คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Two : The Details
Two : The Details
“ความสนใจพิเศษ?”
“ปืน”
“ความสามารถพิเศษ?”
“ปืน”
“ความชอบพิเศษ?”
“ปืน”
“ความถนัดเฉพาะทาง?”
“ปืน”
“ความรู้เฉพาะทาง?”
“ปืน”
“คู่ครองในอนาคต?”
“...”
“นึกว่านายจะตอบว่าปืนเสียอีก”
“...”
เดรคพ่นลมออกมาแรงๆอย่างขัดใจ ไอ้เรารึอุตส่าห์ถามมันตั้งหลายพยางค์ แต่ไอ้นกขนร่วงงี่เง่าตรงหน้านี่กับตอบมาแค่ ปืน ปืน ปืน ปืน ปืน มันจะอะไรกันนักกันหนา! รู้หรอกว่าถนัดเรื่องปืน เหมาะจะเป็นพลซุ่มยิง ตามที่ดอนบอกน่ะ อะไรนะ ‘ลูกน้องที่ ‘ใช้งานได้’ จริง’ ใช่ไหม?
แล้วเขาใช้งานไม่ได้ตรงไหนกัน?!
ให้ตายเหอะ เขาอยู่กับบอสมาเกือบสามปี ไอ้ความจงรักภักดีอะไรนั่นนะลืมมันไปได้เลย คนอย่างเดรคคนนี้ไม่มีทางทรยศนายเหนือหัวเด็ดๆ แต่ไหงดอนถึงให้ความสนใจไอ้หมอนี่ถึงขนาดนั้นล่ะ?! แถมยังลำเอียงเข้าข้างมันออกนอกหน้าอีกต่างหาก ไอ้ความพยายามตลอดสองปีแปดเดือนกับอีกยี่สิบหกวันที่ผ่านมานี่มันไม่มีความหมายอะไรเลยหรือไง? รึเขาต้องไปหัดยิงปืนให้เก่งกว่าเวสลี่ย์ กิ๊บสัน*ก่อนแล้วบอสถึงจะแล? ปืนใช่ไหม? ตกลงเป็นเพราะปืนสินะ ใช่เลย เพราะปืนแน่ๆ โรงงานผลิตปืนอยู่ที่ไหน เดรคคนนี้จะไปวางบอมมัน
ยิ่งมองหน้าเขายิ่งหมั่นไส้... ให้ตายเหอะ รึดอนจะถูกใจหมอนี่เพราะหน้าตา? เป็นไปได้ เพราะคนใน U ไม่มีใครหน้าตาแย่ แต่เฮ้ย! ดูยังไงเขาก็ดูดีกว่าไม่ใช่รึไง? แล้วเจ้านี่มันอะไรกัน ตาสีเขียวเพริดอตนั่นก็ดูดีอยู่หรอก แต่อย่างอื่นนี่สิ ไอ้ผมสีน้ำตาลเข้มไม่เป็นทรงนั่นมันอะไร? รังนกรึไง? สภาพที่เจอทีแรกที่บอสลากมาทิ้งไว้อีก ดูไม่ได้สุดๆ อารมณ์เหมือนโดนหมาไนทั้งฝูงฟัดมาแล้วตกลงไปในบ่อขยะอะไรอย่างนั้นเลย
แต่ดูเหมือนเดรคจะพิจารณาออสเปรย์อย่างออกนอกหน้ามากไปเสียหน่อย เพราะตอนนี้น้องใหม่ที่ถูกด่าทางสายตากำลังมองมาทางเขาอย่างไม่สบอารมณ์
อะไร? รู้ตัวเรอะว่าโดนด่า? ไม่มั้ง... แต่ก็เป็นไปได้อยู่
“ถึงจะชอบปืนก็ไม่ได้หมายความว่าจะแต่งงานกับมันนะ”
โว้ว ไม่รู้ตัวแฮะ ความรู้สึกช้าเป็นบ้า
“แล้วก็เลิกด่าฉันทางสายตาได้แล้ว ไอ้งั่ง”
ชิบหาย มันรู้ว่ะ...
“เอาน่า น้องใหม่ ไหนๆก็มาอยู่ที่เดียวกันแล้วก็ใจร่มๆกับรุ่นพี่หน่อยสิ โอเคนะ? ไอ้หนู”
กึก
เดรคคว้าจับวัตถุกลางอากาศ ออสเปรย์นั่งค้างอยู่ในท่าขว้าง “ถ้านี่เป็นกระสุนปืน... นายตายไปแล้ว”
เดรคผิวปาก โอเค ตอนนี้เขารู้แล้วว่าบอสเลือกหมอนี่มาเพราะฝีมือ คืออย่างน้อยฝีมือมันก็มีดีให้เลือกจริง ในมือของชายหนุ่มเชื้อสายละตินกำปากกาที่ถูกขว้างมาแน่น หากเมื่อกี้เขารับมันไว้ไม่ได้ป่านนี้มันคงเจาะหน้าผากเขาเป็นหลุม หมดหล่อเลยงานนี้ แต่อย่างว่านั่นแหละ ถ้าเป็นกระสุนเขาคงตายไปแล้ว
ไอ้เหยี่ยวงี่เง่านี่ก็ใจถึงจริง ใกล้กันแค่โต๊ะสี่เหลี่ยมคั่นมันยังปาปากกามาได้แรงขนาดนั้น แม่นขนาดนี้ แต่นี่มันไม่คิดเลยรึไงว่าเขาอาจจะเป็นแค่คนเดินเอกสารของบอสก็ได้น่ะ? ลองถ้าเขารับมันไม่ได้ขึ้นมาจนบาดเจ็บบอสอาจจะถึงขั้นพิโรธมีไฟฟ้าแล่นเปรี๊ยะๆเลยก็ได้นะนั่น ...เดี๋ยวดิ ถ้าบอสโกรธบอสก็จะเกลียดหมอนั่นแน่ๆ เพราะอย่างน้อยหมอนั่นก็ผิด แล้วถ้าหาเรื่องใส่สีตีไข่ใส่ชูรสเข้าไปอีกนิดไอ้หนุ่มออสเปรย์นี่อาจจะถูกไล่ออก!
