ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Chaseric : Negotiate and Suppress Institute.

    ลำดับตอนที่ #5 : chapter 2. ต้องโปะยาสลบก่อน จากนั้นค่อยลักตัวมา

    • อัปเดตล่าสุด 27 มี.ค. 58


    O W E N TM.
     


     

     

                “แกเป็นใคร?

     

                เคนเนดี้ได้แต่กลืนน้ำลายดังเอื้อกพลางจ้องคนตรงหน้าด้วยสายตาหวาดหวั่น... เขาไม่รู้ว่าควรจะร้องขอชีวิตหรือทำอย่างไรดี เอาเข้าจริงคือเขาไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครด้วยซ้ำ

     

                เขามีผมสั้นระต้นคอสีน้ำตาลเปลือกไม้ ดวงตาคมดุสีน้ำเงินเข้ม ร่างสูงโปร่งดูแข็งแรง สวมเสื้อโค้ทยาวสีดำทับชุดภายในซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ว่าเป็นชุดอะไร โครงหน้าโดยรวมแล้วดูหล่อเหลาใช่เล่น ... แต่ตอนนี้เคนเนดี้ไม่มีอารมณ์จะมาพรรณนาอะไรมากเนื่องจากอีกฝ่ายยังคงจ้องเขาด้วยสีหน้าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและกำลังยกปืนจ่อหน้าเขาอยู่

     

     

                “ฉันถามนี่ไม่ได้ยินเรอะ!

     

                เสียงตะคอกของคนตรงหน้าทำเอาเคนเนดี้สะดุ้งเฮือก ปืนกระบอกเดิมยังคงเล็งมาที่เขา และที่สำคัญคือมันเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิมเรื่อยๆ ด้วย ---

     

                เขาจึงตัดสินใจตอบ ก่อนที่ปืนกระบอกนี้จะลั่นไกทะลุศีรษะเขาเสียก่อน

     

                “ผ-- ผม... ผม เคนเนดี้ ไคล์ม ประชาชนธรรมด๊าธรรมดัยวัยยี่สิบเก้าครับ! ผมบริสุทธิ์ผุดผ่องไม่มีความผิด มีแม่มีน้องสาวต้องเลี้ยงดู อย่าฆ่าผมนะ โลกนี้จะต้องร้องไห้ถ้าคนหน้าตาดี --- แว๊กกกก!!

     
     

                 ยังพูดไม่ทันจบ เคนเนดี้ก็ถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มขยับปืน... ร่างสูงถอยหลังกรูดจนชนผนัง ในขณะที่เจ้าของปืนได้แต่ขมวดคิ้วงงๆ แล้วเดินตามมาประกบดังเดิม

     

     

                “ฉันแค่ขยับมือแก้เมื่อยเฉยๆ แกเป็นอะไร...”

     

                อ้าว...

     

                “ผม... ผมนึกว่าคุณจะยิง”

     

                “แล้วแกเป็นใครล่ะเคนเนดี้ ไคล์ม ลองบอกมาแบบละเอียดๆ ซิ แล้วฉันจะตัดสินใจเองว่าจะยิงหรือไม่ยิง”

     

     

     

     


     

                ชายหนุ่มเล่าถึงที่มาบ้านเกิดและคนในครอบครัวของตนเองโดยสังเขป หน้าที่การงาน รวมไปจนถึงเรื่องที่เขาแอบดูไปเมื่อซักครู่ อีกฝ่ายตั้งใจฟังเขาอย่างเต็มที่... แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้ลดปืนลง หลังจากเล่าเรื่องทั้งหมดจบลงแล้ว เคนเนดี้ก็ได้แต่หวังว่าคนๆ นี้จะไม่ทำอะไร...

     

                ซึ่งอีกฝ่ายก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไร แม้จะยังไม่ลดปืนลง แต่สายตาที่มองมายังเขาก็ไม่ใช่สายตาดุดันเหมือนเมื่อซักครู่แล้ว แต่เป็นสายตาครุ่นคิดพินิจพิเคราะห์แทน

     

     
     

                “สรุปแล้วคือนายเป็นประชาชนธรรมดา?” เขาถามซ้ำ

                “ค-- ครับ!” เคนเนดี้ตอบ ชายหนุ่มตรงหน้าเขาพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงรับคำ

               

                “ที่บังเอิญมาเห็นพวกฉัน... แล้วก็มาแอบดูแบบเสียมารยาท?

