คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : chapter 1. สาวงามและเหตุการณ์ในตรอกแคบ
บัดซบ ...
นั่นเป็นคำที่น่าจะบรรยายครอบคลุมความรู้สึกของเขาได้ทั้งหมด ใช่... คำว่าบัดซบคำเดียวนี่แหละ เพราะเช้านี้มันแย่จริงๆ แย่มาก แย่เสียจนอยากร้องไห้ออกมาเป็นสายเลือด
เรื่องมันเริ่มจากถูกน้องสาวกับแม่แท้ๆ ดูถูกเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของชีวิตว่าอายุจะปูนนี้แล้วยังหาแฟนมาควงให้แม่ชื่นใจไม่ได้อีก ทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงวัยขายไม่ออกแล้วแท้ๆ ... ซึ่งเขาก็ได้แต่เถียงกลับไปเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของชีวิตว่าอีกไม่นานหรอก...
เพราะคนหน้าตาดีเป็นโสดได้ไม่นาน
แต่ดูท่าคนหน้าตาดีอย่างเขาจะเป็นโสดนานกว่าคนหน้าตาดีน้อยกว่าอื่นๆ นิดหน่อย
ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว ที่สาวๆ ดูท่าจะสนใจในเสน่ห์และหน้าตาอันหล่อเหลาราวเทพบุตรโอลิมปัสของเขา... เพียงแค่สบตากัน หญิงสาวบางคนก็หน้าแดงเขินอายหลบสายตากันไปเสียหมด หลายต่อหลายครั้งที่เจอคนที่คุยถูกคอพอคบกันได้ ความสัมพันธ์ก็ดูเหมือนจะเริ่มต้นได้สวย...
แต่ดูฟ้าจะไม่เป็นใจให้
เพราะความหล่อของเขาล่ะมั้ง? เขาได้แต่คิดในใจกับตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นเดินควงแขนสาวอยู่ดีๆ ก็มีโคลนกระเด็นใส่ หรืออยู่ๆ มือก็เกิดพลิกทำถ้วยกาแฟคว่ำเปื้อนชุดหญิงสาว หรือแม้แต่ตอนกำลังเดินเก๊กจนสาวเริ่มหันมามอง... ก็ต้องสะดุดอะไรซักอย่างล้มหน้าคว่ำอยู่ร่ำไป
จากหนุ่มรูปงามกลับกลายเป็นตัวตลกในสายตาพวกหล่อนทันที... พวกเธอได้แต่หัวเราะเขาแล้วเดินจากไปกันทีละนางสองนาง ---
เป็นอย่างนี้ทุกวัน ทุกวัน และทุกวัน ...
รวมถึงวันนี้ที่เขาได้แต่นั่งจิบกาแฟดำเงียบๆ คนเดียวตอนเช้าในร้านเงียบๆ คนเบาบางแบบนี้... ก่อนหน้านี้ประมาณห้านาทีก่อนเขากำลังคุยกับหญิงสาวที่ถูกใจ และเธอก็ดูชอบเขา... ทว่าในขณะที่ยืนๆ คุยกันอยู่กลับมีมูลนกพิราบก้อนใหญ่ตกลงใส่หัวเขาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย พอจะเช็ดออกก็ดันพลาดทำกระเด็นไปโดนเจ้าหล่อนอีก... เธอโกรธเขาพอดู แล้วเธอก็เดินจากไปแบบนั้นเลย
อา... ชีวิต
ทำไมคนหล่อหน้าตาดีอย่างเขาถึงต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้อยู่ทุกวี่ทุกวันด้วย?
และนั่นก็เป็นคำถามที่ เคนเนดี้ ไคล์ม ได้แต่ถามตัวเองอยู่ทุกวัน ...
“โอ๊ย!”
ชายหนุ่มร้องสบถดังลั่นร้าน ทำเอาลูกค้ายันพนักงานหันมาจ้องกันเป็นตาเดียว ซึ่งสาเหตุก็ไม่ใช่อะไรนอกจากเจ้าตัวดันพลาดทำกาแฟร้อนหกใส่ตัวเอง เคนเนดี้ได้แต่กล่าวขอโทษขอโพยที่ตนเสียงดังแล้วรีบควานหาผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าเสื้อตัวเองทันที
แต่ความซวยของเขายังไม่หมดลงเพียงเท่านี้
เมื่อเขาไม่ได้พกผ้าเช็ดหน้ามา...
