คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ► สื่อลามก-อนาจาร และข้อพิจารณาทางกฎหมาย
ศัพท์คำว่า"ลามก-อนาจาร"(obscenity) โดย ทั่วไปแล้ว หมายถึงการล่วงละเมิดหรือกระทำผิดต่อความรู้สึกของสาธารณชน ในเรื่องของความบังควรกับธรรมเนียมปฏิบัติ. ความสำคัญทางสังคมของมันวางอยู่ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับการตรวจสอบ(censorship)และ ข้อบัญญัติทางกฎหมาย. ผลงานใดก็ตาม ที่ได้รับการระบุว่าลามก-อนาจาร โดยทั่วไปแล้วจะถูกกำจัดหรือปราบปรามเพื่อไม่ให้มีการกระทำที่ส่อไปในทาง นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งพิมพ์หรือโฆษณาที่มีการเปิดเผยทางเพศที่กระทำออกมา อย่างโจ่งแจ้ง หรือมีเนื้อหาสาระหยาบคาย
"ความ ลามก-อนาจาร"นั้น ก็เหมือนกับ"ความงาม" กล่าวคือมันอยู่ในสายตาของผู้ดู ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นได้ด้วยพยานหลักฐานต่างๆ โดยไม่อาจหลบเลี่ยงได้ และ"ความลามก-อนาจาร"นี้ยังเป็นเรื่องที่ไปเกี่ยวข้องกับความรู้สึกพึงพอใจ ด้วย แต่ไม่นับเป็นความพอใจอย่างเดียวกับ"ความงาม".
ในช่วงแรกของการก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ประเทศในยุโรปส่วนมากถือว่า สื่อลามก-อนาจารเป็นอาชญากรรม และอาชญากรรมเกี่ยวกับการผลิตหรือการเผยแพร่วัสดุที่เป็นสื่อลามก-อนาจารที่ เกี่ยวเนื่องกับธรรมชาติทางเพศ นับเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อนข้างพบเห็นได้ทั่วไปอันหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น ในประเทศอังกฤษ เมื่อเริ่มก้าวเข้าสู่ความเป็นสมัยใหม่ สื่อลามก-อนาจารจะถูกปราบปรามโดยพวก Puritan (นิกายศาสนาที่เคร่งครัดเน้นความบริสุทธิ์) การแสดงลามกหรืออนาจาร ตามโรงละครต่างๆในช่วงครึ่งแรกของคริสต์ศตวรรษที่ 17 จะ ถูกห้ามและกำจัด เพราะเหตุว่า การกระทำใดๆก็ตามที่ประพฤติออกมาหรือส่อไปในทางนั้น จะถือเป็นการกระทำที่เป็นการต่อต้านศาสนา หรือการกระทำที่เป็นภัยต่อความสงบเลยทีเดียว
ข้อห้ามเกี่ยวกับเนื้อหาทางเพศ กลายมาเป็นบทบัญญัติในสหราชอาณาจักรขึ้นมาเป็นครั้งแรก ด้วยพระราชบัญญัติที่เรียกว่า Obscene Publications Act (พระราชบัญญัติการพิมพ์และการโฆษณาเกี่ยวกับสื่อลามก-อนาจาร)ในช่วงปี ค.ศ.1857. อย่างไรก็ตาม พระราชบัญญัติฉบับนี้ มิได้มีการบรรจุนิยามความหมายเกี่ยวกับความลามก-อนาจารเอาไว้อย่างชัดเจน
สำหรับนิยามของความลามก-อนาจาร จริงๆแล้ว เกิดขึ้นตามมาราวปี ค.ศ.1868 ใน Regina v. Hickin, ซึ่ง เป็นการตรวจสอบเกี่ยวกับสื่อลามก-อนาจารต่างๆ โดยได้ระบุลงไปว่า "เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสื่อมทรามและความชั่วร้ายต่อจิตใจของผู้คน ซึ่งเปิดรับต่ออิทธิพลต่างๆอันไม่ถูกต้ องทางศีลธรรม"(deprave and corrupt those whose minds are open to such immoral influences).
