ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Evil of Love [CinTeuk]

    ลำดับตอนที่ #12 : Chapter 12

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 823
      0
      12 พ.ย. 53




     Chapter 12

     

    ด้านร่างบางที่พอขึ้นรถมาได้ก็หลับเป็นตายทันที กว่าจะตื่นก็อีกทีก็ใก้ลจะถึงบริษัทแล้ว...และที่สำคัญตื่นมายังบ่นว่าหิวอีก

    “หิวข้าว...” พูดพร้อมเบ้หน้าใส่อีกคน

    “ถ้าหิวก็ไปหาอะไรกินสิ...ใครเขามัดมือมัดเท้าไว้มิทราบ”

    “โห้ย...นายอย่ามาปากเสียแต่เช้าจะได้มั๊ยห๊ะ” ร่างบางที่กำลังเหมือจะอารมณ์ดี ? ตอนนี้อารมณ์กลับเสียมากขึ้นเพราะความหิวนั่นเอง...ตอนนี้ภายในท้องมันร้องประท้วงเขาแล้ว...

    “เหอะ ว่าจะพาไปกินสักหน่อย พูดแบบนี้อดเถอะ” ฮีชอลขำกับท่าทางของอีกคน ที่พอบอกว่าจะไม่พาไปทานอะไร คนตัวเล็กก็ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ซะงั้น

    “เฮ้ย...ไม่ได้นะ นายออกจะใจดี นะ ๆๆ  พาฉันไปกินข้าวก่อนนะ” ส่งเสียงที่คิดว่าอ้อนที่สุดออกมา พร้อมทั้งสายตาหวานๆนั่นอีก เล่นเอาร่างสุงใจเต้นไม่เป็นจังหวะ...

    “ก็ได้ ๆๆ......อย่าทำเสียงแบบนี้ได้มั๊ย ขนลุก” ร่างบางไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่ยิ้มหวานๆส่งกลับไปเท่านั้น ร่างสูงเองก็แอบลอบยิ้มกับท่าทางน่ารักๆนั่นด้วยเช่นกัน

    การประชุมจบลงภายในไม่กี่ชั่วโมงของเช้าวันนั้น ดูเหมือนร่างบางจะเป็นที่สนใจของคนในบริษัทเป็นอย่างมาก ด้วยความที่ลีทึกเป็นคนน่ารัก ยิ้มง่าย อัธยาศัยดี ทำให้เขากลายเป็นขวัญใจของคนในบริษัทได้ภายในเวลาอันสั้น

     

    “นี่...ฮีชอล ชั้นอยากทำงานบ้างอ่ะ” อยู่ๆร่างเล็กก็พูดขึ้น ทำเอาชายหนุ่มหันกลับมามองแบบงง

    “ไม่” จากนั้นก็รีบปฏิเสธทันที ไม่รู้ว่าฮีชอลเป็นอะไร เขาหงุดหงิดที่เห็นคนตรงหน้ายิ้มให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เขาไม่ชอบให้คนอื่นมองร่างบางด้วยสายตาแปลกๆ หรือแค่มีชายอื่นเข้ามาคุยกับคนนี้เขาก้แทบอยากจะลากออกไปทันที

    “ทำไมล่ะ ชั้นทำได้นะ อยู่บ้านเฉยๆน่าเบื่อจะตายไป.....”

    “เดี๋ยวงานฉันพัง” พูดปัดอย่างนั้นออกไป เพียงเพราะไม่ต้องการให้ร่างเล็กเข้ามาทำงานก็เท่านั้น ร่างสูงไม่ได้คิดจะว่าอีกคนเลย แต่ลีทึกกลับไม่คิดอย่างนั้น เรื่องนี้ทำเอาเขาสะอึกเลยทีเดียว

    “เอ่อ....ก็ได้ ไม่ทำก็ได้ พาฉันกลับบ้านเถอะ เหนื่อยแล้ว” ลีทึกพูดกลับไปอย่างแผ่วเบา เขารู้สึกจุกอกขึ้นมายังไงก็ไม่รู้

    ......นี่นายไม่ไว้ใจฉันเลยเหรอ.......