“โธ่เอ๊ย ----”
“รับนี่ไปสิคะ”
เขาหยุดชะงักไปชั่วขณะหนึ่งเมื่อได้ยินเสียง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พลันพบเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง…
เธอหน้าตาดีทีเดียว รูปหน้าได้ทรงสวยดูดีแม้เจ้าตัวจะไม่ได้แต่งหน้าจัด ทั้งยังมีดวงตาคู่โตสีฟ้าสวย ผมยาวเป็นลอนถึงกลางหลังสีบลอนด์ทองสว่าง สวมชุดกระโปรงยาวเรียบๆ สีกรมท่า ริมฝีปากปรากฏยิ้มบางๆ ให้เขาเล็กน้อย... รอยยิ้มนั้นดูสวยงามและซุกซนในเวลาเดียวกัน
ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้พูดอะไร เธอก็พลันเข้ามาซับรอยกาแฟบนเสื้อเขาให้โดยไม่ทันตั้งตัว กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเครื่องหอมโชยออกจากตัวของหญิงสาว เคนเนดี้เดาเอาว่าน่าจะเป็นกลิ่นดอกอะไรซักอย่าง ... เธอเงยหน้าขึ้น สายตาของทั้งสองประสานกันพอดี --- ชายหนุ่มไม่รู้สึกตัวเลยว่าตอนนั้นตนกำลังหน้าแดง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “นี่ดิฉัน... ทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจหรือเปล่าคะนี่?”
“ม --- ไม่ครับ!” เคนเนดี้กล่าวด้วยน้ำเสียลนลาน... พลางรู้สึกได้ว่าตนเริ่มหลุดมาด เขากระแอมเบาๆ หนึ่งทีก่อนจะกลับมาปั้นหน้านิ่งเช่นเดิม “ผมต้องขอขอบคุณมากกว่า... คุณผู้หญิง”
เธอหัวเราะเบาๆ “จะให้ปล่อยคนซุ่มซ่ามทำกาแฟหกรดตัวเองไว้แบบนั้นได้ยังไงล่ะคะ คงไม่ดีเท่าไหร่หรอก เนอะ?”
และตอนนี้เคนเนดี้เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะแตกกระจายกลายเป็นฝุ่นผง ....
“เอ่อ... คือผม ---”
“แย่จัง... ดิฉันต้องไปแล้วล่ะค่ะ” เธอมองนาฬิกาพกเรือนเล็กในมือตนด้วยสีหน้าเคร่งเครียดน้อยๆ ชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าฝาปิดนาฬิกาเรือนนั้นสลักเป็นตัวอักษร J.W. ซึ่งอาจจะเป็นชื่อเธอละมัง ...
ใช่ ชื่อของเธอ ...
“ถ้ามีโอกาส เราสองคนคงได้พบกันอีกนะคะ... วันนี้ดิฉันขอตัว ----”
“ด... เดี๋ยวก่อน!”
เคนเนดี้รีบร้องเรียกหญิงสาวคนนั้นเอาไว้ เธอหันกลับมามองด้วยความสงสัย คิ้วบางเลิกขึ้นน้อยๆ ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังพยายามเรียบเรียงคำพูดและทำหน้านิ่งสุดฤทธิ์...
“ผมยัง... ยังไม่ได้ทราบชื่อของคุณเลย ---”
เธอดูนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่แล้วก็พลันเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มซุกซนแบบเดิมที่เขาเห็นในคราแรก ... เธอยกนิ้วชี้เรียวขึ้นแตะริมฝีปาก ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา และรอยยิ้มเจ้าเล่ห์หยอกเย้า ---
“...ขอเก็บเป็นความลับไว้ก่อนนะคะ”
และเคนเนดี้ก็เกิดลางสังหรณ์ประหลาดขึ้นในวันนั้นว่า...
