ตอนที่ 5 : C H A P T E R 4
C H A P T E R 4
#ฟิคแฝดมยอง
บ-บ้าน่า...
มือแกร่งบีบกำกระดาษคำตอบเอาไว้แน่นก่อนที่ดวงตาเรียวรีจะเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเพื่อนที่นั่งเท้าคางบนโต๊ะรับแขกด้วยใบหน้าง่วงงุน มือบางยกขึ้นปิดปากหาวเป็นออพชั่นเสริมแถมมาให้ด้วย
“ไอ้แอล นี่มึงเล่นหรือจริงจัง?” ซองกยูหันไปถามอีกฝ่ายอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก แอลฉลาดมากก็จริงแต่ก็เอาแน่เอานอนกับอีกฝ่ายไม่ได้เลย
เป็นไปได้มากทีเดียวที่อีกฝ่ายจะแกล้งทำส่งเดชเพื่อที่จะได้ไม่ต้องไปแข่ง
อย่านึกว่ากูจะหลงเชื่อมึงง่ายๆนะ .. แอลคิม ..
บอกเลยว่ากูไม่หมู !!!!!!!
“จริงจังมากถึงมากที่สุด” มยองซูตอบทันทีโดยไม่คิด ก่อนจะหาวออกมาอย่างง่วงงุน ดวงตากลมปรือปรอยเหมือนคนจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่อยู่แล้ว
ง่วงจะตายอยู่แล้ว ยังมีอะไรต้องคิดอีก
“มึงอย่ากวนตีนเชี่ยแอล” ซองกยูพูดเสียงเรียบแต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจอยู่ไม่น้อย ดวงตาเรียวรีจ้องมองใบหน้าของคนตรงหน้าที่เริ่มมีน้ำมีนวลขึ้นมากกว่าแต่ก่อนนิ่ง ไม่ได้รู้สึกแปลกใจถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรเท่าไหร่นัก เพราะเห็นอยู่ว่าอีกฝ่ายกินขนมตอนดึกอยู่ทุกคืนหากไม่อ้วนขึ้นบ้างนั่นแหละที่เป็นเรื่องแปลก
“กวนตีนบ้าอะไร?” มยองซูหรี่ตามองเพื่อนพี่ชายอย่างรู้สึกไม่พอใจ
คนเขาตอบตามความจริงยังมาหาว่ากวนตีนซะได้บ้าจริง
“โจทย์ฟิสิกส์ง่ายๆมึงยังทำผิด นี่เหรอที่มึงบอกว่าจริงจัง ไอ้เหี้ยแอลคิม !” ซองกยูเอ่ยพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
เขาเป็นถึงประธานนักเรียนที่ได้รับความไว้วางใจจากเหล่าคณาจารย์และผู้คนทั้งโรงเรียนที่ต่างก็ให้ความเคารพนับถือเขาแทบทั้งนั้น หากจะมีก็แต่ไอ้เพื่อนเวรตะไลนี่ตัวเดียวเท่านั้นที่ไม่ว่าจะขอความร่วมมือหรือขอร้องให้ช่วยเหลืออะไรสักอย่างแม่งโคตรเรื่องมากทุกครั้ง
ย้ำอีกครั้ง..ดูปากของซองกยูสุดหล่อให้ชัดๆ
ทุกครั้ง ทุกครั้งจริงๆ !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“เออ จบมั้ย?” ร่างเพรียวตอบกลับอีกฝ่ายอย่างกวนประสาท อย่าว่าแต่ซองกยูเลยที่หัวเสีย มยองซูเองก็เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาแล้วเหมือนกันเพราะรู้สึกง่วงนอนเต็มแก่แล้ว เพราะปกติคนร่างเพรียวจะเข้านอนไม่เกิน 4 ทุ่มครึ่ง แต่นี่ปาไป 5 ทุ่มกว่าแล้วศีรษะยังไม่ถึงหมอนเลย
“ไม่จบโว้ยยยยยยยยยยยยยยยย” ซองกยูโวยวายเสียงดังลั่นอย่างไม่นึกกลัวหรือเกรงใจคนข้างห้องแต่อย่างใด เพราะผนังภายในห้องพักแต่ละห้องทำด้วยแผ่นยิบซั่มอย่างดีจึงสามารถเก็บเสียงได้
ดวงตากลมโตของมยองซูกับดวงตาเรียวรีของซองกยูพาจ้องมองกันอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ ฟาดฟันกันอย่างดุเดือดไม่มีใครยอมใคร จวบจนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือของซองกยูแผดเสียงดังขัดขึ้นมา ร่างสันทัดล้วงมือหยิบเครื่องมือสื่อสารเครื่องหรูออกมาจากกระเป๋ากางเกงสไลด์กดรับทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าน่ารักตรงหน้าเลยสักนิด พูดคุยกับปลายสายอยู่สองสามประโยคก่อนจะเป็นฝ่ายถอนสายตาแล้วเดินเลี่ยงออกไป