    ระหว่างทางกลับบ้านไม่มีแม้เสียงพูดคุยใดๆ เมื่อขึ้นรถได้ร่างบางชิงที่จะเสหน้ามองทางอื่นแล้วแกล้งหลับทันที

    -------------------------------------12 %

    หลายวันแล้วที่ร่างบางไม่ออกไปไหน และไม่พูดจาอะไรกับร่างสูง พอเมื่ออีกคนถามมาอีกคนก็จะตอบออกไปเพียงแค่สั้นๆ แล้วเดินเลี่ยงหนีออกไป ฮีชอลเองก็สงสัยเช่นกันแต่ช่วงนี้เค้าทำอะไรไม่ค่อยได้เพราะว่า งานที่รุ่มเร้ามันก็มากมายเสียเหลือเกิน แต่หากจะปล่อยไว้แบบนี้มันก็มีแต่จะอึดอัดกันไปเสียเปล่าๆ คิดได้แบบนั้นฮีชอลก็คว้าเข้าที่แขนบางๆของอีกคน

    “อ๊ะ” ร้องออกมาเพราะแรงที่ไม่น้อยของร่างสูง มันก็ทำให้เจ็บได้ไม่น้อยเหมือนกันก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงติดไม่พอใจนัก

    “อะไรของนาย ปล่อย!!

    “นายเป็นอะไรของนาย” ถามเสียงเรียบ พร้อมทั้งเพิ่มแรงที่แขนอีกคน

    “อ๊ะ โอ้ยย ยย   ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ” แต่คำตอบที่ออกมากลับไม่ตรงคำถามเลยสักนิด ร่างสูงที่ความอดทนน้อยอยู่แล้ว ตอนนี้เส้นความอดทนได้ขาดออกเป็นที่เรียบร้อย เค้ากระชากตัวของอีกคนให้ปลิวตามแรงออกไปที่รถคันสวย พร้อมทั้งขับออกไปโดยไม่สนใจเสียงโวยวายข้างๆ

     

    “ฮีชอล ตาบ้า คิมฮีชอล นายจะพาฉันไปไหนจอดเดี๋ยวนี้ ฉันจะลง”

    “เงียบ”

    “ไม่ นายเป็นใครห๊ะ นายไม่มีสิทธิ์มาสั่งฉัน ไอ้บ้า” แม้ว่าเสียงที่ร่างสูงเปล่งออกมาจะฟังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ทว่าร่างบางกลับไม่ได้เกรงกลัวหรือทำตามแม้แต่น้อย เค้าโวยวายลั่นและเสียงดังขึ้นอีกหลายเท่า

    “ฉันเตือนนายแล้วนะ ปาร์คจองซู” ฮีชอลหันไปมองอีกคน พร้อมทั้งส่งสายตาดุไปให้ แต่ลีทึกเองไม่ได้เกรงกลัวเลย

    “ฉันไม่กลัวนายหรอกนะ จอดรถไม่งั้นฉันจะโดน” ยื่นคำขาดออกไปพร้อมทั้งจับแน่นที่ประตูด้านข้าง

    “กล้าก็เชิญ”

    “อย่าคิดว่าไม่กล้านะ” พูดพร้อมทั้งทำท่าจะเปิดประตูออก แต่การกระทำทั้งหมดก็ต้องหยุดลงเมื่อร่างบางๆของคนโวยวายถูกดึงขึ้นไปอยู่บนตัวของอีกคน

    “อ๊ะ....ปล่อยนะ ปล่อยสิ...อุ๊บ บบ” คำพูดที่กำลังจะพ่นออกมาถูกกลืนหายเข้าไปทันทีที่ปากบากถูกปิดด้วยปากร้อนของอีกคน

    “อื๊อ อออ” ร้องประท้วงพร้อมทั้งทุบที่อกอีกคนอย่างแรง ก่อนที่มือทั้งสองจะถูกรวบไว้ด้วยมือของอีกคนเพียงข้างเดียว เรี่ยวแรงที่มีเริ่มหายไปเพราะสัมผัสที่อีกคนส่งผ่านมามันทั้งรุ่นแรงและหนักหน่วงแต่ก็มีแววอ่อนโยนออกมาให้เห็นด้วยเช่นกัน เป็นเวลานานกว่าที่ร่างสูงจะยอมปล่อยให้ริมฝีปากนั้นเป็นอิสระ เล่นเอาร่างของอีกคนล้มพับไปกองที่อกเค้าเลยทีเดียว

