ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaseric : Negotiate and Suppress Institute.

    ลำดับตอนที่ #6 : chapter 3. คำถามและคำตอบ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 44
      0
      30 มี.ค. 58

    O W E N TM.

     

     

                ห้องทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดย่อมตกแต่งด้วยโทนสีเทา เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่อยู่ในห้องเองก็ล้วนเป็นไม้สีเข้มสีอ่อนเข้าคู่กันกับสีผนัง แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ดูหรูหราอะไรมากมาย ตรงกันข้าม เหมือนห้องเรียนห้องวิชาการหรืออะไรประมาณนั้นมากกว่า นอกจากนั้นในห้องยังมีต้นไม้เล็กใหญ่ประดับห้องอยู่ตามโต๊ะหรือตั้งคามหัวมุม ดูร่มรื่นไม่เบาทีเดียว

     

                ชั้นหนังสือขนาดกลางวางเรียงกันสองชั้นติดผนังด้านขวา ในชั้นมีหนังสือเล่มเล็กหนาบางเรียงรายอัดกันอยู่เต็มไปหมด ในขณะที่ชั้นที่สองที่อยู่ด้านข้างดูจะเป็นแฟ้มข้อมูล หรือเอกสารอะไรซักอย่างมากกว่า บนสันแฟ้มเขียนเลขปีและชื่อของคน สถานที่ หรืออะไรก็ตามที่ตัวเคนเนดี้เองก็ไม่เข้าใจอย่าง ว็อกซ์ , 1987 หรือ สเตรท ธาเนีย , 1986  แต่เขาก็ตัดสินใจมองผ่านมันไป

     

                ในขณะที่ผนังด้านซ้ายเป็นกระดานใหญ่แขวนอยู่ระดับที่คนทั่วไปสูงถึง แปะด้วยแผนที่กรุงลอนดอนเขียนมือซึ่งดูประณีตและฝีมือดีใช่เล่น ทว่าบนแผนที่มีหมุดและเชือกปักตามจุดต่างๆ โยงเรียงรายกันเต็มไปหมด รวมถึงโน้ต และคอลัมพ์หนังสือพิมพ์ที่ถูกตัดแปะไว้ตามจุดต่างๆ ที่หมุดปัก เหมือนจะเป็นคดีอะไรซักอย่าง ทั้งยังมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีดำและสีแดงอยู่ข้างๆ ขอบเต็มไปหมด

     

                โต๊ะทำงานไม้สีเข้มที่อยู่ตรงสุดขอบห้องเองก็เต็มไปด้วยเอกสารและแฟ้มสีต่างๆ เช่นกัน ทว่ากลับดูมีระเบียบมากกว่าโต๊ะทำงานด้านนอกอยู่มากโข ตัวเคนเนดี้เองอยู่ไกลเกินกว่าที่จะสามารถอ่านข้อความพวกนั้นได้ --- ทั้งผนังด้านที่อยู่ใกล้บริเวณโต๊ะทำงานยังมีประตูไม้เชื่อมกับห้องข้างๆ ซึ่งลั่นกลอนกุญแจไว้แน่น และถ้าเขาคิดไม่ผิด กลิ่นไหม้เองก็คงจะลอยออกมาจากห้องนั้น

     

                และก่อนที่เขาจะได้คิดอะไรต่อ หญิงสาวเมื่อครู่ก็พยักเพยิดให้เขารีบเดินตรงไปหาเจ้าของห้องพร้อมกันที่ดันหลังเขาให้เดินไปด้านหน้า

     

                เคนเนดี้ไม่เห็นหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นเจ้าของห้องคนนั้น... เห็นเพียงด้านหลังเท่านั้นเอง ถึงกระนั้นเขาก็ดูเป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง สวมเสื้อเชิ้ตขาวแขนยาวและเสื้อกั๊กลายทางสีเข้ม กางเกงขายาวสีดำ และผมสั้นระต้นคอสีเข้ม กำลังทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่างบานยาว ---

     

     

                เสื้อรีดเรียบ แต่งกายภูมิฐาน หุ่นทรงสูงโปร่ง เคนเนดี้คาดเอาว่าชายหนุ่มคนนี้คงหน้าตาดูดีไม่เบา

     

     

                และแน่นอนว่าอาจจะหล่อน้อยกว่าตัวเขาเองนิดหน่อย

     

