันไปมองดอน แล้วกลับไปมองเดรค

    เดรคยังนั่งนิ่ง หมาสองตัวก็ยังนิ่งไปด้วย

    ดอนกระทืบเบรค เกิดเสียงเอี้ยดและรอยล้อบนถนน ไอ้งั่งเดรค ตอบ!” แล้วเปลี่ยนไปเหยียบคันเร่งแซงออร์ดี้คันหน้า

    ยังครับ...” เดรคตอบเสียงอ่อย

    เกจความเร็วของรถดูจะสูงขึ้นตามอารมณ์ของดอน

    โอเค เดี๋ยวนี้เลย ออสเปรย์ หันมานี่หน่อยเดรครั้งสายจูงไว้อย่างทุลักทุเลพลางยัดกระป๋าสีดำใบใหญ่ใส่มือเขา

    ออสเปรย์วางมันไว้บนตัก มองหน้าเดรค แล้วเลื่อนสลักเปิดออก

    ข้างในกระเป๋าบุด้วยวัสดุกันกระแทกเจาะเป็นช่องๆ ด้านบนของกระเป๋าเป็นส่วนของสมาร์ทโฟนเรียงรายหลายยี่ห้อ ด้านล่างเป็นนาฬิกาข้อมือสี่เรือน เข็มติดเนคไท และอุปกรณ์แปลกๆที่พอจะเดาได้ว่าเป็นเครื่องสื่อสาร

    ออสเปรย์หันไปมองหน้าดอน เขาค่อนข้างคิดว่าตัวเองเข้าใจถูก แต่ยังไงก็ต้องถามอยู่ดี...

    เลือกซะดอนพยักเพยิด มือถือจะเอากี่เครื่องก็ได้ แต่ต้องมีเครื่องนึงสำหรับติดต่อโดยเฉพาะ เปิดเครื่องตลอดเวลา ห้ามปิด นอกนั้นจะเอาไปทำอะไรก็ตามใจ นาฬิกานั่นก็เลือกเอา ในนั้นมีเครื่องติดตามตัวอยู่ เผื่อหลง เข็มติดเนคไทนั่นก็ติดซะ ดูไม่ได้เลย ไอ้ดำๆนั่นก็ยัดหูไว้ มันเป็นเครื่องสื่อสาร เห็นตามหนังบ่อยๆใช่ไหมล่ะ?”

    ดอนมองหน้าออสเปรย์ที่กระพริบตาปริบๆแล้วเดาะลิ้นอย่างขัดใจ

    ทำซะ เดี๋ยวนี้เลย

     

    สรุปแล้วเขาเลือกมือถือมาสองเครื่อง หนึ่งคือ iPhone 4S สีขาว และสองคือ Sony Xperia S* สีดำ ด้านนาฬิกาเขาตัดสินใจหยิบ Hugo Boss* ที่ราคาน่าจะถูกที่สุดในสี่เรือนนั้นมาสวมเข้าที่ข้อมือ น่าแปลกตรงที่ขนาดของสายพอดีกับข้อมือเขาจนไม่ต้องปรับอะไรอีก

    ในส่วนของเครื่องสื่อสารที่เห็นแล้วทำให้นึกถึงหน่วยซีล*ใน ดิ อเวนเจอร์ส เดรคอธิบายสรรพคุณของมันแล้วสั่งให้เขายัดไว้ในหู

    แล้วก็นี่เดรคโยนถุงกระดาษใบหนึ่งให้ อาหารเสริมกับยา

    ออสเปรย์เลิกคิ้ว ยา?”

    ยาดอนพยักหน้าแล้วเหลือบตามามอง ถามจริง นี่คิดว่าตัวเองหายแล้วรึไง

    คราวนี้หัวคิ้วออสเปรย์ขมวดลงก่อนจะพยักหน้า โดยส่วนตัวแล้วเขาคิดว่าหายนะ ยอมรับว่าตอนตื่นมามันมีความรู้สึกเจ็บ... เจ็บมากๆ เจ็บสุดๆ ถึงตอนที่ดอนจะให้ทดสอบร่างกายจะไม่มีปัญหาอะไรแต่มันก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่จริงๆ แต่ถ้าให้พูดตามตรง... เขาคิดว่าหายแล้วนะ

    ดอนถอนหายใจ บิดพวงมาลัยแล้วกระทืบคันเร่งผ่านไฟแดงมาได้แบบหวุดหวิด ทีแรกฉันคิดว่าเดรคมันงั่งคนเดียว แต่ตอนนี้ฉันเริ่มคิดว่านายก็เริ่มโง่ตามมันไปแล้วนะออสเปรย์

    ออสเปรย์หันไปมองหน้าเดรคแล้วเงียบ

    มองฉันด้วยสายตาแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง!!” เดรคร้อง ทำท่าจะกระโจนมาบีบคอ

    หุบปากดอนหันไปด่า เอาเป็นว่านายยังไม่หาย ที่เห็นว่าแผลหายเพราะฉันเร่งปฏิกิริยาการรักษาในระดับเซลล์ของนายให้มันรักษาตัวเองเร็วขึ้น แต่มันก็เท่านั้น แผลหายแล้วมันหายเจ็บไหมล่ะ? ยิ่งตอนแรกที่เจอกันสภาพนายแทบไม่ต่างกับหมาข้างถนน

    ดอนเหลือบมอง สังเกตสีหน้า แล้วพูดต่อ จำได้ไหมว่าทีแรกนายมีแผลที่ไหนบ้าง?”

    ออสเปรย์นิ่งคิด ถ้าจำไม่ผิด...ถูกยิงที่ไหล่ขวา ช่วงท้อง แล้วก็ต้นขา กระดูกข้อมือน่าจะหัก แล้วก็ถูกรุมซ้อมนิดหน่อย

    บอสของเขาพยักหน้า เกือบถูกแล้ว ยังเหลืออีกอย่าง

    หัวคิ้วของเขาขมวดมุ่นลง ไม่นะครับ ผมว่าหมดแล้ว

    นายจำทีแรกที่ฉันไปเจอได้ไหม?”

    เจ้าเหยี่ยวตาเขียวนิ่งไปแล้วครางออกมายาวๆ ดอน...คุณเตะผม

    ถูกดอนดีดนิ้วดังเปาะแล้วเอ่ยสำทับ นั่นทำให้ซี่โครงนายหัก อวัยวะภายในของนายบอบช้ำมาตั้งแต่แรก พอรวมกับที่ฉันเตะเข้าไปมันเลยยิ่งหนักนิดหน่อย แถมไอ้ซี่โครงที่หักมันไปทิ่มปอดด้วย นายถึงไอออกมาเป็นเลือดไง คิดดูสิว่าถ้าตอนนั้นฉันช่วยนายไม่ทันป่านนี้คงนอนเป็นซากอยู่ในตรอกนั่นแหละ

    ดอนพูดด้วยสีหน้าภูมิใจเสียเต็มประดาจนเดรคที่ฟังอยู่ไม่อยากจะขัดเลยสักนิดว่าหมอนั่นจะตายก็เพราะคุณนั่นแหละ... ให้ตายเหอะ บอสของเขานี่จะโหดไปไหน แทนที่จะช่วยดีๆดันทำให้หนักกว่าเดิมก่อนแล้วค่อยช่วย เห็นอย่างนี้แล้วดูไม่ออกเลยว่าเจตนาดีนาหรือเปล่า...