อาถรรพ์ยี่สิบเก้าปีของเขาจะหายไป
ชายหนุ่มเดินทอดน่องไปตามทางเดินเท้าพลางพยายามกลั้นยิ้มสุดชีวิต วันนี้เขาไม่ได้ปั้นหน้าหล่อเหลาของตนให้หล่อเหลากว่าเดิมแต่อย่างใด... และที่น่าแปลกคือตั้งแต่ออกจากร้านนั้นมาแล้ว เขายังไม่พบพานกับความโชคร้ายเลยแม้แต่น้อย
เขาเกิดความรู้สึกลิงโลดจนแทบอยากกลับบ้านไปหัวเราะอัดหน้าแม่และน้องสาวที่ดูถูกกันไว้เสียดิบดี ในที่สุดวันนี้เขาก็ใกล้จะก้าวเข้าสู่ความจริงแล้ว... เคนเนดี้ ไคล์ม หนุ่มโสดหน้าตาดีวัยยี่สิบเก้าปี กำลังเจอเรื่องราวที่ดีที่สุดในชีวิต!
“อ๊ากกก!!”
แต่อุปสรรคช่างมากมายเสียจริง...
เคนเนดี้หันซ้ายหันขวาหาที่มาของเสียงนั้น ทว่าก็ไม่พบใคร... จะว่าไปเขาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าในละแวกนี้คนน้อยอย่างน่าประหลาด
และเขาก็เพิ่งนึกได้... ว่านี่มันละแวกที่เกิดเหตุฆาตกรรมสยองขวัญนั่นนี่เอง!
“ปล่อยข้า! ปล่อยข้านะไอ้พวกป่าเถื่อน! ข้าขอสาปแช่งให้แม่เจ้าเป็นหมัน!”
ว่าแต่ใครเขามาแช่งแม่คนอื่นในที่เกิดเหตุแบบนี่กัน...
ครั้นจะรีบเดินหนีไปก็ถูกความรู้อยากเห็นเข้าครอบงำเสียก่อน... เคนเนดี้ตัดสินใจเดินย่องตรงไปยังตรอกแคบที่มาของเสียง ดวงตาเรียวสีโลหิตกวาดหาแหล่งที่มาอย่างช้าๆ และระแวดระวัง พลางค่อยๆ ย่างเท้าเดินเข้าไปทีละก้าว ทีละก้าว...
เขาเลี้ยวเข้าทางแยกไปอย่างช้าๆ ก่อนจะตัดสินใจหลบมุมตรงบริเวณข้างถังขยะใบใหญ่ ภาพที่เขาเหลือบเห็นคือชายหนุ่มผมสีดำยุ่งเหยิงกำลังถูกจับมัดคว่ำหน้า เสื้อผ้าขาดวิ่น บนหน้าผากมีของเหลวสีม่วงป้ายอยู่เป็นรอยมือลากยาวเหมือนมีคนจงใจกลั่นแกล้ง... คนๆ นั้นได้แต่ร้องครวญครางออกมาไม่เป็นภาษา สลับกับสบถแช่งให้แม่ของใครก็ตามที่กำลังทำร้ายเขา เอ่อ... เป็นหมันซ้ำไปซ้ำมา
“ป่าเถื่อน! พวกเจ้ามันป่าเถื่อน! มนุษย์ป่าเถื่อนเอ้ย!”
“แล้วที่เจ้าฆ่าคนไปนั่นมันไม่ป่าเถื่อนเลยเรอะ... แล้วอีกอย่าง แม่ฉันไม่เป็นหมันเว้ย!”
เขาได้ยินเสียงอีกเสียง เป็นเสียงห้าวทุ้มแบบผู้ชาย... เขาเห็นหน้าคนต้นเสียงไม่ถนัด ภาพที่เขาเห็นมีเพียงมือหนาของชายคนหนึ่งกำลังยัดชายผู้เคราะห์ร้ายกำคราบสีม่วงใส่ถุงใบใหญ่สีดำ และภาพที่เห็นถัดมากลับทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าเก่า... เมื่อจังหวะที่ชายหนุ่มผมสีดำอ้าปากออก
เขี้ยวของชายคนนั้นกลับแหลมคมและยาวเรียวกว่าของมนุษย์ มันเปื้อนไปด้วยคราบเลือดจางๆ พอมองให้ถนัดกว่าเดิมก็เห็นความประหลาดมากกว่าเดิมเข้าไปอีก ทั้งดวงตาสีเหลืองอำพันสดทอแสงจางๆ โผล่พ้นจากเรือนผมสีดำที่เคยปรกหน้า เล็บมือยาวหนาครูดกับพื้นเป็นทาง รวมไปถึงขนสีดำเป็นกระจุกที่บริเวณอกและมือ...
