ตอนที่ 1 : บทนำ (100%)
บทนำ
“เชิญครับ เดินชมได้ตามสบาย ชอบไม่ชอบยังไง เดี๋ยวค่อยว่ากันอีกที”
หญิงสาวร่างเล็ก คล้องผมยาวเลยบ่าไปเล็กน้อยของเธอขึ้นทัดหู ยิ้มบางๆ พร้อมกับค้อมตัว อย่างนอบน้อมให้ชายสูงวัยคนพูด ก่อนจะเดินตามการผายมือของเขาเข้าไปในห้องนอนขนาดพอเหมาะซึ่งตั้งอยู่บนชั้นสองของตัวบ้าน
บ้านหลังนี้เป็นบ้านปูนกึ่งไม้ หลังคาหน้าจั่วแหลมที่ปลายหลังคาอยู่สูงจากพื้นดินนอกบ้านเพียงเมตรกว่าๆ กะประมาณจากสายตาเมื่อตอนเดินชมรอบบ้าน ด้วยลักษณะบ้านที่ไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก ทำให้เธอสะดุดใจกับบ้านหลังนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ที่เห็น และยิ่งสะดุดตาจนต้องพาตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้าน ก็คงหนีไม่พ้น ป้ายที่เขียนว่า ‘มีห้องว่างให้เช่า’ ซึ่งแขวนเอาไว้ที่รั้วหน้าบ้านนั่นละ
“ห้องนี้ไม่มีคนเช่ามาเกือบจะห้าปีได้แล้วครับ บ้านนี้หลังคามันแหลม ห้องชั้นสองมันเลยเหมือนเป็นห้องใต้หลังคา คนตัวโตอยู่ลำบาก แต่ตัวเล็กๆ อย่างคุณนันท์ ลุงว่าอยู่ได้สบาย”
นิธินันท์ สาวมินิไซซ์ระบายยิ้มให้เจ้าของบ้านที่แนะนำตัวกับเธอว่าชื่อทรงยศ ชายวัยกลางคนที่ไม่น่าจะอายุห่างไปจากพ่อของเธอสักเท่าไร หญิงสาวก้มลงกดบนที่นอนสองสามที เพื่อเช็คความนิ่มของฟูกและความแข็งแรงของเตียงที่ไม่ได้รับการใช้งานมานาน
“ไม่มีคนเช่ามาห้าปี แต่ห้องสะอาดมากเลยนะคะ”
“อ้อ ป้าเขามาทำความสะอาดห้องนี้ทุกเดือนน่ะ กลัวว่าปล่อยทิ้งไว้นานๆ แล้วมันจะโทรมเอา” ทรงยศว่าพลางเปิดประตูอีกด้านหนึ่งของห้อง ซึ่งเชื่อมต่อไปยังระเบียงที่ยื่นออกไปหน้าบ้าน ก่อนจะผายมือเชิญชวนให้ว่าที่ผู้เช่าคนใหม่ออกไปชมระเบียงไม้ด้านนอก
นิธินันท์ฉีกยิ้มกว้าง และก้าวตามออกไปด้วยใจที่เริ่มเต้นแรง และทันทีที่อากาศเย็นกำลังดีของยามสายต้นเดือนมกราคมพัดต้องผิวหน้า คนที่ยิ้มกว้างอยู่แล้ว เป็นต้องยิ้มทั้งตาทั้งปาก บรรยากาศแบบนี้แหละที่เธอตามหา สาวร่างเล็กทอดสายตาออกไกลสุดลูกหูลูกตา ก่อนจะก้าวเรื่อยๆ ไปจนสุดด้านหน้าหนึ่งของระเบียง
เพราะระเบียงไม้นี้เป็นเสมือนหลังคาของโรงจอดรถหน้าบ้าน ทำให้กว้างขวางพอที่จะใช้พื้นที่ส่วนนี้ทำกิจกรรมได้มากมาย นิธินันท์เริ่มวาดภาพโต๊ะญี่ปุ่นตัวเล็กที่ตั้งอยู่กลางระเบียงพร้อมกับตัวเธอที่กำลังนั่งทำงานบนเบาะนุ่มๆ มองออกไปไกลๆ เห็นบรรยากาศที่ไม่พลุกพล่านของบ้านเรือนโดยรอบ
“เชียงรายนี่สงบดีจังเลยนะคะ” สาวต่างถิ่นหันไปบอกกับเจ้าบ้าน “ดูเหมือนว่า...นันท์จะตกหลุมรักที่นี่เข้าให้แล้วล่ะค่ะ”