    ออสเปรย์ทำหน้าแปลกๆ ดอนที่สังเกตสีหน้านั้นได้ก็หัวเราะ กลับมาที่เรื่องเดิม นายมีแผล เยอะด้วย ถ้ารักษาตามปกติฉันพนันได้เลยว่าไม่รอด ถ้ารอดก็พักฟื้นหลายเดือนกว่าจะใช้งานได้ นั่นมันไร้ประโยชน์สิ้นดี ดังนั้นไอ้ยานั่นถึงได้มีประโยชน์ จะบอกให้ว่าแผลนายมันหายตั้งแต่สองวันแรกที่มาแล้ว

    แล้วทำไม—”

    ทำไมกว่าจะตื่นถึงใช้เวลาเป็นอาทิตย์ใช่ไหม?” ดอนขัด ลองคิดดูเล่นๆซิว่าถ้าเกิดนายเร่งให้เซลล์ทำงานมากกว่าเดิมเป็นสิบเท่าร้อยเท่ามันจะเกิดอะไรขึ้น?”

    ออสเปรย์คิด แต่ยังคิดไม่ออก

    เอาใหม่ ฉันเข้าใจว่านายโง่พอๆกับเดรค ดังนั้นฟังให้ดีเดรคส่งเสียงโห่มาจากด้านหลัง แต่ดอนที่ไม่ได้สนใจอะไรกับมันก็เคาะนิ้วลงกับพวงมาลัยแล้วอธิบายต่อ สมมติ สมมตินะ สมมติว่านายวิ่งจากนิวยอร์กไปวอร์ชิงตัน แน่นอนว่านายเหนื่อย พอเหนื่อยแล้วจะทำอะไร?”

    พักครับ

    ก็นั่นแหละ เหมือนๆกัน ต่อจากนี้หวังว่าจะคิดเองได้นะ

    ออสเปรย์มองตามนิ้วของดอนแล้วสังเกตเห็นว่าดอนสวมแหวนสีเงินวงหนึ่ง หัวแหวนเป็นอัญมณีสีน้ำเงินขัดเงา มีโลหะสีเงินขดตรงกลางเป็นรูปงูแล้วเชื่อมออกไปเป็นตัวเรือน นิ้วของออสเปรย์ลูบปลายคางอย่างเผลอไผลแล้วตอบ ประมาณว่า คุณเร่งให้เซลล์ทำงานเร็วขึ้น มันเหนื่อย—”

    ร่างกายเหนื่อยดอนแก้

    ร่างกายเหนื่อยเขาแก้ตาม ถอนสายตาออกมาจากแหวนวงนั้น มันสร้างภาระให้กับร่างกายมากไป ดังนั้นถึงแผลจะหายแล้วแต่ตัวผมไม่ได้หายไปด้วยเลยต้องพัก พักด้วยการนอนหลับไปนานๆ ถูกไหมครับ?”

    ดอนยิ้ม ฉลาด

    คุณทำได้ยังไง...?”

    ฉันเก่งดอนตอบ เลิกถามคำถามไร้สาระได้แล้ว กินซะ นั่นข้าวเช้าในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ใช่อาหารเหลวตามสายยางของนาย กินเสร็จแล้วก็กินยาต่อ ไอ้นั่นคล้ายๆวิตามิน มันช่วยทดแทนไอ้ที่เหนื่อยๆไปได้ แล้วก็นะ ลุกเดี๋ยวนี้เลย

    ตัวรถเลี้ยววูบอย่างน่าหวาดเสียวพร้อมเสียงเบรคดังเอี๊ยดยาวๆ รถที่วิ่งด้วยความเร็วไม่ต่ำกว่าร้อยมาตลอดหยุดลงกลางรันเวย์สนามบิน ที่ไม่รู้ว่าดอนขับมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ไม่น่าจะอนุญาตให้รถขับเข้ามาได้

    แต่ดูเหมือนอะไรๆก็เป็นไปได้เมื่อมีคนชื่อดอนเข้าไปเกี่ยวด้วย

    ต่อไปเราจะไปเจอไปพวกเพนตากอนกัน

     

     

    เพนตากอนนี่มันใหญ่สิ้นดี

    ออสเปรย์เงยหน้ามองอาคารเพนตากอนอย่างละเอียด โอกาสจะมาเหยียบที่นี่มันหายาก แล้วโอกาสที่จะเข้ามาถึงข้างในของเพนตากอนนี่มันยากยิ่งกว่า อย่างน้อยๆการยอมเป็นมือเป็นเท้าให้ดอนใช้งานก็ทำให้เขาได้กำไรชีวิตอยู่เหมือนกัน

    ออสเปรย์ดอนหันมาเรียกเขาที่เดินช้าไปหลายช่วงตัว อย่ามัวอืดอาด ฉันยังไม่อยากฟังเสียงบ่นของเจ้าพวกนั้น

    ออสเปรย์ขานรับ เลิกให้ความสนใจกับอาคารแล้วสาวเท้าตามเจ้านายใหม่ไปอย่างรวดเร็ว

     

     

    เขาคิดว่าเขาค่อนข้างยอมรับในตัวดอน ยอมรับในตัวเจ้านายคนปัจจุบันมากพอสมควร

    อย่างน้อยเขาก็คิดว่ายอมรับได้นั่นแหละนะ...

    แต่ดูเหมือนคนที่นี่จะไม่ได้คิดอย่างนั้นเสียเท่าไหร่

     

    สุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนทั้งสองตัว (ถ้าจำไม่ผิดมันชื่อมาร์กี้กับมิค) เดินนำหน้าอย่างกร่างๆไม่สมหมา ดอนเดินเอื่อยๆ เอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์ แล้วปล่อยให้พวกเขาเดินตามหลัง

    เอาเข้าจริงเขาคิดว่ามันก็ไม่ได้แปลกอะไรเท่าไหร่ คนดังในฮอลลีวูดตั้งหลายคนที่ไปไหนก็จะมีหมาคอยเป็นกันชน ดังนั้นถ้าคิดในตรรกะแบบเดียวกันก็ไม่น่าจะแปลก แต่สายตาที่มองมานี่สิ...

    เจ้าหน้าที่ในเพนตากอนที่เดินสวนหรือหยุดคุยบนทางเดินเมื่อเห็นการมาของดอนก็มีแต่คนหลีก ย้ายตัวเองไปยืนข้างๆ ใช้สายตาจับจ้องแล้วหันไปพูดคุยบางอย่างกับเพื่อนร่วมงานโดยไม่ละสายตาไปเลยแม้แต่นิดเดียว

    สายตาของพวกนั้นประหลาดพิลึก ถ้าการมองของเขาไม่ผิดพลาด สิ่งที่เห็นในแววตาของคนพวกนั้นมีทั้งเหยียดหยามกอปรไปกับความหวาดหวั่นและเกรงกลัว

    กลัวอะไร?

    ...ดอน?

     

    ดอนมองนาฬิกาแล้วเร่งฝีเท้าเข้าหาประตูที่อยู่ห่างไปไม่กี่เมตร ทหารสองนายที่ยืนประกบอยู่หน้าห้องกระชับปืนในมือ แต่เมื่อเห็นว่าใครที่เดินเข้ามาหาก็ลนลานตะเบ๊ะมือทำความเคารพให้จนปืนแทบหล่น

    ออสเปรย์มองภาพนั้นด้วยความสงสัย ก่อนสายตาจะเบนไปหาป้ายหน้าห้อง

     

    -Special Session-

    23 September 2012

    with Intelligence , Military , National Security Council and Sector U

     

    กับทหารหรือหน่วยข่าวกรองเขายังพอเข้าใจอยู่ แต่สภาความมั่นคงแห่งชาติ...?

     

    โครม!

