ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    got7 。.·♡ ˋ HELLO MY EX ˊ #jark #yugbam #bnyoung

    ลำดับตอนที่ #8 : HELLO MY EX ♡ CHAPTER 7

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ย. 59






     
     

     
    HELLO MY EX
    CHAPTER 7

     







     

    “มาร์ค...ช่วยเลือกเสื้อให้หน่อยสิ” 

     

    เสื้อเชิ้ตทำงานสองตัวถูกยื่นมาให้คุณแม่ตัวขาวทันทีที่ออกจากห้องน้ำ ร่างบอบบางหอมฉุยด้วยกลิ่นสบู่เด็กเงยหน้ามองเสื้อเชิ้ตสองตัวก่อนจะพูดเสียงนิ่ง

    “ตัวไหนก็ใส่ไปเถอะ... แล้วก็ออกไปจากห้องนี้ได้แล้ว” มาร์คยังไม่ลืมที่เมื่อคืนแจ็คสันเข้ามานอนในห้องหรอกนะ...

     

    “เราเลือกไม่ได้” แล้วแจ็คสันยอมแพ้ที่ไหน... เสื้อตรงหน้ามาร์คคือเสื้อเชิ้ตสีเรียบทรงเดียวกันสองตัว สภาพเหมือนถูกยัดมาให้กระเป๋าเดินทาง... ซึ่งแจ็คสันจะใส่ตัวไหนก็คงไม่ต่าง

     

    “ทำไมจะเลือกไม่ได้... สีกรมหรือสีดำก็ได้” 

     

    “ไม่ใช่เพราะเรื่องสี...แต่เราไม่รู้ว่าตัวไหนมันยับน้อยกว่ากัน” 

     

    …นัยน์ตากลมช้อนมองผู้ชายวัยย่างใกล้สามสิบตรงหน้า... ซึ่งแจ็คสันก็รู้จักมากดีพอที่จะก้มหน้านี้สายตาเหลืออดเหลือทนของมาร์คที่มองมาอย่างหงุดหงิด 

     

    “ออกไปรอข้างนอก เดี๋ยวเราตามไป”

     

    “…ครับ” 

     

    แจ็คสันก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงตอบรับอย่างสุภาพ...แต่ด้วยน้ำเสียง สายตา และท่าทางของมาร์ค....แจ็คสันรู้ดี...ว่าไม่ควรขัดขืนมาร์คเลยจริง ๆ  

     

     



     

     

    แจ็คสันน่ะโตมาแบบผู้ชายที่เป็นผู้ชายจริง ๆ งานบ้านที่พอทำได้ก็มีแค่ล้างจาน ส่วนงานในครัวหรอ... ก็อย่างที่มาร์คบอก เปิดเตาไฟฟ้ายังจะไหม้... 

     

    ยิ่งเรื่องรีดผ้า... ลืมไปได้เลย 

     

    “เราจะสอนครั้งเดียวนะ... จำให้ได้ล่ะ” 

     

    สิ่งที่ขั้นกลางระหว่างมาร์คกับแจ็คสันในตอนนี้ก็คือโต๊ะรีดผ้าที่คุณแม่ลูกหนึ่งยกมากางจากมุมห้อง ในฝ่ามือบางตอนนี้มีเตารีดไอน้ำเสียบไฟพร้อมใช้อยู่ในมือ 

     

    “ครับ” แจ็คสันรับคำเสียงอ่อย มองมาร์คที่สะบัดเสื้อในมือลงบนโต๊ะรีดผ้า ก่อนจะค่อย ๆ รีดให้ดูพร้อมบรรยายตามลำดับขั้นง่าย ๆ ให้ฟัง 

     

    “มันเป็นเตารีดไอน้ำอยู่แล้ว ไม่ต้องพรมน้ำก็ได้ วางแบบนี้ เริ่มรีดจากคอเสื้อก่อน”  

     

    คางมนก้มจนแทบจะชิดอก... ก้มหน้าก้มตารีดผ้าในมือ มาร์คพยายามไม่คิดถึงวันเก่า ๆ สมัยตอนที่อยู่หอด้วยกันแจ็คสัน

     

    ‘คนดี รีดผ้าให้หน่อย พรุ่งนี้มีสอบ’ เสียงตะโกนดังมาจากคนที่หน้าดำคร่ำเคร่งอยู่กับกองหนังสือ สำหรับคณะวิศวะแล้ว การใส่ช็อปเข้าเรียนถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่มันจะมามีปัญหา ก็ในช่วงเวลาที่ต้องใส่เสื้อนักศึกษาไปสอบนี่ล่ะ... 