พลาดไปถนัดเลยนี่หว่า…
เดรคพยายามเรียกกำลังใจกลับคืนมา เอาน่า พลาดครั้งแรกย่อมต้องมีโอกาสครั้งต่อไป ครั้งนี้หาทางเฉดหัวมันไปไม่ได้ครั้งหน้าก็ยังพอมีหวังอยู่
คิดว่านะ
“นายอาจจะไม่รู้นะออสเปรย์” เดรค(ที่เก๊กกลับมาเป็นใบหน้าแบบที่(คิดว่า)หล่อแล้ว)พูดพลางขยับตัวลุกขึ้นท้าวโต๊ะสบตากับออสเปรย์ “บอสน่ะไม่ค่อยชอบการที่คนใน ‘บ้าน’ มาทะเลาะกันเองเท่าไหร่ เพราะฉะนั้น ไอ้นี่—”
รอยยิ้มผุดวาบพร้อมๆกับดวงตาสีฟ้าที่เป็นประกายวาวโรจน์
“ขอคืนให้ก็แล้วกัน”
“อย่างที่รู้กันอยู่นั่นเป็นห้องนอนของนาย ถัดไปก็เป็นห้องของคนอื่นๆ พยายามอย่าไปรบกวนจะดีที่สุด ห้องน้ำมีเป็นส่วนตัวอยู่ทุกห้องอันนี้นายรู้อยู่แล้ว แต่ห้องอาบน้ำที่นี่จะมีอยู่แค่ห้าห้อง ไม่มีการแบ่งลงตัวเท่าไหร่ว่าใครใช้ห้องไหน แต่มีห้องนึงอยู่ในห้องของบอสก็อย่าไปใช้แล้วกัน เราไม่มีกฎอะไรมากนอกจากใช้เสร็จแล้วต้องทำให้เหมือนกับตอนที่เข้าไป ถือเป็นสามัญสำนึกน่ะนะ ห้องครัว ห้องกินข้าว อยู่ทางซ้ายมือ บอสไม่เคยบังคับด้วยคำพูดแต่จะด่าทางสายตาว่าทำไมไม่มากิน เพราะงั้นข้าวเช้าคือแปดโมงถึงเก้าโมงครึ่ง ข้าวเที่ยงคือตอนเที่ยงถึงบ่ายโมง ข้าวเย็นก็หกโมงถึงสองทุ่ม พยายามมาให้ตรงตามนี้ล่ะ ส่วนห้องนั่งเล่นอยู่ถัดไป ใครจะใช้ก็ได้ รับรองว่ากว้างพอสำหรับทุกคนแน่นอน”
เดรคทำหน้าที่เป็นคนนำทางได้อย่างไหลลื่น เขาเดินนำ ออสเปรย์เดินตามหลัง คอยจดจำทุกสถานที่และคำบอกรวมทั้งกฎต่างๆที่สำคัญอย่างรวดเร็ว ถึงจะเป็นสมาชิกใหม่ แต่ถ้ามาหลงทางขึ้นมามันจะดูไม่จืดพิลึก มันเป็นความรู้สึกที่อยู่ระหว่างน่าสมเพชกับไร้น้ำยาอย่างไรชอบกล
“อีกฟากนึงเป็นห้องสมุด แน่นอนว่ามีสิทธิใช้และเอากลับไปนอนอ่านเล่นในห้องได้ แต่เวลาเก็บต้องเก็บคืนชั้นเดิมด้วยล่ะ หนังสือในห้องสมุดของที่นี่จะจัดโดยใช้ระบบทศนิยมของดิวอี้* พอจะเข้าใจใช่ไหม?” เดรคหันมาถาม เขาพยักหน้าตอบกลับไป นั่นดูจะสร้างความพึงพอใจให้กับหมอนั่นไม่ใช่น้อย “ดี ฉันจะได้ไม่ต้องอธิบาย เพราะฉันไม่เข้าใจมันเลยซักนิดนึง ”
“...”
เดรคยิ้มระรื่นแล้วอธิบายต่อ “ส่วนอื่นๆคงต้องให้นายเห็นเอง แต่สถานะของนายตอนนี้คงยังให้เห็นไม่ได้”
ออสเปรย์เลิกคิ้ว “สถานะอะไร?”