                “เอ่อ... ครับ ถึงผมจะแค่ ---”

     

     

                “รู้ไหม ขัดขวางการทำงานเจ้าหน้าที่จะเป็นอย่างไรกัน ไคล์ม”

     

               

                ชายหนุ่มลดระดับปืนลงต่ำเล็กน้อย ในขณะที่ค่อยๆ ย่อตัวลงมาอยู่ในระดับสายตาเดียวกันกับเขา ก่อนจะยกปืนขึ้นจ่อหน้าผากของเคนเนดี้ ส่วนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ก็ล้วงอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อ... ทางด้านเคนเนดี้ --- เจ้าตัวเริ่มรู้สึกว่าตนหายใจผิดจังหวะ ความกลัวสูบฉีดไปทั่วร่าง เหงื่อเริ่มพรายผุดขึ้นบนผิวหนัง

     
     

                “จ --- เจ้าหน้าที่?

     
     

                “กลัวอะไร ฉันไม่ได้จะฆ่า นี่แค่กันนายจะหนี”

     

     
     

                สิ้นเสียง มือหนาพร้อมผ้าผืนหนาสีขาวก็ยกขึ้นปิดปากและจมูกของเคนเนดี้ในพริบตา กลิ่นหอมเย็นๆ โชยไปทั่วจมูก และจู่ๆ ชายหนุ่มก็รู้สึกสงบ ผ่อนคลาย และอยากนอนอย่างบอกไม่ถูก...

     

     

                “นี่มัน... อะไร ---” เขาพึมพำเบาๆ ในขณะที่ร่างเริ่มโอนเอน ทรุดลงไปนอนกับพื้นอย่างช้าๆ

     

                และก่อนที่สติจะดับวูบลงไป เขาได้ยินเสียงของชายหนุ่มเจ้าของปืนและผ้าเมื่อซักครู่ดังแว่วมาเบาๆ ...

     

               



                “ยาสลบน่ะ” เสียงนั้นแว่วมา “ขอโทษด้วย ...”

     

     

     

     










     

     

                 

                “เขาเห็นรึ?

                “ใช่ครับ เขาเห็น... เขาเกือบถูกทำร้ายด้วย”

                “แล้วคุณไปทำอะไรเข้าเล่า เขาถึงมาเห็น”

                “ผมไม่ได้ทำอะไรเลย... ผมอยู่ในตรอก ในเขตเดียวกับที่เกิดเหตุนั่นแหละ แล้วเขาก็เข้ามาแอบดูจนเกิดเรื่อง... จะว่าไปเขตนั้นเขาห้ามประชาชนเข้าไม่ใช่หรือครับ?

                “ใช่... แล้วเขาเข้ามาได้อย่างไรกัน อยากรู้อยากเห็นเป็นการส่วนตัวรึ?

                “เรื่องนั้นผมก็ไม่ทราบ ลองเขาตื่นแล้ว อาจจะถามอะไรจากเขาได้”

                “ถ้าอย่างนั้นผมจะรอจนกว่าเขาจะตื่นก็แล้วกัน... ไม่เป็นไร คุณไปพักก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจัดการส่งร่างแทนให้เอง”

                “...ขอบคุณครับ”

     

     






     

     

     

     

                เขาไม่รู้ตัวว่าหลับไปนานแค่ไหน

                เคนเนดี้อยากให้ทุกอย่างเป็นความฝันแล้วพบว่าตัวเองตื่นมาแล้วพบว่ากำลังนอนอยู่บนเตียงเดิมที่บ้านหลังเดิม... เจอหน้าน้องสาวและคุณแม่ที่เคารพรัก และหญิงสาวแปลกหน้าคนนั้นด้วย บางทีเขากับเธออาจจะได้สานต่ออะไรหลายๆ อย่างด้วยกันแล้วพาเธอแนะนำให้ที่บ้านได้รู้จัก ชีวิตดีๆ กำลังตามมาในไม่ช้า...

