คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : { 04 } - re write -
CHAPTER 4
แสงไฟเจือแสงเทียนอาบล้อมโอบไล้ให้อณาบริเวณดาดฟ้านี้งดงามเหมือนภาพฝัน ทุกอย่างในสายตามาร์คใกล้เคียงกับคำว่าเพอร์เฟค...
อาหารที่ยกมาเสิร์ฟถึงโต๊ะนั้นแค่ได้กลิ่นก็หอมเย้ายวนเสียจนท้องไส้นั้นลืมไปแล้วว่าเคยกินขนมที่เมดสาวจัดมาให้ไปเท่าไหร่ เสียงดนตรีเบา ๆ จากวงดนตรีที่อยู่ไม่ใกล้จนรู้สึกไม่มีความส่วนตัว และไม่ไกลจนไม่ได้ยินเสียงเพลงนั้นขับกล่อมแว่วหวาน
มันไม่ได้แย่นักสำหรับคนที่ถูกจับมา…ฝ่ามือเรียวประดับเล็บบางเจ้าของเดียวกับทีทิ้งรอยข่วยไว้บนแผ่นหลังของแจ็คสันนั้นก็คือฝ่ามือเดียวที่กำลังตบมือรัวให้กับโชว์ตรงหน้า...ปากอิ่มวาวคลี่ออกเป็นรอยยิ้มสดใสเห็นเขี้ยวรับกับตากลมวาววับอย่างตื่นตาตื่นใจราวกับเด็ก ๆ
เสียก็แต่...มาเฟียหน้าหล่อที่ตักอาหารแล้วเขี้ยวเข้าปากได้ดูน่ากวนตีนอย่างเป็นธรรมชาติตรงหน้า....
หึ...
“ชอบขนาดนั้นเลย ?” กระเซ้าถามเสียงนิ่ง คนที่ลืมเนื้อลืมตัวถึงได้ดึงสติกลับมา...
ปากแดงอิ่มเม้มแน่น มือไม้ที่เคยแสดงออกถึงการชื่นชมเปลี่ยนมาเป็นจัดผมเสริมหล่อเพื่อให้ตัวเองดูดีทั้งที่เจลที่โบกมานั้นปริมาณมากพอให้มาร์คเอาหัวไปรับสึนามิได้ด้วยซ้ำ
“อะแฮ่ม...” เสียงกระแอมไอแก้เก้อ “คุณมีอะไรจะพูดก็ว่ามาดีกว่า”
ถึงพยายามจะทำใจแต่ก็ยังรู้สึกแย่อยู่ดี...
แม้จะเผลอลืมตัวไปกับโชว์ไฟสุดอลังการตรงหน้า แต่เมื่อหันกลับมาเห็นวงหน้าคมกริบเรียบนั่นก็อยากจะปาของใส่นัก ทำไมถึงทำอะไรแบบนี้ได้โดยไม่รู้สึกผิดกันนะ...
มาเฟียหนุ่มหรี่ตามองของเล่นแสนพยศที่กลับมาตีหน้านิ่งได้ทันควัน...มาร์คมีเสน่ห์มากตอนที่โมโห นี่เป็นข้อมูลใหม่ที่แจ็คสันรู้ กลีบปากนิ่ม ๆ นั่นจะเชิดขึ้น ดวงตาเฉยเมยจะวาวเหมือนลูกเสือดุ ๆ ราวกับว่า ยิ่งของเล่นตัวน้อยโมโหมากแค่ไหนมันก็ยิ่งกระตุ้นเลือดให้กายของแจ็คสันให้พุ่งพล่านมากเท่านั้น
เหมือนเห็นลูกเสือตามสารคดี...
“เธอปิดเทอมอยู่ใช่มั้ย ?”
นั่นคือต้นเหตุสำคัญของมื้อค่ำในคืนนี้...
คำถามที่ไม่คาดคิดทำให้ของฝากจากแอลเอนิ่งชะงัก...ด้วยอำนาจเงินของอีกฝ่ายการจะหาข้อมูลที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย...ยิ่งกับใจของคนที่กล้าฉุดกระชากใครสักคนบินข้ามน้ำข้ามประเทศมาแบบนี้...จะสั่งตัดลิ้นใครสักคนก็เป็นเรื่องง่าย ๆ
“ถ้าผมบอกว่ามีเรียนแล้วคุณจะปล่อยผมกลับไปเรียนหรือไงล่ะ ?”