“สถานะ -การเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว- น่ะสิ”
“เข้าไปยืนตรงนั้น นั่นแหละ ตรงกลางเลย อย่ากางแขนออกมานะ เอาให้อยู่ในวงทั้งหมด นั่นแหละ ดีมาก ขอบคุณ”
ใต้เท้าของเขาคือเครื่องจักรประหลาดๆมีฐานเป็นวงกลม ตรงกลางเปิดโล่ง เหนือหัวบนเพดานมีฐานแบบเดียวกับที่วางบนพื้น เดรคพาเขากลับมายังห้องแรกที่เขาเข้าหลังออกมาจากห้องส่วนตัวแล้วถูกบอสไล่ออกมาเพื่อนอน แล้วจนถึงตอนนี้บอสก็ยังหลับคาเก้าอี้ไม้แข็งๆนั่นโดยที่ไม่มีใครไปปลุก
“เอาล่ะนะ หนึ่ง สอง ไม่ต้องยิ้มล่ะ สาม”
ออสเปรย์คิดจะด่า แต่ยังไม่ทันได้ด่าไอ้เครื่องข้างล่างก็ส่งเสียงครืดๆออกมาเสียก่อน ด้านข้างของฐานหมุนเล็กน้อยเกิดเป็นเสียงถอดสลักก่อนจะขยับขยายออกจากรูปร่างที่เคยเป็น อุปกรณ์หน้าตาแปลกประหลาดยืดออกมารอบด้านหันไปหาจุดศูนย์กลางแล้วสว่างขึ้นเรื่อยๆจนกลายเป็นวงแสง ไล่ขึ้นจากฐานล่างขึ้นบนแล้ววนกลับมาอีกครั้ง
หน้าต่างข้อมูลจำนวนมากปรากฏขึ้นบนผนังบุพิเศษได้อย่างน่าอัศจรรย์ ในหน้าต่างระบุข้อมูลของเขาที่ได้จากแบบสอบถามโง่ๆของเดรคบวกกับข้อมูลที่ดอนเคยถามเขาไปในทีแรก โดยระบุชื่อไว้ว่า ‘ออสเปรย์’ และในช่องภูมิหลังถูกเว้นว่างไว้พร้อมข้อความกำกับว่า ‘Not your business, dick’
เจ้าของประวัติถึงกับย่นหัวคิ้ว “ฉันไม่ได้พูดถึงขนาดนั้นนะ...”
เดรคยักไหล่อย่างไม่นี่หระ “ฉันไม่ได้พิมพ์ลงไปนะเพื่อน คิดซะว่าเป็นฝีมือจาร์วิส*ก็แล้วกัน”
“ที่นี่มีด้วยเรอะ?”
“เหมือนจะใช่ แต่ก็ไม่เชิง”
“ยังไง?”
“ก็แบบว่า—”
“ฉันโปรแกรมมันไว้เฉพาะสำหรับตอบเมล์หรือลงข้อมูล ถ้าไม่ยุ่งยากเกินไปอย่างเช่นพวกฟอร์เวิร์ดเมล์ยาลดความอ้วน ทำงานรายได้ดีบนอินเตอร์เน็ต พ่อตาย แม่หนี หมาไม่รัก อะไรแบบนั้น หรืออย่างข้อมูลของคนที่นี่ หรือพวกข้อมูลที่ไม่จำเป็นต้องเป็นเอกสารราชการก็จะตอบอัตโนมัติออกมาเป็นแบบนี้นั่นแหละ”
เดรคหน้าซีด เพราะเสียงของดอนที่เขาได้ยินมันดังมาจากข้างหลังเดรคพอดี ที่สำคัญ...มันกดดันสุดๆ
ชายหนุ่มเชื้อสายละตินหันไปยิ้มขัดตาทัพ “ตื่นแล้วเหรอครับบอส?”
“เปล่า ฉันตายไปแล้ว ที่ยืนอยู่ตรงนี้คือซอมบี้ ไปเรียกคุณตำรวจริค กริมส์ มาทีซิ”
“ง่า... งั้นผมต้องไปหาแอนดรูว์*ถึงฮอลลีวูดเลยเหรอครับ...”
“เออ”
“ลอสแองเจลิสเลยนะบอส...”
“ดี ไกลดี ไสหัวไปให้ไกลเลยนะ จะได้ไม่ต้องมารบกวนเวลานอนฉันอีกเป็นครั้งที่สาม”
“โธ่... บอสครับ—”
“ทำไมถึงต้องให้มันตอบเองอัตโนมัติล่ะครับ” ออสเปรย์ขัดขึ้นมา อย่างน้อยๆเขาก็ไม่คิดจะอยากฟังเดรคร้องโอดครวญเสียเท่าไหร่ ถึงแม้บทสนทนาของทั้งคู่จะทำให้เขารู้ว่าดอนชอบดูทีวีมากกว่าที่คิดก็ตาม ตามปกติคนเป็นหัวหน้าตำแหน่งใหญ่ๆมักจะหมกมุ่นอยู่กับการทำงาน เคร่งเครียดใส่ลูกน้อง แล้วก็เข้าหายากไม่ใช่เหรอ?