ทรงยศยิ้มระคนหัวเราะ แล้วชี้ไปที่ด้านหนึ่งของระเบียงที่มีบันไดไม้พร้อมราวจับพาดยาวไปถึงชั้นล่าง “บันไดตรงนั้นครับ” นิธินันท์หันมองตามคนพูด “ปกติแล้วคนที่เช่าชั้นสองจะใช้บันไดนั้นขึ้นลง ถ้าไม่อยากผ่านห้องชั้นล่าง”
ใช่...ไม่ผิดหรอก เธอคือคนที่จะเช่าห้องชั้นสอง เพราะบ้านเช่าหลังนี้ เป็นแชร์เฮาส์ ซึ่งแน่นอนว่าห้องนอนชั้นล่างที่ผู้เช่าอยู่ก่อนแล้ว มีเพียงห้องนอนเท่านั้นที่แยกเป็นส่วนตัวอย่างชัดเจน ส่วนห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น รวมไปถึงสวนรอบบ้าน เป็นพื้นที่ที่ต้องใช้ร่วมกันทั้งหมด ซึ่งนิธินันท์ก็ไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร เพราะศิษย์เก่าโรงเรียนประจำอย่างเธอไม่มีปัญหาเรื่องการแชร์พื้นที่และอยู่ร่วมกับคนอื่นอยู่แล้ว
เอิ่ม...แต่...ระเบียงไม้ชั้นสองนั้น ขอโมเมให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของเธอละกันนะ ก็มันทั้งสงบ บรรยากาศดี ถ้าได้นั่งทำงาน นอนอ่านหนังสือตรงนั้นนะ คงสโลว์ไลฟ์เชียงรายสุดๆ ไปเลย!
“งั้นนันท์ตกลงเช่าที่นี่ค่ะ”
“ยินดีมากๆ ครับ งั้นเดี๋ยวลุงให้กุญแจบ้านกับคุณนันท์เอาไว้เลย แต่ถ้าคุณนันท์ได้วันที่จะย้ายเข้าเมื่อไหร่ รบกวนโทร. บอกลุงทีนะครับ ลุงจะได้แจ้งคุณกีรติ ผู้เช่าอีกคนเอาไว้ล่วงหน้า”
นิธินันท์ได้ยินชื่อนั้นแล้วอมยิ้ม ความคิดเริ่มยุกยิกในหัว จะโทร. ไปอวดคุณแม่คอนิยายของเธอดีไหมนะ ว่าเธอน่ะ มีเพื่อนร่วมบ้านคนใหม่เป็นถึง คุณหญิงกีรติ จากเรื่อง ข้างหลังภาพ เชียว
“คงวันสองวันนี้ละค่ะ ยังไงเดี๋ยวนันท์จะโทร. บอกอีกนะคะ”
“ขอบคุณครับ งั้นพรุ่งนี้ลุงจะฝากสัญญาเช่าตามข้อตกลงของเราไว้ให้ที่เกสต์เฮาส์ที่คุณนันท์พักนะครับ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
นิธินันท์ตั้งใจจะอยู่ที่นี่สามเดือน เป็นการเช่าในระยะสั้นๆ ทรงยศจึงขอให้เธอเซ็นสัญญาและจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าทั้งหมด ก่อนที่จะย้ายเข้า ซึ่งเธอก็ไม่ได้ติดขัดอะไร
“อ้อ แล้วก็มีเอกสารรับทราบการอยู่ร่วมบ้านกับผู้เช่าอีกคนด้วยนะครับ ลุงจะส่งมาให้หลังจากย้ายเข้าแล้ว เพราะต้องขอเวลาให้ทนายร่างให้ สองสามวันคงจะได้ พอดีเคยมีปัญหากับผู้เช่ารายอื่นมาก่อน จนต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันมาแล้ว ทางเราเลยอยากจะขอให้ผู้เช่าทั้งสองเซ็นรับทราบว่าจะต้องอยู่ร่วมกับอีกคนด้วย คุณนันท์คงไม่มีปัญหานะครับ”