    “ปะ  ปล่อย..” แม้ริมฝีปากของตัวเองจะเป็นอิสระแล้วแต่ทว่าเอวบางยังคงถูกอีกคนโอบกอดเอาไว้แน่น

    “ไม่ จนกว่านายจะตอบคำถามฉันว่าเป็นอะไร”

    “ฉะ ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เสียงแผ่วเบาเปล่งออกมา ใบหน้าหวายหันหลบสายตาของอีกคน

    “ฉันไม่เชื่อ” เลื่อนมือไปหันใบหน้าของอีกคนให้หันมามองที่ตัวเอง ดวงตาคู่สวยจ้องเข้าที่ตาของอีกคนที่สวยกว่า แต่ทว่าตอนนี้มันกลับสั่นระริกและคลอไปด้วยหยาดน้ำใส

    “ฮึก..กะ ก็นาย..ไม่เชื่อใจฉัน แค่ฉันจะขอไปทำงานด้วยนายก็ไม่ยอม ฉันมันก็แค่ตัวถ่วงของนาย” เปล่งเสียงออกมาพร้อมทั้งกับน้ำตาที่ไหลออกมาเช่นกัน ความน้อยใจความเสียใจทะลักออกมาตามน้ำสียงนั้นด้วยอีก ร่างบางก้มหน้าร้องไห้เสียตัวโยนกับอกของอีกคน

    “ไม่ใช่อย่างนั้น นายเข้าใจผิดแล้ว” ลูบหัวเล็กๆของอีกคนพร้อมทั้งปรับน้ำเสียงให้ดูอ่อนโยนขึ้น

    “ฉันก็แค่ หวง”

    “หวง” เงยหน้าขึ้นทวนคำของอีกคนอย่างไม่เข้าใจ

    “ใช่ หวง ฉันก็แค่หวงนาย ไม่อยากให้ไอ้หนุ่มๆพวกนั้นมองนายก็แค่นั้น” มือเรียวกระชับเอวของอีกคนบนตัก

    “นายจะหวงทำไม” เพราะไม่เข้าใจจริงๆเลยถามออกมาอย่างนั้น ร่างสูงเองก็ไม่ได้ตอบคำถามนั้น แต่เค้ากลับครอบครองริมฝีปากบางอีกครั้ง ครั้งนี้มันทั้งอ่อนโยนนุ่มนวลและหอมหวาน

    “อือ ออออ” ตีเข้าที่อกของอีกคนพร้อมทั้งร้องประท้วงเมื่อใกล้จะขาดอากาศที่ใช้หายใจ

    “ฉันหวง เพราะนายเป็นเมียของฉัน” กระซิบลงเบาๆที่ข้างหูของอีกคน ก่อนจะยกตัวบางๆนั่นไปวางที่เบาะข้างตัวเช่นเดิม

    “อือ” เสียงแผ่วเบาถูกส่งออกมา ร่างบางก้มหน้าลงปกปิดใบหน้าขึ้นสี เสียงหัวใจดังมากเสียจนกลัวว่าอีกคนจะได้ยิน แต่ใช่ว่าร่างบางจะเป็นไปคนเดียวเสียเมื่อไหร่ร่างสูงเองก็ใจเต้นไม่เป็นจังหวะไม่แพ้กัน


    --------------------------------------------30%


    ด้านฮยอกแจตั้งแต่วันนั้นเค้าก็ไม่ได้พบซีวอนอีกเลย ทั้งที่โทรไปหาชายหนุ่มก็กลับปิดเครื่อง ตอนนี้ร่างบางกลายเป็นคนเงียบขรึมไปเลย วันๆเอาแต่นั่งถอนหายใจ เผลอหน่อยก็ร้องไห้ออกมา จนฮันกยองทนไม่ไหวกับสภาพของเพื่อนตัวเล็ก เค้าจึงต้องจัดการหาตัวซีวอนให้เจอ จนเค้าได้รู้ว่าซีวอนทำงานที่ไหน เค้าจึงรีบตรงไปหาชายหนุ่มทันที