     

    ‘อีกแล้วนะแจ็คสัน ทำไมไม่เอาไปจ้างเค้ารีดเหมือนเดิมละ หืม’ ซึ่งมาร์คในตอนนั้นก็กำลังอยู่ในช่วงสอบเช่นกัน... แต่วิชาที่สอบ ดีกรีความสาหัสสากันต่างกับแจ็คสันเยอะ 

     

    ‘มีแฟนก็ให้แฟนรีดให้ดิ... ดูแบบแม่ศรีเรือนดี’

     

    ‘…เดือนนี้เอาตังไปลงขวดหมดแล้วล่ะสิ’ ถึงจะบ่นแบบนั้น แต่มาร์คก็ยอมเดินไปรีดให้แต่โดยดี 

     

    ‘ไม่ใช่สักหน่อย... จะบอกว่าไงดีล่ะ... ก็แค่มันรู้สึกดี เวลาที่ได้รับการดูแลจากคนที่เรารัก’ กองหนังสือถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ เพราะแจ็คสันลุกมากอดอยู่ข้างหลังคนที่กำลังยืนรีดผ้า 

     

    ‘…’

     

    ‘ขอบคุณมากนะมาร์ค...’

     

    …ไม่อยากจำ...ว่าในตอนนั้นมาร์คยิ้มให้กับคำว่า...คนที่เรารัก...มากแค่ไหน 

     

     





     

     

    “โอ้ย !” 

     

    มาร์คกระตุกมือขึ้นทันทีที่สัมผัสได้ถึงความร้อน ปลายนิ้วแดงเถือกเพราะไอน้ำร้อนที่กดลงบนเนื้อผ้าอยู่ใกล้ฝ่ามือตอนที่จับจีบเสื้อให้ตึงกว่าที่คิด  

     

    “เป็นอะไรมั้ย” ซึ่งแจ็คสันก็ตกใจไม่ต่างกัน ชายหนุ่มผวาเข้าหาร่างเพรียวก่อนจะรวบมือบางมาดูแผล 

     

    “ไม่เป็นอะไร” 

     

    “แดงขนาดนั้นไม่เป็นไรได้ไง เดี๋ยวเราไปเอาเจลมาทาให้ เราเห็นมันแช่อยู่ในตู้เย็น” ส่งเสียงทั้งทีหันหลังเดินไปที่ตู้เย็นตั้งแต่เห็นมือมาร์คแค่เสี้ยววิ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายสำทับ “ไม่ต้องรีดแล้วเสื้อนั่นอะ เราใส่ยับ ๆ ก็ได้” 

     

    “แต่มันใกล้จะเสร็จแล้ว” 

     

    “ใกล้ก็ใกล้สิ... เอามือมานี่ เรียบขนาดนี้แล้วก็ช่างมัน หรือจะยับก็ไม่เป็นไร” มือบางถูกฉวยไปกุมอีกครั้งก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกเย็นวาบที่ปลายนิ้ว 

     

    “แล้วมะรืนนี้จะเอาเสื้อที่ไหนใส่ไปทำงาน ไม่รีดให้แล้วนะ”

     

    - “แถวนี้มีร้านซักรีดมั้ย ?” คลึงเนื้อเจลเบา ๆ ให้ซึมรอบตัวแผล เพราะผิวบางขาวจัดกว่าใครเค้า... มีรอยมีริ้วนิดหน่อยก็ขึ้นรอยจนเห็นชัด 

     

    “ไม่มี” ขยับตัวเบา ๆ เพราะเสื้อผ้าที่อยู่บนเนื้อตัวอบอุ่นขยับเข้ามาใกล้ชิด... 

