ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    got7 。.·♡ ˋ HELLO MY EX ˊ #jark #yugbam #bnyoung

    ลำดับตอนที่ #7 : HELLO MY EX ♡ CHAPTER 6

    • อัปเดตล่าสุด 17 ก.ค. 59







     

     
    HELLO MY EX
    CHAPTER 6

     

     

     

    (ว่าไงครับกากา) 

     

    “หม่าม๊า ~ คิดถึงจังเลยครับ” 

     

    วิวที่มองจากระเบียงแห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แจ็คสันเลือกซื้อคอนโดแห่งนี้ร่วมกับมาร์ค ภาพผืนน้ำที่สะท้อนเงาทำให้รู้สึกหายใจโล่งปอด มันง่ายเพียงแค่เรายืนหันหลัง ราวกับจะช่วยให้ลืมเลือนไปเลยว่าอีกฟากนั้นก็คือถนนใหญ่ที่ตามมาด้วยปัญหาการจราจรอันแน่นขนัด 

     

    (ปากหวานจริงนะพ่อลูกชาย) 

     

    น้ำเสียงใจดีแสนคุ้นเคยทำให้อาการเกร็งไหล่หายไป ราวกับความหนักหน่วงที่แบกเอาไว้ผ่อนคลายลง ปลายนิ้วพรมลงกับราวระเบียงเรียบง่ายโล่งกว้าง ทั้งที่เคยแพลนกับมาร์คไว้ว่าเราจะจัดสวนเล็ก ๆ ตรงนี้ มีชิงช้า มีน้ำตกจำลองเล็ก ๆ 

     

    “ก็หม่าม้าพูดเหมือนผมจะต้องมีธุระเท่านั้นถึงจะโทรหาหม่าม้าอ่ะ” เสียงทุ้มหยอกล้อไปตามสาย ใช้น้ำเสียงของคนที่อยู่ห่างกันเป็นพันไมล์ในการปลอบประโลมหัวใจที่สั่นไหวให้กลับมานิ่งสงบ 

     

    (แล้วหม่าม๊าพูดจริงมั้ยล่ะครับกากา เสียงดูเนือย ๆ มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับลูกชาย)

     

    “เฮ้อ....ปิดหม่าม้าไม่ได้เลยใช่มั้ยครับ”  แจ็คสันถอนหายใจ อยากจะไล่เรียงเรื่องราวทุกอย่างที่ประสบมาในช่วงสองสามวันนี้ให้มารดาได้รับรู้

     

    (แน่นอนสิครับ หม่าม้าเลี้ยงกากามากับมือนะ ทำไมครับเรื่องหย่ามีปัญหาเหรอ ?)

     

    “ก็ไม่เชิงมีปัญหาหรอกครับหม่าม๊า แต่ว่าตอนนี้ผมย้ายมาอยู่กับมาร์คระ-----“

     

    (ฮ๊ะ !! สัญญาณไม่ดีหรือหม่าม๊าหูฝาดครับ กากาย้ายไปอยู่กับน้องมาร์คหรอ) เสียงตกใจของหม่าม๊าดังออกมาจนแจ็คสันต้องยื่นโทรศัพท์ห่างออกจากหู 

     

    “ครับหม่าม๊า หม่าม๊าใจเย็น ๆ แล้วฟังก่อนสิครับ” 

     

    (กากา หม่าม๊าจะเป็นลม แล้วหนูมาร์คเค้ายอมให้กากาไปอยู่ด้วยหรอ ถ้าหม่าม้าเป็นน้องมาร์คหม่าม้าจะไม่ให้อยู่แล้วจะจ้างวินมอไซค์ตามไปตีกากาด้วยซ้ำ) เสียงมารดาสั่น แจ็คสันพอจะจินตนาการภาพยามที่เธอยกมือขึ้นพัดหน้าได้ 

     

    “ก็มีข้อตกลงกันนิดหน่อยแหละครับหม่าม้า” 

     

    (กากา เรานี่มันจริง ๆ เลยนะ จะทำให้น้องมาร์คเค้าช้ำไปถึงไหน เฮ้อ...)