    และในขณะเดียวกันซีวอนเองก็ไม่เป็นอันทำงาน เค้าหงุดหงิดทั้งวัน หรือไม่บ้างวันก็ทำงานจนเช้าไม่ยอมกลับบ้าน ข้าวปลาบางทีก็ไม่กิน จนน้องชายต่างสายเลือดอย่างอีทงเฮเริ่มทนไม่ไหว เค้าตรงมาที่บริษัทในวันเดียวกับที่ฮันกยองเองก็ไปหาซีวอนเช่นกัน

     

    “ไม่ทราบว่ามาพบใครเหรอค่ะ” พนักงานสาวสวยเอ่ยถามขณะที่ชายหนุ่มกำลังเดินเข้าไป

    “ผมมาพบชเวซีวอนครับ”

    “ไม่ทราบว่านัดไว้หรือเปล่าครับ”

    “ไม่ได้นัดครับ”

    “ถ้าอย่างนั้น ต้องขออภัยด้วยนะค่ะ ดิฉันคงให้คุณเข้าพบไม่ได้ค่ะ”

    “อ้าว ทำไมล่ะครับ ผมมีธุระสำคัญนะครับ”

    “เอ่อ ต้องขออภัยจริงๆค่ะ เข้าพบไม่ได้จริงๆค่ะ”

    และในระหว่างที่เถียงกันอยู่นั่น ทงเฮก็เดินเข้ามาพอดี แล้วร่างเล็กก็เดินเลยชายหนุ่มหน้าจีนไปเลยเช่นกัน ฮันกยองเห็นอีกคนเข้าไปได้ก็รู้ทันทีว่าคนคนนี้คงใหญ่น่าดูที่นี้ เค้าเลยรีบทำเนียนตีซี้ซะแล้ว

     

    “เฮ้ย เพื่อนรัก ไปไงมาไงเนี่ย” ฮันกยองตะโกนเสียงดังพร้อมทั้งวิ่งเข้าไปกอดคออีกคนทันที เล่นเอาทงเฮแทบตั้งตัวไม่ทันปลิวตามแรงของอีกคนไป

    “อ๊ะ  นาย อะไรกันเนี่ย”

    “ชู่...ช่วยอยู่เงียบๆแล้วก็ยิ้มด้วยครับ” ฮันกยองหันไปยิ้มหวานให้อีกคน พร้อมทั้งเอ่ยเบาๆและอีกคนก็ทำตามอย่างว่าง่าย

    “อ้าว คุณเป็นเพื่อนกับคุณทงเฮเหรอค่ะ” พนักงานคนเดิมเดินเข้ามาถามอีกครั้ง

    “ใช่ครับ ผมกับทงเฮเป็นเพื่อนกันครับ แล้วอย่างนี้คุณจะให้ผมเข้าไปได้หรือยังครับ”

    “อ่ะ อ้อ เชิญค่ะ” หญิงสาวรีบผายมือเชิญทั้งคู่ทันที

     

    “นี่...นายปล่อยได้หรือยัง” อยู่ๆเสียงเล็กๆก็ดังขึ้นระหว่างที่ฮันกยองเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ก็ตั้งแต่เดินมาจนจะขึ้นลิฟท์อยู่แล้ว ฮันกยองยังคงโอบบ่าร่างเล็กอยู่เลยน่ะสิ

    “อ่ะ เอ่อ  ขอโทษครับ อ้อ แล้วก็ขอบคุณมากๆเลยครับ”

    “.........”

    “นี่คุณครับ เอ่อ คุณรู้จักห้องทำงานของชเวซีวอนมั๊ยครับ ผมมีเรื่องต้องคุยกับเค้าน่ะ” ฮันกยองเอ่ยถามร่างเล็กอีกครั้ง

    “รู้ครับ”

    “ฮ่า...งั้นรบกวนช่วยพาไปหน่อยได้มั๊ยครับ”


    --------------------------------------------33%

    จากนั้นทงเฮก็พาฮันกยองเข้าไปหาซีวอนที่ห้องทำงาน ดูท่าว่าพี่ชายเค้าจะเครียดอีกแล้ว เพราะตอนนี้คุณมินอาเลขขาหน้าห้องนั่งร้องไห้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว...