มยองซูอดไม่ได้แลบลิ้นปลิ้นตาใส่ลับหลังก่อนจะสะบัดหน้าเดินกลับไปยังห้องนอนของพี่ชายเพื่อจะได้หลับพักผ่อนเสียที หลังจากที่แปรงฟันเสร็จเรียบร้อยก็กระโดดขึ้นเตียงนอนนุ่มอย่างไม่รอช้าเพียงไม่นานก็หลับลึกลงไปทันที
ทางด้านซองกยูหลังจากที่วางสายจากโฮวอนก็เดินตรงไปยังห้องของเพื่อนเลวตั้งใจจะคุยกันให้รู้ดำรู้แดงกันไปเสียให้จบๆแต่พอจะบิดประตูเข้าไปอย่างถือวิสาสะแต่อีกฝ่ายล็อคไว้จึงรีบเดินกลับมาหยิบกุญแจสำรองไขเปิด แต่กลับเปิดไม่ออกเนื่องจากติดกลอนประตูแบบสลักยึดไว้อีกชั้น พอรู้เช่นนั้นมือหนาก็ยกขึ้นตบหน้าผากของตัวเองไปเสียหนึ่งที ก่อนจะพ่นลมหายใจออกจากจมูกช้าๆอย่างควบคุมอารมณ์ ขณะที่นัยน์ตาจ้องมองไปที่บานประตูนิ่งราวกับจะทะลุไปถึงคนที่อยู่ภายในห้อง
“ได้ กูจะปล่อยให้มึงสบายไปอีกหนึ่งคืน หลังจากนั้นมึงเตรียมใจเอาไว้ได้เลย” ซองกยูได้แต่พูดอย่างเข่นเขี้ยวเพราะยังไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ในตอนนี้
เช้าวันรุ่งขึ้นมยองซูตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ที่แผดเสียงดังจนรบกวนการนอน ร่างเพรียวขยับลุกด้วยใบหน้าง่วงงุนพลางชูมือมือเบียดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบตามร่างกาย สักพักถึงจะลุกขึ้นจากเตียงเดินงัวเงียเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมมาดูการ์ตูนก่อนไปเรียน
ใช่...ดูการ์ตูนก่อนไปเรียน
เนื่องจากเมื่อคืนเห็นโฆษณาว่าจะมีรีรันใหม่อีกครั้งซึ่งจะออกอากาศเช้านี้เป็นตอนแรก
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวในชุดนักเรียนเรียบร้อยก็เดินออกมาจากห้องตรงดิ่งไปยังห้องครัวเพื่อเตรียมหาอะไรรองท้องก่อนจะมานั่งประจำที่เพื่อเตรียมรอดูรีบอร์นด้วยใจจดจ่อ
อาหารเช้าซีเรียลคือตัวเลือกอย่างดีที่เพราะไม่หนักท้องมากจนเกินไปนัก หลังจากเททุกอย่างใส่ชามเรียบร้อยก็พาตัวเองมานั่งที่โซฟาหน้าโทรทัศน์ก่อนจะคว้ารีโมตขึ้นเปิดช่องรายการการ์ตูนดู ด้วยความตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมพลาดชมเลยสักตอนเดียว
ใบหน้าหวานที่กำลังก้มหน้าก้มตาใช้ช้อนตักซีเรียลเข้าปากเงยหน้าขึ้นทันทีเมื่อได้ยินเสียงอินโทรเพลงการ์ตูนคุ้นเคยของเพลงดังออกมาจากลำโพง ความสนใจทั้งหมดมุ่งไปที่หน้าจอโทรทัศน์จึงไม่ทันได้สังเกตว่ามีใครบางคนมาหยุดยืนกอดอกทำสีหน้าไม่แตกต่างจากหน้ากากปีศาจญี่ปุ่นอยู่ไม่ห่างเสียเท่าไหร่นัก
นิ่งมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกระตุกสายดึงปลั๊กไฟออกอย่างไม่กลัวว่าโทรทัศน์จะพังแม้แต่นิดพอดีว่าบ้านมีฐานะค่อนข้างใกล้เคียงกับเศรษฐีจะให้ซื้อมาใหม่อีกสิบเครื่องขนหน้าแข้งไม่มีร่วงบอกให้รู้ไว้เลย
พรึ่บ !