    ดอนถีบประตู...อีกแล้ว

    แน่นอนว่าคนอย่างดอนไม่สน ใครในห้องจะมองอะไรก็ช่าง เจ้าตัวไม่สนใจสายตาตำหนิพวกนั้นแล้วเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้หนึ่งในหัวโต๊ะทันที

    พวกนาย เข้ามาดอนเรียก เดรคที่ก่อนหน้านี้ทำท่าทีงี่เง่าเพราะเรื่องตั้งแต่อยู่บนรถเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หมอนั่นเดินนำเขาไปยืนประกบข้างหลังเก้าอี้ของดอนแล้วแผ่รังสีกดดันออกมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ เจ้าโดเบอร์แมนสองตัวที่พามาด้วยลงไปฟุบหมอบที่ด้านหน้า ดอนเอนหลังพิงพนัก ยกขาขึ้นไขว่ห้าง กอดอก แล้วถามเสียงเย็น

    มีอะไรก็ว่ามา

    หนึ่งในสี่ของที่ประชุมที่ใส่ชุดทหารระดับนายพลเอานิ้วเคาะโต๊ะ “ ‘มีอะไรก็ว่ามางั้นเหรอ? มันจะมากไปหน่อยแล้วนะมิสเตอร์แอดเดอร์

    ดอนเลิกคิ้ว

    ท่านนายพลเขาจะสื่อว่านายมาสายน่ะดอนชายผมทองในชุดสูทพูดแล้วหันมายิ้ม ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ได้ยินว่านายสบายดี

    ดี ดีมาก จนกระทั่งเพนตากอนต่อสายตรงมาดอนแค่นเสียง ส่วนเรื่องมาสาย ขอถามหน่อยเถอะว่าไอ้บ้าคนไหนมันเรียกฉันมา

    ทั้งห้องเงียบ จนกระทั่งท่านนายพลคนเดิมตอบ

    ถ้าไอ้บ้าคนที่เธอว่าหมายถึงฉันก็คงจะใช่คนพูดหรี่ตาลง ประกายกรุ่นโกรธเริ่มลุกโชน แล้วเธอจะทำไม?”

    โฮ่ดอนผิวปากหวือ รอยยิ้มร้ายๆผุดขึ้นมาบนริมฝีปาก ไม่ทำไมหรอกครับท่านนายพล อย่างน้อยๆผมก็รู้แล้วว่าคนระดับนายพลบัญชาการรบได้แต่ไม่รู้ว่าระยะทางจากนิวยอร์กมาเวอร์จิเนียมันต้องใช้เวลาเท่าไหร่

    บรรยากาศในห้องมาคุยิ่งกว่าเดิม

     

    เขาไม่รู้ว่าดอนคิดอะไรอยู่ แต่เขามั่นใจได้อย่างหนึ่งว่าท่านนายพลคนนั้นจะต้องมียศหรืออำนาจสูงกว่าดอน และดอนก็ไม่ได้สนใจในจุดนั้นเลยสักนิด...

    เข้าเรื่องกันดีกว่าชายผมทองคนเดิมตบมือเรียกความสนใจจากคนในห้องให้ไปรวมสายตาอยู่ที่ตน เราไม่ได้เรียกนายมาเสียเวลาเปล่าๆหรอกนะดอน เรามีคดี

    ดอนเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิด คดีอะไร? สำคัญมากขนาดเรียกฉันมาถึงนี่เลยรึไง?”

    นายต้องดูเอาเองแฟ้มคดีและเอกสารปึกหนึ่งเลื่อนมาตรงหน้า

    แล้วจะรู้ว่าทำไมนายถึงต้องมา

     

     

    15 นาทีผ่านไป นับตั้งแต่ดอนหยิบแฟ้มมาเปิดอ่าน

    ในตอนที่เปิดหน้าแรกๆดอนยังทำหน้าเบื่อๆ พอผ่านไปได้สักพักคิ้วก็เริ่มขมวด จนถึงตอนนี้สีหน้าของดอนเคร่งเครียดจนพวกเขาไม่กล้าเข้าไปยุ่ง

    ดอนพลิกหน้าย้อนกลับไปสองสามหน้า อ่านทวน แล้วเปิดกลับมาหน้าเก่า ก่อนจะไปรื้อค้นเอกสารในปึกมาดูไปพร้อมๆกันแล้วโยนลงบนโต๊ะ

    ปลายนิ้วของดอนคลึงบริเวณหว่างคิ้วที่ขมวดมุ่น ทิ้งตัวลงพิงพนัก เหยียดขาก่อนจะสลับแล้วไขว่ห้างอีกรอบ วางมือไข้วนิ้วประสานกันบนหน้าตักแล้วหันไปหาชายผมทอง

    สรุปว่าเป็นคดีค้ายาธรรมดา

    ถูก—”

    เธอก็รู้ว่ามันไม่ใช่แค่คดีค้ายาท่านนายพลขัด ตามรายงานที่เธออ่าน ตอนนี้ยาที่ว่ามันระบาดไปเกือบครึ่งประเทศ ถึงจะเป็นวงแคบแต่การกระจายในระดับนี้เธอก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่ามันไม่ธรรมดา

    ท่านนายพลจับจ้องดอนด้วยสายตาเฉียบคมก่อนจะทำทีเป็นยิ้มด้วยท่าทีผิดหวัง

    แต่ถ้าเธอไม่รู้ ก็แปลว่าเธอไม่ได้ฉลาดเท่าที่ฉันคิด

     

    เวร...

    เดรคกับออสเปรย์เหมือนจะเกร็งตัวขึ้นมากระทันหัน หวนนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับรัสตี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองดอนด้วยสายตาหวาดๆ

    ดอนจะอาละวาดอะไรพวกเขาไม่ว่า...ขออย่างเดียวอย่าเป็นที่นี่ก็พอ

    แน่นอนว่าออสเปรย์มั่นใจในฝีมือตัวเอง และแน่นอนอีกเช่นกันที่เดรคมั่นใจกว่า แต่ถ้าให้มาทะเลาะกับคนระดับนายพลแห่งเพนตากอนนี่ออกจะเป็นตลกร้ายเกินไปเสียหน่อย

     

     แต่ในสายตาผมมันก็แค่คดีธรรมดาๆดอนหัวเราะในลำคอ เพราะถ้ามันไม่ธรรมดาจริง คนของท่านและท่านก็ควรจะรู้ตัวตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนตามวันที่ในแฟ้มว่าพลางพลิกแฟ้ม อ่านวันที่ออกมาดังๆแล้วพยักหน้า สบตา แล้วยิ้ม

    หรือบางทีคนของท่านอาจไม่มีน้ำยาพอก็เลยไม่รู้ตัวก็เป็นไปได้

    ท่านนายพลที่จับกระแสเสียงของดอนได้ส่ายหน้าแล้วหัวเราะ

    นิสัยแย่แบบนี้ไม่เปลี่ยน

    ดอนไหวไหล่ ไม่สนใจคำด่า ถ้าว่าตามรายงานนี่อัตราเฉลี่ยของคนที่รู้จักยานี้ก็เป็น 1 ในแสนคน เอาตรงๆแล้วมันน้อยไปหน่อยสำหรับยาเสพติด หรือนายว่ายังไง? อเลสเตอร์

    จริงชายผมทองที่ถูกเรียกว่าอเลสเตอร์พยักหน้า แถมใช้เวลาตั้ง 3 ปียังแพร่ไปได้แค่ครึ่งประเทศ ดูขายไม่ออกและไม่ติดตลาดจนน่าสมเพช ถ้าฉันเป็นคนคิดไอ้ยานี่คงอยากร้องไห้น่าดู