     

     

                แต่ทุกอย่างก็กลับสู่ความเป็นจริงในอีกไม่ช้า

     

     

                เขาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงแข็งสีขาวปลอด... มีผ้าชุบน้ำเย็นโปะอยู่บนหน้าผาก เสื้อโค้ทถูกถอดพาดไว้ข้างเตียง และกระดุมเสื้อบนถูกปลดออก เหมือนกับมีใครซักคนพยายามปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับเขาเมื่อไม่นานมานี้...

     

                ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งถูกโปะยามา ---

     

                บัดซบ...

     

     

                เขาลุกพรวด ทำเอาผ้าชุบน้ำบนหน้าผากร่วงลงมาแปะกับหน้าตัก มองซ้ายมองขวาไปทั่ว พบว่าตนกำลังอยู่ในโรงพยาบาล... หรือไม่ก็ห้องพยาบาลของที่ไหนซักที่ เพราะที่นี่ดูไม่ค่อยมีเครื่องมืดครบครันเท่าไหร่นักนอกจากอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเบื้องต้น

     

                และที่สำคัญคือที่นี่ที่ไหน...

     

                คำแรกที่แวบเข้ามาในหัวคือถูกลักพาตัว

     

                “หนี... ต้องหนีแล้ว” เคนเนดี้เลิกผ้าห่มผืนบางบนตัวออก รีบลงจากเตียงด้วยท่าทีรีบร้อน ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่ารองเท้าและถุงเท้าของตนก็ถูกถอดวางไว้ข้างๆ ด้วย... แต่เขาไม่มีเวลาจะมาใส่มันกลับคืน ชายหนุ่มรีบวิ่งตรงไปยังประตู เปิดมันออก พร้อมกับที่ก้าวเท้าขวาออกไปติดๆ ----

     

                ...และชนกับอะไรแข็งๆ บางอย่างในทันที

     

                “จะไปไหนเหรอคะ?

     

     

     

     

     

     

     

                และเขาก็ต้องกลับมานั่งบนเตียงคนไข้ดังเดิม

     

                หญิงสาวผู้มาใหม่ตรวจเช็คสภาพร่างกายเขาเล็กน้อย เธอดูเด็กกว่าเคนเนดี้ซักห้าถึงหกปีเห็นจะได้ เธอมีผมสีน้ำตาลแดงยาวเคลียไหล่ ทั้งยังมีดวงตาสีเทาเข้มคู่โต สวมชุดทะมัดทแมงสีเข้ม... เธอดูน่ารักไม่หยอก แต่ถึงกระนั้นก็ดูไม่เหมือนพยาบาลแม้แต่น้อย

     

                “...ขอบคุณนะครับ” เคนเนดี้ตัดสินใจกล่าวขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า ทว่าแทนที่อีกฝ่ายจะมองเขาด้วยสายตาชื่นชม หลงเสน่ห์ หรืออะไรซักอย่างที่เขาพอเตรียมใจเอาไว้แล้ว... เธอกลับมองเขาด้วยสายตาหวาดระแวงอย่างน่าประหลาดแทน

     

                “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เธอบอกปัด พลางลุกขึ้นยื่นเสื้อโค้ทที่พาดอยู่ข้างเตียงคืนให้ “คุณดู... ปกติแล้ว ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วตามฉันมา อย่าขัดขืนนะคะ”

               

                เคนเนดี้อยากจะถามอะไรต่อ แต่เมื่อดูจากสีหน้าของเธอแล้ว เขาจึงกลับไปใส่เสื้อผ้ารองเท้าให้เรียบร้อยแล้วเดินตามหล่อนออกจากห้องไปในทันที

     

     
     

               

                และหลังจากที่เธอพาเขาออกจากบริเวณรวมห้องพยาบาลแล้ว เคนเนดี้จึงได้รู้ว่าตนคิดถูกที่ว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาล

                มันดูเหมือนสำนักงานอะไรซักอย่างมากกว่า... มีประตูติดกระจกทึบเรียงรายไปตามแนวผนัง ป้ายเล็กๆ ข้างบานประตูเขียนข้อความอะไรบางอย่างไว้ด้วยลายมือประณีต ทว่าเขาไม่อาจอ่านได้ทันเนื่องจากต้องรีบสาวเท้าก้าวตามหญิงสาวให้ทัน

     

     

                “คือ... ที่นี่ ---”