ประเด็น ที่น่าสนใจก็คือ ข้อพิจารณาข้างต้นนี้จะทำหน้าที่เป็นหลักการหรือเครื่องมือในการตรวจสอบสื่อ ต่างๆ โดยแยกเอาส่วนที่มีพฤติกรรมอันส่อเจตนาไปในทางนั้น ออกมาจากบริบทของเรื่องราวทั้งหมด เช่น นำเอาข้อพิจารณาข้างต้นมาใช้ตัดสินตอนๆหนึ่งของผลงานที่ดึงออกมาจากเนื้อหา ที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด
ทัศนะอันนี้มีมาก่อนการออกกฎหมายต่อต้านสื่อลามก-อนาจารในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มต้นขึ้นด้วย the Comstock Law (กฎหมายเกี่ยวกับระเบียบอันเคร่งครัด)ในปี ค.ศ.1873, ซึ่งได้มีการขยายความเพิ่มเติมในปี ค.ศ.1895 ในพระราชบัญญัติ Mail Act ที่ สาระสำคัญก็คือ รูปแบบการฟ้องร้องของมันนั้น หากกระทำผิดจริงจะต้องมีการเสียค่าปรับและการจำคุกบุคคลคนนั้น ที่มีการส่งหรือรับ"สิ่งลามก-อนาจาร" อันกระตุ้นกำหนัด หรือ"สิ่งพิมพ์โฆษณาที่เป็นเรื่องลามก-อนาจาร"
อย่าง ไรก็ตาม ความผันผวนเกี่ยวกับนิยามความหมายต่างๆได้เกิดขึ้นตามมาอีก ซึ่งได้แสดงออกมาให้เห็นในกรณีต่างๆที่เกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา. จวบจนกระทั่งช่วงมาถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 20
จน ปัจจุบัน ยังมีประเทศต่างๆอีกมากมายที่ได้มีการรับเอาการออกกฎหมายการสั่งห้ามวัสดุ ลามก-อนาจารมาใช้ ดังเช่น พื้นฐานกฎหมายควบคุมซึ่งผ่านมาทางกฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรม. แต่ในหลายๆประเทศกลับมีวิธีปฏิบัติที่ต่างออกไป กล่าวคือมีการตระเตรียมกฎข้อบังคับเกี่ยวกับการจัดการโดยขนบธรรมเนียมต่างๆ การบริการทางไปรษณีย์ กรรมการท้องถิ่นหรือกรรมการแห่งชาติ สำหรับการออกใบอนุญาตเกี่ยวกับภาพยนตร์หรือการแสดงบนเวทีต่างๆ
เท่าที่สำรวจ ในทศวรรษที่ 1990s มากกว่า 50 ประเทศ ได้มีการรวมตัวกันเพื่อทำข้อตกลงร่วมกันระหว่างชาติสำหรับการควบคุม เกี่ยวกับการพิมพ์และการโฆษณาเผยแพร่สื่อลามก-อนาจาร. ที่น่าสนใจ การประชุมอันนี้กระทำขึ้นโดยปราศจากการให้นิยามใดๆเกี่ยวกับสื่อลามก-อนาจาร ออกมาอย่างชัดเจน ทั้งนี้เพราะมันเป็นที่ตกลงกันว่า การตีความเกี่ยวกับสื่อลามกนั้น มันเรื่องที่เกี่ยวข้องกับขนบประเพณี วัฒนธรรม และศาสนา ซึ่งมีความลักลั่นแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ด้วยเหตุนี้ การให้นิยามจึงความผิดแผกกันไปในแต่ละประเทศ เช่นที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ ในโลกอาหรับ กับโลกตะวันตก.
© Tenpoints !
ความคิดเห็น