     

               

               

                “นี่คุณไคล์มค่ะ คุณสเฟียร์” หญิงสาวคนเดิมกล่าว ก่อนจะหันกลับมาทางเขาอีกทีหนึ่ง “คุณไคล์มคะ นี่คุณสเฟียร์ หัวหน้าของดิฉันเอง”

     

                “ขอบคุณมากครับ คุณริชมอล” ชายหนุ่มนามสเฟียร์เอ่ย

     

                และในที่สุดเขาก็หันหลังกลับมา --- ชายหนุ่มหน้าคม เขาดูดีอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด... ทั้งดวงตาเรียวคมสีแดงสดใต้กรอบแว่นบางนั้นยังดูฉายแววอันตรายอย่างน่าประหลาด

     

                ราวกับทุกความเคลื่อนไหว ทุกสิ่งที่คิด จะไม่รอดพ้นสายตาของคนตรงหน้าแม้ซักนิดเดียว...

     

     

                 “ขอโทษที่รบกวน แต่ช่วยตามตัวคุณวิลส์เวิร์ธมาหน่อยได้ไหมครับ? บอกเขาว่างานนี้ผมต้องการตัวเขาโดยด่วน”

     

                “ได้ค่ะ แล้วจะรีบตามมาให้นะคะ” เธอกล่าวรับคำ โค้งน้อยๆ ก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป และถ้าเคนเนดี้มองไม่ผิด... เธอส่งสายตาคล้ายกับสงสารเขาอย่างน่าประหลาด

     

                ไม่มั้ง...

     

                “ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องวุ่นวาย...” เขากล่าว หลังจากหญิงสาวเมื่อซักครู่ออกจากห้องไปแล้ว “คาลเดอร์ สเฟียร์ครับ”

     

                เขายื่นมือออกมาหมายจะจับมือ เคนเนดี้จึงจับมือทักทายกลับไปตามธรรมเนียม

     

                “ผม... เคนเนดี้ ไคล์มครับ” เคนเนดี้ว่า “อันที่จริงแล้ว ผมมีคำถามอยากจะถามคุณมากเลย...”

     

                “ผมยินดีตอบทุกคำถามของคุณ” คาลเดอร์ว่า “เชิญนั่งก่อนสิ”

     

     

                “ถ้าอย่างนั้น คำถามแรก ... ขออนุญาตนะครับ” เคนเนดี้ว่า พร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับคาลเดอร์ยังอีกฝั่งของโต๊ะทำงาน “ที่นี่ --- คือที่ไหน?

     

     

                “สก๊อตแลนด์ยาร์ด” อีกฝ่ายตอบเรียบๆ ทว่าเคนเนดี้ไม่ได้รู้สึกนิ่งตามไปเลย ... สำนักงานตำรวจมีสถานที่แบบนี้อยู่ด้วยเรอะ!

     

                “แต่พวกเราไม่ใช่ตำรวจธรรมดาๆ และที่นี่ก็ไม่ได้อยู่กับสก๊อตแลนด์ยาร์ดอย่าง... ชัดเจน” คาลเดอร์ว่าต่อก่อนที่เคนเนดี้จะได้พูดอะไรออกมา “เพราะพวกเราเป็นอีกหน่วยงานหนึ่งที่แตกสาขามาจากสก๊อตแลนด์ยาร์ดเท่านั้น ทั้งสถานที่นี้เองก็อยู่ข้างในสก๊อตแลนด์ยาร์ดอีกทีหนึ่ง”

     

                “อยู่ข้างใน?” เคนเนดี้ทวนคำ ตอนนี้สมองเขาเต็มไปด้วยคำถามมากมายนานาหลายประการ “เดี๋ยวๆ อีกหน่วยงานหนึ่ง? คุณหมายถึงอะไร?

     

                “คุณเองก็เพิ่งพบกับเหตุการณ์สยองขวัญเมื่อเช้าไปนี่ จำได้ไหมครับ?

