คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : HELLO MY EX ♡ CHAPTER 5
มาร์คเปิดประตูห้องกลับเข้ามาในเวลาเกือบห้าทุ่ม หูได้ยินเสียงแผ่วเบาของทีวีที่ถูกเปิดทิ้งไว้ ผ้าพันคอสีแดงถูกแขวนไว้ที่เก่า ปลายเท้าก้าวเข้ามาในห้องนั่งเล่นอย่างแผ่วเบา...
แสงสีเขียวเพราะสนามหญ้าในจอส่องกระทบวงหน้าคมที่หลับสนิท บนแผงอกอุ่นมีเจ้าตัวเล็กซุกหลับสบายอยู่ไม่ห่าง แก้มยุ้ยนุ่มนิ่มแนบกับแผ่นอกร้อนจนยู่ยี่ มันเป็นภาพที่น่ารักจนมาร์คอยากจะหยิบกล้องขึ้นมาบันทึกภาพไว้ แต่ก็รู้ว่าไม่ควรทำที่สุด...
“…แจ็คสัน” แนบเสียงแผ่วเบาเข้าที่ข้างใบหู มาร์คไม่อยากให้เจ้าลูกหมูตื่นขึ้นมาโยเยกลางดึก เดี๋ยวจะพาลไม่ได้นอนกันทั้งคู่
“…อื้ม...กลับมาแล้วหรอมาร์ค” แจ็คสันก็ไม่แน่ใจว่าตัวเองพล้อยหลับไปเมื่อไหร่ นัยน์คมสะลึมสะลือมองคุณแม่ลูกอ่อนที่ยืนอยู่ตรงหน้า มือหนาลูบเข้าที่หลังเจ้าตัวเล็กที่นอนหลับสนิท
“พามาร์เจย์เข้าไปนอนในห้องที เดี๋ยวเราไปอาบน้ำก่อน ขอบใจมากนะ” มาร์คกระซิบรัวเร็วในครั้งเดียว แจ็คสันรับคำทั้งที่ดวงตากำลังจะปรือปิด เหมือนที่ประชุมไปวันนี้กับเบียร์เมื่อหัวค่ำกำลังทำพิษให้สายตาง่วงงุน
เมื่อเห็นแจ็คสันเดินเข้าห้องนอนไปแล้วมาร์คก็ไปเตรียมตัวอาบน้ำอาบท่า เรื่องที่ไปเก็บข้อมูลวันนี้ค่อนข้างจะหนักหนาสาหัสอยู่ไม่เบา สายน้ำเย็นทำให้เผลอใจลอยคิดถึงเรื่องงานที่ดูเหมือนจะถูกพัฒนาไปเป็นโปรเจคใหญ่ของงานครบรอบสามสิบปีของหนังสือที่มาร์คทำอยู่
จนเมื่อฝ่ามือเรียวเริ่มจะเหี่ยวย่นเพราะหยาดน้ำมาร์คถึงได้สติ พาตัวเองออกมาจากห้องน้ำ สวมเสื้อยืดเนื้อเปื่อยตัวโปรด ตามด้วยกางเกงขาสั้นใส่สบาย มาร์คไม่ได้ดูแลอะไรไปมากกว่าการทาครีมพอให้หน้าไม่แห้งผาก และบำรุงริมฝีปากไม่ให้แห้งแตก
ไม่สิ...ก็มีแอบขโมยแป้งเด็กของเจ้าลูกหมูมาลูบตามตัวนิดหน่อย
เท่านี้ก็พร้อมที่จะกระโดดขึ้นเตียงไปนอนกอดเจ้าลูกหมูให้หายเหนื่อยล้าแล้ว...
แต่...
“แจ็คสัน...”