     

    “ผมป่าวนะครับหม่าม้า แต่นี่ยังไม่ใช่เรื่องหลักที่ผมโทรมาหาหม่าม้าหรอก” 

     

    (จะมีอะไรยิ่งกว่านี้อีกหรอกากา เดี๋ยวอีกสามนาทีโทรมาใหม่ดีมั้ย หม่าม้าโทรเรียกแอมบูแลนซ์มาแสตนบายรอไว้ก่อน) แจ็คสันเกือบหลุดยิ้มเพราะมารดาแต่กระนั้นก็ยังควบคุมเอาไว้ได้ ขืนหลุดไปคงได้โดนคุณนายเธอบ่นเข้าอีก 

     

    แค่กระทงที่มาอาศัยอยู่บ้านอดีตคู่หมั้นซึ่งเป็นคนโปรดแสนโปรดของคุณนายก็มากพออยู่แล้ว... 

     

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับหม่าม้า แต่ทางที่ดี ตอนนี้ผมว่าหม่าม้าหาที่เย็น ๆ นั่ง ให้เด็กเอาน้ำเย็นมาให้หม่าม้าจิบด้วยดีกว่า” 

     

    (ไอ้โหยว หม่าม๊าแค่ล้อเล่นนะ นี่ถึงขั้นให้หม่าม้าหาที่นั่งเลยเหรอ)

     

    “กันไว้ดีกว่าแก้นี่ครับ” แจ็คสันพูดพลางกรอกเสียงหัวเราะแห้ง ๆ ลงไปด้วย “หม่าม๊ายังได้เจอคุณแม่ของพีเนียลอยู่บ้างมั้ยครับ ?” 

     

    (คุณนายชินเหรอครับกากา หม่าม๊าไม่ได้เจอนานแล้ว)

     

    “ใช่ครับหม่าม๊า ไม่ได้เจอนานแล้วเหรอ” 

     

    (ทำไม มีอะไรหรอครับกากา) คำถามของหม่าม้าทำให้แจ็คสันต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ปลายนิ้วที่พรมราวระเบียงหยุดลง 

     

    “…หม่าม๊าพอรู้มั้ยครับ...ว่าคุณนายชินน่ะมีหลานแล้ว...แล้วแม่ของเด็กก็คือมาร์คล่ะครับหม่าม๊า” 

     

    (….)

     

    ไม่มีคำพูดตอบรับมาจากหม่าม้า... แจ็คสันเงยหน้าขึ้นเพื่อมองพระอาทิตย์สีส้มแสบตานั่น... ก่อนดวงตาคมจะค่อย ๆ ปล่อยหยาดน้ำตาออกมา ราวกับจะยกเหตุผลของการกระทำให้เป็นของแสงที่กำลังจะลาลับตา

     

    (กากา)

     

    “…”

     

    (กาการ้องไห้เหรอครับ ?)

     

    “หม่าม๊า... เหมือนผมโดนกรรมตามทันเลยล่ะ” แจ็คสันยกนิ้วขึ้นมาขยี้ตาทั้งที่รู้ว่าอีกสักพักมันคงจะต้องแดงก่ำ ปลายหูฟังเสียงถอนให้ใจยาวของหม่าม๊าอย่างที่ยอมรับในโทษทัณฑ์ 

     

    (เราตั้งใจกลับไปที่นั่นเพื่อไปหาน้องมาร์คเค้าเหรอ)

     

    “ผมไม่รู้ว่าตัวเองตั้งใจมั้ย...แต่ทันทีที่ผมส่งหลักฐานให้ทนายเสร็จทั้งหมด รู้ตัวอีกทีก็เข็นกระเป๋ามาที่นี่แล้วล่ะครับ” 

     

    (…)