     

    “งั้นเดี๋ยวเรารีดเองก็ได้ มาร์คไปนอนได้แล้ว” 

     

    หลังจากที่ดูว่าแผลได้รับการประโคมเจลเรียบร้อยแล้วแจ็คสันก็ดันหลังมาร์คกลับเข้าห้อง ไหน ๆ ก็เสียงเตารีดไว้จนร้อนแล้วก็ควรจะรีดต่อไปให้เสร็จ 

     

    “แล้วรีดเป็นหรอ... นี่ยังรีดไม่เสร็จเลยนะ” 

     

    สาบานเลยว่ามาร์คไม่ได้ห่วงแจ็คสัน... เตารีดอันนี้แพงมาก เพราะรีดได้ง่ายและดี มาร์คจะไม่ยอมให้แจ็คสันพังมัน (เหมือนพังเตาไฟฟ้า) เด็ดขาด 

     

    “งั้นมาร์คยืนบอกตรงนี้ก็ได้” 

     

    ดูจากท่าที่มานั่งยืนจับเตารีดนั้นมันก็เก้ ๆ กัง ๆ ไม่น้อย... แต่นั่นแหละ... 

     

    อย่างที่หม่าม้าบอก... คนอย่างมาร์คไม่ควรจะเจ็บเพราะแจ็คสันไปมากกว่านี้อีกแล้ว 

     

    “เรารีดด้านนั้นเสร็จแล้ว จับอีกชายเสื้ออีกด้านนึงมาวางแบบที่เราวางด้านนี้ แล้วก็รีด” มือหนาดูจะใหญ่เกินไปสำหรับการวางผ้าและการใช้เตารีด แต่แจ็คสันก็ทำมันออกมาดีจนได้ 

     

    “แบบนี้ใช่มั้ย” 

     

    “ใช่... ส่วนตรงระหว่างกระดุมก็รีดแบบนี้... ไม่ใช่ ๆ” ดูเสียงอธิบายพร้อมกับมือที่สาทิตท่าประกอบจะยังไม่ทำให้นักเรียนอย่างแจ็คสันเข้าใจ 

     

    รู้ตัวอีกครั้ง.. มาร์คก็จับมือแจ็คสันก่อนจะค่อย ๆ รีดให้ดูเสียแล้ว... 

     

    “รีดแบบนี้ตรงร่องกระดุม เข้าใจใช่มั้ย” 

     

    “เข้าใจ...แล้วครับ” 

     

    เสียงทุ้มถูกกลืนหายไปหนึ่งจังหวะ... เมื่อปอดได้รับกลิ่นหอมของสบู่เด็กเข้าไปเต็มสูบ สายตาตอนนี้ไม่ได้หยุดมองเตารีดอย่างที่ควรจะเป็น.. เพราะมันถูกตรึงเอาไว้ด้วยเสื้อผมสีเข้มเคลียตัดกับต้นคอขาว... 

     

    “ลองรีดดูเองนะ... จำได้มั้ยเนี่ย ?” 

     

    เพราะมาร์คหันมาเร็วจนร่างกายเกือบปะทะ แทบจะลืมไปแล้วว่าตอนที่เผลอตัวจับเตารีดนั้นได้พาตัวเองเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอุ่น ๆ ของแฟนเก่า... 

     

    “…ไม่ได้ลืมหรอก...”

     

    “…” 

     

    “…แต่เริ่มต้นใหม่อีกทีได้มั้ย” 







     

    -50%-
     







     

     

    “เจ้าเจะหลานน้าจู ~” เสียงหวีดดังขึ้นอย่างไม่สนหน้าอินหน้าพรมดังขึ้นทันทีที่ปาร์คจินยองผลักประตูกระจกร้านกาแฟเข้ามา ริมฝีปากอวบอิ่มตะโบมฟัดเจ้าแก้มยุ้ยจนปากจิ้ดริดร้องกรี้ดปนหัวเราะคิกคัก 

     

    “จูจู” เจ้าลูกหมูยิ้มร่า ยอมให้คุณอาฟัดแต่โดยดี 

     