หญิงสาวกำลังอิ่มอกอิ่มใจที่ได้เจอกับบ้านในฝัน ความรู้สึกตอนนี้ ใครจะขออะไร ก็ได้สำหรับเธอทั้งนั้นล่ะ “เรื่องแค่นี้เอง ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ”
ท่อนแขนหนาของชายหนุ่มผิวขาวยกขึ้นมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือถี่ๆ แต่ละวินาทีที่ตัวเลขเดินเข้าใกล้เวลานัดหมายทำให้เขาหายใจติดขัดมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะเครื่องบินดีเลย์ทำให้เขาไม่อาจหลีกหนีช่วงเวลารถติดของการสัญจรในกรุงเทพมหานครอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ได้ และเวลาเร่งด่วนแบบนี้วินมอเตอร์ไซค์จึงกลายเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งของเขาไปโดยปริยาย
“จะทันไหมวะเนี้ย” คนที่กำลังจะไปไม่ทันนัดเริ่มออกอาการกระสับกระส่าย “หวังว่าคงไม่สายตั้งแต่นัดคุยงานครั้งแรกหรอกนะ” พึมพำเสร็จก็ส่งเสียงไปไปกระตุ้นชายคนขับ
“ไฟแดงนานขนาดนี้ จะไปทันจริงเหรอพี่”
“ไม่ต้องห่วงน้อง พ้นแยกนี้ไป เดี๋ยวพี่พาไปทางลัด รับรองทันชัวร์ล้านเปอร์เซ็นต์”
ทันทีที่วินมอเตอร์ไซค์ผิวเข้ม สีหน้าไม่วิตกกับการจราจรที่ติดขัดพูดจบ รถที่คนฟังนั่งอยู่ก็พุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วเพราะสัญญาณไฟที่เปลี่ยนกะทันหัน คนขับพาคนซ้อนที่ไม่ชินทางซอกแซกไปตามซอยเล็กซอยน้อยที่เขาบอกว่าเป็นทางลัด คนมาครั้งแรกกำลังพยายามจำเส้นทางไปด้วย
และในตอนนั้นเอง สมาร์ตโฟนในกระเป๋ากางเกงของเขาก็ส่งสัญญาณว่ามีสายเรียกเข้า คนถูกกวนการจดจ่อทำเสียงจึ๊กจั๊กในลำคอเล็กน้อย ก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาโดยไม่ละสายตาไปจากการมองเส้นทาง
กีรติก้มลงมองชื่อของสายเรียกเข้าเพียงไม่กี่วินาที ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความสงสัยถึงธุระของปลายสาย แล้วกดรับ
“ครับ ลุงยศ มีอะไรรึเปล่าครับ” คนที่โทร. มาไม่ใช่ใครที่ไหน ทรงยศเจ้าของบ้านที่เขาเช่าอยู่
‘ลุงจะโทร. มาบอกคุณต่อว่าตอนนี้ลุงได้ผู้เช่าอีกคนที่จะมาอยู่ห้องชั้นสองแล้วนะ เดี๋ยวลุงจะส่งเอกสารรับทราบไปให้เซ็น’
“ได้ๆ ครับลุง แต่ตอนนี้ผมมาพบลูกค้าที่กรุงเทพฯ รบกวนลุงฝากไว้ที่ออฟฟิศได้ไหมครับ” คนนั่งอยู่บนหลังรถมอเตอร์ไซค์ตะโกนแข่งกันเสียงลม
‘ได้สิ ถ้าอย่างนั้นลุงจะเอาไปฝากไว้กับคุณเจนก็แล้วกันนะ’
“ครับ ขอบคุณครับ”
เมื่อกีรติเห็นว่าธุระของทรงยศน่าจะสิ้นสุดแล้ว จึงมุ่งความสนใจเกือบจะทั้งหมดกลับไปที่เส้นทางเบื้องหน้า ทว่าธุระของคนปลายสายกลับไม่ได้มีเพียงเท่านั้น
‘อ้อ อีกเรื่องหนึ่งครับคุณต่อ คือ อีกสองวันนี้คุณนิธินันท์...’