    “คุณมินอาครับ พี่ซีวอนเอาอีกแล้วเหรอครับ” ร่างเล็กเอ่ยถามสาวสวยที่ตอนนี้นั่งร้องไห้กระซิกๆ

    “อ่ะ  อ้อ ค่ะ”

    “ครับ...อย่าร้องนะครับ พี่เค้าคงเครียดมากน่ะครับ”

    “เอ่อ คุณครับ นี่ใช่ห้องซีวอนใช่หรือเปล่า” หลังจากที่ปล่อยให้คนตัวเล็กที่พามาคุยกับพนักงานคนสวยนั่นอยู่นาน ฮันกยองก็เอ่ยถามด้วยความร้อนใจ

    “อ่ะ อ้อครับ นี่ห้องพี่ซีวอนครับ”

    .....พี่งั้นเหรอ.....

    “อ้อ ครับขอบคุณครับ” ฮันกยองไม่รอช้า เค้ารีบตรงเข้าไปในห้องทำงานทันที แล้วคนที่เค้าต้องการพบตอนนี้ก็นั่งหน้าเครียดอยู่หน้ากองเอกสารมากมาย ไม่รู้จะเครียดไปไหน ฮันกยองมองอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้น

    “เฮ้...ชั้นมีเรื่องต้องคุยกับนาย” และเพียงแค่เอ่ยเสียงเท่านั้น ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ก็เงยหน้าขึ้นทันที ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบกลับไป

    “คุณมีธุระอะไรกับผม” เพียงแค่เห็นหน้า ซีวอนก็แทบจะน้ำตาไหลเสียให้ได้ คนคนนี้คนที่เค้าคิดว่าแย่งฮยอกแจไปจากเค้า ตอนนี้มาอยู่ตรงหน้าเค้า กะจะมาตอกย้ำเค้าให้ตายไปเลยหรือไง

    “ผมแค่จะมาบอกว่า...วันนั้นคุณเข้าใจฮยอกแจผิด”

    “เข้าใจอะไรผิดครับ ผมเห็นอย่างไรผมก็คิดแบบนั้น”

    “ก็นั่นแหละครับ เราสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน” แล้วในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ทงเฮเองก็เดินตามเข้ามา

    “พี่ซีวอน ทำไมพี่ใจร้ายแบบนี้ห๊ะ คุณมินอาร้องไห้ใหญ่แล้ว พี่นี่นะใจร้ายที่สุดเลย” เข้ามาพร้อมทั้งบ่นพี่ชายต่างสายเลือด และปากที่กำลังพร่ำบ่นอยู่ก็ต้องชะงับเพราะพี่ชายตัวดีกับบุคคลแปลกหน้ากำลังยืนจ้องหน้ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย

    “อ่ะ เอ่อ งั้นผมไม่รบกวนล่ะ คุณกับต่อเถอะครับ” พูดจบก็รีบเดินไปนั่งที่โซฟามุมห้อง

    “ผมเชื่อในสิ่งที่ผมเห็นเท่านั้น คุณกลับไปเถอะผมจะทำงาน” ซีวอนเอ่ยออกมา ทั้งๆที่ในใจก็ครุ่นคิดและหวังให้มันเป็นแบบนั้น แต่สิ่งที่เค้าเห็นมันช่างขัดกับสิ่งที่อีกคนพูดเหลือเกิน

    “หึ คุณมันโง่กว่าที่คิดนะ ชเวซีวอน แล้วคุณจะเสียใจ ผมลาล่ะ” ฮันกยองเดินออกไปทันทีที่พูดจบ เค้าไม่รอให้ซีวอนเอ่ยอะไรหรือต่อว่าอะไรเค้าเลย

     

    “นี่มันอะไรครับพี่ แล้วทำไมคนนั้นเค้า.....” ทงเฮเองก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่อยู่ดีๆ ก็มีคนมาว่าพี่ชายเค้าโง่....แบบนี้เค้าต้องรู้ให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น คิดได้ก็รีบวิ่งตามฮันกยองไปทันที

    “เดี๋ยวครับ คุณ....” และเพราะเสียงเรียกทำให้ชายหนุ่มที่เดินลิ่วหยุดกะทันหัน จนร่างเล็กที่วิ่งตามมาพุ่งเข้าชนเพราะเบรกตัวเองไม่ทัน แต่ฮันกยองก็รับตัวอีกคนไว้ทันทีเช่นกัน

    “มีอะไรเหรอครับ”