    “จูจูคิดถึงหนูจังเลย” และมันคงเป็นภาษาที่มีแต่น้าหลานเข้าใจ มาร์คยิ้มกว้างให้กับภาพที่เห็น ก่อนจะเขยิบให้เพื่อนนังลงบนโซฟาเคียงข้างกัน 

     

    วันนี้มาร์คและจินยองนัดเจอกันที่ร้านกาแฟเจ้าประจำ ที่คนไม่พลุกพล่านและสามารถพาเจ้าลูกหมูออกมาให้คุณน้ากอดรัดได้อย่างสะดวก 

     

    “จูจู จุ้บ” กลีบปากจุ๋มจิ๋มที่เป็นอย่างเดียวที่โขลกมาจากแม่ยื่นหาคุณน้าคนโปรด แบบนี้จะไม่ให้จินยองหลงเจ้าหมูอ้วนตัวนิ่มได้ยังไงไหว 

     

    “เอาไปสิบจุ้บเลย เจ้าหมูก้อนของน้า” เสียงระดมจูบนับสิบหรือมากกว่าทำให้มาร์คส่ายหัว 

     

    “รักเด็กขนาดนี้ ทำไมไม่ท้องเองสักทีนะ...” คุณแม่นั่งไขว่ห้าง ตอนนี้มาร์เจย์อยู่บนตักของจินยองเต็มตัว ยิ้มร่าเมื่อได้จุ้บสมใจ มองเผิน ๆ เหมือนลูกจินยองมากกว่าลูกมาร์คอีก 

     

    “เฮ้อ...” 

     

    เสียงถอนหายใจยาว ๆ แทนคำตอบทุกอย่าง ไม่ใช่เพราะชีวิตคู่รักของปาร์คจินยองกับอิมแจบอมนั้นไม่ดีหรอก... 

     

    …แต่เพราะลูกที่พยายามจะมี...ผ่านมาสามปีแล้วยังไม่มีวี่แววเลยต่างหาก 

     

    “ลองไปปรึกษาหมอมั้ย” 

     

    “พี่แจบอมก็พูดแบบนี้ แต่ก่อนหน้านี้พี่เค้าเคยไปตรวจมาแล้วร่างกายพี่เค้าปกติดี แต่เค้าไม่กล้าอะตัว กลัวไปตรวจแล้วแบบ...มันหมดหวัง...” 

     

     

    “แอ้ !” 

     

    เพราะเห็นว่าจูจูหน้าหงอย เจ้าตัวแสบบนตักก็เลยเหวลั่น เท้านุ่ม ๆ ย่ำต้วมเตี้ยมอยู่บนตัก จนจินยองจำต้องยิ้มหวานให้ 

     

    “หรือที่ไม่มี ฟ้าอาจจะให้จูจูเป็นทาสรักมาร์เจย์คนเดียวก็ได้เน้อะ” แม้จะเป็นยิ้มที่ไม่กว้างนัก แต่จินยองก็ยังยิ้มได้ คนที่อยากจะมีลูกแทบตายกลับไม่มี ส่วนมาร์คที่ไม่คิดว่าจะมี... ตอนนี้กลับมีเจ้าตัวเล็กเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าอะไร

     

    “สั่งอะไรมากินรึยัง” มาร์คสั่งกาแฟมาแค่แก้วนึง กับขนมหนึ่งชิ้นให้เจ้าแก้มยุ้ยเท่านั้น ไม่ได้สั่งอะไรเผื่อจินยอง 

     

    “สั่งแล้ว ว่าแต่แจ็คสันนี่ยังไงอะตัว ทำไมตัวยอมให้ไปอยู่ด้วยที่บ้านแบบนั้น” 

     

    มือของจินยองยังคงประคองมาร์เจย์ไว้แบบนั้น แต่น้ำเสียงและสายตาที่ส่งมาทำให้มาร์ครู้ว่าเพื่อนสนิทคนนี้เป็นห่วงมาร์คยิ่งกว่าใคร 

     