ร่างหนาที่นอนอยู่บนเตียงนี่มันอะไรกัน... วงหน้าคมหลับพริ้มอยู่แนบหมอน ไม่ไกลกันนักมีมาร์เจย์ที่นอนจุ้มปุ๊กอยู่บนเตียงมือกำชายเสื้อนอนของแจ็คสันเอาไว้หลวม ๆ
เสียงครางตอบรับไม่ได้ศัพท์ทำเอามาร์คนิ่วหน้า ไอเย็นที่สาดเข้ามาปะทะก็เย็นพอแรงอยู่แล้ว อยากจะมุดตัวเข้าไปในผ้าห่ม หอมเหม่งเจ้าลูกหมูตัวหอมจะแย่
“ลุกไปนอนข้างนอก”
อาจจะดูเหมือนมาร์คใจร้ายแต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเขย่าแขนแจ็คสันให้ลุก แทนน้ำเสียงพึมพำเมื่อครู่ แจ็คสันเอ่ยออกมาเป็นคำพูดอะไรสักอย่างที่มาร์คได้ยินไม่ชัด สุดท้ายจึงตัดสินใจเอียงคอลงไปฟังน้ำเสียงงัวเงียนั้นใกล้ ๆ
“เจ้าอ้วนกำชายเสื้อไว้แน่นไม่ยอมปล่อยเลย”
เฮ้อ...อะไรกันนักกันหนานะชีวิตของมาร์คเนี่ย...
แจ็คสันรู้สึกว่ามันสบายอย่างบอกไม่ถูก... เหมือนอยู่ในคอร์สนวดหน้าอย่างดีโดยสถาบันชั้นนำที่คุณนายหวังเคยพาไปเสริมหล่อตอนสมัยยังเป็นวัยรุ่น....
สัมผัสตึง ๆ ที่บริเวณแก้มช่างคล้ายคลึงกับเวลาที่พนักงานสาวตบเอสเซนส์เบา ๆ ให้ซึมทราบลงสู่ผิวหลังผ่านพิธีกรรมเพื่อการดูแลผิวหน้าเสร็จ...
“บู้....”
และนี่คงเป็นคำขอบคุณสำหรับการเข้าใช้บริการที่มีต่อแจ็คสัน...
“แอ้ก !”
เหมือนกับถูกบังคับให้ต้องตื่นเต็มตา... แจ็คสันกระพริบตาถี่รัวเมื่อสันจมูกโด่งถูกกดทับด้วยเนื้อผ้าบางเบาปนกลิ่นประหลาด ซึ่งลวดลายกระจุ๋มกระจิ๋มเด็กน้อยนั่นชี้ชัดว่ามันคือ...ผ้าอ้อมเด็ก...
ที่สำคัญ...ตุงด้วย
“คิกคิก”
เจ้าตัวร้ายตบมือแปะ ๆ เมื่อทำให้แจ็คสันตื่นเต็มตา มือหนาคว้ามือถือขึ้นมาดูเวลาก่อนจะพบว่ามันเป็นเวลาก่อนตื่นนอนเพียงเล็กน้อย
“แสบจริง ๆ นะเรา นี่อึ้ด้วยหรอเนี่ย” อุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมานั่งตังดี ๆ มองแก้มอูม ๆ นั่นยิ้มหวาน เหมือนมือคืนจะจำได้รำลางมากกว่าง่วงมาก แต่เจ้าหมูอ้วนนี่หลับไปทั้งกำชายเสื้อ จะเอาออกไปนอนข้างนอกด้วยก็กลัวแม่เค้ามาตามอีก สุดท้ายเลยตัดสินใจนอนมันทั้งอย่างนี้เลย
“…กี่โมงแล้วหรอแจ็คสัน” เสียงแหบสั่นจากก้อนผ้าห่มด้านข้างทำให้แจ็คสันหยุดหยอกกับเจ้าลูกหมูตัวเล็ก ฝ่ามือที่กำลังจะจี้พุงกลม ๆ ล้างแค้นข้อหาที่พาก้นตุงผ้าอ้อมมานั่งทับหน้าก็พาลจะต้องหยุดชะงัก
“เกือบเจ็ดโมงแล็วล่ะ...”
ไม่บ่อยนักที่มาร์คจะตื่นช้าขนาดนี้ ความเป็นแม่คนสอนให้มาร์คตื่นเช้าอยู่เสมอเพื่อเตรียมตัวดูแลเจ้าตัวเล็กในแน่ละวัน แต่ว่าวันนี้มันกลับกลายเป็นเรื่องยากไปเสียแล้วในการลืมตาตื่น
ต้องเป็นเพราะอากาศเย็น ๆ และการยืนเหม่อลอยใต้สายน้ำเมื่อคืนแน่ ๆ ที่ทำให้มาร์คเป็นแบบนี้...