    “เอ่อ คุณกับพี่มีเรื่องอะไรกันเหรอครับ ทำไมพี่ผมกลายเป็นคนบ้างานขนาดนั้นล่ะครับ คุณรู้เหตุผลมั๊ยครับ” ร่างเล็กถามรัว

    “อ้อ ครับ” และจากนั้นฮันกยองก็เล่าทุกอย่างให้ทงเฮฟัง

    “อ้อ เป็นแบบนี้นี่เอง....งั้นผมว่า เราสองคนต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะครับ”

    “ครับ...ผมก็ว่าอย่างนั้น”

    --------------------------------------------40%


    จากนั้นทั้งทงเฮและฮันกยองก็วางแผนต่างๆนาๆ แต่ก็ไม่ถูกใจทั้งคู่สักทีจนเสียงโทรศัพท์ของร่างสูงดังขึ้น

    “ครับ” ฮันกยองรับโทรศัพท์แบบไม่ค่อยอยากจะรับเท่าไหร่ ทำเอาปลายสายส่งเสียงไม่พอใจออกมา

    “คุณอา....คุณอาไม่อยากคุยกับเหม่ยหลินเหรอค่ะ”

    “อ่า ไม่ใช่ครับ พอดีอากำลังทำงานอยู่น่ะครับ เหม่ยหลินอย่าโกรธอานะครับ” ร่างสูงเมื่อรู้ว่าใครโทรมาเค้าก็รีบปรับเสียงให้อ่อนโยนทันที เล่นเอาร่างบางที่นั่งข้างๆมองอีกคนงงๆ เพราะเมื่อกี้ยังอารมณ์บูดอยู่เลย

    “คุณอาค่ะ เหม่ยหลินอยากเจอคุณอา เหม่ยหลินคิดถึงคุณอานะ เมื่อไหร่คุณอาจะมารับเหม่ยหลินล่ะค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วเล็ดรอดออกมาจากโทรศัพท์เครื่องสวย มันดังพอที่คนข้างๆจะได้ยินเลย เสียงเล็กๆน่ารักของเด็กน้อยดังออกมา ทำให้ร่างบางนึกอะไรบ้างอย่างออกทันที

     

    ร่างเล็กนั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สองตามองไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย ดวงตาคู่สวยยังคลอไปด้วยหยาดน้ำตา ตั้งแต่วันนั้นฮยอกแจก็เอาแต่นั่งซึ่ม ไม่ว่าใครจะชวนไปไหนก็ไม่ไป ข้าวปลาก็กินเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น

    ......ซีวอน คนบ้า ทำไมนายไม่ฟังชั้นบ้างนะ.....

    ใจก็นึกถึงแต่อีกคนที่กำลังเข้าใจเค้าผิด อยากจะไปหาแต่ก็ไม่กล้า พอลองกลับมาคิด ตัวเองก็ทำกับอีกคนเกินไปจริงๆ เมื่อก่อนไม่ได้ใส่ใจเลยว่าซีวอนจะรู้สึกยังไง เอาแต่ใจตัวเองตลอด แต่พอจะเสียเค้าไปกลับมานั่งร้องไห้เสียใจ.....มันช่างน่าอายจริงๆ

    นั่งคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นาน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น ดึงสมาธิของคนตัวเล็กให้กลับมาสู่โลกปัจจุบัน เค้ารีบเดินไปที่โทรศัพท์เครื่องงามที่ตั้งอยู่บนเคาว์เตอร์

     

    “สวัสดีครับ ฮยอกแจพูดครับ” คนตัวเล็กกรอกเสียงใส่ปลายสายไปอย่างสุภาพ

    “สวัสดีค่ะ คุณอาฮยอกแจ เหม่ยหลินเองนะค่ะ” เสียงเล็กตอบกลับมา ทำเอาร่างบางถึงกับเกิดความสงสัยว่าเด็กน้อยหลานสาวเพื่อนรักโทรมาหาตัวเองทำไม

    “อ้อ เหม่ยหลินมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ถึงโทรมาหาอาเนี่ย”

    “พอดีคุณอาฮันกยองน่ะค่ะ เค้าบอกว่าจะมารับเหม่ยหลิน แต่เหม่ยหลินรอตั้งนานแล้ว คุณอาก็ไม่มาสักที คุณอาฮยอกแจช่วยมารับเหม่ยหลินได้มั๊ยค่ะ เหล่ยหลินคิดถึงคุณอาฮันกยองค่ะ” เสียงเล็กตอบกลับมายาวยืด แต่พอจะจับใจความได้

