ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaseric : Negotiate and Suppress Institute.

    ลำดับตอนที่ #3 : overture.

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 75
      1
      23 มี.ค. 58

    O W E N TM.

     

                


                หญิงสาวในชุดกระโปรงขาดวิ่นนอนแผ่หลาอยู่กลางถนน  ร่างโชกไปด้วยเลือด ดวงตาคู่สวยสีเขียวมรกตเบิกโพลง ทั้งเนื้อตัวยังเต็มไปด้วยรอยขีดข่วนและรอยกัด ละม้ายคล้ายกับถูกสัตว์ป่าเขี้ยวแหลมคมรุมฉีกทึ้งมาก็มิปาน

                ชายร่างหนาหนวดครึ้มขมวดคิ้วมุ่นพลางพลิกหน้าสมุดบันทึกคดีในมือไปมา ดวงตาสีน้ำเงินเข้มฉายแววคุกรุ่น บรรยากาศดูตึงเครียดจนคนรอบข้างยังรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ตาม เจ้าตัวยังคงมองสมุดสลับกับร่างหญิงสาว ประกอบกับไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจคนอื่นที่เข้ามาขวางทางไปพร้อมๆ กัน

     

                “สารวัตรแบรดชอว์ครับ” เจ้าหน้าที่หนุ่มร่างผอมเอ่ยเรียก “พวกเขามาแล้ว”

               

                รอสโก้ แบรดชอว์หันกลับมามองเจ้าหน้าที่หนุ่มด้วยสายตาแข็งกร้าว มือหนาหยิบมวนบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงรำคาญ “ไล่กลับไปให้หมด”

               

                “แต่...”

                “ฉันบอกให้ไล่ไปไง เจนกิ้นส์ ฟังไม่รู้เรื่องเรอะ?” รอสโก้ขึ้นเสียง เจ้าหน้าที่ร่างผอมได้แต่มองด้วยท่าทีเลิกลั่ก ก่อนจะรีบวิ่งออกจากบริเวณนั้นไป ทางด้านสารวัตรก็ได้แต่มองตามไปอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก

     

                พวกไร้สาระ...

     

                “ไล่ลูกน้องตัวเองไปแบบนั้น... เขาคงรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่นะครับ สารวัตร”

                “แก...”

     

                รอสโก้หันกลับไปเตรียมจะตวาด ทว่าพอได้เห็นคนต้นเสียง เจ้าตัวกลับเงียบลงเสียก่อน

                ชายหนุ่มร่างทะมัดทแมงสองคนกำลังเดินตรงเข้ามาหาเขา คนแรกเป็นชายหนุ่มผมเรียบตรงสีดำ ดวงตาสีแดงเข้มใต้กรอบแว่นไม่ฉายแววใดๆ สวมเสื้อโค้ทสีดำทับชุดตำรวจ เขาหันซ้ายหันขวามองไปรอบๆ ที่เกิดเหตุก่อนจะเดินตรงไปยังศพหญิงสาวโดยที่ไม่ได้สนใจรอสโก้แม้แต่น้อย

                ส่วนอีกคน... ชายหนุ่มผมสีบลอนด์ทองหม่นๆ ตัดสั้น ดวงตาสีเขียวขุ่นหรี่มองเขาคล้ายกับจะพินิจพิเคราะห์... หรืออะไรก็ตามแต่ เขาพ่นควันบุหรี่ออกมาเบาๆ กลิ่นลอยออกมาปะทะจมูกรอสโก้เล็กน้อย มันเป็นกลิ่นจางๆ อย่างน่าประหลาด มันไม่เหมือนกลิ่นบุหรี่ทั่วไป เขากระตุกมุมปากเล็กน้อย มันดูคล้ายรอยยิ้ม... แต่รอสโก้ก็ไม่กล้ายืนยันเท่าไหร่

     

                “สวัสดียามเช้าครับ คุณสารวัตร” ชายหนุ่มผมสีหม่นเอ่ยเรียบๆ

                “พาคุณและหัวหน้าของคุณกลับไปซะ ลิทช์ฟิลด์

     

                สิ้นคำตัดทอน อลัน ลิทช์ฟิลด์ เลิกคิ้วขวาขึ้นน้อยๆ ก่อนที่จะยักไหล่เป็นเชิงไม่สนใจ เขาพ่นควันบุหรี่กลิ่นประหลาดนั่นออกมาอีกครั้งก่อนจะพูดต่อ...

