คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1 100%
เด็กสาวยิ้มบางๆอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ลืมที่จะกดที่นาฬิกาปลุกรูปหัวกะโหลกตรงหัวเตียง ก่อนจะหลับตาลง พร้อมกับค่อยๆเข้าสู่ห้วงนิทราที่รอคอยมาทั้งวัน...
แสงอ่อนๆ เมฆก้อนฟู พื้นหญ้าสีเขียวสด สลับกับก้อนหินแบนราบที่ปูเป็นทางเดิน มีชุดเก้าอี้ไม้น่านั่งที่วางน้ำชาอุ่นๆอยู่ไม่ห่างจากบ้านหลังเล็กบนเนินที่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่เธอยืนนัก มิราจมองเห็นร่างของชายหนุ่มอยู่ตรงนั้น กำลังนั่งจิ้มนิ้วบนแทบเล็ตที่เป็นเพียงกระจกใส ข้างกายมีตัวเลขที่ค่อยๆเรียงกันเป็นรูปร่าง
เขาวางอุปกรณ์คู่กายลงทันทีที่ตัวเลขปรากฏเป็นหม้อที่มีควันกรุ่น เด็กสาวส่ายหน้าเบาๆ เดินไปนั่งด้านข้าง หยิบชามที่วางอยู่ด้านข้างกับตะเกียบมาแบ่งบะหมี่ในหม้อให้เท่าๆกัน
“ถึงรสชาติจะอร่อยเหมือนของจริง แต่นายก็ไม่ควรมากินในความฝัน” มิลานหัวเราะ พลางมองหน้าของน้องสาวต่างมารดาพร้อมกับยีหัว ชายหนุ่มดันแว่นเล็กน้อย ค่อยๆเอนตัวลงด้านหลัง มองใบหน้าที่เกือบเหมือนกับตัวเขาที่ยื่นชามมาให้
“ดับเบิลดับบลิวใช้งานพี่หนักน่ะสิ อีกอย่างดีจะตายได้มากินข้าวกับครอบครัว”
“ทีที่บ้านของฉันล่ะไม่ยอมมาเยี่ยมบ้าง กลับสร้างซะเป็นโลกใหม่เลยนะ อย่างกับเกมส์ออนไลน์เสมือนจริง ไม่รู้ว่ามันจะส่งผลกับสมองหรือเปล่า” มิราจวางชามลง เอามือลูบหัวให้เรียบร้อยขึ้น มองใบหน้ายิ้มๆของมิลานอย่างหน่ายใจ
“ทำอย่างกับว่าปกติเธอเล่นอะไรพวกนี้นักล่ะ แค่นี้มันไม่เป็นไรหรอกน่า พวกที่ติดเกมส์จะเป็นจะตายยังไม่เห็นจะเป็นอะไร อีกอย่างมันไม่ใช่เธอเองหรือที่ไม่ยอมกลับบ้าน”
“นั่นมันบริษัท ไม่ใช่บ้าน อย่างน้อยที่บ้านของฉันก็ยังมีฟูฟอง ยังดีกว่าที่ที่มีแต่AIไม่ใช่หรือไง”
มิลานไม่ตอบ เขารู้ดีว่าสาเหตุที่ทำให้น้องสาวไม่ยอมกลับมาที่บ้านหลังใหญ่ที่เป็นที่ทำการของบริษัทเพราะอะไร ดวงตาสีน้ำตาลเข้มทอดมองออกไปจนสุดทุ่งหญ้าแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเอาแทบเล็ตคู่ใจมากด ก่อนจะส่งให้น้องสาวดู มิราจทำหน้านิ่งตามเคย แต่ก็อดรู้สึกไม่ถูกกับเจ้าแผ่นบางๆนั่นจนต้องใช้นิ้วคีบ ก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อย เผลอจิ้มลงไปเพื่อป้อนข้อมูลแก้ไขระบบส่วนที่ดูแปลกๆ
“เธอมีฝีมือ”เขาชมเหมือนทุกครั้ง มองน้องสาวอย่างเอ็นดู เธอเด็กกว่าเขาถึงสี่ปี แม้จะไม่ได้เรียนเสริมทางด้านคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่แบบเขา อาศัยเพียงที่อ่านเอาบ้าง ที่เขาสอนบ้าง แถมยังมีนิสัยต่อต้านอุปกรณ์ที่ทำให้สะดวกเกินไป แต่มิราจก็เก่งพอๆกับโปรแกรมเมอร์อันดับต้นๆของบริษัท
“เกมส์อาณาจักรปลายฟ้าสินะ เหมือนโดนแฮก” เธอพูดแผ่วเบาที่คำสุดท้ายอย่างไม่แน่ใจ ส่งแทบเล็ตคืนกลับไปให้มิลานที่พยักหน้า “ใช่ เมื่อสองวันมีคนแฮกเข้ามา มันดูดข้อมูลบางส่วนไป พี่แก้ไขแล้วก็จริง แต่มันมีไวรัสประหลาด ที่เราทำลายมันไม่ได้”
“มันจะถูกทำลายพร้อมระบบเท่านั้น แต่มันก็ทำได้เพียงเพิ่มจำนวนและค่อยๆกินข้อมูลบางส่วนสินะ”