    “แล้วเหม่ยหลินอยู่ไหนล่ะจ๊ะ”

    “ก็พอคุณอาฮันกยองบอกจะมารับ เหม่ยหลินก็ให้คุณอาคนขับรถพามาส่งที่ห้างน่ะค่ะ ตอนนี้เหม่ยหลินอยู่ที่ห้างฮยอนไดน่ะค่ะ”

    “งั้นเหม่ยหลินรออาอยู่ที่นั่นก่อนนะครับ เดี๋ยวอารีบไป” มือสวยรีบกดวางสายหลานสาวทันที ตามด้วยกดเบอร์ของเพื่อนรัก แต่ติดต่อเท่าไหร่ก็ไม่สามารถติดต่อได้เลย

    .....หายไปไหนของเค้านะ ไอ้มังกร....

     

    ร่างบางรีบขับรถไปหาหลานสาวที่ห้างทันที เค้าพยายามโทรหาหลานตัวเล็กแล้วแต่ก็โทรไม่ติดสักที ใจก็เป็นห่วงเหลือเกินกลัวว่าหลานจะมีอันตราย ฮยอกแจวิ่งตามหาเหม่ยหลินจนทั่วห้างแต่ก็หาไม่เจอ เค้าหมดหนทางที่จะตามหาแล้ว ร่างบางแทบจะร้องไห้ออกมา....ใจก็พลั้นนึกถึงคนที่พอจะช่วยเค้าได้ มือบางรีบกดเบอร์ออกไปอย่างรวดเร็ว

     

    .....รับสิซีวอน......

     

    “มีอะไร” เสียงปลายสายที่ตอบกลับมาดูเย็นชาเหลือเกิน มันยิ่งทำให้ร่างบางกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ฮยอกแจกลั้นใจตอบกลับไปน้ำเสียงสั่นเครือ

    “ซีวอน....ช่วยด้วย เหม่ยหลินหายไปไหนไม่รู้” แล้วร่างบางก็ปล่อยโฮออกมา เล่นเอาคนปลายสายตกใจมากเลยทีเดียว

    “เดี๋ยวก่อนฮยอกแจ เป็นอะไร ใครหายนะ แล้วนายอยู่ไหนน่ะ”

    “ฮือ....ชั้นอยู่ที่ห้างนาย หลานสาวชั้นหาย ฮือออ  ชั้นหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ”

    “อยู่ตรงไหนเดี๋ยวชั้นไปหา” ฮยอกแจบอกที่ที่ตัวเองอยู่ หลังจากนั้นไม่นานร่างสูงก็มาถึง เค้ารีบเค้ามาหาร่างบางที่นั่งร้องไห้อยู่ทันที

     

    “ฮยอกกแจ...” เพียงแค่ได้ยินเสียงของอีกคนเท่านั้น ฮยอกแจก็รีบโผเข้ากอดไว้ทันที

    “ฮือ....ซีวอน เหม่ยหลินหายไปไหนอ่ะ  ชั้นหาไม่เจอ” ร่างบางพูดรัว

    “เดี๋ยวใจเย็นๆสิฮยอกแจ เหม่ยหลินเนี่ยใคร” ซีวอนพยายามตั้งสติ

    “หลานฮัน ฮือ อ ออ” เพียงแค่ได้ยินชื่อซีวอนก็เจ็บแปลบที่หัวใจทันที

    .....นี่เป็นห่วงกันขนาดนี้เลยเหรอ.....

    “ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวชั้นจะช่วยตามหาอีกแรง”

    “ขอบคุณนะ ซีวอน” แล้วทั้งคู่ก็ตามหาเด็กน้อยด้วยกัน จนไปถึงร้านของเล่นแห่งหนึ่ง พวกเค้าก็ได้พบกับทั้งเด็กน้อยและก็คุณอาตัวดี รวมทั้งร่างบางๆอีกคนด้วย

     

    “ฮันกยอง เหม่ยหลิน” ร่างบางแทบจะทรุดลงตรงนั้น

    “คุณอาฮยอกแจค่ะ” เด็กน้อยรีบวิ่งไปหาร่างบางทันที พร้อมทั้งกอดเอาไว้แน่น

    “ผมขอตัวก่อนนะครับ” ซีวอนขอตัวทันที เพราะเค้าไม่อยากเห็นภาพบาดตาบาดใจ

    “คุณอาค่ะ คุณอาหรือเปล่าค่ะที่ทำให้คุณอาฮยอกแจร้องไห้น่ะค่ะ” แล้วเหม่ยหลินก็รีบวิ่งไปหาซีวอนทันที ตามที่ฮันกยองนัดแนะไว้ พร้อมทั้งถามทันทีด้วยเช่นกัน

    “เอ่อ...อา....”