     

    “หม่าม้ารู้มั้ย ว่าตอนแรกที่เจอกัน มาร์คเหมือนกับครั้งแรกที่ผมเข้าไปจีบเลย หม่าม้าเข้าใจใช่มั้ย เวลาที่มาร์คทำหน้านิ่ง ๆ ทำเสียงดุ ๆ น่ะ” แจ็คสันยิ้ม...ทั้งที่พระอาทิตย์กำลังเล่นงานดวงตาเสียจนแสบร้าว ชายหนุ่มกระแอมในลำคอราวกับจะปรับสภาพเสียงที่สั่นพร่า

     

    (…)

     

    “แล้วก็ยังไม่พอนะ พอผมเข้ามาในห้อง ผมก็เจอเด็กคนหนึ่ง...ฮึก...น่ารักมากเลยหม่าม๊า แก้มกลม ๆ ยุ้ย ๆ ตอนแรกมาร์คก็หวงเด็กคนนั้นมาก ผมก็นึกว่าหวงหลานหวงอะไร จนผมมารู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของมาร์ค” 

     

    (…)

     

    “ตอนนั้น...ฮึก...ผมนี่ช็อคไปเลย... ผมก็ถามว่าใช่ลูกของผมมั้ย...แต่มาร์คเค้าบอกว่าเป็นลูกของเค้ากับพีเนียล” 

     

    (…)

     

    “ผมจะทำยังไงดีหม่าม้า... ผมไม่กล้าพูดสักคำว่าใช่ลูกของพีเนียลจริง ๆ หรอ ...ฮึก...สิ่งที่ผมทำมันไม่มีค่าพอจะให้มาร์คอาลัยอาวรณ์ผู้ชายนิสัยไม่ดีอย่างผมเลยด้วยซ้ำ มันไม่แปลกถ้ามาร์คจะมีคนรักคนใหม่..” 

     

    (…)

     

    “แต่หม่าม้าเข้าใจผมมั้ย”

     

    (…)

     

    “…ถึงรู้ว่าจะไม่มีสิทธิ์อีกแล้ว...แต่ผมก็รักมาร์ค...”

     

    (กากา...)

     

    “…ก็ยังรักมาร์คเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” 
     

    คุณนายหวังเงียบเสียงลงไปราวกับยอมรับและเข้าใจในน้ำเสียงรวดร้าวของลูกชาย... มันคงเป็นกรรมอะไรสักอย่างของลูกชายเธอที่วันหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเพียบพร้อมต้องพังครืนลงไป 

     

    แจ็คสันและมาร์ครักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย... แน่นอนว่าเรื่องของคนทั้งคู่เป็นที่รับรู้ระหว่างครอบครัวของทั้งสองฝ่าย... จากนั้นการเตรียมการสำหรับงานมงคลก็เกิดขึ้นตอนที่มาร์คและแจ็คสันอายุ 25 ย่างเข้า 26 

     

    อาจจะรวดเร็วไปสำหรับวัยหนุ่ม แต่ตอนที่แจ็คสันจูงมือมาร์คเข้ามาเพื่อบอกว่ากับคนทั้งสองบ้านว่าพวกเขามั่นใจในความสัมพันธ์ระหว่างกัน... มันก็ไม่จำเป็นที่จะต้องรีรออีกต่อไปแล้ว... 

     

    วันนั้นก็เป็นวันที่เธอรู้ว่าลูกของเธอเติบโตขึ้นไปอีกขั้น... ลูกชายตัวน้อย ๆ ที่เธอเฝ้าฟูมฟักบอกกับเธอว่าตลอดสี่ปีที่ทำงานเก็บเงินมานอกจากส่วนหนึ่งแบ่งไว้สำหรับหม่าม้าและป่าป๊า อีกส่วนก็เพื่อเก็บไว้เป็นสินสอดให้กับคนตรงหน้า...