     

     

                แน่นอนสิว่าจำได้

     

                ภาพชายหนุ่มเขี้ยวเล็บยาวและดวงตาที่ฉายแววบ้าคลั่งนั่น... ในช่วงเฉียดตายตอนนั้น ถ้าหากชายคนนั้นไม่มาช่วยทันเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้ ให้ตายก็ไม่ลืม บางทีเขาก็เคยคิดว่าสวรรค์จะกลั่นแกล้งคนหล่อหน้าตาดีอย่างเขาไปถึงเมื่อไหร่ ---

     

                แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็น

     

     

                “จำได้ครับ” เคนเนดี้ตอบ

     

                “นั่นน่ะคือปิศาจ” คาลเดอร์ว่า “ปิศาจตัวเป็นๆ ตัวจริงเสียงจริงเลยล่ะครับ”

     

     

     

     

                เคนเนดี้ไม่รู้ว่าควรทำสีหน้าอย่างไรดี

     

                “คุณดูตกใจนะ อาการเหวอนี่ออกเชียว” คาลเดอร์เปรย

     

                นี่เขาแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปเนี่ย!

     

                “ไม่ ไม่... ผมขอเรียบเรียงอะไรซักครู่” เคนเนดี้โบกมือไปมา “คือ --- คุณกำลังจะบอกว่า มีปิศาจ คล้ายๆ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า กินเลือดกินเนื้อคนอะไรประมาณนั้นออกมาเพ่นพ่านฆ่าคน มาจากนรก ลูกสมุนซาตานอะไรประมาณนั้นเหรอครับ!?

     

                “ใกล้เคียงครับ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด ถึงอย่างนั้นก็มีทั่วลอนดอนเลยครับ”

     

     

     

              ห๊ะ...

     

     

                “งั้นก็หมายความว่ามีหลายตัว ----”

     

                “จัดการไปเยอะ สงบศึกไปเยอะ แต่ที่ยังหลงเหลือนี่เทียบเท่าหลักร้อยครับ”

                “...”

     

     

     

                แม่ครับ ผมฝันร้ายอยู่ใช่ไหม

     

     

     

                “ไม่ต้องกลัวนะครับ ตราบเท่าที่มีพวกเราอยู่ คุณจะปลอดภัยไปได้มากขึ้นเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์” คาลเดอร์ว่า เขาลุกขึ้นไปหยิบกาน้ำร้อนที่เดือดได้ที่ เทชาใส่ถ้วยชาแล้วยื่นให้เคนเนดี้ ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณในขณะที่รับมันมา รสชาติขมปร่าติดลิ้น แต่ถึงกระนั้นก็เข้มดี...

     

                “พวกคุณเป็นใครกันแน่ครับ...”

     
     

                “พวกเราคือ ---”

                “เชสเซอริค!

     

     

     

     



     

     

     

                เสียงเมื่อซักครู่ไม่ใช่เสียงคาลเดอร์

     

                แต่มาจากห้องปริศนาข้างๆ ที่มาพร้อมกลิ่นควันแทน

     

                “อลัน...”

     

                คาลเดอร์กล่าวเสียงเย็น ดวงตาแดงก่ำฉายแววคุกรุ่นจางๆ ในขณะที่เดินไปเคาะประตูเชื่อมเบาๆ สองสามที ประตูแง้มออกเล็กน้อย ก่อนที่เขากับคนๆ นั้นจะคุยอะไรกันเบาๆ ซึ่งดูแล้วคาลเดอร์จะควบคุมสถานการณ์ได้อยู่หมัด

     

                “กลับไป อย่าเสียงดัง ดับบุหรี่ด้วย วันนี้ผมมีคนนอกมาคุยเห็นไหม” เคนเนดี้ฟังถนัดได้แค่บทสนทนานี้... คาลเดอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กไม่มีผิด

     

                “เข้าใจแล้วครับ...” คนข้างห้องเอ่ยเสียงแผ่ว “ฝากบอกเขาด้วยสิว่าผมขอโทษ โชคดีนะ อ๊ะ แล้วคุณวิลส์เวิร์ธมาหรือยัง?