    แล้วเธอคิดว่ายังไง? มิสเตอร์แอดเดอร์ท่านนายพลเคาะนิ้วลงกับโต๊ะ ลองใช้มันสมองที่เธอแสนจะภูมิใจนักหนานั่นวิเคราะห์ออกมาหน่อยซิ

    ดอนชักสีหน้าใส่แต่ก็ยอมพูด ก็แค่การทดลองแล้วโยนแฟ้มลงไปกับโต๊ะ ไม่สนใจใยดีมันอีก

    ทดลอง?” อเลสเตอร์เลิกคิ้ว

    ทดลองดอนย้ำ ยืนขึ้น กวาดเอกสารทั้งหมดทิ้ง แล้วคว้ามาร์คเกอร์มาวงบนแผนที่อเมริกาขนาดใหญ่บนโต๊ะ บริเวณที่มีผู้ติดยาพวกนั้นมักเป็นบริเวณเมืองใหญ่ๆของแต่ละรัฐ นิวยอร์กในรัฐนิวยอร์ก นวร์กในนิวเจอร์ซีย์ ชิคาโกในอิลลินอยส์ ฟิลาเดลเฟียในเพนซิลเวเนีย ลาสเวกัสในเนวาดา ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิสและซานดิเอโกในแคลิฟอเนีย สุดท้าย วอร์ชิงตัน ดีซี

    เมื่อวงสถานที่เสร็จดอนก็จับโยงเส้นพวกนั้นเข้าด้วยกัน มันไม่ได้ปรากฏเป็นรูปร่างอะไรเลยสักนิด เป็นแค่เส้นที่ขีดพาดไปมาสองฝั่งตะวันตกและออกเพียงเท่านั้น

    แพร่ไปทางตะวันออกเหรอ?” อเลสเตอร์ชะโงกหน้าเข้ามาดู

    ผิดดอนมองด้วยสายตาเหยียดหยาม เอาจริงๆมันก็ถูกตรงที่ว่าทางฝั่งตะวันออกมีถึง 3 รัฐ 1 เมืองหลวง แต่มันผิดถ้าลองมองดูที่เมืองโดยตรง ดูนี่ ตรงนี้ ลาสเวกัส ซานฟรานซิสโก ลอสแองเจลิส ซานดิเอโก 4 เมืองเท่ากับทางตะวันออก แต่ 3 ใน 4 นี้อยู่ในรัฐเพียงรัฐเดียวซึ่งก็คือ แคลิฟอเนีย ถ้าจำไม่ผิด 3 รัฐนี้มีประชากรมากติด 10 อันดับของประเทศ ถึงลาสเวกัสจะไม่ติดโผ แต่ถ้าพูดถึงลาสเวกัสก็ต้องพูดถึงคาสิโน จริงรึไม่จริง?”

    จริงอเลสเตอร์ยอมรับแต่แล้วไง? ยังไงๆนิวยอร์กก็ประชากรมากกว่าอยู่ดี 4 เมืองนั้นรวมกันยังไม่เท่านิวยอร์กเลยด้วยซ้ำ เพราะงั้นอัตราเสี่ยงและการแพร่ก็ดูจะไปทางตะวันออกเห็นๆ

    ในทีแรกฉันก็คงคิดอย่างนั้นถ้าไม่เห็นลาสเวกัส

    ลาสเวกัส?” อีกฝ่ายขมวดคิ้ว ทำไม?”

    อย่างที่บอกไปว่าลาสเวกัสเป็นเมืองคาสิโน

    อ่าห๊ะ

    ถ้านายพนันจนหมดตัวนายจะทำยังไง?”

    ขายโรเล็กซ์แล้ววางเดิมพันอีกรอบอเลสเตอร์ตอบโดยแทบไม่คิด แล้วก็ได้สายตาดูถูกเหยียดหยามของดอนไปเต็มๆ

    ถ้าที่เธอบอกว่าหมดตัวหมายถึงไม่เหลืออะไรนอกจากบ้าน ครอบครัว และหนี้สินก็คงหาอะไรแก้เครียดหรือไม่ก็หางาน ดีๆทำท่านนายพลตอบ คำตอบค่อนข้างเข้าเค้าจนดอนเลิกสนใจอเลสเตอร์

    ถูก ทีนี้ ถ้าเกิดจะพึ่งอะไรแก้เครียดจะใช้อะไร เหล้าเหรอ? แล้วถ้าจะหางานทำล่ะ? เด็กส่งหนังสือพิมพ์?” ดอนพูด ปัญญาอ่อน เหล้ากินไปหายเมาก็จบ เด็กส่งหนังสือพิมพ์ยิ่งเป็นทางเลือกที่โง่เข้าไปใหญ่ สิ่งที่ฉลาดที่สุดของคนที่กำลังจนตรอกก็ต้องยาเสพติด ถูกไหม? แน่นอนอยู่แล้วว่าถูก

    ถ้าส่งยา รายได้ต่อล็อตจะขึ้นอยู่กับจำนวน บางรายได้มากกว่าพันดอล ถ้าไม่ถูกจับก่อนน่ะนะ แต่ก็นั่นแหละ คนที่ส่งยาและกำลังเครียด อยากหายเครียดเร็วๆมันก็ต้องเล่นยา อันที่จริงฉันก็ไม่รู้หรอกนะว่าสมองของคนที่อยากจะเล่นยามันคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าให้เดา พวกโง่ๆที่แพ้พนันจนหมดตัวก็น่าจะโง่ประมาณนี้แหละ

    แรงอเลสเตอร์ผิวปาก เข้าใจล่ะ ลาสเวกัสมันแหล่งสูบเงินสูบทอง คนที่เข้าไปแล้วหมดตัวกลับมามันมีเยอะขนาดไหนก็เดาไม่ถูก ออกมาก็หางานส่งยา เจ้าพวกนี้ก็เลยยื่นงานให้ได้ง่ายๆ แต่เมืองที่เหลือล่ะ? แล้วทำไมนายถึงสรุปว่าเป็นการทดลอง?”

    เพราะผลของยาและคุณสมบัติของเมืองใหญ่ดอนเคาะที่แผนที่แล้วอธิบายต่อ ผลของยาในเอกสารนั่นใช้คำว่า คลุ้มคลั่ง ใช้ความรุนแรง เปลี่ยนเป็นคนละคน มีกำลังมากผิดปกติ วิกลจริต สุดท้ายก็ตายหลังก่อคดีนี่ไม่ใช่คุณสมบัติของยาเสพติดที่ผ่านๆมา นายลองคิดดูว่าถ้าเอามันเข้าไปในเมืองเล็กๆจะเกิดอะไรขึ้น? ส่วนเรื่องคุณสมบัติของเมืองใหญ่ แน่นอนว่าในเมืองที่เหลือมันเป็นเมืองใหญ่ติดอันดับซะมาก มีแค่นวร์กและวอชิงตัน ดีซี เท่านั้นที่หลุดออกมา ทีนี้ นอกจากประชากรเยอะแล้วในเมืองใหญ่ๆนายจะนึกถึงอะไร