แต่ดูเหมือนดอนจะสบายๆกว่านั้น
“ทำไมน่ะเหรอ?” ดอนทวนคำถาม “ฉันขี้เกียจ”
ฟังถึงตอนนี้เดรคเริ่มกลอกตา ขมุบขมิบปากแล้วนินทาเบาๆ ในขณะที่ออสเปรย์เลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“อ่าห๊ะ ฉันขี้เกียจ” บอสโคลงหัว “ถ้าให้ฉันเจียดเวลามาเสียไปกับเรื่องตอบเมล์หรือบันทึกข้อมูลแบบจริงๆจังๆล่ะก็ไม่มีวัน เวลาของฉันมีค่ามากกว่านั้นเยอะ”
“แล้ว...แล้วจะไปตอบเมล์ทำไมล่ะครับ...พวกฟอร์เวิร์ดเมล์น่ะ”
“ต้องตอบสิ” ดอนยืนยัน ท่าทางจริงจังจนขัดไม่ได้
“ทำไมล่ะครับ...”
“ก็ถ้าไม่ตอบ ฉันก็ส่งไวรัสกลับเข้าคอมทางนู้นไม่ได้ ตอบๆไปพอคลิกเข้าเมล์ปุ๊บก็บึ้มปั๊บ เย่ะห์”
“อย่ามายกนิ้วให้ด้วยท่าทางภูมิใจแบบนั้นเลยครับ...”
“ฉันยังไม่ได้เอาเรื่องเรื่องที่เข้ามาส่งเสียงหนวกหูให้ฉันตื่นนะ เดรค” บอสพูดโดยที่ไม่หันไปสบตา แต่แค่นั้นก็เรียกเสียงสูดปากแว่วๆจากเดรคได้เป็นอย่างดี บอสกวักมือเรียกออสเปรย์ให้เดินมาที่โต๊ะแล้วหันจอคอมพิวเตอร์ให้ดูพร้อมชี้กำกับ
“นี่ไง ช่องนี้ ประวัติส่วนตัวของนายฉันใส่เอาไว้ว่า NG* พอทำเสร็จ เซฟ ปิด มารีเฟรชตรงนี้ มันเลยเป็นอย่างนั้นไงล่ะ” มือขาวซีดตวัดชี้ไปที่ผนัง หน้าต่างข้อมูลของเขาถูกโหลดใหม่อีกครั้ง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม โดยเฉพาะ ‘Not your business, dick’
“แต่ถ้าอยากลองนะ นี่เลย อันนี้ฉันชอบ รับรองว่าเด็ดสุดๆ” รอยยิ้มแสยะร้ายกาจวาดผ่านใบหน้าของดอนอีกครั้ง “ถ้าใส่ในช่องระบุเพศของนายว่า NG มันก็จะเป็น—” ดอนเคาะคีย์บอร์ดอย่างเริงรื่นจนน่าสงสัย
“อย่างนี้”
ในหน้าต่างข้อมูล ช่องระบุเพศ ‘Bisexual. Fuck me if you can’
เดรคอ่านแล้วหัวเราะลั่น
บอสพิจารณามือสไนเปอร์คนใหม่ ลูบคาง แล้วเอ่ยถามเดรค “นายพาหมอนี่ไป ‘ห้องนั้น’ รึยัง?”
“ยังเลยครับ” เดรคยังขำค้างอย่างต่อเนื่อง ไม่สนใจสายตาวาวโรจน์ของออสเปรย์ที่ยืนกดดันอยู่ข้างหลัง
“แย่” บอสด่าแล้วเดินนำออกจากห้อง
“ก็ผมเพิ่งจะพาหมอนี่มาลงทะเบียนข้อมูลนี่นา ถ้าไม่ลงก่อนก็เข้าไม่ได้นี่ครับ”
“เกี่ยวอะไรกับเครื่องเมื่อกี้เหรอครับ?” ออสเปรย์ถามพลางยกนิ้วหัวแม่มือไปข้างหลังประกอบ
ดอนหันขวับไปมองเดรคด้วยสายตาวาววับ “ไม่ได้บอกหมอนี่ก่อนรึไง?”
เดรคหัวเราะแห้งๆ ชูมือสองข้างขึ้นในท่ายอมแพ้ “ก็...แบบว่า ...นั่นแหละครับ”
“ไอ้ตัวไร้ประโยชน์” ดอนสบถออกมาอีกสองสามคำแล้วหันมาอธิบาย “ไอ้เครื่องเมื่อกี้ที่ว่าพอนายเข้าไปยืนแล้วมันมีแสงๆวูบขึ้นวูบลงแบบหนังไซไฟใช่ไหม? นั่นแหละ หน้าที่มันคล้ายกัน การที่นายเข้าไปยืนในนั้นจนเครื่องดำเนินการเสร็จคือการแสกนทั่งทั้งตัว มันจะบอกได้หมดว่านายมีตำหนิตรงไหน อะไร ยังไง รวมไปถึงรอยนิ้วมือและประวัติการทำฟันด้วย ตรงนี้คล้ายๆเวลาไปเอ็กซเรย์ก่อนทำฟันนั่นแหละ ส่วนตอนนายขึ้นไปยืนจำได้ไหมว่านายไม่ได้ใส่รองเท้า ในตอนนั้นที่ฐานมีแสงวาบขึ้นมาแล้วรู้สึกอะไรไหมล่ะ?”