แต่การตอบคำถามด้วยคำถามก็อาจจะเป็นข้อยกเว้นที่สมยอมได้
“หึ...” ไม่สามารถเดาความหมายของเสียงในลำคอได้ เนื้อวัวฉ่ำ ๆ ในปากพาลจะแห้งเหี่ยวไปหมด ด้วยสายตา ด้วยบรรยากาศ... นี่มันคือสงครามเย็น...
…และสุดท้าย...มาร์คก็ต้องเลือกที่จะยอมแพ้
ไม่รู้ว่าความอดทนของหวังแจ็คสันจะมีสูงมากขนาดไหน แต่มาร์คก็ไม่ควรเอาชีวิตตัวเองมากเสี่ยงไปมากกว่านี้
“ผมปิดเทอมอยู่”
“อืม...”
แจ็คสันอยากจะรู้จักของเล่นชิ้นใหม่ของตัวเองให้มากกว่านี้อีกสักนิด ความจริงแฟ้มข้อมูลของนายมาร์ค อี๋เอิน ต้วนฉบับสมบูรณ์ถูกนำมาวางไว้ที่โต๊ะทำงานตั้งแต่เช้าแล้ว...แต่ก็เพราะงานรัดตัวทั้งวันมาเฟียหนุ่มจึงยังไม่มีโอกาศได้แตะต้อง
แต่ไหน ๆ เจ้าของประวัติตัวจริงก็มานั่งกินข้าวทำหน้าหงุดหงิดอยู่ตรงหน้าแล้ว การที่ได้กวนประสาทอีกฝ่ายจนวงหน้าสวย ๆ นั่นบุบบี้ จับช้อนส้อมแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีซีดนั้นก็น่าจะช่วยเพิ่มความเจริญอาหารได้อีกเยอะ
มาร์คนับหนึ่งถึงสิบในใจ...อีกฝ่ายจะอยากได้อะไร จะอยากรู้อะไร มาร์คก็ควรจะตามใจไปซะให้มันจบ ๆ สุดท้ายหวังแจ็คสันจะได้รู้ ว่าหุ่นยนต์ของเล่นที่มันน่าสนุก จริง ๆ แล้วก็เป็นแค่ตุ๊กตาม้าโพนี่ตัวหนึ่ง...
เด็กผู้ชายเค้าไม่ชอบเล่นกันหรอก...
“แล้วตอนนี้เธอเดทอยู่มั้ย ?”
“…” กลีบปากอิ่มเม้มนิ่งสนิทเมื่อได้ยินคำถามที่ไม่คิดว่าคนอย่างหวังแจ็คสันถาม... ฉุดกระชากลากถูกันมาถึงที่นี่...เรื่องนี้มันยังจำเป็นอีกเหรอ...
“อ่อ...คงไม่มี หรือถ้ามีก็คงจะเลวมาก...”
รู้ได้ยังไง...
“เพราะก่อนหน้านี้นายพึ่งจะเก็บกินผู้หญิงตามผับ...” ฝ่ามือบางกำช้อนแน่นไม่รู้ตัว เหมือนจะทั้งยั่วโมโหและเหยียดหยันไปในคราเดียวกัน
รสชาติอาหารชั้นเลิศที่แวดล้อมด้วยบรรยากาศชั้นเยี่ยมกลายเป็นศูนย์ไปเลยเมื่อแจ็คสันเริ่มพูดอดีตนั้นขึ้นมา
คายลมหายใจจากปอดจนสุดรักษาสติที่กำลังสั่นคลอน...
“ถ้าคุณรู้อยู่แล้วคุณจะถามทำไม...ตัวเองดีมากมั้ง ผู้หญิงของคนถึงได้วิ่งแล่นมาให้ผมเอาถึงที่ ไม่ต้องเสียห้าสิบล้านซื้อตัวมาแบบนี้ หึ !”
แต่มันคงไม่ทัน...
ใช่...และมันไม่ทันจริง ๆ
บนโต๊ะที่การจ้องตากันของมาเฟียหนุ่มและแมวพยศตัวขาว กระแสไฟฟ้าดี๊ดลั่นอยู่ในหัวสมอง...
มาร์คไม่ชอบ...