    “แจ็คสันมาขออยู่ด้วยสามเดือน...แลกกับการที่หลังจากนี้จะไม่มาให้เห็นหน้าอีกตลอดไป” 

     

    ไม่รู้ว่าใจมาร์คสั่นเพราะคำว่าสามเดือนหรือเพราะคำว่าตลอดไป เพราะไม่ว่าจะเป็นเวลาเท่าไหร่ ยังไงก็รู้ตัวเองดีว่าไม่ควรจะกลับไปเจ็บซ้ำ ๆ 

     

    “ เฮ้อ... ตัวคิดจริง ๆ หรอ ว่าถ้าเวลาครบแจ็คสันจะยอมหายไปจริง ๆ ที่ไปบอกว่ามาร์เจย์เป็นลูกพีเนียลนี่ก็เหมือนกัน เจ้าลูกหมูนี่ยิ่งโตหน้าก็ยิ่งเหมือนพ่อมันขนาดนั้น กระใจแจ็คสันนี่มันจะควายไปทั้งชีวิตเลยหรอมาร์ค” 

     




    -80%-



     

    มาร์คเงียบไป... 

     

    ใช่ว่าจินยองไม่รู้ว่าใจของเพื่อนสนิทตัวเองนั้นเป็นยังไง มาร์คยังรักแจ็คสันอยู่เต็มหัวใจ ดูจากของในห้องก็รู้ หากเป็นคนอื่นทุกอย่างมันคงถูกโยนทิ้งถังขยะไปแล้ว ไม่ใช่ยังวางอยู่ที่เดิมแบบนั้น และเหนือสิ่งที่มากไปกว่านั้น... 

     

    มาร์เจย์เป็นลูกของแจ็คสัน ลูกของคนโง่ที่ไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่ต้องทิ้งมาร์คไปรับผิดชอบชีวิตเด็กอีกคนนึง ตัวเองก็ได้ทิ้งเด็กอีกคนหนึ่งไว้ให้มาร์ครับผิดชอบเพียงคนเดียว 

     

    จินยองคิดว่าไม่ว่ายังไง ความจริงทั้งหมดนั้นแจ็คสันก็ควรจะได้รู้ มาร์เจย์ก็เช่นกัน ตอนนี้เจ้าลูกหมูยังเล็ก แต่เมื่อโตขึ้นจินยองก็อยากให้มาร์เจย์ได้รับความรักของพ่อด้วย แล้วหลังจากนั้นเจ้าลูกหมูจะปฏิบัติตัวอย่างไร มันก็เป็นเรื่องของเวลาและความรู้สึก 

     

    แต่นั่นก็ไม่ได้แปลว่าจะสนับสนุนให้คนทั้งคู่กลับไปคบกัน แจ็คสันกำลังจะเป็นอิสระแล้วก็จริง แต่มันก็ไม่มีอะไรเป็นสิ่งยืนยันว่าเพื่อนของเค้าจะไม่กลับไปเจ็บช้ำอีก 

     

    จินยองไม่อยากเห็นอีกแล้ว ช่วงเวลาที่มาร์คเจ็บเจียนตายแบบนั้น... 

     

    “…แล้วเค้าต้องทำยังไงหรอตัว” 

     

    แน่นอนว่ามาร์ครับรู้ทุกอย่าง... ทุกสายตา ทุกอาการ ทั้งการกระทำของแจ็คสันต่อมาร์เจย์ หรือแม้แต่หลายสิ่งที่มาร์เจย์มีต่อแจ็คสัน... 

     

    ถึงมันจะเป็นเพียงเวลาแค่ไม่กี่วันแต่ทุกภาพ ทุกการกระทำ... มันเป็นสิ่งที่มาร์คคาดหวังมาทั้งชีวิตว่าจะได้เห็น... 

     

    “ก็ลองบอกความจริงกับแจ็คสันไปมั้ย... ไม่งั้นจะทำยังไง” 

     

    “แต่เค้าไม่อยากให้แจ็คสันรู้... กับลูกทางนั้น ถึงแจ็คสันจะหย่าแล้วก็ต้องดูแล แค่มาร์เจย์คนเดียวเค้าเลี้ยงเองได้”

     

    “แต่ถึงยังไงแจ็คสันมันก็เป็นพ่อนะมาร์ค”

     

    จินยองเลือกใช้ชื่อของมาร์คแทนคำพูดปกติที่ใช้เรียกกันประจำ เพื่อบอกย้ำให้มาร์ครู้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่จริงจัง...