“ก็...” ชายหนุ่มเอียงคอน้อยๆ “มันมีเจ็บแปลบขึ้นมานิดหน่อยน่ะครับ แต่มันเป็นแค่จุดเล็กๆเลยไม่ได้สนใจอะไร”
ดอนยิ้ม “นั่นแหละ ถ้าตอนนั้นนายลองหงายฝ่าเท้าขึ้นมาดูคงจะเจอหยดเลือดอยู่บ้าง ที่ฐานตรงนั้นเป็นจุดที่เราจะเก็บเลือดและตัวอย่างเนื้อเยื่อไปวิเคราะห์ เป็นตัวอย่าง DNA ด้วยน่ะนะ”
ออสเปรย์นิ่งอึ้งไปก่อนจะสาวเท้าเดินต่อ
ไม่ธรรมดา
องค์กรนี้ไม่ธรรมดากว่าที่คิดไว้เยอะ
ในตอนแรกที่ได้ยินชื่อของ Sector U เขานึกเปรียบเทียบไปถึงพวก FBI อะไรทำนองนั้นมากกว่า ที่ไหนได้... จากเทคโนโลยีและความกว้างของสถานที่นี้แทบจะเทียบได้เท่ากับองค์การ NASA เลยด้วยซ้ำไป
หรือเขาจะประเมิณ Sector U ไว้ต่ำเกิน
ในเมื่ออยากรู้ก็ต้องถาม “ทำไมเทคโนโลยีของที่นี่ถึงดูจะ—”
“เจ๋งใช่มั้ยล่ะ?” ดอนขัด
“เอ่อ...”
“เจ๋งล่ะสิท่า แน่ล่ะ ก็นี่มันองค์กรของฉันนี่” ดอนดีดนิ้วแล้วหันมาแยกเขี้ยวยิงฟันอย่างภาคภูมิใจเหลือหลาย
“จริงด้วย! บอ—ส ผมยังไม่ได้อธิบายเกี่ยวกับ U ให้หมอนี่ฟังเลยล่ะ!”
“ไอ้เฮงซวยเดรค ที่ผ่านมาไปทำอะไรอยู่ที่ไหนหา?!”
“น่าๆ นิดหน่อยเอง โอเคๆ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับบอส เดี๋ยวผมอดใจไม่อยู่กันพอดี” เดรคหัวเราะร่าทันทีที่ดอนเหวี่ยงขาตวัดเตะ หนุ่มเชื้อสายละตินพริ้วตัวหลบได้อย่างน่าชื่นชมก่อนจะหันมาอธิบายให้ฟัง “จริงๆแล้วพวกเรา Sector U จัดเป็นองค์กรอิสระ ไม่ขึ้นตรงก็ใครเลยน่ะนะ แต่ถ้าให้ว่าตามตรงก็ถือว่ามีเอี่ยวกับรัฐบาลอยู่เหมือนกัน เท่าที่จำได้คือรัฐจะสนับสนุนด้านเงินทุนกับอุปกรณ์เล็กๆน้อยๆผ่านกระทรวงกลาโหมที่เพนตากอน* แจ่มเลยใช่ไหมล่ะ? เห็นอย่างนี้ Sector U ก็มีห้องประชุมที่นั่นเชียวนา”
บอสใช้จังหวะที่เดรคกำลังอธิบายถองศอกเข้าใส่สีข้างจนจุกแอ่ก “อย่าพูดเหมือนเป็นความดีความชอบของแกได้ไหม?”
“อ...อูย ก็กำลังจะขยายความนี่ไงล่ะครับ คือว่าจริงๆแล้วบอสเคย— แอ่ก”
หมัดขวาตรงของดอนอัดเอาที่ท้องอย่างไม่ออมแรง
ทั้งสามคนหยุดลงที่หน้าประตูสีเทาบานหนึ่ง
“เห็นไอ้นั่นไหม?” ดอนพยักเพยิดไปที่เครื่องแสกนม่านตา “ไหนๆก็ลองประเดิมหน่อยซิ”
ออสเปรย์รับคำ เขาก้าวไปหยุดอยู่หน้าเครื่อง ยื่นหน้าเข้าไปหา เมื่อเซนเซอร์ตรวจพบจึงเริ่มแสกนจนกระทั่งขึ้นคำว่า Success แต่ยังไม่ทันจะก้าวถอยออกก็ถูกมือแข็งๆของดอนรั้งไว้ ดอนบุ้ยปากไปที่เครื่องแสกนแบบทั้งฝ่ามือที่อยู่ๆก็เคลื่อนตัวออกมาจากกำแพง เขาทาบฝ่ามือตามคำสั่ง มันขึ้น Success อีกครั้งแต่ประตูก็ยังไม่เปิด...