ใช่ที่ว่าเป็นคนรักสนุก แต่การที่เติบโตมาให้ครอบครัวที่พ่อแม่รักกันปานจะกลืนกินมันหล่อหลอมให้มาร์คเห็นความสวยงามของความซื่อสัตย์
การที่จะต้องมาโดนดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นพวกชอบลักกินของชาวบ้านนั้นในฐานะผู้ชาย...มาร์คยอมรับไม่ได้
ขณะที่แจ็คสันก็นึกขบเขี้ยวฟันไม่ต่างกัน ประโยคที่มาร์คพูดออกมา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่นั้นมันกระแทกลงกลางหัวใจที่ไม่ควรจะมีของแจ็คสัน...
ชีวิตกลางกองเงินกองทองที่มีผู้หญิงรายล้อมราวกับสรวงสวรรค์ รสขมปร่าแตกซ่านอยู่ทั่วแผ่นอก... มาร์คปากดี... แม้จะพยายามทำตัวดีขึ้นแล้วแต่ก็ยังคงปากดี
…หึ
ไม่มีใครพูดต่อ... แจ็คสันไม่อยากร้อนรนให้มาร์คเห็นว่าสั่นไหวกับคำพูดจึงทำแค่กัดฟันจนสันกรามนูนแน่น...เช่นเดียวกับมาร์คที่ไม่คิดพูดอะไรไล่ต้อนไปมากกว่านี้ รู้ตัวว่าหากย่ำปมมากไปกว่านี้อาจจะได้ลงไปนอนกองกับพื้นเพราะหลังมือหน้านั่นฟาดเข้าที่ปาก...
ดังนั้นทุกอย่างจึงกลับไปนิ่งสงบราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“รับของหวานเลยมั้ยครับ”
มูสช็อคโกแลตเข้มข้นผสมฟัวกราส์คือของหวานยอดนิยมของห้องอาหารแห่งนี้... กลิ่นชอคโกแลตหอมเจือความเข้มข้นของตับห่านซ่านติดปลายลิ้น รสเข้มจัดถูกตัดอย่างลงตัวด้วยไอสกรีมวนิลาสูตรเฉพาะเสิร์ฟคู่กับสมู้ทตี้เข้มข้นด้วยเนื้อมะม่วงอกร่องไทย
ด้วยอารมณ์ร้อนที่คั่งค้าง...
ช้อนคันเล็กจ้วงมูสเข้าปากให้สาแก่ใจ...
มาเฟียหนุ่มมองกริยานั้นก่อนจะเริ่มทานบ้าง...
สำหรับแจ็คสันรสชาติของมันก็อร่อยดี แต่มันก็เพียงเท่านั้น ไม่ว่าจะที่เซฟเฮ้าส์หรือบนเครื่องบิน...ไม่ว่าที่ไหน ๆ คนอย่างแจ็คสันหวังก็จะมีเชฟระดับมิชลินด์ตามติดไปด้วยเสมอ...
ดังนั้นจึงไม่อาจเข้าใจ...รอยยิ้มที่ผุดขึ้นมาระหว่างการกินของหวานของคนตรงหน้า มันคงเป็นมนต์วิเศษณ์ พัฒนาการของกล้ามเนื้อบนใบหน้า... คิ้วเรียวที่ขมวดหมุ่นคล่อย ๆ คลายลงจนเป็นเส้นเรียบตรงก่อนมุมปากจะยกขึ้นเล็กน้อย... ยื่นปลายลิ้นแดง ๆ แลบเลียคราบหวานบนช้อนจนเกลี้ยง
อร่อยมาก...คือคำเดียวที่สว่างในหัวมาร์ค...ทุกความโกรธถูกกลบหายไปจากสมองเหมือนรสหวานมันของเนื้อมูสสีเข้มที่แต่งแต้มบนลิ้น...
จากที่จ้วงคำใหญ่กลายเป็นคำเล็ก ๆ เพราะกลัวว่ามันจะหมด...ตากลมมองมาเฟียหนุ่มที่กินเล็กน้อยก่อนจะวางช้อนหยิบไอแพดขึ้นมาเล่นแล้วก็นึกเสียดาย...
…กินทิ้งกินขว้าง น่าเสียดายของ...