    อาชญากรรมอเลสเตอร์ตอบ ดอนพยักหน้าให้แล้วพูดต่อ

    ความกดดันของการอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่มันสูง วัยรุ่นต้องตั้งใจเรียน พ่อแม่ต้องตั้งใจหาเงิน ถ้าทำได้ไม่ดีพอก็เกิดความเครียด พอเครียดเด็กก็พึ่งยา ผู้ใหญ่ก็ไปหาเหล้าในบาร์ที่แน่นอนว่าต้องมียาหมุนเวียนดอนก้มลงไปคว้าแฟ้มที่โยนทิ้งไปออกมากางหน้าที่มีตัวอย่างของยาอยู่ ยานี่พอย่อยเสร็จแล้วดันตรวจไม่พบ เพราะงั้นพอคนเสพมันออกอาการของยาก็เลยสรุปกันไปว่าเกิดจากความเครียด ความกดดันในชั้นเรียน ในที่ทำงาน ทางด้านธุรกิจ ชีวิต ปัญหาครอบครัว บลา บลา บลา ถ้าไปค้นห้องเจ้าพวกนั้นตั้งแต่แรกคงไม่ต้องปล่อยมาจนถึง 3 ปีรอจนมันแพร่ไปครึ่งประเทศแบบนี้หรอก

    ท้ายประโยคเสียงของดอนแฝงแววเย้ยหยันไว้มากจนเรียกได้ว่าจงใจ ผู้ชายในชุดสูทคนหนึ่งก็ดูจะทนไม่ไหวถึงกับทุบโต๊ะแล้วตวาด

    อย่ามาทำเป็นพูดดีไปหน่อยเลย ดอน แอดเดอร์ชายคนนั้นตวัดสายตามองดอนอย่างเกรี้ยวกราด นั่งฟังมาอยู่นานแล้ว ขอบอกไว้เลยนะงานนี้มันไม่ใช่ของเด็กอย่างเธอ จะพูดจะทำอะไรก็ให้มันน้อยๆหน่อย เป็นแค่องค์กรเล็กๆอย่าคิดจะมาเทียบชั้นกัน!”

    ดวงตาสีดำสนิทของดอนเลื่อนไปสบกับคนพูด มุมปากกระตุกยิ้มเหยียดหยาม

    เข้าใจอะไรผิดไปหน่อยหรือเปล่า?” ดอนหรี่ตาลง ใช้อะไรคิดว่าฉันอยากจะได้งานแบบนี้มาทำ ไม่ล่ะ งานกระจอกๆก็ต้องให้พวกกระจอกทำไปสิ

    ดอนหัวเราะ แต่ก็กระจอกขนาดไม่มีปัญญาวิเคราะห์เองจนต้องให้หัวหน้าองค์กรเล็กๆอย่างฉันคนนี้ลดตัวลงมาคิดให้ถึงที่เลยนี่นะ ให้ตายเหอะแล้วถอนหายใจ

    ห่วยแตกสิ้นดี

    แก!!” ชายคนนั้นลุกพรวดขึ้นแล้วถลาเข้ามาหาดอน

     

    แกร๊ก

     

    ถอยออกไปเดรคพูด ใช้ปลายมีดจ่อคอหอยอีกฝ่ายจนต้องแหงนหน้าหลบ

    เดี๋ยวนี้เลยปากกระบอกปืนของออสเปรย์จ่อเข้าที่หน้าผาก ปลดเซฟตี้ พร้อมที่จะลั่นไกได้ทุกเมื่อ

    อย่างว่านั่นแหละนะดอนขยับยิ้มแล้วพูดด้วยเสียงเรื่อยๆเอื่อยๆ เจ้าสองคนนี้มันชอบทำนอกสั่ง ถ้าเป็นไปได้จะกรุณาให้ความร่วมมือ ถอยไป แล้วนั่งนิ่งๆ จะเป็นพระคุณมากเลย

    เจ้าหมอนั่นกลืนน้ำลาย ถอยไปแต่ไม่นั่ง หันไปละล่ำละลักใส่ท่านนายพลแทน

    ท่านฟอเรสเตอร์ ท่านเห็นไหม เจ้าเด็กนั่นไม่มีแม้แต่ความเคารพคนที่ตำแหน่งสูงกว่าเลยสักนิด ที่สำคัญคืองานชิ้นนี้มันของพวกเราหน่วยข่าวกรอง ไม่ใช่องค์กรอิสระเลยนะครับท่าน!” ดอนที่ฟังอยู่เชิดหน้าขึ้นแล้วแค่นเสียงในลำคอ หน่วยข่าวกรองของเราทำหน้าที่ดีมาตลอด งานนี้ขอเวลาให้มากขึ้นอีกนิดรับรองเลยครับว่าเราจะต้องได้เบาะแสสำคัญๆมาแน่นอน

    “3 ปีดอนขัดขึ้นมาแล้วลอยหน้าลอยตาไม่สนใจอะไร

    ในจุดนี้ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับดอนนะ คุณมอสกินอเลสเตอร์พูด อีกอย่างหนึ่ง งานนี้ไม่ใช่แค่ของหน่วยข่าวกรองแล้ว ผมขอบอกในฐานะตัวแทนของสภาความมั่นคงแห่งชาติเลยว่าเรื่องนี้มันใหญ่กว่าที่คุณคิด

    รอยยิ้มเย็นๆผุดขึ้นบนริมฝีปากของอเลสเตอร์

    ใหญ่ขนาดที่ต้องเรียกองค์กรอิสระเล็กๆมาช่วยเลยล่ะ

     

    ที่ประชุมกลับมาสงบอีกครั้ง เมื่อมอสกินตัวแทนของหน่วยข่าวกรองผลุนผลันออกไป

    ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมถึงเป็นการทดลองดอนพูดต่อจากบทสนทนาที่โดนขัด มาดูที่อัตราการเกิดคดีที่ น่าจะเกิดจากยาตัวนี้แล้วพบว่าสถิติการเกิดของมันไม่ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างที่ยาทั่วไปเป็น 3 ปีที่ผ่านมาแต่ละเมืองที่เกิดคดีมีไม่เกิน 7 ครั้ง และไม่ต่ำไปกว่า 5 ครั้งที่เกี่ยวข้องกับยา มันวนเวียนอยู่แค่นี้ เหมือนมีการควบคุมอยู่ตลอดเวลาไม่ให้แพร่มากไปเกินความจำเป็น

    เพราะอะไร?” นายพลฟอเรสเตอร์ถาม

    เพราะมันเรียกร้องความสนใจมากเกินดวงตาของดอนเบนไปสบกับคนถาม เหมือนที่ตอนนี้ท่านรู้สึกตัวแล้ว และกำลังเริ่มดำเนินการในการจับพวกมัน มันไม่ต้องการให้ท่านรู้ มันไม่ต้องการให้ใครรู้ ดังนั้นสิ่งที่พวกมันทำจะต้องเงียบที่สุด แล้วหายตัวไปให้ไวที่สุด ทำยังไงวิธีการไหนก็ได้เพื่อไม่ให้รู้ถึงหูท่านเร็วเกินไป ไม่ให้ท่านรู้ก่อนที่การทดลองจะสำเร็จ

    แล้วเธอคิดว่ายังไง?” คิ้วของท่านขมวดลง การทดลองที่เธอว่า เธอคิดว่ามันเสร็จแล้วหรือยัง?”