“ดอน...ไอ้นี่มัน—”
“19061988” ดอนสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์แล้วย้ำ “กดไปสิ ที่แป้นน่ะ”
ดวงตาสีเขียวเพริดอตเบือนกลับไปมองแป้นแสกนอีกครั้ง คราวนี้จากรูปฝ่ามือกลายเป็นแป้นพิมพ์ตัวเลขแบบทัชสกรีน ออสเปรย์ขอให้บอสทวนรหัสอีกครั้งแล้วพิมพ์ลงไป เสียงคลิ๊กเบาๆทำให้เขาหันไปตามเสียง ประตูสีเทาที่เคยวางเสมอผนังยุบตัวเข้าไปด้านในแล้วเลื่อนเปิดช้าๆ ชายหนุ่มหันกลับไปจ้องรหัสบนแป้น ขมวดคิ้ว แล้วหันไปมองดอน
ดอนยิ้มอย่างรู้ทัน “อย่างที่นายคิดนั่นแหละ” แล้วก้าวนำเข้าไปในห้อง
ทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาจนครบประตูก็ปิดลง มีเสียงฟู่เบาๆบ่งบอกว่าเป็นการปิดแบบสูญญากาศ ดอนอธิบายว่าภายในห้องมีเครื่องควบคุมอุณหภูมิ อากาศและความชื้น อย่างครบครัน จึงเป็นเหตุให้ต้องใช้ประตูแบบนี้ ไม่อย่างนั้นไอ้ที่ควบคุมไปมันจะเหลวแหลกหมด
สภาพภายในห้องโล่ง กว้าง ดูสะอาดตา ...อันที่จริงมันไม่มีอะไรอยู่เลย ตั้งแต่พื้นยันผนังไปจนจรดเพดานถูกบุไว้ด้วยวัสดุพิเศษทั้งหนาทั้งแข็งเดินเส้นเป็นแนวตรงลายตาราง เขาระบุไม่ได้ว่ามันทำจากอะไร แต่เท่าที่มองดูจากระบบป้องกันแล้วห้องนี้ควจะเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจากห้องนิรภัย
ดอนสั่งให้เขาไปยืนกับเดรคที่พิงช่องประตูพลางอ้าปากหาวอย่างเบื่อๆอยู่แล้ว พร้อมกำชับว่า
“อย่าเดินไปไหนเด็ดๆ เข้าใจ?” ออสเปรย์พยักหน้ารับ เมื่อมั่นใจว่าเขาจะไม่เดินไปไหนแน่ๆบอสก็ออกไปยืนอยู่กลางห้องแล้วพูดด้วยเสียงเรียบนิ่ง
“ยืนยันรหัส DU-0113”
-ยืนยันการเข้ารหัส จะทำการตรวจสอบบุคคล- เสียงโมโนโทนแบบหุ่นยนต์ดังขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เสียงมันก้องไปทั่วห้องจนจับทางไม่ได้ ออสเปรย์คิดจะพูดสวนขึ้นไปแต่เดรครั้งไหล่เขาไว้แล้วส่งสัญญาณให้เงียบอย่างทันท่วงที แล้วเสียงโมโนโทนนั่นก็กลับมาอีกครั้ง
-ทำไมดอนถึงเป็นบอสของ Sector U-
“เทพ”
...
เดรคเริ่มเอามือกุมขมับ
-ทำไมใครๆถึงต้องการ Sector U-
“เพราะมันกาก”
ออสเปรย์เอนหลังพิงประตูอย่างอ่อนแรง
-สมมติว่ามีคนมาถามเรื่องลดความอ้วน-
“แดกหญ้าแล้วนอนซะ”
ตอนนี้เดรคเริ่มอยากเขียนใบลาออก
-มีคนมองหน้าแบบหาเรื่อง-
“วินนิ่งตัวๆไหม Bitch”
...
-ยืนยันบุคคล สวัสดีดอน ให้เรา ‘เปิด’ ห้องเลยไหม-
“ก็น่าจะรู้อยู่”
-กำลังทำการ ‘เปิด’ ห้อง ขอความกรุณายืนให้ห่างจากเขตอันตราย-
สิ้นเสียงคอมพิวเตอร์ก็ตามมาด้วยเสียงครางครืดเสียดสีของวัตถุและโลหะ เดรคยังคงยืนห่อเหี่ยวอยู่ที่เดิม แต่ออสเปรย์ก็ต้องเบิกตากว้างอย่างแปลกใจ
บนพื้นเรียบลื่นเดินเส้นเป็นลายตารางในทีแรกค่อยๆเคลื่อนตัวขึ้นมา พื้นที่ริมผนังดันตัวขึ้นมาจนสุดเผยให้เห็นชั้นขนาดใหญ่แทนผนังทุกด้านไม่เว้นแม้แต่ข้างประตูชนิดที่ฉียดใบหูเขาไปนิดเดียว บริเวณกลางห้องที่เคยโล่งกว้างกลับแน่นขนัดไปด้วยตู้เหล็กจำนวนมากสูงประมาณเอว เว้นที่เป็นทางเดินไว้แค่ประมาณครึ่งเมตร เหลือพื้นที่ตรงกลางห้องที่ดอนยืนอยู่เพียงเท่านั้น
“ฉันบอกให้ ‘เปิด’ ห้อง ไม่ได้สั่งให้โชว์ตู้โง่ๆนี่” ดอนขมวดคิ้ว “คำว่า ‘เปิด’ ของฉันคือเปิดทั้งหมด ไอ้งั่ง”
เหมือนเจ้าเสียงโมโนโทนนั่นจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะทันทีที่สิ้นคำของดอนก็เกิดเสียงแหลบแสบแก้วหูแบบเวลาไมค์หอนดังก้องไปทั่วห้อง ดอนขมวดคิ้ว สบถ แล้วกระทืบรองเท้าหนังมันวาวลงกับพื้นแรงๆ
“ถ้าแกยังไม่หยุดฉันจะจับแกถอดเป็นชิ้นๆแล้วเอาไปโยนให้หมาใช้แทนห้องน้ำแน่” เสียงแหลมแสบแก้วหูชะงักแล้วเงียบหายไปในทันที... “ยังไม่ ‘เปิด’ อีกรึไง?”