“ตายแล้ว...ยังไม่ได้ทำข้าวเช้าให้มาร์เจย์เลย”
เหมือนจะเป็นเสียงพึมพำออกมาว่าอย่างนั้น ก้อนผ้าห่มสีเทาขยับยุกยิกก่อนที่มาร์คโผล่กลุ่มผมสีน้ำตาลยุ่ง ๆ ออกมา ร่างผอมบางค่อย ๆ ยันตัวขึ้นมานั่งทั้งที่ยังโงนเงน
“ไหวมั้ยนั่นน่ะ”
ทั้งตาคมตาแป๋วบนเตียงต่างก็มองมาที่ร่างยู่ยี่ของมาร์ค ภายใต้หัวหนักอึ้งเหมือนว่าสมองจะสั่งการณ์เพียงอย่างเดียวว่าต้องทำข้าวเช้าให้มาร์เจย์
“ไหว”
…ซะที่ไหนกันล่ะ...
ในที่สุดคนป่วยก็ล้มพับลงที่ข้างเตียง ในหัวตื้อไปหมดเพราะพิษไข้ เดือดร้อนถึงคนบนเตียงที่ต้องวางเจ้าลูกหมูจอมซน ลุกจากเตียงมาพยุงมาร์คให้กลับขึ้นไปนอนบนเตียงแทน
“ตัวร้อนนี่นา อย่าพึ่งลุกเลยนะมาร์ค” ใช่ว่าจะไม่รู้จักอีกฝ่าย มาร์คป่วยง่าย ไม่ค่อยดูแลตัวเอง พอป่วยแล้วก็นอนซมตลอด สมัยเรียนแจ็คสันต้องโดดเรียนมาบังคับให้อีกฝ่ายนอน ทั้งโอ๋ทั้งขู่ เพราะกลัวจะไม่ได้เกียรตินิยม
“ข้าวมาร์เจย์”
หน้านิ่วคิ้วขมวด...มาร์คจะไม่ยอมให้เจ้าลูกหมูอดข้าวเด็ดขาด มื้อเช้าเป็นมื้อที่แสนสำคัญ แล้วเช้านี้เจ้าลูกหมูตัวร้ายก็เหมือนจะอึ้ด้วยสิ อีกเดี๋ยวก็คงจะงอแงร้องจะอาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อมอีก...
ภาพคนป่วยที่พยายามจะตะกายตัวขึ้นลุกทำให้แจ็คสันถอนหายใจ...
“นอนไปก่อนไป เดี๋ยวเราจัดการเจ้าตัวเล็กให้เอง” นิ้วหนาดันลงที่กึ่งกลางหน้าผาก แสร้งเมินแววตาดื้อรั้นคู่นั้นแล้วอุ้มเจ้าตัวเล็กออกไปนอกห้อง
มาร์คนอนกระพริบตาปริบ ๆ ท่อนแขนเรียวพยายามจะดันตัวขึ้นมาอีกครั้ง แต่สุดท้ายมันก้จำต้องหยุดชะงัก...
“อย่ารั้นจะลุกขึ้นมาเชียวนะ นอนพักไปเลยไม่งั้นจะบังคับให้กินยา”
…เลวร้าย...มาร์ครู้สึกว่าชีวิตที่มีแจ็คสันกลับเข้ามาอีกครั้งมันไม่ง่ายเอาเสียเลย...
-50%-
หลังที่แจ็คสันปลุกมาร์คขึ้นมาทานข้าวทานยาตอนสาย ๆ มาร์คก็นอนหลับไปเหมือนกับถูกจับถอดปลั๊ก... กว่าจะรู้ตัวอีกครั้ง...คนป่วยก็เดินสะโหลสะเหลออกมาจากห้องนอนในเวลาเกือบ ๆ เที่ยง
เสียงหัวเราะของมาร์เจย์ทำให้คนป่วยที่นอนจนหน้ายับเหมือนจะยิ้มออกมาได้ อาการป่วยยังไม่ได้หายไป แต่ก็ยังดีกว่าเมื่อตอนเช้ามากนัก แจ็คสันที่ได้ยินเสียงวางของเล่นในมือลง ก่อนจะเขยิบที่ให้มาร์คขึ้นมานั่งเล่นที่เบาะด้วยกัน
แล้วก็มีอย่างหนึ่งที่มาร์คสงสัย...