     

                “ยังครับ” คาลเดอร์ตอบ “แต่คงใกล้แล้วล่ะมั้ง”

     

     
     

     

     

                หลังจากการเจรจาขนาดย่อมจบลง คาลเดอร์เอ่ยขอโทษที่คนของตนสร้างความวุ่นวายออกมา ในขณะที่เคนเนดี้ได้แต่กล่าวปัดไม่คิดอะไรมาก... ถึงจะสงสัยในตัวคนปริศนาคนนั้นอยู่ก็ตามที

     

                “เดี๋ยวคุณก็ได้เจอเขา” คาลเดอร์กล่าวกับเคนเนดี้ที่ยังคงมองประตูเชื่อมด้วยสายตาสงสัย “ผมขอเล่าต่อเลยก็แล้วกัน อาจจะยาวซักหน่อย ไม่ว่ากันนะครับ”

     

     

                “ไม่หรอกครับ เชิญเลย ---”

     

     
     

               

               

                “พวกเราคือเชสเซอริค หน่วยเจรจาและปราบปรามปิศาจครับ

     

                “หน่วยงานของพวกเราก่อตั้งมาได้เมื่อหกเดือนก่อน มีเพื่อจัดการปิศาจ และคดีเหนือธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในลอนดอน พวกเรามีสาขาเดียว และเป็นสาขาแรก ซึ่งหัวหน้าก็คือผมเองครับ

     

                “แต่ถึงอย่างนั้น พวกเราเองก็มีหัวหน้าใหญ่อยู่อีกทีหนึ่ง คือหัวหน้าตำรวจและหัวหน้าของผู้สนับสนุน ผู้สนับสนุนคือหน่วยงานที่มีส่วนในการเสนอให้ตั้งเชสเซอริคขึ้นมา และผู้สนับสนุนไม่เคยเปิดเผยตัวตน พวกเราเองก็ไม่รู้ว่าผู้สนับสนุนเป็นใครกันแน่

     

                “ส่วนปิศาจมีอยู่ในกรุงลอนดอนมานานแล้ว พวกเราไม่รู้ว่าในบริเวณอื่นมีปิศาจอยู่บ้างหรือเปล่า แต่ที่แน่ๆ คือสถานการณ์ในลอนดอนย่ำแย่ที่สุดแล้ว ก่อนที่จะมีเชสเซอริค ปิศาจก่อเรื่องไว้เยอะพอดู เห็นว่าผู้สนับสนุนเป็นคนจัดการดูแลให้ก่อนหน้าพวกเรา แต่ก็ไม่ได้ผลนัก เลยคิดก่อตั้งหน่วยงานจัดการปิศาจขึ้นมา --- คุณคงเคยได้ยินข่าวประหลาดในช่วงหลายปีนี่มานะครับ”

     

     

                ดวงตาสีแดงโลหิตของเคนเนดี้เหม่อลอยอยู่น้อยๆ ...

     

                ข่าวประหลาดหรือ ---

     

     

     

              พ่อครับ! พ่อ! วิ่งออกมา!’

     

     




     

                “ครับ ผมเคยได้ยิน...”

     

                คาลเดอร์มองนิ่งๆ เขาดูเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

     
     

     

                “แล้วเจรจากับปราบปราม นี่หมายถึงอะไรเหรอครับ?” เคนเนดี้ถามขึ้น

     

                “ตามชื่อ พวกเรามีสองหน่วย คือหน่วยเจรจาและหน่วยปราบปราม หน่วยเจรจามีหน้าที่สานสัมพันธ์อันดีกับเหล่าปิศาจ พวกเราชื่อว่าหากใช้สันติวิธีน่าจะมีการสูญเสียน้อยกว่าและสถานการณ์คงฟื้นฟูได้ดีกว่า และตอนนี้ก็เป็นไปได้สวยในระดับหนึ่ง

               

                “ส่วนหน่วยปราบปราม ก็อย่างเช่นผู้ชายคนที่คุณเจอเมื่อกลางวันนั่นแหละ เขามีหน้าที่จับตัวปิศาจส่งให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดการต่อ โดยไม่ให้ถึงตาย... แต่ถ้าหากปิศาจมีความดุร้ายและไม่มีทีท่าว่าจะยอม เราก็คงต้องจับตาย”

     

                “แล้วหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคือหน่วยงานอะไรหรือครับ?” เคนเนดี้ถามต่อ

     

                “คือ...”

     

     




     

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     
     

                “คุณสเฟียร์ครับ ผมมาแล้ว!

     

                เสียงเคาะประตูตามมาด้วยเสียงเรียก ฟังจากเสียงแล้วท่าจะเป็นผู้ชาย --- ถึงจะดูแหลมสูงไปบ้าง

     

     
     

                “ต้องขอโทษด้วยนะครับ แต่เห็นทีเราคงต้องจบบทสนทนาลงเพียงเท่านี้ก่อน...” คาลเดอร์ว่า “แต่อย่าเพิ่งลุกไปไหน เรายังต้องการตัวคุณอยู่ --- เชิญครับ คุณวิลส์เวิร์ธ!