               

                อย่างไรก็ตาม รอสโก้ไม่เคยชอบสิ่งใดก็ตามที่ชายคนนี้พูด

     

                “เกรงว่าจะไม่ได้...” อลันเอ่ย “นี่เป็นงานในความรับผิดชอบของเรา”

                “ความรับผิดชอบของคุณรึ?” รอสโก้กัดฟันกรอด “มันเป็นเขตของผม งานของผม คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะมาก้าวก่าย --- !

                “เกรงว่าคราวนี้พวกเราคงต้องมาก้าวก่ายคุณ... อีกครั้ง” ชายหนุ่มคู่สนทนาว่าพลางพ่นควันบุหรี่กลิ่นอ่อนมวนเดิมออกมาอีกครั้ง “แล้วงานหน้าพวกผมจะไม่มากวนใจอีกเลย ผมสัญญาครับ”

     

                “คุณก็บอกว่าจะไม่มารบกวนอีกทุกครั้งที่คุณมา แต่คุณก็ยังมาอีกไม่ใช่รึ?

                “ถ้าอย่างนั้นก็น่าจะรู้นะครับ ว่าห้ามพวกเราไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา”

     

                คาลเดอร์ สเฟียร์ ย่อเข่านั่งลงมองศพหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายตรงหน้า เขาหยิบถุงมือสีขาวจากในกระเป๋าเสื้อขึ้นสวมก่อนสำรวจร่างของหล่อนอย่างระมัดระวัง เขาลองพลิกแขน เลิกชุดของเธอขึ้นเพื่อสำรวจบาดแผลฉกรรจ์บนร่าง บาดแผลนั้นยาวและลึก ทอดยาวตั้งแต่บริเวณหน้าอกมาจนถึงหน้าท้อง ซ้ำยังน่ากลัวว่าจะทะลุร่าง...

                นอกจากนั้นยังมีรอยขูดขีดอยู่ทั่วไปหมด ทั้งแขน ขา และใบหน้า บางรอยดูเหมือนกรงเล็บสัตว์ ทว่าบางรอยกลับดูไม่เหมือน ทั้งยังมีรอยกัดลึกอยู่บริเวณต้นแขนซ้าย เนื้อไม่ฉีกขาด แต่ดูเหมือนว่าเขี้ยวจะฝังเข้าร่างไปตอนกัดเหยื่อ

     

                คาลเดอร์ยกมือขึ้นวางบนดวงตาของหล่อน ปิดดวงตาเบิกโพลงคู่นั้นให้ปิดสนิท พลางพึมพำเป็นเชิงอาลัยให้เธอเบาๆ ...

     

                “คุณลิทช์ฟิลด์!” คาลเดอร์เอ่ยเรียก ไม่นานชายหนุ่มผมสีบลอนด์หม่นก็เดินตรงมาหาเขา อลันย่อตัวลงข้างๆ ในระดับเดียวกัน เขาดับบุหรี่ลงก่อนจะยัดมันใส่ลงในกระเป๋าเสื้อโค้ท ดวงตาสีเขียวหม่นของเขาสบกับดวงตาสีโลหิตของคาลเดอร์ จากนั้นก็เลิกคิ้วน้อยๆ เป็นเชิงถามความเห็นอีกฝ่าย

     

                “ไม่มีชาวบ้านในละแวกนี้แจ้งว่าได้ยินเสียงกรีดร้องซักคน” อลันว่า “ตามบันทึก ผู้เห็นเหตุการณ์คนแรกเห็นศพตอนหกนาฬิกา แต่เธอตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูก กว่าจะตั้งสติแจ้งตำรวจได้ก็ปาไปเกือบเจ็ดนาฬิกาพอดี”

               

                “ตัวเธอเย็นเฉียบ...” คาลเดอร์เสริม เขาถอดถุงมือข้างขวาก่อนจะยกสองนิ้วขึ้นแตะร่างวัดอุณหภูมิ “น่าจะตายมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว เลือดก็เริ่มแข็งตัวด้วย ที่ไม่มีใครเห็นอาจเพราะเป็นเวลาที่ชาวบ้านหลับกันหมดแล้วก็ได้”

     

                “แล้วที่ไม่มีเสียงกรีดร้อง... ฆาตกรอุดปากไว้หรือ?

                “อาจจะใช่... ปากของเธอมีแผลเหวอะ เป็นไปได้ว่าอาจจะขัดขืนตอนถูกปิดปาก... ” คาลเดอร์ตอบ ชายหนุ่มทั้งสองนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง พลันสายตาทั้งสองคู่ก็สบเข้าตรงที่จุดเดียวกัน....