คำของดอนไม่ต่างอะไรจากประกาศิต เสียงเสียดสีเบาๆเกิดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ตู้ที่ล้อมทั้งผนังค่อยๆเลื่อนแผ่นสีเทาด้านหน้าออก พร้อมๆกับที่ตู้กลางห้องเลื่อนแผ่นด้านบนถอยไปด้านหลังแล้วพับลงไป แต่นี่ยังไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ ออสเปรย์รู้ดีว่าองค์กรระดับที่มีการบันทึกข้อมูลด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยขนาดนั้นการที่พื้นกลายเป็นตู้แถมยังเปิดได้ก็ดูจะเป็นเรื่องธรรมดาๆไป แต่สิ่งที่ทำให้เขาถึงกับเบิกตาค้างกลับเป็นอีกอย่าง...
ทุกตู้ ทุกชั้น ทั้งห้อง บรรจุไปด้วยปืนนับร้อยกระบอก!
ออสเปรย์ยืนนิ่งค้างอยู่กับที่ “นี่...” เสียงของเขาหายไปในลำคอเรียกความสนใจจากดอนให้หันกลับมาฉีกยิ้มกว้าง
“ยืนบื้อจนรากงอกหรือไง? ไปเลือกสิ”
“ผม?... ห้องนี้—”
“ฉันยกให้”
“เอาจนได้แล้วไง...” เดรคเอามือตบหน้าผากตัวเองดังเพียะ “บอสครับ เลิกเหอะนะไอ้นิสัยยกอะไรให้ใครง่ายๆแบบนี้น่ะ เกิดวันนึงคุณเผลอยกตัวเองให้ใครซักคนที่ไม่ใช่ผมขึ้นมามันจะเป็นยังไง?! ใครจะรับผิดชอบ!”
“ฉันรับผิดชอบตัวเองได้ ขอบคุณที่พยายามจะสื่อว่าฉันโง่”
“ไม่ใช่น้—า แต่เอาจริงๆนะบอส ถ้าวันไหนนึกอยากให้ตัวเองฟรีๆก็มาหาผมคนแรกเลยนะครับ” เดรคขยิบตา เข้าไปเกาะแกะก่อนจะถูกกระทืบเท้าแล้วขยี้อย่างแรง
“เลิกเล่นละครลิงได้แล้ว” ดอนแหวแล้วหันมาทางเขา “ทั้งหมดในห้องนี้เป็นของนายแล้ว หลังจากนี้ฉันจะตั้งรหัสยืนยันบุคคลให้นายด้วย ทีนี้จะเข้ามาเมื่อไหร่ก็ตามสบาย”
“ทั้งหมด?”
“ทั้งหมด” ดอนยิ้ม “ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิก็เพราะแบบนี้ เพราะถ้าชื้นไปมันจะไม่ดี นายก็รู้นี่?”
ออสเปรย์พยักหน้าแล้วกวาดตาไปทั่วทุกชั้นอีกครั้ง สุดยอด ปืนทุกรุ่น ทุกขนิด ทุกขนาดที่จำเป็นเก็บรวบรวมไว้ที่นี่ทั้งหมด มีตั้งแต่ปืนพกธรรมดาไปจนถึงพวก Launcher* อย่าง M79 ในภายหลังเขาได้รู้จากเดรคอีกว่าพวกปืนกลหนักหรือปืนสำหรับยิงรถถังจะไปอยู่ในโรงเก็บอีกที่เพราะห้องนี้มันแคบไป
“ไหนๆฉันก็อุตส่าห์กลั้นใจกัดฟันยกทั้งหมดในห้องนี้ให้นายทั้งที” เสียงนินทาของเดรคแว่วมาเบาๆทำนองว่า ‘โกหกชัดๆ’ แล้วเงียบหายไปตามมาด้วยเสียงบดขยี้รองเท้าแทน “ทำงานให้คุ้มค่าหน่อยล่ะ ไอ้เหยี่ยวปีกหัก เอาให้คุ้มกับมูลค่าของห้องนี้ทั้งห้องเลยนะ ออสเปรย์”
รอยยิ้มแสยะคุ้นตาปรากฏขึ้นบนริมฝีปากบอสอีกครั้ง
“ครับ!”