     

    ‘หม่าม้าจะไปขอมาร์คให้ผมได้มั้ย ?’

     

    แจ็คสันยิ้มให้กับเธอเหมือนตอนเด็กน้อยที่กำลังจะลงแข่งเฟนซิ่งครั้งแรก มันทั้งตื่นเต้น ตื่นกลัว ทว่าก็เปี่ยมได้ด้วยความยินดีที่จะได้ทำในสิ่งที่ใฝ่ฝัน 

     

    ตอนนั้นเธอพยักหน้ารับ พร้อมกับอ้าแขนรับลูกชายที่โถเข้ามากอดเต็มรัก... แต่เวลานี้มันไม่เหลืออะไรอีกแล้ว... เสียงหายใจปนเสียงสูดหายใจลึกทำให้เธอรู้ดีว่าความสดใสที่เธอทนุถนอมไว้กำลังรู้สึกอ่อนแรงจนแทบทนไม่ไหว 

     

    (หม่าม้ายังอยู่ในสายมั้ยครับ) 

     

    “หม่าม้ายังอยู่ครับ” 

     

    (ผมอยากให้หม่าม้าได้เห็นมาร์เจย์จัง...)

     

    “มาร์เจย์...ชื่อแปลกดีนะครับ” 

     

    (ใช่ครับ...ฮึก... เป็นชื่อลูกของมาร์คนั่นแหละ..แก้มกลม ตาใส เป็นเด็กที่อารมณ์ดี แล้วก็ขี้เล่นมาก..)

     

    “เหมือนกากาตอนเด็ก ๆ เลย” 

     

    แม้จะรู้ว่าไม่ควรพูด...แต่เธอก็พลั้งปากออกไปแล้ว... 

     

    (ใช่ครับ...) แจ็คสันเงียบไปครู่ใหญ่ ภายในอกของเธอบีบรัดจนแน่น... คงไม่ต่างอะไรกับปลายสายที่เงียบไป...ก่อนน้ำเสียงที่ดูรวดร้าวและพังทลาย...จะตอบกับมาอีกครั้ง

     

    “...” 

     

    (...และถ้ามาร์เจย์ไม่ใช่ลูกของพีเนียลจริง ๆ หม่าม้าก็คิดดูสิครับ แม้แต่ตำแหน่งของพ่อของลูกจริง ๆ มาร์คก็ไม่คิดจะให้โอกาสผมเป็น...)

     

    (มาร์คคงไม่รักผมอีกแล้วล่ะครับหม่าม้า...)






     

    -65%-
     







     

     

    “ตัวว่ายังไงอะจินยอง” 

     

    (มาคราวนี้เค้าก็เดาใจแจ็คสันไม่ถูกเหมือนกัน)

     

    “เฮ้อ...อ๊ะ จินยองแค่นี้ก่อนนะ แจ็คสันเหมือนจะสูบบุหรี่เสร็จแล้ว สรุปนัดวันพุธหน้าโอเคนะ ?”

     

    (โอเค ไม่มีปัญหา ร้านเดิมนะ...)

     

    “อืม...”

     

    (มาร์ค)

     

    “หืม..”

     

    (…ตัวรู้ใช่มั้ยว่าไม่ควรจะกลับไปรักแจ็คสันอีกแล้ว)

     

    “รู้น่า...ขอบใจมาก แค่นี้ก่อนนะ มาร์เจย์ตื่นแล้ว” 

     

    มาร์คโยนมือถือทิ้งไว้บนโซฟาพร้อมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่... ในหัวตอนนี้มีหลายหลายเรื่องราวให้ต้องขบคิด...ทั้งที่ไม่ควรจะต้องคิดอะไรอีกแล้ว... 