     

    “ตะ--แต่” 

     

    “ตัวโตมากับครอบครัวที่ครบถ้วน... เค้าไม่ได้จะบอกว่าการที่โตมากับการเลี้ยงเดี่ยวนั้นมันไม่ดีหรอกนะ แต่ตัวก็รู้ดีใช่มั้ย ว่ามันวิเศษณ์มากขนาดไหน ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ค่อย ๆ ช่วยประคับประคองตัวขึ้นมาตั้งแต่เล็กจนโต” 

     

    “…” 

     

    “เค้าก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอกนะ ถ้าเลือกที่จะไม่พูดเรื่องนี้... แต่สำหรับมาร์เจย์มันคือโอกาสที่จะได้รู้จักความอบอุ่นของพ่อ” 

     





    -100%-



     

     

     

     

     

    จินยองกลับไปแล้ว...ทิ้งไว้แค่มาร์คที่กำลังหนักอึ้งไปทั้งใจ

     

    “มะ...” 

     

    มาร์เจย์ย่ำเท้าไปมาให้ตัวกลมปุ๊กเด้งดึ๋งอยู่บนตัก ตากลมใสปิ๊งที่ถอดพ่อมาอย่างกับจับวางมองมาที่มาร์คไม่หันเหไปไหน เพราะเจ้าตัวน้อยกำลังสงสัยว่าทำไมหยาดน้ำใส ๆ ถึงไหลออกจากดวงตาของมาร์ค

     

    “อยากเจอป๊ามั้ยคับ” 

     

    มันไม่ควรจะต้องเป็นคำถามด้วยซ้ำ... 

     

    เสียงคุ้นเคยที่ได้ยินตั้งแต่แรกเกิดสั่นพร่า ในแก้วตากลมเห็นหยาดน้ำตาสีใสไหลกลอกกลิ้งลงจากนัยน์ตาหวานลงสู่แก้มเนียนในพริบตาก่อนจะถูกหลังมือปาดออก.. มาร์เจย์ไม่รู้หรอกว่ามาร์ครู้สึกอย่างไร แต่เด็กชายตัวน้อยไม่ชอบมันเอาเสียเลย... 

     

    “มะ...มะอ้า” 

     

    กลีบปากแดงร้องอู้อี้ ปลายจมูกเล็ก ๆ เริ่มแดงก่ำตามแม่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจ ส่วนคนเป็นแม่นั้นข้างในก็สับสนไปหมด ไม่ใช่มาร์คไม่อยากบอกให้แจ็คสันรู้... 

     

    แต่ถ้าแจ็คสันรู้แล้วจะเป็นอย่างไร... 

     

    “ขอโทษนะ...ฮึก...มาร์เจย์”

     

    มาร์คไม่สามารถควบคุมอะไรได้อีกแล้ว...หยาดน้ำตานั้นไหลออกมาเร็วจนเกินกว่าที่จะปาดทัน...ทุกคำพูดของจินยองเป็นดั่งหอกแหลมที่ทิ่มแทงลงกลางหัวใจ... แจ็คสันมีสิทธิ์ที่จะได้ทำหน้าที่พ่อของมาร์เจย์ในทุกประการ... 

     

    แต่มันเป็นมาร์คที่ขี้ขลาดเอง... 

     

    “ถ้าวันนึงป๊าไม่อยู่กับเรา...หนูจะทนได้มั้ยครับ”  ไม่ว่ามาร์คจะพยายามหนีแค่ไหนแต่ยังไงสายเลือดมันก็ตัดไม่ขาด หากจบสามเดือนหลังจากนี้แจ็คสันยังอยากจะดูแลลูกมาร์คก็อาจจะทำใจได้ แต่ถ้าหากไม่ต้องการอีกแล้ว...มาร์คก็ไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้ความจริงข้อนี้เลยสักนิด

     

    ไม่ต้องเกี่ยว ไม่ต้องข้อง

     

    ไม่ต้องรู้จักกันอีก...