ปากแดงเม้มแน่น...หากเป็นเพื่อนเป็นฝูงคงจะฉวยเอามากินไปแล้ว แต่เพราะอีกฝ่ายก็คือหวังแจ็คสัน...คนที่มาร์คพึ่งจะกวนอารมณ์ไป...หากจะทำอะไร...มันคงเสียฟอร์มน่าดู
“จะกินก็หยิบไป ถ้าไม่พอก็สั่งใหม่”
แล้วก็พูดราวกับรู้ใจ...ศักดิ์ศรีและความอยากฟาดฟันกันอยู่ในหัว...
อยากจะรวยนักใช่มั้ย ?
เพราะไม่อยากได้ชื่อว่ากินของเหลือจากแจ็คสันอีกครั้ง มือบางของของเล่นเจ้าพ่อโบกขึ้นกลางอากาศ
“เอาแบบนี้สิบจาน”
ฮึ้ยยย !! หวังแจ็คสันไม่กระทบกระเทือนอะไรไม่เท่าไหร่...แต่ทำไมมาร์ครู้สึกสมเพชตัวเองที่กลายเป็นคนตะกละแบบนี้วะ !
“..อึก...”
แน่นไปหมด...
อะไรที่เคยอร่อยทำไมมันถึงกลายเป็นรสชาติแบบนี้...
มาร์คเลื่อนมือลงใต้โต๊ะเพื่อปลดกระดุมกางเกงออก ทิ้งให้ซิปทำหน้าที่ในการประคองกางเกงให้อยู่เหนือบั้นเอว...
ยังเหลืออีก 3 จาน...
ไอ้ที่ตั้งใจสั่งมาประชดกลับกลายเป็นบ่วงรัดมันตัวจนน่าโมโห...
หลังจากจานที่สี่...ช้อนที่เคยตักมูสรสละมุนเข้าปากก็ถูกวางลง... เสียงช้อนกระทบจานดังกริ๊งทำให้ผู้ร่วมโต๊ะอีกคนละสายตาออกจากแท็ปเลทในมือ ดวงตาคมกริบนั่นฉายแววตำหนิอย่างเห็นได้ชัด
‘ผมอิ่มแล้ว’ มาร์คลูบท้องใต้เสื้อเชิ้ต คิดในใจว่าคงต้องใช้ประโยชน์จากเสื้อสูทในการบังพุงน้อย ๆ ที่ยื่นออกมาล้ำซิคแพคแมนแมนเสียแล้ว...
‘ทานให้หมด’ จากที่คิดว่าจะผ่านไปได้โดยง่าย...กลับถูกเสียงเรียบนิ่งติดดุสวนกลับมา
‘ผมอิ่มแล้ว’ ก็อิ่มแล้วและไม่อยากกินแล้ว... ใครจะรู้ว่าหลังจากที่บอกว่าสั่งสิบจานมาเฟียตรงหน้าจะตบมือเรียกบริกรมาสั่งในทันทีทันใดกันล่ะ...
‘พ่อแม่เธอไม่สอนเหรอ...ว่าคนเราจะต้องมีความรับผิดชอบ’
‘…’
‘เธออยากทานฉันก็สั่งมาให้แล้ว...ทานมันให้หมดซะ’ นัยน์ตาคมมองกดดันมาที่มาร์ค ทั้งคำว่าพ่อแม่ไม่สอน หรือแม้แต่ความรับผิดชอบ...แน่นอนว่าครอบครัวของมาร์คสอนมาอย่างดี แล้วครั้งนี้มาร์คเดินเกมส์ผิดเอง..
ผลสุดท้ายก็เป็นแบบนี้...
มาเฟียหนุ่มวางไอแพดลงเมื่อเห็นว่ามาร์คทำหน้าพะอืดพะอมเสียเต็มประดา...วงหน้าคมเข้มยังคงเรียบเฉย ทั้งที่ดวงตามีแต่แววเอ็นดูของเล่นตรงหน้าเวลากล้ำกลืนยัดช้อนคันเล็ก ๆ ลงไปในปาก... เป็นพวกไม่ชอบให้ใครมาดูถูก อิจฉา แถมยังชอบเอาชนะอีกด้วย...
“ผมไม่ไหวแล้ว...ใส่กล่องกลับได้มั้ย”
กระนั้นก็ดี...