จากภาพ ซาวะดะ สึนะโยชิ อยู่ดีๆก็กลายเป็นสีดำสนิทเสียเฉยๆ
“เฮ้ย !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!” มยองซูร้องอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ชามที่อยู่ในมือถูกวางลงบนโต๊ะอย่างเร็วแต่ยังไม่ทันจะได้ลุกขึ้นจากโซฟาก็เหลือบเห็นตาตี่ซองกยูยืนชูปลั๊กสายไฟที่แกว่งไปแกว่งมาด้วยใบหน้าที่พร้อมจะขย้ำคนให้ตายได้
“คนดูอยู่ตาบอดไง?!!!” มยองซูเอ่ยพูดอย่างรู้สึกโมโห ตวัดสายตามองด้วยความไม่พอใจสุดๆ
ทำไมคนหน้าแป๊ะนี่ชอบหาเรื่องเขาชะมัดให้ตายเหอะ !
“อืม ตากูไม่ได้บอดนิ” ตอบเรียบๆแต่ทำเอาคนฟังรู้สึกคันฝ่าเท้ายิบเลย
“จะเอายังไง?” มยองซูเค้นเสียงถามอีกฝ่ายอย่างใจเย็น พยายามกดอารมณ์เดือดพล่านของตัวเองไม่ให้กระโจนเข้าไปข่วนหน้าอีกฝ่าย
“กูยังยืนยันคำเดิม ไม่ว่ามึงจะใช้ลูกเล่นเหี้ยอะไรก็ตามแต่ มึงต้องเข้าแข่งตอบปัญหาในนามของตัวแทนโรงเรียน” มยองซูกลอกตาไปมาอย่างไม่รู้จะพูดหรืออธิบายอย่างไรดีว่าระดับปัญญาในหัวสมองของเขาแค่สอบไม่ตกก็เก่งมากแล้ว เล่นจะให้ไปแข่งกับตัวแทนของโรงเรียนอื่นที่คัดแต่เฉพาะระดับหัวกะทิมาคิดว่าจะรอดมั้ยถามจริง?
เห็นลางแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มลงแข่ง...
“ฉันไม่ได้มีลูกเล่นบ้าอะไรทั้งนั้น” มยองซูยืนยันเสียงหนักแน่น หากบัตรนักเรียนและบัตรประชาชนตัวจริงของเขายังอยู่เขาคงงัดออกมาโชว์ให้อีกฝ่ายดูสิ้นเรื่องสิ้นราวกันไป ใครจะไปคิดว่าจะมีพี่ชายฝาแฝดที่โคตรฉลาดไหวตัวและดักทางเอาไว้ล่วงหน้าแบบนี้กันเล่า
“ถ้าเป็นอย่างที่ปากมึงว่าก็เลิกแกล้งโง่สักทีสิวะ” ซองกยูเอ่ยอย่างนึกฉุน ส่วนมยองซูคล้ายรู้สึกเหมือนตัวเองโดนด่ารู้สึกยัวะไม่น้อยเหมือนกัน
“ไอ้ห่า เป็นถึงระดับท็อปของโรงเรียนแต่กลับทำข้อสอบระดับพื้นฐานไม่ได้ ไม่โง่เป็นลากับควายก็ปัญญาอ่อนแล้ว”
........... (-__-)
โดนกล่าวหาว่าแกล้งโง่ไม่พอ ยังเปรียบเป็นควาย ลา และปัญญาอ่อน อีก…
มยองซูหลับตาลงนับหนึ่งถึงสิบในใจก่อนจะกระตุกยิ้มให้อีกฝ่ายนิดๆ ก่อนจะระเบิดแรงโมโหพูดโพล่งใส่หน้าอีกฝ่ายออกไปอย่างยั้งอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่
“มันเป็นเพราะมึงนั่นแหละ ไอ้บ้า ถ้าเมื่อวานมึงไม่ปากระปุกยาใส่หัวกูคงไม่โง่แบบนี้หรอก เหี้ย !” นอกจากจะหลุดคำหยาบคายออกมาแล้ว ร่างเพรียวยังยัดข้อหาแถมให้อีกฝ่ายรับความผิดนั่นไว้ด้วยเลย
“........