ดอนถอยออกมาพิงประตู ดวงตาสีดำสนิททอดมองเหยี่ยวตัวใหม่ในอาณัติหยิบจับปืนหลายกระบอกอย่างกระฉับกระเฉง
“ดูเหมือนที่คุณลงทุนไปจะได้ผลนะครับ” เดรคถอยมายืนข้างกายก้มหน้าลงมากระซิบข้างหู
“ก็น่าจะได้ผลอยู่ เหลือแค่รอดูว่าจะออกมาเป็นยังไง”
ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย “คุณแน่ใจเหรอว่าเขาจะมีฝีมือจริง”
“นายพิสูจน์ไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ดอนแค่นยิ้ม “ฉันเห็นจากมอร์นิเตอร์นะ เจ้าหมอนั่นก็ไม่เลวเลยนี่ ตวัดปากกาเข้ากลางหน้าผากเลยใช่ไหม? ไม่เบาเลยนะ”
“เสียดายจัง ให้คุณเห็นช็อตที่ผมดูอ่อนแอไปเสียได้”
“อย่ามาตอแหล” คิ้วของดอนขมวดลง “ไอ้คนที่ปักปากกาฝังลงไปบนโต๊ะในช่องว่างระหว่างนิ้วของหมอนั่นแถมยังอ้างว่าว่าคืนให้น่ะมันแกไม่ใช่เหรอ?”
เดรคหัวเราะในลำคอ ไม่ตอบอะไรกลับมา
[---I'm sexy and I know it --- I'm sexy and I know it ---]*
เสียงเรียกเข้าดังมาจากกระเป๋ากางเกงของดอนเรียกความสนใจจากทั้งห้อง เดรคนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะเอามือก่ายหน้าผากแล้วบ่นออกมาดังๆไม่สนใจเจ้าของที่ยืนอยู่ข้างตัว
“เลือกเพลงได้เข้ากับภาพลักษณ์ตัวเองสุดๆเลยนะครับบอส ไหนๆก็ให้ผมเห็นคุณใส่แบบใน MV เพลงนี้หน่อยสิ—อุก...”
หมัดขวาตรงของดอนต่อยเข้าที่ท้อง มือข้างซ้ายกดรับสายแล้วปรับให้เป็นแบบลำโพงเนื่องจากไม่อยากเอาเข้ามาแนบหน้า
“มีอะไร?” ดอนถามห้วนๆหลังจากมองชื่อผู้โทร สงสัยจะมีเรื่อง... น่าเบื่อจริง
-บอส งานเข้าแล้ว-
“ขอบคุณที่ทำให้ฉันฉลาดขึ้น แค่นี้สินะ”
-โธ่... เอาดีๆสิครับ มีเรื่องจริงๆนะ- เสียงปลายสายทอดอ่อนลง
“สรุปมาไม่เกินสิบพยางค์ เริ่ม”
ปลายสายมีเสียงสูดหายใจลึก แล้วพูดออกมาด้วยความลำบากใจ
-มีการติดต่อมาจากเพนตากอนครับ-
- The Details - เป็นการล้อเลียนภาพยนต์แนวดราม่าคอมเมดี้ เกี่ยวกับการแก้ปัญหาต่างๆภายในบ้านของคู่สามีภรรยาที่ดูเหมือนจะสร้างปัญหาเพิ่มมากกว่าเดิม (สื่อถึงเรื่องภายในของ Sector U)
- เวสลี่ย์ กิ๊บสัน - ตัวละครเอกจากภาพยนต์เรื่อง WANTED
- ระบบทศนิยมของดิวอี้ - เป็นการแบ่งหนังสือออกเป็นหมวดหลักๆคือ 000 = เบ็ดเตล็ด 100 = ปรัชญา 20 ศาสนา 300 = สังคมศาสตร์ 400 = ภาษาศาสตร์ 500 = วิทยาศาสตร์ 600 = เทคโนโลยี 700 = ศิลปกรรมและการบันเทิง 800 = วรรณคดี 900 = ประวัติศาสตร์และภูมิศาสตร์ และยังแบ่งออกเป็นอีก 10 หมวดย่อยในแต่ละหมวด
- จาร์วิส - หุ่นยนต์คอมพิวเตอร์จากเรื่อง Iron Man สามารถประมวลผลและพูดโต้ตอบได้ด้วยตนเอง
- ริค กริมส์ - พระเอกจากซีรี่ย์ฝั่งอเมริกาเรื่อง The Walking Dead
- แอนดรูว์ ลินคอล์น - นักแสดงชาวอังกฤษ รับบท ริค กริมส์ ใน The Walking Dead
- NG - Not Give บางที่ใช้ N/A - Not Available มีความหมายเหมือนกันคือ ไม่ให้มา,ไม่มีข้อมูล,ไม่สามารถค้นหาได้
- เพนตากอน - อาคารสำนักงานใหญ่ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ที่อาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย อาคารเป็นอาคารรูปห้าเหลี่ยม ปรากฏในหนังแอคชั่นแทบทุกเรื่อง อนึ่ง เพนตากอนค่อนข้างสนับสนุนวงการหนังพอสมควร
- Launcher - เครื่องยิงระเบิดแบบประทับบ่า ลูกระเบิด(กระสุน)จะมีขนาดใหญ่ มีประสิทธิภาพสูง เมื่อกระทบเป้าหมายก็จะตูม ที่คุ้นเคยกันดีคือ M79 ใช้กระสุนขนาด 40mm และมีระยะหวังผลตั้งแต่ 150-350 เมตร ไม่ไกลแต่เจ๋งจริง
- เสียงเรียกเข้าของดอนมาจากเพลง Sexy and I know it ของวง LMFAO จากอเมริกา (ความชอบส่วนตัวของดอน)
ความคิดเห็น