     

    เพราะไม่ว่าแจ็คสันตั้งใจจะกลับมาที่นี่เพื่ออะไร...มาร์คก็จะไม่คิดเปลี่ยนใจอยู่ดี 

     

    “ตื่นแล้วหรอครับคนเก่ง...ยิ้มแต้เชียว” 

     

    เจ้าลูกหมูที่ตื่นหลังจากหลับไปงีบไปยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี มือป้อมคว้าเอาอีลาสติกเนื้อเรียบขึ้นมาขบแก้อาการคันฟันที่ค่อย ๆ ผุดขึ้นมาจากเหงือกนุ่มนิ่ม 

     

    “แอ้~ มะ” 

     

    “ว่าไงครับ” 

     

    มาร์คเขยิบเข้าไปใกล้ลูกที่วางของเล่นแล้วคลานต้วมเตี้ยมเข้ามาหา เสียงกำไลข้อเท้าดังกรุ๊งกริ๊งจนเหมือนกระปุกหมูที่มีเศษเหรียญอยู่ข้างใน 

     

    “แจ๊บ ~” จนร่างนุ่มนิ่มมาทิ้งตัวจุมปุ๊กอยู่บนตัก อุ้งเท้านิ่มค่อย ๆ ยันตัวขึ้นบนตักเอามือดันอกเงยหน้ามองมาร์คตาใส 

     

    “นมอะไรฮึเจ้าลูกหมู ไม่มีนมให้กินแล้ว” กระปุกนมอัดเม็ดถูกจับโยกไปมาให้แขนนุ่มไล่ตามแทน ใช่ว่ามาร์คอยากจะเลิกให้นมลูกแล้ว แต่พอมีอีกคนเข้ามาอยู่ร่วมกันจะทำอะไรมันก็ไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อน 

     

    “แอ้ ~ นม” ความเครียดขึงของมาร์คคล้ายจะเบาบางลงเมื่อเห็นเจ้าตัวกลมแก้มใสเอื้อมมือคว้าอย่างน่าเอ็นดู

     

    “มีนมเม็ดก็ไม่ร้องกินนมมะแล้วใช่มั้ย ชอบจังเลยน้า ขนมหวาน ๆ เนี่ย” ในที่สุดก็อดใจอ่อนไม่ได้ มือบางบิดกระปุกหยิบนมอัดเม็ดที่หั่นไว้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ให้เจ้าตัวเล็กหนึ่งชิ้น 

     

    ราวกับเป็นรางวัลของคนเป็นแม่ มาร์คมองเจ้าตัวกลมยิ้มกว้างจนแก้มขาว ๆ เป็นสีชมพูสวยอย่างภาคภูมิใจ นับตั้งแต่วันนั้นเมื่อสองปีก่อน... มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะผ่านเรื่องนี้มาได้ด้วยตัวคนเดียว...

     

    ตอนแรกที่รู้ว่าทุกอย่างมันพังลงไปมันยังไม่เสียใจเท่าตอนที่รู้ว่ามีเจ้าเด็กอ้วนตัวกลมนี่อยู่ในท้อง... เหมือนกับพายุที่มาพร้อมกับแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด... มาร์คในตอนนั้นยับเยินจนแทบไม่เหลือชิ้นดี...

     

    สูญเสียภาพฝัน สูญเสียการแต่งงาน สูญเสียคนรัก...

     

    เหลือแค่ตัวเองอยู่ในห้องกว้าง ๆ ที่เคยเป็นเรือนหอของเรา...และเด็กในท้องที่คงไม่มีโอกาสได้เจอหน้าพ่ออีกแล้ว... 

     

    ตั้งแต่เกิดมา...มาร์คก็รู้ว่าตัวเองมีอะไรบางอย่างที่พิเศษ...ในปัจจุบัน ผู้ชายราว ๆ  30% สามารถที่จำตั้งครรภ์และให้กำเนิดบุตรได้ ป๊ากับหม่าม้าพูดย้ำเรื่องนี้ให้มาร์คฟังตั้งแต่เด็ก เราเป็นครอบครัวที่เลี้ยงดูมาแบบอเมริกัน เพราะงั้นป๊ากับหม่าม๊าเลยสอนให้เรารู้จักและป้องกันมากกว่าการห้ามปรามเสียจนรู้สึกเหมือนถูกขัง

     

    ยาคุมชนิดสามเดือนเป็นสิ่งที่มาร์คเลือกใช้... 