.
.
.
..............จริงเหรอ?” ซองกยูที่เหมือนจะอึ้งไปครู่หนึ่งเอ่ยพูดขึ้นด้วยท่าทีอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด
มยองซูเห็นท่าทางนั้นอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง ฟังดูก็รู้ว่าโกหกมันไม่มีอะไรที่เมคเซ้นส์เลยแม้แต่นิดเดียว แต่ไอ้บ้านี่กลับเชื่อ (=___= )
“เออ” มยองซูตอบรับส่งๆ ไหนมันก็เลยเถิดไปแล้วก็ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน
“งั้นเหรอ” ซองกยูเอ่ยเพียงเท่านั้นจากนั้นก็เงียบลงเหมือกำลังใช้ความคิด มยองซูถอนลมหายใจหนักพอเห็นว่าหมดเรื่องแล้วจึงขยับตัวลุกขึ้นโดยไม่ลืมหยิบชามไปวางไว้ที่ซิงค์อ่างล้างมือ แต่แล้วเสียงทุ้มของอีกฝ่ายกลับฉุดให้สองขาของร่างเพรียวจำต้องหยุดชะงัก
“กูจะติวให้มึงเอง” ใบหน้าน่ารักหันขวับไปมองยังร่างสันทัดที่มองตรงมาด้วยแววตาจริงจัง ผิดกับมยองซูที่กระพริบตามองอีกฝ่ายปริบๆ
ว่าอะไงนะ...
“กูสัญญาว่าจะทำให้มึงกลับมาฉลาดเหมือนเดิมทันวันแข่งแน่นอนไม่ต้องห่วง” ซองกยูส่งยิ้มให้บางๆ ขยับเท้าเดินกลับเข้าไปในห้องของตัวเองแต่ไม่วายหันมามองร่างเพรียวอีกครั้ง
“ขอโทษนะ” พูดจบก็เปิดประตูแล้วเข้าห้องของตัวเองไป ทิ้งให้คนฟังยืนอ้าปากค้างอย่างสับสนว่าอีกฝ่ายจะมาไม้ไหนกันแน่
….
….
ร่างเล็กเดินกัดเล็บมาตลอดทางที่เดินมายังห้องพักครูท่าทางดูวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัด แทบจะไม่รับรู้รสชาติความอร่อยของข้าวกลางวันที่ทานไปเสียด้วยซ้ำ ซึ่งแตกต่างจากร่างสูงโปร่งของอีกคนที่เดินล้วงกระเป๋าด้วยท่าทีสบายๆ เบื้องหน้าเห็นนักเรียนกลุ่มหนึ่งกำลังยืนดูผลคะแนนสอบอยู่ติดอยู่บนบอร์ดใก้ลกับประตูห้อง สีหน้าของแต่ละคนทั้งดีใจและเสียใจแตกต่างกันไป
มือเล็กยกมือขึ้นปิดดวงตาเรียวรีของตัวเองเอาไว้ โดยเหลือช่องว่างไว้เล็กน้อยเพื่อแอบมองลอดนิ้วของตัวเองอย่างลุ้นตัวโก่งประหนึ่งเป็นเรื่องของตัวเองจนคนมองอดรู้สึกขำกับความน่ารักนั้นไม่ได้
คะแนนเต็มคือ 30 คะแนนฉะนั้นหากจะผ่านครึ่งจะต้องสอบให้ได้อย่างต่ำคือ 15 คะแนน อูฮยอนไล่สายตาลงมาเรื่อยๆตามรายชื่อ โดยที่ริมฝีปากขยับเอื้อนเอ่ยชื่อของเพื่อนรักไปด้วยไม่รู้ตัว พอเห็นชื่อของเพื่อนปรากฏอยู่ตรงกับระดับสายตาก็เผลอกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่หลับตานิ่งทำใจเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆขยับเลื่อนสายตาไปทางด้านข้างเพื่อดูช่องคะแนนสรุปรวมที่อยู่ด้านท้ายของตาราง
ทันทีเมื่อได้เห็นคะแนนอูฮยอนถึงกับเข่าอ่อนหมดแรงกะทันหัน แต่มือแกร่งคว้าแขนเอาไว้ได้ทันก่อนที่ร่างเล็กจะทรุดฮวบนั่งลงบนพื้น