“ไม่ไปทำงานหรอแจ็คสัน”
“ไม่อ่ะ...เราเป็นห่วง”
มันเป็นความเงียบที่น่าอึดอัด ตากลมของคุณแม่ตัวขาวมองพ่อกับลูกที่ดูเข้ากันได้อย่างธรรมชาติแล้วรู้สึกเจ็บแปร๊บในอก
ใจหนึ่งก็รู้สึกดีที่มันเป็นอย่างที่ฝัน
แต่อีกใจก็ยังตอกย้ำตัวเองซ้ำ ๆ ว่าความฝันก็คือความฝัน
“ครึ่งบ่ายกลับไปทำงานก็ได้นะ เราดีขึ้นแล้ว”
หลังจากที่แจ็คสันจากไป... มาร์คคิดทบทวนครั้งแล้วครั้งเล่าว่าควรจะบอกแจ็คสันมั้ยเรื่องลูก... แจ็คสันมีสิทธิที่จะรู้ทุกอย่าง แต่เมื่อคิดไตร่ตรองทุกสิ่งทุกอย่างดีแล้ว...มาร์คก็คิดว่าตัวเองไม่ควรจะไปพูดอะไรกับแจ็คสันเพื่อเป็นการฉุดรั้งอีกฝ่ายและครอบครัวใหม่
หรือแม้แต่ตอนนี้...ตอนที่กำลังแจ็คสันจะหมดพันธะกับผู้หญิงคนนั้นแล้ว...
มาร์คกลับกลัวที่จะต้องพูดความจริงกับแจ็คสัน...
ระยะเวลาสามเดือนมันอาจจะเป็นได้ทั้งฝันดีและฝันร้าย และไม่ว่าเรื่องราวหลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร แจ็คสันก็จะต้องกลับไปฮ่องกง...และจากเราไปตลอดกาล...
มันก็คือเหตุผลที่มาร์คไม่อยากบอกว่ามาร์เจย์คือลูกของแจ็คสัน...เวลาสามเดือนที่อยู่ด้วยกันมันอาจจะกลายเป็นความทรงจำเลือนลางในอนาคต...แต่ว่า...
มาร์คก็ไม่อยากทนเห็นลูกร้องไห้ในวันที่แจ็คสันเก็บกระเป๋าออกไปจากห้องนี้อีกครั้ง
“เราลางานไปแล้วทั้งวัน ไม่เป็นไรหรอก”
“อืม”
กลายเป็นว่าเราเงียบกันไปทั้งคู่ มีเพียงเสียงพัดลมปรับอากาศตัวเล็ก ๆ ที่เปิดเบา ๆ พอให้อากาศไหลผ่านและเจ้าลูกหมู่ตัวจิ๋วที่ส่งเสียงอ้อแอ้เป็นคำที่เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง
“ไงตัวแสบ อยู่กับคุณอาแจ็คสันเป็นยังไงบ้างครับ” แขนเรียวอุ้มเจ้าลูกหมูตัวอ้วนตุ้บเข้ามาฟัดจนปลายจมูกทิ่มเข้าไปในแก้มนุ่ม ส่วนแจ็คสันก็ได้แต่มองภาพตรงหน้าพร้อมกับหัวใจที่ถูกเข็มเจาะ...
แจ็คสันรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างที่จะเข้ากันได้ดีกับมาร์เจย์
หลังจากที่เมื่อเช้าอุ้มเจ้าลูกหมูมากินข้าวเช้าเสร็จ พาตบก้นอ้วน ๆ นั่นจนเรอก็พาไปอาบน้ำให้หอมสะอาด เจ้าเด็กอ้วนก็ยังเหมือนกับเมื่อคืนไม่มีผิด อารมณ์ดี เลี้ยงง่าย... หลังจากนั้นก็หลับ... ตอนนั้นแจ็คสันถึงได้มีเวลาไปดูแลคนป่วยด้านใน...