     

    ระหว่างทางกลับบ้าน...มาร์คจะแวะฉีดยาที่คลินิกอย่างสม่ำเสมอ หรือสลับใช้วิธีอย่างอื่นบ้างตามที่แพทย์แนะนำเพื่อให้ได้ผล... 

     

    แต่สำหรับครั้งสุดท้าย...มาร์คพลาดเอง... 

     

    มันคงเป็นความโชคดีของมาร์เจย์ที่มาร์คในตอนนั้นเริ่มต้นอาการแพ้ท้องด้วยความพะอืดพะอมและความคิดถึงที่มีต่อแจ็คสัน...จากที่คิดว่าจะไม่เอาไว้เลยกลายเป็นตัดใจทำไม่ในที่สุด

     

    “เหม่ออะไรน่ะมาร์ค... มาร์เจย์จะกินนมนะ ไม่เปิดเสื้อให้ลูกหรอ” เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้กายบางสะดุ้ง แจ็คสันปิดประตูระเบียงแล้วเดินกลับเข้ามาในห้อง 

     

    “อะ...อืม จะเลิกให้นมแล้วล่ะ” รวบมือซนที่ตะกายเสื้อขึ้น มองกลีบปากจุ๋มจิ๋มยู่เข้าจนหน้าบู้ เด็กอารมณ์กลายเป็นเจ้าลูกหมูหิวนมเต็มขั้นไม่มีเบื่อ ทั้งที่ก็กินนมแม่มาตลอดหนึ่งปีกว่า ๆ ซึ่งจริง ๆ แล้วจะเลิกกินนมแม่แล้วก็ได้... 

     

    “แต่นมแม่มันดีกว่าไม่ใช่หรอ...ถ้านมยังมาก็ให้กินเถอะ ดีกว่าไปปั๊มทิ้งนะ”  

     

    “รู้ดีจังนะ...” เพราะกำลังง่วนกับเจ้าตัวซนที่รั้นจะมาคลอเคลียบริเวณหน้าอก มาร์คเลยประชดประชันออกไปทั้งที่ยังไม่ได้แม้แต่จะเงยหน้ามองแจ็คสัน

     

    “อืม ก็รู้ดีน่ะสิ... จะให้ก็ให้เถอะ ถ้าไม่สะดวกใจ เราออกไปข้างนอกก่อนก็ได้” ในน้ำเสียงมันมีอะไรหลายอย่างผสมอยู่จนมาร์ครู้สึก... 

     

    “ไม่เกี่ยวกับนายหรอกแจ็คสัน... เราไม่อยากให้ก็คือไม่อยากให้” 

     

    แต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทลายกำแพงหัวใจของมาร์คอยู่ดี 

     

    “แล้วถามเจ้าตัวเล็กรึยังว่ายอมอดมั้ย... ตาฉ่ำหมดแล้ว” 

     

    “แจ๊บแจ๊บ” แทนคำตอบของทีมติดนมคืออาการทำปากในท่าดูดดุนเตรียมพร้อมที่จะประกบปากลงไปทันทีที่เห็น... มองตากลมที่ฉ่ำไปด้วยน้ำเลี้ยงเตรียมจะเบะปากที่ถูกขัดใจแล้วอยากจะถอนหายใจแรง ๆ 

     

    “ถ้ามาร์เจย์กลายเป็นลูกแหง่ มันก็คือความผิดของนายแจ็คสัน” เคยปฏิเสธแววตาไร้เดียวสาคู่นี้ได้ที่ไหนกัน... ในที่สุดมาร์คก็จำยอมปลดกระดุมเสื้อลงสองสามเม็ดเพื่อเจ้าตัวเล็กจนได้ 