     

                “คุณคิดเหมือนผมใช่ไหม คุณหัวหน้า...” อลันว่า พลางจ้องหลักฐานชิ้นสำคัญอย่างไม่ละสายตา

                “ตอนนี้น่ะหรือ?” คาลเดอร์เลิกคิ้ว เขาหยิบก้อนขนสัตว์สีดำจากบริเวณซอกคอของเหยื่อออกมาด้วยมือข้างที่ยังสวมถุงมืออยู่ เลือดที่เริ่มข้นติดตัวขนสัตว์ยืดออกมาเป็นสายบางๆ

     

                “คิดว่าใช่นะ คุณรองหัวหน้า

     

     

               

                “เอาเป็นว่าฝากบอกหัวหน้าของพวกคุณ... สารวัครแบรดชอว์ ว่าพวกเราขอรับผิดชอบคดีนี้เองคาลเดอร์กล่าวกับตำรวจหนุ่มผู้รับผิดชอบคดี “มันอันตราย เราไม่อยากให้สารวัตรมือดีของสก็อตแลนด์ยาร์ดต้องมาเสี่ยงกับคดีปิศาจแบบนี้”

                “ส่วนเรื่องบันทึกคดีพวกเราจัดการรับมาหมดแล้ว” อลันเสริม “เราจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด”

     

                “ม... มันเป็นฝีมือของปิศาจจริงๆ หรือครับ?” ตำรวจหนุ่มร่างผอมเอ่ยถาม แววตาเลิกลั่กด้วยความหวาดกลัว ดูจากเครื่องแบบและตราแล้ว ดูเหมือนว่าเป็นตำรวจใหม่

                “ครับ” คาลเดอร์รับคำ “ฝากแจ้งประชาชนด้วยว่าอย่าออกมาเดินข้างนอกตอนกลางคืน บางทีอาจจะป้องกันเหตุได้...”

     

                “เอ้อ ขอผมให้คำแนะนำคุณซักข้อหนึ่ง” อลันกล่าวกับตำรวจหนุ่ม “ชีวิตตำรวจลอนดอนมันก็แบบนี้แหละ บางทีก็สงบสุข บางทีก็เครียด บางทีก็มีปิศาจออกมาเพ่นพ่าน และคดีที่เกิดก็ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเสียจริง ยังไงเสียผมขอแนะนำว่า -----”

               

                “อลัน”

     

                คาลเดอร์เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ เรียกให้ชายหนุ่มผมบลอนด์ถอยกลับจากตำรวจใหม่คนนั้นมาอยู่ข้างคนเป็นหัวหน้าอย่างเงียบๆ ทันที ดวงตาสีแดงสดมองอลันเป็นเชิงตำหนิ แต่คนโดนตำหนิก็ทำเพียงมองนิ่งๆ แล้วกระตุกมุมปากสองทีอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร

     

                “ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัวลาก่อน... ขอโทษที่มารบกวนด้วยนะครับ หากมีเหตุอะไรเพิ่มเติมก็ขอให้แจ้งมาได้ทุกเมื่อ” คาลเดอร์ว่า ทั้งสองจับมือกับตำรวจหนุ่มผู้รับผิดชอบคดี ก่อนจะโค้งตัวน้อยๆ เป็นเชิงลา

     

                เชสเซอริค หน่วยเจรจาและปราบปรามปิศาจ ยินดีรับใช้ครับ”          

     

     

     

     

     

     

                           

                “คุณเปลี่ยนบุหรี่ผม”

                “หืม?

     

                คาลเดอร์เลิกคิ้วถามเป็นเชิงสงสัยเมื่อได้ยินคำพูดของอลัน อีกฝ่ายลองจุดไฟบุหรี่อีกมวนพลางยกขึ้นดม... ก่อนจะทำสีหน้าปั้นยากออกมา

     

                “สูบบ่อยๆ ระวังปอดจะพัง ร่างกายทรุดโทรมกันพอดี แถมกลิ่นยังรบกวนคนรอบข้างอีก” คาลเดอร์ว่าพลางเดินนำอีกฝ่ายขึ้นไป “เอาแบบนั้นไปสูบก่อนก็แล้วกัน กลิ่นจางกว่า ทำลายสุขภาพน้อยกว่าด้วย”

     

                “ถ้าอย่างนั้นคุณยึดบุหรี่ผมไปไม่ดีกว่าหรือไง...”