เพียงแค่สะกิดเบา ๆ มาร์คก็รู้สึกตัวขึ้นมากินข้าว...
แต่วินาทีที่ตาโต ๆ นั่นลืมขึ้นนี่มันน่ารักสิ้นดี... คุณแม่ลูกหนึ่งที่สายตาพร่าเบลอด้วยพิษไข้ค่อย ๆ กระพริบตาที่ละนิดก่อนจะค่อย ๆ ยันตัวขึ้นมาทานข้าวอย่างว่าง่าย... และมันทำให้แจ็คสันนึกถึงช่วงมหาลัยไม่ได้...
มาร์คที่ดูเงียบขรึมในสายตาคนอื่น เวลาป่วยก็จะกลายเป็นเด็กงอแง... ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ดื้อรั้น และไม่ชอบกินยาเป็นที่สุด เพียงแต่ตอนนี้มันกลับกัน... มาร์คกลายเป็นคนที่เข้มแข็งขึ้น หลังจากที่ทานข้าวเสร็จก็ยอมรับยาไปกินอย่างว่าง่าย แม้จะทำสีหน้าเหมือนคนผะอืดผะอมก็ตาม
หลังจากที่ดูแลคนแม่เสร็จก็พอดิบพอดีกับที่ได้เวลาคนลูกตื่น นี่ขนาดไม่ต้องทำกับข้าวเอง เพราะใช้บริการร้านข้าวให้ทำขึ้นมาส่งยังเริ่มจะรู้สึกเหนื่อย.. เลยไม่อยากคิดเลยหากปล่อยให้มาร์คอยู่ลำพังคนป่วยจะต้องฝืนตัวเองมากขนาดไหน
มันทำให้แจ็คสันรู้สึกโกรธพีเนียลขึ้นมาอีกครั้ง...
“หิวรึยัง... ให้เราโทรสั่งข้าวเที่ยงอะไรมาให้กินมั้ย ส่วนกับข้าวเจ้าตัวเล็กในตู้เย็นมันหมดแล้ว เดี๋ยวมาร์คไปนั่งในครัวแล้วคอยบอกเราแล้วกัน ว่าจะต้องทำอะไรบ้าง”
“…เรา...ไม่----“
“ไม่อยากรบกวน ?”
“อืม”
“ไม่มีสิทธิปฏิเสธ ไหน ๆ เราก็ลาหยุดงานไปแล้ว คิดซะว่าเป็นดอกเบี้ยที่เราจะให้แล้วกัน”
แล้วมาร์คเถียงแจ็คสันทันที่ไหน...
หม่าม้าคนสวยได้แต่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปที่เจ้าตาแป๋วน้ำลายยืดที่กำลังเล่นของเล่นสนุกอยู่บนตัก จะลุกขึ้นไปเถียงคนที่เดินถือโทรศัพท์เข้าห้องครัวไปแล้วก็ไม่ได้
รู้สึกเหมือนไข้จะขึ้นอีกครั้ง...แต่ว่าครั้งนี้มาร์ครู้สึกว่าอากาศมันอุ่นขึ้นกว่าเดิมนิดหน่อย
มาร์ครู้ดี ว่าแจ็คสันกับห้องครัวนั้นเป็นศัตรูกัน...
แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะอันตรายขนาดนี้ !!
หลังจากที่รู้ว่าทำยังไงก็หยุดยั้งมนุษย์เผด็จการณ์ที่เข้ามายึดครองอำนาจชั่วคราวคนนี้ไม่ได้ มาร์คก็จำต้องปล่อยเลยตามเลยอีกครั้ง มันเป็นโชคดีของมาร์คมาก ๆ ที่เตรียมหั่นวัตถุดิบไว้พร้อมสำหรับปรุงอาหารแล้วเรียบร้อย...
แต่กระนั้นมันก็ยังน่ากลัวอยู่ดี...