     

    “ไม่ใช่แบบนี้มันดีต่อภูมิคุ้มกันของเด็กมากกว่าไม่ใช่หรอ...ไว้นมหมดค่อยให้เลิกก็ยังได้” 

     

    ข้อดีนี้เป็นที่ยอมรับโดยทั่วกัน...เด็กที่ได้รับระทานนมแม่จะมีภูมิต้านทานที่ดีกว่าเด็กที่ทานนมผง ดังนั้นเราสามารถให้ลูกทานนมแม่ต่อเนื่องไปได้เรื่อย ๆ จนกว่าน้ำนมจะหมด

     

    ภาพมือเล็กที่โอบแขนข้างหนึ่งเกาะมาร์คอีกข้างหนึ่งแปะอยู่บนเนินอกนิ่ม ริมฝีปากจุ๋มจิ๋มดูดรับน้ำนมรสหวานลงคออย่างไร้เดียงสา มาร์คโอบตัวลูกเข้ามาให้กระชับ เมินสายตาของแจ็คสันที่อยู่ไม่ไกลทิ้งไป... 

     

    “อ๊ะ...ไปทำอะไรมาตาแดง” เสียงแรกร้องเพราะมาร์เจย์ดูดแรงจนมาร์คเจ็บ ก่อนเสียงสองจะเอ่ยถามเพราะพึ่งได้เห็นดวงตาคมขึ้นสีก่ำ 

     

    “….ฝุ่นเข้าตาน่ะ ยืน ๆ อยู่เมื่อกี้ลมมันพัดเข้ามาพอดี” แจ็คสันเงียบไปสักพักก่อนจะตอบคำถาม มาร์คไม่ได้สนใจอะไรอีก... ปลายนิ้วมือเกลี่ยไปตามกลุ่มผมเส้นเล็กอย่างเพลิดเพลินระหว่างที่รอเจ้าลูกหมูสูบนมให้เต็มถัง

     

    “อืม...”

     

    “มาร์เจย์ อิ่มแล้วก็ปล่อยสิครับ...โอ๊ย...ไม่กัดสิ” คงเป็นอาการคันเขี้ยวคันฟันของเจ้าตัวน้อย... มาร์คสะดุ้งโหย่งเมื่อโดนฝันน้ำนมซี่เล็กกัดเข้าเต็มรัก ส่วนผู้ก่อเหตุรู้เรื่องที่ไหน ยังทำตาใสดูดไม่ยอมปล่อย...

     

    “เมื่อกี้ไม่ยอมให้กินล่ะสิ...ตอนนี้เลยดูดไม่ยอมปล่อยเลย” 

     

    มาร์คมองคนตาแดงที่เอานิ้วจิ้มแก้มเจ้าตัวดื้อที่อก ทิ้งไว้คืนเดียวก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีเร็วกว่าที่คิดไว้...กลัวใจว่าสุดท้าย DNA ที่สืบต่อกันมาจะแรงจนโขกกันมันหมดเลยทั้งหน้าตาและความดื้อรั้น...

     

    บางครั้งมาร์คก็นึกแปลกใจว่าใครเลี้ยงมาร์เจย์มากัน เจอกันได้สามสี่วัน ยิ่งเห็นยิ่งตอกย้ำ ความเป็นแจ็คสันตัวน้อยเสียเหลือเกิน !!

     

     

     

     

     

     

     

     


     

    -เหยยยยยย นี่อินไง จำได้รึเปล่า ~
    ครึ่งหลังพยายามจะให้ซอล์ฟลงละ แต่ไม่รู้ว่าจะไหวรึเปล่า 
    แง้ มาช้าหน่อยเพราะช่วงนี้เครียด ๆ 
    ยังไงเจอกันตอนหน้านะคะ 

    ฝาก #jarkEX ด้วยนะคะ


     





     
     
     
     
     
    Ⓒ QRD
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×