                “อยากให้ทำอย่างนั้นไหมล่ะ?

                “ไม่ครับ”

     

                “ข้ออ้างที่ว่าไม่ได้สูบแล้วไม่มีสมาธิน่ะใช้ไม่ได้ผลหรอกนะครับ” คาลเดอร์กล่าวต่อ “คุณก็แค่ติดจนเลิกไม่ได้เท่านั้นแหละ”

               

                “บางทีคุณก็เหมือนแม่ผมนะ... รู้ทุกอย่างดีไปหมดจนน่ากลัว” อลันว่า เขาหยิบกล่องบุหรี่กลิ่นจางนั้นทิ้งลงถังขยะข้างทางไปทั้งกล่อง คาลเดอร์เห็นดังนั้นก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ในขณะที่อีกฝ่ายก็ยักไหล่ตอบอย่างเสียมิได้

     

                “กลิ่นมันจางไป สูบนานๆ แล้วรู้สึกไม่ดีน่ะ”

                “ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เลิกซักที คนในหน่วยจะสำลักควันกันตายเวลาคุณเกิดคึก”

     

                ทั้งสองมาหยุดเดินลงตรงหน้าสำนักงานตำรวจสก๊อตแลนด์ยาร์ด ผลักประตูเปิดเข้าไปด้านในพลางทักทายตำรวจที่เดินสวนกันไปบ้าง ทั้งสองแขวนเสื้อโค้ทไว้กับราวแขวนส่วนรวม ก่อนจะตรงไปยังโต๊ะทำงานไม้เก่าตัวหนึ่ง

                บนโต๊ะมีเอกสารรกๆ และหนังสือกองเต็มไปหมด ด้านหลังเป็นชั้นหนังสือขนาดกลาง ในชั้นบรรจุไปด้วยแฟ้มข้อมูลคดีต่างๆ ที่ปิดคดีไปเรียบร้อยแล้วเต็มไปหมด ถึงจะดูเก่า แต่ทั้งชั้นกลับสะอาดและไม่มีฝุ่นจับแม้แต่น้อย บ่งบอกว่ามีคนมาทำความสะอาดเป็นอย่างดีอยู่เป็นประจำ

     

                คาลเดอร์เดินตรงไปยังชั้นหนังสือ พร้อมกับที่อลันยกเก้าอี้สูงตัวหนึ่งมาให้ ชายหนุ่มผมสีเข้มกล่าวขอบคุณก่อนจะปีนขึ้นเก้าอี้ตัวนั้นเพื่อหยิบแฟ้มสีเขียวเข้มอันหนึ่งออกมา พอหยิบแฟ้มสีเข้มออกมาแล้ว จึงเห็นฐานไม้ของชั้นนั้นว่ามีปุ่มกดเหล็กขนาดเล็กสามอันวางเรียงกันตามแนวขวาง สภาพปุ่มดูใหม่ผิดกับตัวชั้นหนังสือ และใช่... มันเพิ่งถูกสร้างเมื่อไม่นานมานี้เอง

     

                “ซ้ายซ้ายซ้ายกลางขวา” อลันว่า คาลเดอร์ได้ยินดังนั้นจึงกดปุ่มตามที่อลันบอกอย่างช้าๆ เมื่อกดครบทุกปุ่มแล้วจึงวางแฟ้มสีเขียวเข้มนั้นกลับเข้าที่เดิม

     

                พอดีกับจังหวะที่แฟ้มวางลงที่เดิมพอดี เสียงคลิกเบาๆ ก็ดังขึ้น...

     

     

    -----------------------------------------------

    (23 . 3 . 2015)

    บทนำมาแล้วค่ะ อะเฮือกกกก
    ตอนนี้มีออริไรท์ กับคุณหัวหน้าและสารวัตรก่อนนะคะ ตอนต่อไปคนอื่นๆ จะเริ่มมากันแล้วล่ะค่ะ ; w ; 
    หากสั้นไป ยาวไป หรือพิมพ์ผิด ภาษาแปลกๆ อะไรยังไง ติชมและแจ้งกันเข้ามาได้เลยนะคะ
    (ช่วงนี้ไรท์เบลอมากค่ะ ขนาดคาแร็กเตอร์ยังทำตกหล่น แง...)

    ไม่พรุ่งนี้ก็มะรืนบทที่หนึ่งจะตามมานะคะ ; w ; b
    สวัสดีนักอ่านทุกๆ ท่าน ... ขอต้อนรับสู่เชสเซอริคค่ะ!






     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×