                “ฉันถูกสั่งไว้ว่าอย่าเพิ่งตอบคำถามของคุณทุกข้อ ไม่ว่าจะเป็นคำถามแบบใดก็ตาม” เธอหันมายิ้มน้อยๆ ด้วยสีหน้าเชิงขออภัยกับเขา ก่อนจะเร่งฝีเท้าตรงไปยังห้องถัดไป บรรยากาศคล้ายสถานีตำรวจ... โต๊ะเอกสารวางเรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ บนโต๊ะแต่ละโต๊ะมีกระดาษและเอกสารมากมายวางกอง ในขณะที่บางโต๊ะว่างเปล่า... ทว่ากลับไม่มีคนอยู่แม้ซักคนเดียว ครั้นจะเปิดปากถามหญิงสาวก็นึกขึ้นได้ว่าเธอคงไม่ตอบเขาแน่นอน

     

                ทั้งสองเดินผ่านห้องนี้ไป เลี้ยวขวาตรงไปยังทางเดินตรงแคบยาว สุดทางเดินมีประตูกระจกทึบเหมือนห้องก่อนๆ ระหว่างทางมีภาพเขียนสีน้ำมันแขวนอยู่ประปราย... และแล้วเธอก็หยุดลงตรงหน้าบานประตูนั้น

     

                และคราวนี้เคนเนดี้ได้สังเกตเห็นชื่อบนป้ายข้างประตูอย่างชัดเจน

     

                คาลเดอร์ สเฟียร์

     
     

                ก่อนจะได้สงสัยอะไรต่อ หญิงสาวผู้นำทางก็เคาะประตูเบาๆ สองสามที เธอขยับปากเป็นคำพูด และเคนเนดี้อ่านได้ใจความว่าห้องนี้แหละ

     
     

                “ริชมอลค่ะ” เธอว่า “พาเขามาแล้ว ขออนุญาตนะคะ”

     

                “ครับผม เข้ามาได้เลย”

     

     

                สิ้นเสียงตอบรับ เธอค่อยๆ เปิดบานประตูออกอย่างช้าๆ แล้วผายมือน้อยๆ ออกเป็นเชิงเชิญให้ชายหนุ่มเข้าไปก่อน เขายิ้มตอบเธอแวบหนึ่ง หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องๆ นั้น----

     

                และได้กลิ่นไหม้จางๆ โชยมาติดจมูก...

     

               

                


     
    ------------------------------------------------

    และแล้วบทที่สองก็มาเสิร์ฟแล้วค่ะ!
    ขอโทษในความล่าช้านะคะโฮรว... ช่วงนี้งานค่อนข้างมาค่ะ ; ;
    อาจจะดีเลย์ไปบ้างแต่สัญญาว่าจะพยายามอัพตอนนึงไม่ให้เกินระยะสามถึงสี่วันนะคะ

    และช่วงต้นเมษาสัปดาห์แรก --- เราอาจจะหายไปนะคะ ต้องไป ตจว.
    แต่จะพยายามปั่นตอนสามให้ในช่วงสิ้นเดือนนี้ และถ้ากลับมาจะต่อตอนสี่ให้เลยค่ะ 
    ขออภัยในความล่าช้าล่วงหน้ามาเลยนะคะ ; ;

    ตอนนี้ก็... มาถึงแล้วค่ะ ฮาาา
    เห็นหลายๆ คนเดาว่าหญิงสาวในตอนที่แล้วอาจจะเป็นเจเรมีกันมามากเลย ---
    ตอนนี้ไม่เฉลยค่---- (?) แต่เดี๋ยวจะเฉลยในตอนต่อๆ ไป
    บางทีไรท์อาจจะดักทุกๆ คนก็ได้นะคะ ... ให้เชื่อว่าเป็นเจเรมี (??)
    ตอนนี้ตัวละครก็ออกกันเพิ่มอีกคนแล้วค่ะ
    สำหรับคนอื่นๆ โดยเฉพาะสมาชิกหน่วย อีกสามถึงสี่ตอนก็น่าจะออกครบทุกคนแล้วค่ะ
    ส่วนบทปิศาจและบทอื่นๆ คงต้องรอโอกาสที่เหมาะสมเนอะ... ; ;

    แล้วเจอกันตอนสามนะคะ!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×