ปากอิ่มแดงเชิ่ดขึ้นราวกับไม่ยอมรับ วงหน้านั่นยังคงเหย่อหยิ่งถือดีทั้งที่มูสช็อคโกแลตนั้นตีแน่นขึ้นมาถึงลำคอ... ทั้งที่กำลังร้องขอแท้ ๆ
“…ก็ได้”
เหยื่อตัวขาวยกยิ้มเมื่อได้อย่างที่ใจต้องการ ซึ่งต่างกับมาเฟียหนุ่มที่คลี่ยิ้มไม่ต่างกัน...
เรื่องของเรามันยังไม่จบ...ไว้ค่อยกลับไปกินที่เซฟเฮ้าส์นั่นก็ได้
ในระหว่างทางที่ขึ้นรถกลับ ไร้บทสนทนาใดใดดั่งที่เคยเป็นมา...แจ็คสันเอาแต่เช็คข่าวในไอแพด ไม่ต่างอะไรกับมาร์คที่ทิ้งตัวแนบลงไปบนเบาะ รู้สึกอิ่มจนอยากจะร้องขอชีวิต...
มูสช็อคโกแลตนั่นอร่อยมาก แต่เมื่อจัดเข้าไปในปริมาณมหาศาล มันทำให้มาร์คไม่ต่างอะไรกับงูเหลือมเด็กที่ริอาจรับประทานหมาเข้าไปทั้งตัว..
ไม่อยากขยับเลยให้ตายสิ...
แล้วลมที่ตีขึ้นนี่มันอะไร...มันเรียกเรอใช่มั้ย...
ตาคมกริบของคุณบอร์ดีการ์ดส่องมาจากกระจกมองหลัง มองสีหน้าพะอืดพะอมจมทุกข์ราวกับแพ้ท้องแล้วลอบยิ้มขำ...แต่เมื่อเบี่ยงตาไปสักเล็กน้อย...
ดวงตาคมที่ดูอันตรายของบอสหนุ่มก็เรียกให้สติกลับมาอยู่ที่ถนนอีกครั้ง....
ตาดุยิ่งกว่าเสืออีกนะบอส...
จนรถคันหรูจอดนิ่งที่หน้าตึกหรูที่เป็นที่ตั้งหรูหราของวิลล่านายเหนือแห่งตระกูลหวัง มาเฟียหนุ่มก้าวลงจากรถ ก่อนจะถอดสูทลงให้เมดที่มายืนรอรับ ตามลงมาด้วยของเล่นตัวเล็กที่อาการอิ่มจัดลดลงจนสามารถเดินได้เป็นปกติแล้ว
มือบางปิดปากหาววอดราวกับเด็กอนามัย...คิดไปคิดมามาร์คก็ยังปรับตัวให้เข้ากับเวลาที่นี่ไม่ได้...ใครจะเหมือนมาเฟียถึกตรงหน้า...บินกลับมาก็เข้าประชุมได้หน้าตาเฉย ไม่จำเป็นต้องพักผ่อนเลยสักนิด
“ขึ้นไปรอฉันข้างบน...เดี๋ยวฉันดูเอกสารเสร็จจะตามขึ้นไป” ประโยคนั้นมาเฟียหนุ่มไม่ได้พูดกับมาร์คโดยตรง แต่กลับพูดผ่านบอดี้การ์ดหนุ่มให้คุมของเล่นแสนพยศขึ้นไป “...แล้วก็ของหวานที่เอากลับมายังไม่ต้องเอาไปเก็บในครัวกลาง...เอาขึ้นไปบนห้อง”
ซึ่งประโยคหลังมาร์คไม่ได้สนใจฟังเลยสักนิด...
ขาเรียวก้าวเท้าตามไปแต่โดยดี ไม่มีความคิดที่จะหนีไปในตอนนี้ เมื่ออาหารที่รับประทานเข้าไปทำการเบียดเสียดกันแน่นอยู่ในท้อง...
ไหน ๆ ก็หนีไม่ไหวอยู่แล้วสู้ขึ้นไปอาบน้ำนอนดีกว่า...
…อีกฝ่ายคงยังไม่จับเฉือดกันคืืนนี้หรอกใช่มั้ย...