    “คุณอารู้มั๊ยค่ะ ตอนที่คุณอากับคุณอาฮยอกแจทะเลาะกันน่ะค่ะ คุณอาฮยอกแจร้องไห้ทั้งวันเลย ข้าวก็ไม่ยอมกินด้วยแหละค่ะ คุณอาดีกับคุณอาฮยอกแจนะค่ะ”

    “เอ่อ....”

    “เหม่ยหลิน พอเถอะ คุณซีวอนเค้าคงไม่อยากจะคุยกับอาหรอก ชั้นขอตัวก่อนนะ” เพราะเห็นท่าทางของร่างสูง มันยิ่งทำให้ฮยอกแจกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เค้ารีบที่งจะวิ่งไปจากตรงนั้นทันที

    “เอ๊า รีบตามไปสิ่พี่ซีวอน จะมัวยืนบื้ออยู่ทำไมล่ะครับ คุณฮยอกแจเค้าแคร์พี่นะ พี่รู้บ้างหรือเปล่าน่ะ” เป็นทงเฮนั่นแองที่พูดขึ้น เรียกเอาสติของซีวอนกลับมา ขายาวรีบวิ่งตามคนตัวเล็กไปทันที

     

    “ฮยอกแจ เดี๋ยวก่อน....” ร่างสูงวิ่งมารั้งแขนร่างบางไว้ แต่ด้วยคาวมที่ฮยอกแจตัวเล็กและแรงน้อยเลยเซตามแรงจนล้มไปปะทะอกแกร่งของอีกคน

    “ฮึก...มีอะไร” เสียงอู้อี้ดังขึ้น ร่างสูงรับรู้ได้ถึงความเย็นที่เสี้อตัวสวย

    “ผมขอโทษ อย่างร้องไห้เลยนะ”

    “คนบ้า ทำไมนายไม่ฟังชั้นบ้าง ฮือ ชั้นเสียใจ ร้องไห้ นายเคยรู้บ้างมั๊ย คนบ้า” ปากก็พูดไป มือเล็กก็ทุบอกของอีกคนแรงๆเพื่อระบายอารมณ์

    “ขอโทษ ดีกันนะ”

    “ฮือ ออ อออ  นายมันใจร้าย ชั้นไม่รักนายแล้ว ฮึก คนบ้า”

    “ฮยอกแจรักผมเหรอ”

    “เอ่อ...บ้า ใครพูด” เมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดพูดอะไรบางอย่างออกไปแล้ว ใบหน้าหวานก็ขึ้นสีทันที

    “แต่เมื่อกี้....ฮยอกแจบอกว่ารักชั้น”

    “บ้า...”

    “ตกลงนายรักชั้น เหมือนที่ชั้นรักนายหรือเปล่า”

    “อือ...” ร่างบางไม่ยอมตอบอะไรไปมากกว่านี้....

    “อือ เนี่ย รักหรือไม่รับครับ” ซีวอนยังคงไม่ยอม เค้าต้องคาดคั้นให้คนตัวเล็กพูดให้ได้

    “ก็   รักไงเล่า จะเอาอะไรอีกห๊า” ร่างบางตะเบงเสียงใส่อีกคนอย่างเหลืออด ก่อนที่จะก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย

    “ตกลง....เราเป็นแฟนกัน นะ” และร่างสูงก็ไม่รอคำตอบใดๆจากปากของอีกคน เพราะเค้าครอบครองริมฝีปากนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว





    เต็ม 100% แล้ว  ฉลอง ๆๆ   ฝ้ายไม่โดน รีดเดอร์ตามไปกระทืบแล้ว

    อัพให้แล้วนะค่ะ  TT^TT

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×