    ถ้าไล่ลำดับคดีในลาสเวกัส คดีแรกผู้ต้องหาทำร้ายร่างกายลูกชายตัวเอง แล้วฆ่าตัวตายก่อนที่จะถูกดำเนินคดี ภายหลังพบยาที่ว่าปนอยู่ในขวดวิตามิน คดีที่สองผู้ต้องหาบุกขึ้นบ้านหลังตรงข้ามเข้าไปข่มขืนลูกสาวแล้วฆ่าทิ้ง ปัจจุบันหายสาบสูญ พบเศษผงที่น่าจะเป็นส่วนประกอบของยาอยู่ในซอกกระเป๋าเสื้อโค้ท คดีที่สามผู้ต้องหาคลุ้มคลั่งจนฆ่าคนทั้งบ้านไม่เว้นแม้แต่สัตว์เลี้ยงแล้วปาดคอตายตาม รายนี้พบยาจำนวนหนึ่งตกค้างอยู่ในกระเพาะถึงได้รู้ว่ามันน่าสงสัยจนไปค้นตั้งแต่คดีที่ 1” ดอนโยนแฟ้มลงบนโต๊ะ แต่ละคดีที่เกี่ยวข้องกับยาผลของมันร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ ทีแรกเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว ต่อมาเกิดกับคนนอก สุดท้ายเกิดกับคนในครอบครัวแต่รุนแรงกว่ากันหลายเท่า ถ้าพูดง่ายๆก็คือยิ่งทดลองไปผลของยาก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกที เพราะงั้นการทดลองนี้คงดูผลของยาแล้วปรับปรุงมันให้แรงขึ้นเรื่อยๆนั่นแหละ

    ดอนเอนหลังพิงพนัก คลึงนิ้วที่หัวตา

    บอกตามตรง ผมไม่รู้เลยว่าการทดลองนี่มันสิ้นสุดลงหรือยัง ถ้ามันพอเท่านี้ก็นับว่าโชคดี แต่ถ้าไม่...”

    แล้วถอนหายใจอย่างอ่อนแรง

    ท่านต้องภาวนาแล้วล่ะ ผู้บัญชาการฟอเรสเตอร์

     

    ผู้บัญชาการฟอเรสเตอร์ถอนหายใจ ลุกขึ้นยืน แล้วเดินออกไปอีกคน แต่ก่อนที่จะออกไปยังไม่วายหันมากำชับดอนว่า เรื่องมันมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าเธอจะคิดว่างานนี้มันกระจอกขนาดไหนยังไงเธอก็ต้องรับมันอยู่ดี ทำซะให้เรียบร้อย แล้วเรื่องของคดีก่อนหน้าฉันจะทำเป็นหลับตาข้างหนึ่งให้

    ไหงงั้น?” ดอนเลิกคิ้ว ถามเสียงสูง ไม่ใช่ว่าเรียกผมมาที่นี่ให้วิเคราะห์อย่างเดียวหรอกเหรอ?”

    ปกติเธอฉลาดกว่านี้นะมิสเตอร์แอดเดอร์ท่านนายพลหันมา เธอคงไม่คิดจริงๆหรอกใช่ไหมว่าฉันเรียกมาแค่ถามสองสามคำถามแล้วจะปล่อยไป

    ดอนหุบปากฉับ รังสีอำมหิตแผ่ใส่ท่านผู้บัญชาการอย่างแค้นเคือง คนถูกอาฆาตพอเห็นแบบนั้นก็ได้แต่หัวเราะในลำคอ

    อีกอย่างนึงท่านนายพลเสริม ลูกน้องดีพูดแล้วก็เดินออกไป ทิ้งงานใหญ่ไว้ให้ตัวปัญหาแห่งเพนตากอน

    อเลสเตอร์มองภาพนั้นแล้วหัวเราะลั่น เดินไปตบบ่าดอนแล้วทำท่าจะออกไปอีกคน

    อ้อ ดอน

    อะไรดอนกระชากเสียง

    เดี๋ยวไปเจอกันหน่อยสิ

    ที่ไหน?”

    อเลสเตอร์ยิ้ม

    ห้องฉัน

     

     

    ดอนไปหาอเลสเตอร์ที่ห้องจริงๆ

    เรื่องนี้ทำให้เดรคแทบเต้นเป็นเจ้าเข้า เดรคโวยวายแถมประกาศลั่นว่าต่อให้หัวหลุดจากบ่าก็ไม่มีทางยอมให้ดอนไปหาหมอนั่นเป็นอันขาด จนดอนต้องลงไม้ลงมือแล้วบอกว่าห้องที่ว่าหมายถึงห้องทำงานนั่นแหละเดรคถึงยอม

    บอสเข้าไป 10 นาทีแล้วเดรคเปรย

    อืม

    ทำไมต้องให้ฉันกับนายอยู่เฝ้าหน้าห้องด้วย?”

    ไม่รู้

    บอสต้องมีคนคุ้มกันนะ ต้องทิ้งนายไว้ที่นี่แล้วให้ฉันเข้าไปสิถึงจะถูก

    “...”

    นี่

    อะไร

    ฉันเกลียดแกว่ะ

    ออสเปรย์เลิกคิ้ว แล้วตอบ

    เหมือนกัน

     

     

    เรียกฉันมามีอะไร?” ดอนนั่งลงบนโซฟาเดี่ยว ตรงข้ามกับคู่สนทนา

    ฉันต่างหากที่ต้องถามนาย ดอนอเลสเตอร์ยิ้ม เจ้าคนใหม่นั่น...ไปเก็บมาจากไหนอีกล่ะ?”

    ดอนไหวไหลแล้วตอบอย่างไม่ยี่หระ กองขยะ

    อเลสเตอร์เลิกคิ้ว

    มันนอนใกล้ตายอยู่ตรงนั้น ทีแรกก็ว่าจะไม่สนใจอยู่หรอก แต่ดูดีๆแล้วน่าจะใช้ประโยชน์ได้บ้างเลยเก็บมาดอนขยายความ อะไรทำนองนั้น

     แล้วเป็นยังไง?”

    ก็ดี

    ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นคู่สนทนาท้าวคาง หมายถึงประวัติของหมอนั่นน่ะ เป็นยังไง?”

    ดอนชะงัก

    นายให้รัสตี้ ชื่อนี้หรือเปล่า? ช่างมันเถอะ อะไรซักอย่างนั่นแหละ ส่งข้อความมาหาฉันว่าต้องการข้อมูลในระดับที่ลึกลงไปอีก ระดับที่แม้แต่คนของนายก็เจาะเข้าไปไม่ได้อเลสเตอร์ยิ้มกว้างกว่าเก่า ฉันดีใจนะดอนที่นายขอความช่วยเหลือจากฉัน

    นี่ไม่ใช่การขอดอนพูด “ ‘ยื่นหมูยื่นแมวดูจะถูกมากกว่า

     แล้วนายจะให้อะไรกับฉันล่ะ?”

    งานดอนตอบ งานนี้ฉันรับคำสั่งมาจากท่านฟอเรสเตอร์ แต่สำหรับความดีความชอบ นายจะได้ไป

    อเลสเตอร์ใช้ปลายนิ้วลูบคาง ทำทีเป็นครุ่นคิด

    ฉันรู้ว่านายอยากขึ้นไปสูงกว่านี้ อเลสเตอร์รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจผุดขึ้นบนริมฝีปากของดอน และฉันก็ค่อนข้างมั่นใจว่าถ้างานนี้เสร็จ การที่นายจะไต่ขึ้นไปจนถึงระดับสูงสุดก็คงไม่ใช่เรื่องยาก

    นายต้องการ งานของฉัน

     

     

    ที่อเลสเตอร์บอกว่าเขาให้รัสตี้ส่งข้อความมาหามันเป็นเรื่องจริง

    ตลอดเวลา 1 อาทิตย์นับตั้งแต่เก็บหมอนั่นมาจากกองขยะเขาสั่งให้รัสตี้ตามหาข้อมูลเกี่ยวกับมันให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะตามโรงพยาบาล ประวัติการทำฟัน กล้องวงจรปิด หรือแม้แต่แบล็คลิสต์ของกรมตำรวจ