และจู่ๆ เคนเนดี้ก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมา
“หนี... ต้องไปแล้ว”
ชายหนุ่มยันกายขึ้นช้าๆ ก่อนจะคลานต่ำหลบออกไปจากหลังถังขยะบานใหญ่อย่างช้าๆ ...
“อยู่นิ่งๆ ไม่เป็นเรอะ! อยากตายนักรึไงแก!” ชายคนเดิมตวาดขึ้นเสียเสียงดัง ทำเอาเคนเนดี้สะดุ้งเฮือก แต่แล้วก็ตัดสินใจก้มหน้าก้มตาคลานออกจากเหตุการณ์ประหลาดนี่ต่อไป
ทว่า จู่ๆ ก็มีเสียงปืนดังลั่น ตามด้วยเสียงอะไรบางอย่างฉีกกระฉากขาดอย่างแรงมาจากด้านหลัง ---
เขาหันกลับไปมองอย่างลืมตัว ก่อนจะล้มลงกับพื้นอย่างรุนแรงด้วยแรงกดของอีกฝ่าย… ชายผมสีเข้มเขี้ยวยาวที่เขาแอบมองอยู่เมื่อซักครู่ มือผอมแห้งกดเขาไว้กับพื้นด้วยแรงเยอะอย่างน่าประหลาด ดวงตาสีเหลืองอำพันวาวโรจน์ด้วยความบ้าคลั่ง ริมฝีปากฉีกออกเป็นรอยยิ้มแสยะ ร่างผอมที่อยู่เหนือตัวเคนเนดี้ตอนนี้สั่นเทา ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความโกรธ
“โอะโอ ดูซิว่านี่ข้าเจอ ----”
แต่ก่อนที่ชายคนนั้นจะได้พูดอะไรต่อ...
จู่ๆ ดวงตาสีเหลืองอำพันก็เบิกกว้างค้าง เลือดสีดำข้นกระอักออกจากปาก เขาทรุดลงล้มแผ่ทับบนร่างของตัวเคนเนดี้แทบจะทันที ไม่รู้สึกถึงลมหายใจ มีแต่ความร้อนจากเลือดอุ่นๆ ที่เพิ่งไหลออกจากร่างเท่านั้น
เขาตายแล้ว
เคนเนดี้หอบหายใจถี่พลางยันกายขึ้นอย่างช้าๆ ปาดเอาคราบเลือดสีดำที่เปื้อนใบหน้าออก ทว่าพอเงยขึ้นก็พบเข้ากับชายร่างสูงคนหนึ่ง กำลังมองตรงมาหาเขาด้วยสีหน้าหลากหลาย โกรธ ประหลาดใจ และโล่งใจในเวลาเดียวกัน…
ทว่าก่อนที่เคนเนดี้จะได้พูดอะไร ชายคนนั้นก็ยกปืนขึ้นจ่อตรงมายังเขาเสียก่อน
“แกเป็นใคร?”
-------------------------------------------------------
จบบไปแล้วนะคะสำหรับบทที่หนึ่ง ; ;
ตอนนี้เคนเนดี้ก็ได้ออกโรงเป็นทีเรียบร้อย และตัวละครอีกตัวสองตัวกับปิศาจตัวประกอบอีกหนึ่งแล้วค่ะ! (?)
บางทีคาแร็กเตอร์อาจจะดูไม่ชัดไม่เคลียร์อะไรยังไง...
หรือถ้ามีข้อติชมอะไรก็ว่ากันมาได้เลยนะคะ ; w ; b
ว่าแต่เห็นทุกคนหลงคาแร็กเตอร์ในหน้าแรกกัน... เราเข้าใจค่ะ เพราะเราก็เป็น (?)
แบ่งกันกินได้นะค----- #โดนโบกคว่ำ
และเรื่องนี้ยังไม่วายนะคะ ยังไม่วาย (?)
ยังคงเป็นนิยายแฟนตาซีสืบสวนคอมเมดี้หาสาระไม่ได้ (?) เช่นเดิมค่ะ!
แต่ถ้าอยากให้มีโมเม้นต์กรุบกริบสีม่วงก็รีเควสกันมาได้นะคะ (...)
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ!
ความคิดเห็น