มาเฟียหนุ่มเดินเข้ามาในห้องสองชั่วโมงให้หลัง เมดที่ประจำอยู่ ณ ตอนนั้นทำการแจ้งให้ทราบทันทีว่าของเล่นตัวน้อยอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้านอนหลับปุ๊ยอยู่ในห้องนอนเล็กเรียบร้อยแล้ว...
วงหน้าคมรับฟังอย่างเรียบเฉย ก่อนเสียงทุ้มแฝงแววอำนาจจะเอ่ยปากสั่ง “ไปเตรียมของหวานแล้วเอาไปวางไว้ในห้อง”
แม่บ้านสาวรีบทำตามคำสั่งแม้ในใจจะกังขากับการทานของหวานตอนตีสาม ที่ผิดวิสัยปกติของเจ้านายหนุ่ม แต่อย่างไรความอยากรู้ก็ยังเป็นแค่ความอยากรู้...เธอควรจะกดมันให้ลึกสุดใจ และทำไปตามหน้าที่อย่างดีที่สุดก็พอ
พอดีกับที่ของหวานถูกจัดเสร็จ มาเฟียหนุ่มก็ออกมาจากห้องน้ำ หยดน้ำเย็นสดชื่นช่วยทำให้คนที่จมอยู่กับกองเอกสารและการประชุมน่าเบื่อหน่ายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง...
และพร้อมจะเล่นกับของเล่นเป็นการพักผ่อน...
ร่างผอมแห้งที่นอนกรนคร่อกสะดุ้งตื่นกลางคันเมื่อถูกฉุดขึ้นจากเตียงนอนหลังเล็ก ก่อนจะทุ่มลงบนเตียงหลังใหญ่...
“…ฮะ....เฮ้ย !! “ ตากลมที่สะลึมสะลืมกลายเป็นเบิกกว้างขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อมาเฟียหนุ่มก้าวสามขุมเข้ามาใกล้ เสื้อนอนเนื้อดีถูกรูดออกจากตัวบางจนเหลือแต่ผิวขาวจัดท้าทายกับอากาศหนาวจัดในห้อง
สติที่หายไปกลับเข้าร่างให้ทันทีที่เนื้อตัวใกล้เคียงกับคำว่าเปลือยเปล่า
“จะทำอะไรของคุณน่ะ” ไหล่บางถูกกดลงไปนอนแนบกับเตียงในวินาทีที่มาเฟียนุ่มปาดมูสนุ่ม ๆ ลงบนผิวขาว... เนื้อครีมข้น ๆ สามก่อนถูกตักมาละเลงท่ามกลางเสียงร้องโวยวายชวนให้กรอกกระสุนปืนลงปาก
“ก็ให้เธอรับผิดชอบให้สิ่งที่เธอก่อยังไงล่ะ”
CUT
แต่ไม่ว่าจะกอดแน่นแค่ไหน...ใจของมาร์คก็ไม่เลิกเกลียดไอ้มาเฟียบ้านี่อยู่ดี...
Talk;
มาต่อแล้ววววว ไวทันใจมั้ย 55555
ถ้ามีเวลาว่างและมีสต็อคนี่ก็ปั่นไวลงไวนะ ฮิฮิ
หลัง ๆ หลายคนน่าจะสังเกตว่าเราแบ่งลงห้าสิบห้าสิบ
คือให้ตอนมันยาวขึ้นเน้อะ ปกติพันหน่อย ๆ คำเป็นตอนละสามพันคำ
ตลกครึ่งแรก ไม่คิดว่าคนจะชอบมาร์คโพนี่ขนาดนั้น
ครึ่งหลังไม่มีแล้วนะคะ
แมนแมนห้ามหยามมาเฟียกันค่ะ อิอิ
ฝากด้วยน้าค้าาาา
------ --- - ---
#อันลัคกี้เป็นฟิคตลก
ฮือ ตอนนี้มาร์คดูเป็นเด็กกะโหลกส่วนแจ็คก็เป็นมาเฟียขี้เก็ก
แต่นั้นแหละ อะไร ๆ มันก็พึ่งเริ่มต้นขึ้นเน้าะ
ดินเนอร์ยังไม่จบ มาลุ้นกันครึ่งหลังว่าบาร์บี้มาร์คจะโดนจับกดคาโต๊ะอาหารรึเป่า
ด้วยความลุ่มลุ่มดอนดอน
คยองอินเอ๊งงง
#unluckyJARK
ความคิดเห็น