    ซึ่งข้อมูลของหมอนั่นไม่มีอยู่เลยสักที่

    เหมือนกับจู่ๆก็โผล่มานอนจมกองเลือดกลางแมนฮัตตันอะไรอย่างนั้น

     

    เขาตัดสินใจรั้งหมอนั่นไว้ จับมันมาเป็นลูกน้อง ให้มันมาอยู่ในองค์กร ไม่สนใจว่านี่จะเป็นกับดักของใคร แต่ถ้ามันคิดจะเล่นกับเซ็คเตอร์ ยู ก็ลองมาเล่นกันสักตั้ง

    เขาติดต่อมาหาอเลสเตอร์ก่อนหน้า ถามถึงการเรียกประชุม แล้วตกลงให้เรียกประชุมทันทีที่เจ้านั่นตื่นขึ้นมา ทันทีที่ตื่น รัสตี้ที่เฝ้ามองและรอคำสั่งของดอนอยู่แล้วก็ส่งสัญญาณมาหาอเลสเตอร์ อเลสเตอร์ได้ทีเข้าหาท่านนายพล ยกเรื่องคดีที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อตนเองขึ้นมาอ้าง สบโอกาสพอดีกับที่ท่านนายพลเห็นดีด้วย ดังนั้นการที่จะมีคำสั่งเรียกตัว ดอน แอดเดอร์ หัวหน้าของเซ็คเตอร์ ยู ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

    ทีนี้เจ้านั่นก็จะเข้าใจเพียงแค่ว่าหลังจากตื่นมาไม่นานจู่ๆก็โดนเรียกมาถึงเพนตากอน เข้าใจว่าประชุมด่วน ทั้งที่จริงแล้วเป็นแค่การเปิดโอกาสให้อเลสเตอร์ได้เห็นหน้า แล้วเจรจาธุรกิจกับดอน

    เรื่องนี้ แผนการนี้ มีแค่เขา รัสตี้ และอเลสเตอร์เท่านั้นที่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของมัน

    จุดประสงค์ที่เริ่มมาจากเขา

    เขาที่ไม่เคยไว้ใจออสเปรย์

     

     

    ตกลงอเลสเตอร์พูด ยุติธรรมดี ฉันให้ข้อมูลนาย นายให้ตำแหน่งฉัน ก็ดี ฉันยอมรับข้อเสนอนี้แล้วหัวเราะ นายนี่มันร้ายจริงๆ สมแล้วที่ได้ฉายาว่า แอดเดอร์แห่งเพนตากอน*”

    ส่งไฟล์ไปให้รัสตี้ ที่เหลือหมอนั่นจะจัดการเองดอนตัดบท ลุกขึ้นยืน เตรียมตัวจะออกไปจากห้อง

    อเลสเตอร์มองดอนที่กำลังจะออกไปแล้วเสนอ

    ฉันช่วยเอาไหม?”

    ดอนเลิกคิ้ว

    ฉันจะหาให้ว่าหมอนั่นเป็นใคร มาจากไหน สังกัดใครมาก่อนถ้อยคำหว่านล้อมมาพร้อมกับรอยยิ้มจริงใจ ฉันว่านายคงจะเดาได้อยู่แล้ว หมอนั่นไม่ธรรมดา มีประวัติไม่ธรรมดา ดังนั้นอดีตเจ้านายของหมอนั่นก็คงจะมีและไม่ธรรมดาด้วยเหมือนกัน

    แลกกับอะไร?”

    หืม?”

    ดอนถอนหายใจ ความช่วยเหลือของนายน่ะ แลกกับอะไร?”

    อเลสเตอร์หัวเราะ เดินเข้าไปหาแล้วตบไหล่ดอน

    แลกกับการให้นาย -กลับมาทำงานในนี้อีกครั้ง- ดีไหม?”

    ไม่ดี

     

    ให้ตายเหอะ!” อเลสเตอร์ร้อง นายจะคิดให้นานกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง?”

    ดอนไหวไหล่ ไม่สนใจคำด่าต่อๆมา เอาแค่ข้อมูลก็พอ ที่เหลือฉันจัดการเอง

    ไม่เอาน่าดอน ลองคิดดูนะถ้าฉันกับนายร่วมมือกันจะทำอะไรๆมันก็ง่ายจริงไหม?” อเลสเตอร์พยายามหว่านล้อม จุดประสงค์ของนายน่ะ ฉันช่วยมันได้นะ

    ฉันทำคนเดียวได้ ขอบใจดอน ไม่อยากจะสนใจมันต่อ ตัดสินใจสาวเท้าเดินไปหาประตูเพียงอย่างเดียว

    นายเคยได้ยินคำนี้ไหม?”

    ดอนหันกลับมา ชักสีหน้าหงุดหงิดใส่ ในขณะที่อีกฝ่ายยิ้มให้เขาอย่างท้าทาย

     

    “It takes two flints to make a fire”

     

    ดอนเลิกคิ้ว ยิ้ม แล้วเปิดประตูออกไป

     

    “Sorry but I have a lighter”

     

     

     

     

     

     

     

     

    After that

     

     

    “จะไปไหนต่อครับดอน?” ออสเปรย์ถาม มองเจ้านายใหม่ที่เดินนำหน้า ไม่สนใจเสียงคร่ำครวญของเดรคและมาร์กี้กับมิคที่พยายามคลอเคลียเรียกร้องความสนใจ

    “กลับ” ดอนตอบห้วนๆ “ฉันจะนอน กลับไปแล้วฉันจะนอนอย่างเดียว อย่าได้มารบกวนเชียวนะถ้ายังไม่อยากให้ไอ้นั่นขาด”

    หา..?

    เจ้าเหยี่ยวชะงักไปกับคำขู่ของบอส

    ที่พูดนั่น...เอาจริงน่ะ?

     

    “เข้าใจรึเปล่า?” ดอนหันมา ดวงตาสีดำเป็นประกายวาววับ

    ออสเปรย์พยักหน้ารับอย่างจำยอม

    “ครับ...”


     

     

     
     

    - Feedback - ภาพยนต์แนว sci-fi ในปี 2002 แต่เรทติ้งไม่ค่อยดีนัก ได้รับการโหวตใน IMDb อยู่ที่ 4.9

    - J.F.K : John F. Kennedy International Airport - ท่าอากาศยานนานาชาติจอห์น เอฟ. เคนเนดี ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของมหานครนิวยอร์ก ถือเป็นประตูหลักของผู้เดินทางมายังสหรัฐอเมริกา และเป็นจุดขนส่งสินค้าสำคัญ ตั้งชื่อตามประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐ เจ้าของประโยคเด็ดที่อนันต์โคตรชอบ "จงอย่าถามว่าประเทศชาติจะให้อะไรแก่ท่าน แต่จงถามตัวท่านเองว่าท่านจะทำอะไรให้ประเทศชาติ"

    - AL-005 - ย่อมาจาก Auto-Lock ห้อง 005 เป็นคำสั่งล็อคห้อง(ขั้นธรรมดา) ยืนยันด้วยเสียงของดอน

    - Beretta Tomcat .32 ACP - จัดอยู่ในหมวดปืนพกสั้น มีขนาดเล็ก ประสิทธิภาพสูง พกพาง่าย ซ่อนง่าย ใช้ง่าย สนนราคาอยู่ที่ประมาณ 76,000 บาท บวกลบไม่เกิน 3,000