“...ผ่านแล้ว...ผ่านแล้ว” เสียงผะแผ่วเอ่ยออกมาจากกลีบปากแดงอิ่มก่อนจะหันไปโผกอดร่างของแอลเอาไว้ด้วยความดีใจ เพราะนั่นหมายความว่าเพื่อนรักของตนเองจะได้เรียนจบไปพร้อมกัน โดยที่ร่างสูงโปร่งของแอลยืนนิ่งไม่ได้กอดตอบร่างเล็กแต่อย่างไร เพียงแต่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาเท่านั้น
“ผ่านไปหนึ่งเหลืออีกสาม เย็นนี้กลับห้องไปนั่งติวกันนะ” อูฮยอนผละออกจากอกแกร่งส่งยิ้มกว้างให้ขยับเท้าก้าวเดินกลับไปยังห้องเรียนพร้อมทั้งฮัมเพลงไปด้วยอย่างอารมณ์ดีแตกต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ ก่อนที่เสียงท้องร้องจะดังประท้วงขึ้นเรียกเสียงหัวเราะขำในลำคอจากใครบางคนได้ไม่ยากจนคนตัวเล็กต้องยกมือขึ้นเกาท้ายทอยแก้เก้อ
“แหะๆ หิวข้าวอ่ะ” ร่างเล็กเอ่ยพลางลูบหน้าท้องของตัวเองไปมา ตอนแรกเพราะเป็นกังวลมากเลยรู้สึกตื้อทานอะไรไม่ลงแต่พอสบายใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกก็รู้สึกหิวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“แวะโรงอาหารซื้อแซนวิชก่อนแล้วค่อยกลับห้องแล้วกัน” อูฮยอนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของแอลทันทีแทบไม่เสียเวลาคิด
“งั้นก็รีบไปกัน” ร่างเล็กเอ่ยก่อนจะรีบเดินนำออกไปทันที แต่พอเห็นเพื่อนที่ยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับก้าวเดินตนเองมา ก็หันหลังกลับมาขยับ สองมือกวักเรียกให้อีกฝ่ายรีบตามมาโดยไว
“เร็วสิมยองซู” ร่างสูงโปร่งมองท่าทางกระตือรือร้นที่ไม่ต่างจากลูกสุนัขตัวน้อยนิ่งพร้อมด้วยรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนมุมปากได้รูป แอลส่ายศีรษะไปมาน้อยๆอย่างนึกเอ็นดู รีบสาวเท้าเดินตรงเข้าไปหาเพียงไม่กี่ก้าวก็มาถึงตัวอูฮยอน ก่อนจะวาดวงแขนขึ้นโอบไหล่เล็กไว้อย่างถือวิสาสะ
“รางวัล..อย่าลืมล่ะ” แอลพูดขึ้นเรียบๆพลางมองคนตัวเล็กที่อยู่ด้านข้างพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน
“แน่นอน อยากได้อะไรว่ามาเลย ป๋าจัดให้” ร่างเล็กยิ้มร่าไม่เพียงไม่พูดเปล่าพยายามวางลำแขนเล็กพาดขึ้นเหนือแขนแกร่งของคนที่สูงกว่าแม้จะต้องลำบากเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อยก็ตาม และไม่วายแถมยักคิ้วมาให้แบบกวนๆด้วย เรียกเสียงหัวเราะในลำคอจากร่างสูงโปร่งได้อีกครั้ง
แอลไม่ได้พูดอะไรอีกต่อจากนั้นมีเพียงแต่เสียงเจื้อยแจ้วของอูฮยอนที่ดังไปตลอดทาง
อูฮยอนไม่ใช่คนที่น่ารักมากที่ใครเห็นแล้วเป็นต้องสะดุดตา แต่กลับโดดเด่นและมีเสน่ห์เสียจนไม่อาจละสายตาได้ ถึงมันจะยังไม่ใช่ความรู้สึกที่เรียกว่าชอบหรือรักแต่แอลก็ยอมรับว่าตนเองรู้สึกสนใจเพื่อนสนิทของน้องชายคนนี้ไม่น้อย