เพราะมาร์คก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีใครเปิดเตาไฟฟ้าได้น่าอันตรายเท่าแจ็คสัน... ไม่สมกับเป็นวิศวกรเลยสักนิด ก็แจ็คสันเล่นเปิดเตาไฟฟ้าเบอร์แรงสุดมันเสียทุกอันจนครั้งแรกที่เริ่มทำถั่วลันเตาไหม้ไปครึ่งซีกในช่วงสามวินาทีแรก และแน่นอนว่ามาร์คไม่มีทางปล่อยให้มาร์เจย์กินอะไรแบบนี้แน่ ๆ
จนสุดท้ายกว่าได้ออกมาเป็นเมนูอาหารกลางวันพ่วงเย็นของเจ้าลูกหมู มะก็เหนื่อยแทบแย่
ระหว่างที่รอให้อาหารกลางวันของผู้ใหญ่มาส่ง แจ็คสันก็ได้มีเวลามองชุดอาหารกลางวันเด็กที่ถูกลำเลียงเข้าปาก แม้จะยังรู้สึกตงิด ๆ กับลูกไอ้พีเนียลอยู่บ้าง แต่ก็อดเอ็นดูแก้มยุ้ย ๆ นั่นเวลาที่เคี้ยวข้าวไม่ได้
ไหนจะลีลาป้อนข้าวของคุณแม่ที่สรรหาขยันมาหลอกล่อเจ้าตัวเล็กให้รู้สึกเอ็นดู...
มาร์คอาจจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองเวลาที่สวมเพียงเสื้อยืดตัวบางกับกางเกงขาสั้นชื้นเหงื่อด้วยพิษไข้นั่นดูเป็นแบบไหนในสายตาแจ็คสัน... มาร์คไม่เคยรู้สักครั้งว่าแก้มแดง ๆ นั่นมันกระทบกับหัวใจของแจ็คสันมากแค่ไหน
และมันทำให้แจ็คสันรู้สึกเห็นแก่ตัวทุกวินาทีที่มองเห็น...
“อาหารมาส่งแล้วล่ะมั้ง”
พอดีกับที่เสียงกระดิ่งดัง...
แจ็คสันสะบัดความคิดเลวทรามออกไปจากในหัว พยายามเก็บกดความต้องการในสองปีที่ผ่านมาให้อยู่ลึกลงไป ไม่ปล่อยให้มันล้นทะลัก เลือกที่จะเดินหนีออกมาโดยการหยิบกระเป๋าตังออกไปชำระค่าอาหารกลางวันที่ส่ังมา
แจ็คสันรู้ว่าตัวเองไม่ควรจะมีสิทธิ์คิดอะไร... แต่ใจก็ฟ้องว่าทำไม่ได้...
เพราะต่อให้สองปีที่ผ่านมาแจ็คสันจะต้องไปอยู่กับใคร แต่หัวใจดวงนี้มันก็ยังเต้นแรงทุกครั้งเพราะมาร์คอยู่ดี
-100%-
Talk;
อ่านพาร์ทนี้แล้วเข้าใจมาร์คขึ้นบ้างมั้ยคะ..
มันเหมือนคนสองจิตสองใจน่ะมาร์คน่ะ
ใจหนึ่งก็อยากให้ลูกอยู่กับพ่อ แต่อีกใจก็รู้ว่ามันไม่ยั่งยืน
แล้วหัวอกคนเป็นแม่ ไม่มีใครอยากเห็นลูกร้องไห้หรอกเน้อะ
พาร์ทนี้หน่วง ๆ กันไปค่ะ แถมฟายเผือกยังแอบหื่นอีก
เห้อ เป็นลูกหมูนี่ก็เหนื่อยเน้อะ /เล่นของเล่น
------------------------------------------
เอาลูกหมูมาส่งป้า ๆ น้า ๆ แล้วค่ะ
ตอนนี้ก็เรียบ ๆ เนือย ๆ เน้อะ
ครึ่งหลังมาดูว่าเจ้าลูกหมูสื่อรักนี่จะทำให้ป๊ากับม๊ารักกันได้มั้ย
ขอกำลังใจด้วยนะคะ ฮิ
ติชมผ่านทางคอมเม้นหรือ #jarkEX นะคะ
ขอบพระคุณมากค่า
ความคิดเห็น