     

     

                สิ้นเสียงคาลเดอร์ ประตูห้องก็เปิดออก เป็นชายหนุ่มร่างสมส่วนผิวขาวเกรียมแดดน้อยๆ มีผมสั้นสีบลอนด์และดวงตาคู่โตสีฟ้าใส สวมเสื้อกั๊กทับเสื้อเชิ้ตแขนยาวเหมือนชายอังกฤษทั่วๆ ไป... เขาดูคุ้นตาอย่างน่าประหลาด เคนเนดี้ไม่รู้ตัวว่ากำลังจ้องมองชายหนุ่มผู้มาใหม่นานแค่ไหน --- จนกระทั่งเขาหันมา และเคนเนดี้พนันได้เลยว่าชายหนุ่มคนนั้นดูตกใจทีเดียวที่เห็นเขา แต่ถึงกระนั้นก็เก็บอาการเอาไว้มิดชิด...

     

                “คนนี้เหรอครับ ---” ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยเสียงแผ่ว

     

     

                คาลเดอร์พยักหน้า เขาหันหลับมาสบตากับเคนเนดี้ ดวงตาเรียวคมสีสดหลุบลงต่ำ เขาดูรู้สึกผิด --- ไม่สิ จะรู้สึกผิดไปเพราะอะไรกัน เรียกว่าดูเศร้าน่าจะ... ดีกว่า

     




     

                “ต้องขอโทษนะครับ คุณไคล์ม” คาลเดอร์พึมพำ “แต่พวกเราคงปล่อยคุณกลับไปแบบนี้ไม่ได้

     

               

     

     

     

               

     





    --------------------------------------------------------------


    ตอนสามก็ผ่านไปอีกหนึ่งแล้วค่าา 
    รู้สึกว่าแต่งได้อืดมากเลยค่ะเอื้อ --- ตัวละครทั้งหน่วยยังมากันไม่ครบเลยยยย ; ;
    นี่เพิ่งเพิ่มมาอีกคนเองค่ะ ... #ร่ำ

    เราเองก็ไม่อยากยัดให้โผล่พรวดมาแบบล้นหลาม แต่ก็อยากให้ลูกทุกคนได้ออกกันไวๆ
    แต่ถ้าช้าไปอะไรยังไงก็ต้องขอโทษด้วยนะคะ Orz...

    ตอนนี้เป็นตอนอธิบายอย่างเดียวเลยค่ะ ไม่มีอะไรมากเลย
    บทสนทนาระหว่างคุณหัวหน้ากับเคนเนดี้ล้วนๆ
    อาจจะยืดเยื้ออะไรไปบ้างนะคะโฮรว----

    ตอนต่อไปคาดว่าความแฟนตาซีอาจจะกลับมาแล้วล่ะค่ะ (?)
    ทูบีคอนทินิวค่ะ!

    ปล. สำหรับคนที่ยังรอสาวน้อยนางเดิม (?) ใกล้แล้วนะคะใกล้แล้วว




    *ข้ามตรงนี้ไปก็ได้นะค------*

    ปลล. ขอเวิ่นนิดนึงนะค---- #ไม่
    พรุ่งนี้เราจะได้ไปงานหนังสือแล้วค่ะ ฮือออ... จะได้ไปหาเดอะดวงด้วย
    พลาดคุณสะอาดไปแล้วครั้งนึงครั้งนี้จะไม่พลาดค่ะแง่งงงง

    ใครมีนิยายอะไรน่าสอยน่าเก็บแนะนำมาได้นะคะ นี่กะว่าจะไปสอยมังงะ แล้วก็สอยเพอร์ซีย์เล่มจบด้วย
    (เพอร์ซีย์นี่จุดประสงค์หลักมากๆ ค่ะ มาเพื่อสิ่งนี้ (?))

    ใครไปงานหนังสือพรุ่งนี้ก็อาจจะเจอสิ่งมีชีวิตบางชนิดเดินร่อนในงานอย่างเราเองนะคะ (?)
    ทักทายกันได้ค่---- 
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×