    - กระจกโลหะ แข็งยิ่งกว่าเหล็กกล้า กรรมวิธีเยอะ ไม่ขออธิบาย เซิร์จได้ในกูเกิ้ล

    - หมีงี่เง่าปาหินใส่ - เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในสวนสัตว์รอตเตอร์ดัมของประเทศเนเธอร์แลนด์ หมีขั้วโลกชื่อวิกส์ว่างจัดอยากเรียกร้องความสนใจนึกสนุกขว้างหินใส่กระจก อควาเรียมจนร้าว และแน่นอนว่าคนแตกตื่นกันสุดฤทธิ์... หาคลิปเหตุการณ์ดูได้ใน youtube.com

    - P  (Parking lot) - ชั้นลานจอดรถของเซ็คเตอร์ ยู จะอยู่ชั้นบนสุดนับจากใต้ดิน

    - BMW 6 Series Gran Coupe - หนึ่งใน 6 Series ของ BMW เป็นรถโดยสารสไตล์คูเป้ 4 ประตู 4ที่นั่ง สำหรับรุ่นที่ดอนมีคือ 650i  445 แรงม้า เร่งความเร็ว 0-100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที ราคาในไทยเริ่มต้นที่ 3 ล้านบาทขึ้นไป (ในกรณีของดอนเป็นแบบ Top Option ราคาจะสูงขึ้นไปอีก)

    - BMW Z4 - 1 ในสปอร์ตเปิดประทุนของ BMW ในที่นี้คือสีแดง มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 3.9 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 250 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขนาด 2 ที่นั่ง ด้านหน้ายาว สำหรับใครที่ได้ดู Warm Bodies มาแล้วจะคุ้นตากันดี สปอร์ตสีแดงคันนั้นแหละ

    - Lamborghini gallardo nera - มันเด่นที่ความเร็วสมเป็นลัมโบกินีด้วย 520 แรงม้า และแน่นอนว่ามันขายดีมาก ถือว่าขายดีที่สุดในค่ายเลยก็ว่าได้ ยอดขายมากกว่า 13000 คันทั่วโลก ผลิตตั้งแต่ปี 2003 สำหรับใครที่เล่นเกมแนว Need for speed จะรู้จักกันดี แต่ถึงจะไม่เล่นอนันต์ก็พนันได้ว่าต้องเคยผ่านหูผ่านตารุ่นนี้มาก่อนเป็นแน่แท้

    - Jaguar xj ultimate เรียกได้ว่าเป็นรุ่นสุดยอดของ XJ ซีรี่ย์เลยก็ว่าได้ ด้วย 335 แรงม้า ฐานล้อยาว เรื่องนั้นช่างมัน ประเด็นสำคัญอยู่ที่มันนวดได้และลำโพง 20 ตัว ซึ่งโดนใจอนันต์สุดๆ สำหรับราคาของรุ่นนี้อยู่ที่ $155,000  หรือประมาณ 4.65 ล้านบาท++

    - Maybach 62 - มันเป็นรถที่แพงชิบหายวายวอดของเยอรมันนีที่ผลิตโดยค่ายเดมเลอร์ไครสเลอร์ มีความยาว 6.17 เมตร 550แรงม้า ประเด็นสำคัญอยู่ที่ภายในห้องโดยสารมันหรูขนาดอยู่ในนั้นทั้งชีวิตก็ไม่เสียดาย ออกแบบมาเพื่อเป็นออฟฟิศขนาดย่อม ครบทั้งโต๊ะ โทรศัพท์ ตู้เย็นพร้อมสรรพ ที่นั่งเอนเหยียดขาสบายทั้งหมดนี้สนนราคาอยู่ที่ 13 ล้านบาท++ อนึ่ง ถ้าใครดูทรานส์ฟอเมอร์ส 3 แล้วจำได้จะมีฉากหนึ่งที่รุ่นนี้ออกมาโลดแล่นในตอนที่แซมกับซิมมอนส์ออกไปตามล่านักบินอวกาศ 2 คนที่มากบดาน ให้ตายเหอะ รถมันสวยจริงอะไรจริง อนันต์ดูเรื่องนี้เพราะรถและออพติมัสแท้ๆเลยนะ!

    - The James New York  - โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ใจกลางนิวยอร์ก บนเกาะแมนฮัตตัน เชื่อเหอะว่ามันหรูจริง เพราะราคาเริ่มต้นของห้องระดับถูกสุดอยู่ที่ 12000 บาท++ อนึ่ง สถานที่จริงไม่มีองค์กรเซ็คเตอร์ยูเข้าไปตั้งอยู่ใต้ดิน

    - Sony Xperia S  - มันเป็นสมาร์ทโฟนที่ใหญ่มากสำหรับอนันต์ จากที่ใช้มาอนันต์ว่าดีนะ สเป็คพอๆกับไอโฟนแต่ถูกกว่า ว่าไงดี อนันต์เล่นไอโฟนมาแล้วทุกรุ่น ไอแพดกับแมคก็เล่นมาหมด บอกตามตรงว่าไม่ถึงกับปลาบปลื้มอะไรเท่าไหร่เลย เทียบกันแล้วอนันต์ชอบโซนี่มากกว่า

    - Hugo Boss - รุ่นที่ออสเปรย์เลือกคือ Hugo Boss 1512641 HB1512641 กันน้ำ 5 Bar (ประมาณ 50 เมตร) ทำจากสแตนเลส สนนราคาอยู่ที่ 354.55 ยูโร หรือประมาณ หมื่นสี่กว่าๆ ในจุดที่บอกว่าน่าจะถูกสุดนั่นออสเปรย์คาดการณ์ผิด ที่ถูกที่สุดในกล่องคือ Casio EF-328D-1AVEF
    EF-328D-1A Edifice
    ซึ่งมีราคาสามพันกว่าๆ แต่เผอิญตัวเรือนของ Casio มันดูอลังการทำให้ออสเปรย์เข้าใจผิด ซึ่งในภายหลังจะรู้โดยการถูกเดรคแขวะนิดๆหน่อยๆ

    - ซีล (SEAL) - ย่อมาจาก SEa - Air - Land หมายถึงหารปฏิบัติการได้ทั้งทะเล บนบก และอากาศ เป็นหน่วยรบพิเศษของสหรัฐ ส่วนที่กล่าวถึงภาพยนต์เรื่อง ดิ อเวนเจอร์ส คือ นาตาชา หรือ แบล็ควิโดว์ ในฉากที่ไปหาฮัลค์แล้วเอามือแตะหูสื่อสารกับหน่วยสนับสนุนข้างนอก เพื่อให้นึกภาพอุปกรณ์ได้ง่ายๆ

    - แอดเดอร์ - งูพิษชนิดหนึ่ง ถูกจัดอันดับให้เป็นงูที่มีพิษร้ายแรงที่สุดอันดับ 9 ของโลก เพราะนามสกุลแบบนี้เลยทำให้ดอนถูกเปรียบเปรยอีกอย่างว่าเป็นอสรพิษแห่งเพนตากอน

    - It takes two flints to make a fire / Sorry but I have a lighter - ประโยคแรกแปลตรงตัวจะได้ ต้องใช้หินถึง 2ก้อน ถึงจะเกิดไฟได้ ของ Louisa May Alcott หมายความว่าจะทำอะไรคนเดียวมันจะยาก เป็นไปไม่ได้ ต้องมีสองคนถึงจะสำเร็จอะไรแบบนั้น แต่แน่นอน ดอนไม่สนใจความช่วยเหลือเลยตอบไปง่ายๆว่าฉันมีไฟแช็คแล้ว ไม่ต้องล้าหลังขนาดเอาหินมาตีกัน ซึ่งนั่นมันกวนตีนสิ้นดี...

     




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×