และไม่คิดที่จะปล่อยให้มันหายไปอย่างแน่นอน
หลังเลิกเรียนทั้งคู่แวะซื้อของที่ร้านมินิมาร์ทที่อยู่ไม่ไกลจากหอพักกันก่อนจะกลับขึ้นมาบนห้องเพื่อเตรียมติวหนังสือเพื่อสอบซ่อมอีกสามวิชาที่เหลือ
“นายแน่ใจนะว่าจะไม่หิวขึ้นมากลางดึก” อูฮยอนถามย้ำกับเพื่อนสนิทของตัวเองอีกครั้ง ทั้งที่ตอนอยู่มินิมาร์ทข้างล่างก็ถามไปหลายรอบแล้วเหมือนกัน
“อืม” คำตอบยังคงเป็นเฉกเช่นเดิมไม่เปลี่ยน คิ้วเรียวบนใบหน้าขมวดเข้าหากันเป็นปนด้วยความแปลกใจระคนสงสัยโดยปกติแล้วเวลาที่แวะซื้อของร้านมินิมาร์ทมยองซูจะต้องกว้านซื้อขนมขึ้นมาตุนเป็นเสบียงยามดึกเต็มไปเต็มมือทุกครั้ง แต่มาคราวนี้กลับซื้อเพียงแค่เครื่องดื่มและนมสดหนึ่งแกลลอนเท่านั้นเอง
“ขอไป..อาบน้ำก่อนแล้วกัน” อูฮยอนยกมือขึ้นเกาศีรษะเล็กน้อยอย่างงุนงงกับพฤติกรรมที่ดูแปลกไปของเพื่อน นอกจากจะไม่ซื้อขนมนมเนยอย่างที่ชอบแล้ว พอถามถึงเรื่องรางวัลที่อยากได้ก็ไม่ยอมบอกเขาอีกด้วย ยอมรับว่ารู้สึกแปลกแต่พยายามที่จะไม่คิดอะไรมากนัก เพราะอาจเป็นไปได้ที่เจ้าตัวจะเบื่ออาหารหรือคิดอยากจะลดความอ้วนก็เป็นได้(ละมั้ง)
นัยน์ตาคมมองแผ่นหลังบางของร่างเล็กเดินหายเข้าไปในห้องนอน หลังจากสิ้นเสียงปิดประตูร่างสูงโปร่งก็เดินไปแช่น้ำกับนมที่ซื้อมาใส่เข้าตู้เย็นก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของมยองซูเพื่อชำระร่างกายของตัวเองบ้าง ไม่นานก็เดินออกมาจากห้องซึ่งพอๆกับที่อูฮยอนเดินออกมาพอดี
และที่เดิมโต๊ะตั้งพื้นแบบญี่ปุ่นพื้นที่แห่งเดียวที่เหมาะสำหรับใช้ติวหนังสือกัน หลังจากที่ทั้งคู่ทรุดตัวนั่งลงบนพื้นพรม วงแขนเล็กที่หอบเอาตำราเรียนวิชาฟิสิกส์ เคมี และชีวะ ออกมาจากในห้องด้วยคลายออกเพื่อวางทุกอย่างลงบนโต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าส่งยิ้มหยีจนตาปิดมาให้
“ขอรางวัลก่อนสิ” แอลกดยิ้มมุมปากเปลี่ยนท่าเป็นนั่งเท้าคางขยับยื่นหน้าเข้าไปใกล้กับร่างเล็กมากขึ้นกว่าเดิมอีกนิด
“อะไรล่ะ?” ร่างเล็กถามสวนกลับทันทีเพราะใจก็นึกอยากจะรู้แล้วเหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะนึกขออะไรจากตนเอง
แอลไม่พูดอะไรแต่ยกนิ้วแกร่งขึ้นชี้ที่ใบหน้าของตัวเองเพื่อบอกตำแหน่ง แก้มสากอมลมไว้เล็กน้อยเพื่อบอกให้รู้เป็นนัยๆว่าอีกฝ่ายควรต้องทำอย่างไร
“หอมแก้ม? แค่นี้เนี่ยนะ” อูฮยอนขมวดคิ้วเข้าหากันมุ่นก่อนจะขยับตัวใกล้ใบหน้าคมของแอลโดยไม่อิดออด กดปลายจมูกลงบนแก้มสากอย่างน่ารักตามคำร้องขอของร่างสูงโปร่ง ก่อนจะผละออกมานั่งตัวตรงตามเดิม