“พี่เลี้ยวซ้ายซอยข้างหน้า!” คนฟังตะโกนแทรกประโยคขึ้นเมื่อเห็นป้ายบอกชื่อซอยซึ่งตรงกับที่อยู่ที่เขาได้รับ ก่อนจะหันความสนใจกลับมาหาเสียงในโทรศัพท์
‘...เขาจะย้ายเข้า’
“อ๋อ ครับๆ อีกสองวันจะย้ายเข้านะครับ ได้ครับผมไม่มีปัญหา” กีรติที่กำลังลงจากรถมอเตอร์ไซค์หนีบโทรศัพท์เอาไว้กับหัวไหล่ พร้อมกับยื่นเงินให้กับวินมอเตอร์ไซค์ที่พาเขามาส่งได้เฉียดฉิวพอดี ก่อนจะคุยกับปลายสายอีกไม่กี่ประโยคแล้วรีบวางสายไปเพราะได้เวลาของธุระสำคัญของเขาแล้ว
เกือบสองชั่วโมงของการคุยรายละเอียดของงานที่ลูกค้าเพิ่งจะตกลงจ้างบริษัทซอฟต์แวร์ของเขาให้รับงานวางระบบการจัดการร้านอาหารของสาขาในภาคเหนือตอนบนทั้งหมด นับว่าเป็นงานใหญ่ตั้งแต่ต้นปี ไม่เสียแรงที่ทุ่มเทเตรียมตัวมาอย่างดีที่จะมานำเสนองานในวันนี้ แม้ว่าเกือบจะชวดงานเพราะเครื่องบินดีเลย์แล้วก็เถอะ นึกแล้วก็อยากขอบคุณกรุงเทพฯ ที่มีการขนส่งที่เรียกว่าวินมอเตอไซค์อยู่ ไม่อย่างนั้นเขาคงชวดงานนี้ไปอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากที่บอกลาลูกค้าและนัดวันส่งความคืบหน้าในครั้งต่อไปเรียบร้อยแล้ว โปรแกรมเมอร์หนุ่มที่เพิ่งทิ้งตัวราวกับหมดพลังลงบนเบาะของรถแท็กซี่ก็เริ่มคิดทบทวนเหตุการณ์ก่อนหน้า
“เมื่อกี้ลุงยศบอกว่าจะมีคนย้ายเข้ามาอยู่ใหม่เหรอ ชื่ออะไรวะ ดันไม่ทันได้ฟังดีๆ ซะด้วยสิ” คนกำลังย้อนความทรงจำเกาคางอย่างใช้ความคิด ก่อนชื่อที่ทรงยศบอกเขาจะแว่บเข้ามาในหัว
“อ๋อ จำได้ละ นิธิ”
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
![]() |
|
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

รอลุ้นนนน เรื่องน่ารักมากค่ะ
กลับมาแล้ววววววววว
เค้าเกือบไปแจ้งคนหายยยยย
ขอบคุณมากนะคะ
มีความอยากเป็นพี่นันท์
กลับมาแล้ววววววววว
เค้าเกือบไปแจ้งคนหายยยยย
ขอบคุณมากนะคะ
มีความอยากเป็นพี่นันท์
กลายเป็นทางลือก ทางเลือก