     

    เพราะเจ็บกว่าการไม่มี...คือการเคยมี...ความทุกข์ทรมาณนี้มาร์คผ่านมันมาแล้ว 2 ปีเต็ม 

     

    “มะ...อ้ะ...มะ” 

     

    ยิ่งเสียงอ้อแอ้ของลูกดังก็ยิ่งทำให้เสียงสะอื้นนั้นมากขึ้นเป็นทวีคูณ ฝ่ามือบางยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงไว้อย่างทนไม่ไหว แค่คิดว่าถ้าวันหนึ่งจะต้องเห็นเจ้าตัวเล็กฟูมฟายไปก็ทนแทบไม่ได้ 

     

    ในชีวิตมาร์คไม่เหลือใครแล้ว...มาร์คเหลือแค่มาร์เจย์เท่านั้น

     

    มาร์คไม่อยากเห็นเจ้าตัวร้ายจะต้องมีน้ำตาในวันที่จากลามาถึง...

     

    “ฮึก...อย่าร้องสิครับ..เอ่เอ๋” 

     

    ปลายนิ้วบางเกลี่ยน้ำตาหยดเล็กที่ไหล ก่อนที่มาร์เจย์จะดิ้นเร่าจนหลุดจากมือที่ประคองไว้บนตัก ไม่ทันตั้งตัวแขนเล็ก ๆ เอื้อมขึ้นสูงก่อนจะโน้มคอของมาร์คมาใกล้ราวกับจะกอดปลอบ อุ้งมือปะป่ายไปตามแก้มนวลเลอะคราบน้ำตา เสียงอ้อแอ้พูดไม่เป็นตามคำที่มาร์คพูดเป็นประจำในเวลาที่เจ้าตัวเล็กโยเย...

     

    “เอ่เอ๋...แอ้...มะเอ่เอ๋” 

     

    ทั้งที่บนแก้มกลม ๆ นั่นก็มีน้ำตาไหลออกมาเหมือนกัน...

     

    หยดน้ำตาไหลทะลักออกมายิ่งกว่าเดิมแต่มาร์คก็ไม่ได้สนใจ ใต้เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นเหมือนเด็กทารกจนแทบจะจับใจความไม่ได้ พยายามจะบอกออกไปให้เจ้าตัวเล็กรู้... 

     

    “ฮึก...ไม่ร้องแล้ว...ม๊าไม่ร้องแล้วมาร์เจย์”




    -125%-


    ร้อยยีบห้าเปอร์ก็มาว่ะ
    ไม่มีอะไรมาก 
    แค่อยากจะบอกว่าอีพ่อตายแน่
    ขอบคุณค่ะ


    ปล.ถ้าป้า ๆ ยังอยู่ฝากเป็นกำลังใจให้ลูกหมูด้วยนะตะ

     

    ในที่สุดก็ครบ ! 
    จริง ๆ ป้าจูมาอย่างมีสติไม่ได้มาฆ่าฟายเผือกแต่ยังใด
    ส่วนที่สปอยด์ในทวิตไปก็ทำให้ดูโหดไปงั้น 

    รอไว้เชือด(ฟายเผือก)ทีเดียวก็เล่าพาร์ทอดีตเลยดีกว่า

    เจอกันตอนหน้าค่า

     

     


    ป้าจูมาแย้ว !
    แอร์สนามบินไทเปหนาวมากเลย
    ขอโทษที่มาต่อได้แค่นี้ 
    เดี๋ยวอีก 20 จะตามมาในไม่ช้า !!

    ปะป๊าจะควายไปทั้งชีวิตหรือไม่ ติดตามกันต่อไปด้วยนะคะ !!





    เจ้ายูกหมูหยับแย้ว
    ฟายเผือกออกปฏิบัติการได้ !!

    ปล. ขอโทษที่ดองและดองและดองนะคะ ฮือ


     

     
    Ⓒ QRD
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×