“ตอนแรกก็นึกว่าจะขออะไรซะอีกนะ” ร่างเล็กพูดขำไม่ได้คิดอะไรเพราะปกติทั้งเขาและมยองซูก็หอมแก้มกันเป็นปกติอยู่แล้วด้วยซ้ำ
ฟอด~ด
ร่างสูงยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มนิ่มแรงๆ สูดกลิ่นหอมของแป้งเด็กเข้าไปจนกระทั่งพอใจถึงได้ยอมผละออก ชั่วความรู้สึกนั้นอูฮยอนรู้สึกใจเต้นขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็น มือเล็กยกขึ้นกุมแก้มข้างที่ถูกปล้นหอมไปหมาดๆ ดวงตาเรียวรีฉายแววตื่นตกใจเล็กน้อยหันมองใบหน้าของเพื่อนที่กำลังส่งยิ้มจนตาปิดมาให้
เหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม…
คือความรู้สึกของอูฮยอนในตอนนี้
BEEBER; เป็นอีกตอนที่ยกหน้าที่การแต่ง 100 เปอร์เซ็นให้พี่อุ๊ย //หัวเราะแบบคนชั่วร้าย มีใครคิดบ้างว่าฟิคเรื่องนี้อิพี่มันดูฉลาดน้อยสุดๆ ยากระแทกหัวทำให้ฉลาดน้อยลง คิดได้ไง 5555 แต่เอาเถอะ อาจเพราะอีกฝ่ายเป็น(ว่าที่)ภรรยาไงเลยเชื่อฟังเป็นพิเศษ คึคึคึ
AMANE; เหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม คึคึ อีกไม่นานอูฮยอนจะได้รู้ซึ้งถึงคำนี้เป็นอย่างดีแน่นอนค่ะ ^^ ใครอยู่ทีมไหนมาบอกกันบ้างนะ เอ้อ !
อย่าลืมคอมเมนต์และติดแท็ก #ฟิคแฝดมยอง นะคะ** กำลังใจใครว่าไม่สำคัญ !
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ตอนนี้สนุกดีนะคะ คู่กยูมยองนี่กลัวเหลือเกิน กลัวจะฆ่ากันตายก่อนที่จะได้รักกันจริงๆ ต่างคนต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันบ้างเลย นี่ถ้าโฮวอนไม่โทรมาขัดจังหวะ คงได้มีลงไม้ลงมือกันบ้างแหละ ชอบน้องมยองมากๆเลยนะ ทั้งน่ารักทะเล้นและปัญญาอ่อน ถึงไอคิวน้องจะไม่ค่อยสูงแต่อีคิวน้องเป็นเลิศนะคะ ทักษะในการเอาตัวรอดดีเยี่ยม ดูคนฉลาดอย่างซองกยูสิ พอเจอน้องมยองเข้าไปความฉลาดที่มีอยู่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย *รึว่าจะแกล้งโง่นะ*
ส่วนคู่พี่เสือแอลกับน้องนัม กำลังดีเลย ถึงจะยังไม่ได้เป็นแฟนกันแต่เชื่อว่าต่อจากนี้ไปพี่เสือต้องรุกหนักแน่ๆ แค่เริ่มต้นก็เล่นขโมยหอมแก้มน้องนัมฟอดใหญ่แล้ว จุดเปลี่ยนของความรู้สึกเริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ
ชอบเรื่องนี้นะ สองคู่ สองขั้ว สองอารมณ์ ชอบมากทั้งสองคู่เลย แต่ก็แอบเอนเอียงไปทางกยูมยองมากกว่านิดหน่อย เพราะความน่ารักของน้องแมวมยองนั่นเอง ยังไงก็อย่าหายไปนานนะคะ พี่รออ่านตอนต่อไปอยู่น้าาา เป็นกำลังใจให้คุณน้องไรท์ทั้งสองคนเสมอนะคะ^^
โอ้ย แลดูคู่พี่จะเวิร์กกว่าคู่น้องนะคะ55555
คู่กยูมยองนี่อะไรก็ไม่รู้ หวานกันมั่งได้ป่ะล่ะ5555