“ใช่แล้ว ถึงเอไอจะเร็วพอที่จะป้องกัน และป้อนข้อมูลทดแทน แต่ว่าทุกครั้งที่ไวรัสเจาะ มันจะเจาะเข้าส่วนที่สำคัญทั้งนั้น มันเข้าไปที่เก็บข้อมูลสำคัญตลอด รู้ที่เก็บข้อมูลขนาดนี้...มันน่าจะเป็นฝีมือคนใน”
“...นายมาบอกฉันทำไม” มิราจถามอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่ได้มีหน้าที่ในบริษัทนั่น
“วันก่อนรถพี่ถูกตัดสายเบรก ห้องพี่ถูกวางบอมบ์” เขาพูดราวกับเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนเด็กสาวทำเพียงเลิกคิ้วเล็กน้อย “ก็ยังไม่ตาย”
มิลานหัวเราะ เขารู้ดีว่าน้องสาวเป็นพวกนิ่งๆที่ไม่ค่อยสนใจอะไร ยกเว้นเวลาโมโหจัด แต่ไม่คิดว่าจะเห็นการโดนลอบฆ่าของเขาเป็นเรื่องธรรมดาไปด้วย ใบหน้าคมหันมามองคนข้างกายที่ตอนนี้กินบะหมี่จนจะหมดชามแล้ว ก่อนจะเอ่ย “พี่แค่จะฝากอะไรหน่อย”
“เท่าที่ช่วยได้เท่านั้น” เด็กสาวเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยตอบ ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ
“ถ้าพี่เป็นอะไรไปจริงๆ ช่วยหาทางทำลายไวรัสที เกมส์นี้เหมือนกับเป็นลูกของพี่ พี่ไม่อยากทิ้งเอาไว้แบบนี้” เขาพูดพร้อมกับค่อยๆหลับตาลง มิราจมองร่างสูงที่เริ่มหาวหวอดๆ เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับหยิบเอาผ้าห่มผืนใหญ่ออกมาห่มให้ “เท่าที่ฉันทำได้เท่านั้น เอาละนายก็พักเถอะ พรุ่งนี้ฉันมีงานแต่เช้า”
ผู้เป็นน้องมองหน้าของพี่ชายต่างมารดาพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้ง มองหน้าพี่ชายที่สามารถหลับซ้อนหลับได้อย่างหน่ายๆปนสงสาร ดูท่าคงจะทำงานโต้รุ่งมาหลายวัน เด็กสาวโคลงศีรษะเบาๆ ก่อนจะออกจากโลกที่พี่ชายสร้างขึ้นไป
แม้จะพูดไปอย่างนั้น แต่มิราจก็อดห่วงผู้เป็นพี่ไม่ได้ เด็กสาวนอนไม่หลับ และลุกขึ้นมาระรัวนิ้วบนคีย์บอร์ดที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ที่มีจอหนาอีกสี่เครื่องวางเรียงไว้อยู่ ทั้งที่สมัยนี้แค่จะหาโน๊ตบุ๊คสักเครื่อง ก็แทบจะไม่มีแล้ว แต่ว่ามิราจก็เป็นพวกต่อต้านความสบายเกินพอดี ทำให้เด็กสาวพอใจที่จะใช้คอมโบราณวัตถุนี่มากกว่า
“ไม่ได้เจอกันนานเลยนะเหวิน” มิราจละนิ้วจากคีย์บอร์ด หลังจากพัฒนาเอไอที่เคยสร้างไว้อยู่เกือบสองชั่วโมง และยังใช้เวลาอีกชั่วโมงแฮกกล้องวงจรปิดตามที่ต่างๆ
“คุณทิ้งผมนี่ครับ” เสียงเด็กชายตอบกลับมาจากลำโพงอย่างงอนๆ มิราจยิ้มบางเล็กน้อย “เอาน่า ตอนนี้ฉันมีเรื่องให้ช่วย นายจะช่วยฉันได้ไหม”
“เจอกันก็ใช้งานผมเลยนะครับ มีอะไรล่ะ”
“ก็เหมือนเดิมนั่นแหละ” เธอตอบอย่างหน่ายๆ ตามมาด้วยเสียงถอนหายใจของเอไอที่ดูจะรู้สึกไม่ต่างกันนัก “จะสร้างอะไรหรือครับ”
“ก็แค่ตัวหาไอพีแบบดีๆ กับป้องกันข้อมูล แต่มีอีกเรื่องด้วย ช่วยดูตามกล้องวงจรปิดที่ฉันแฮกไว้แล้ว กับบอทแมลงที่ส่งไปให้ที ถ้าเห็นอะไรน่าจะเป็นอันตรายกับพี่ชายของฉันก็ช่วยแจ้งได้เลย ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”
“ครับ คุณจะเริ่มคืนนี้เลยหรือเปล่าครับ” เหวินรับคำสั่ง เด็กสาวพยักหน้าตอบเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปเปิดไฟให้สว่างขึ้นเองแทนการสั่งเอไอ มิราจเคยชินกับการทำอะไรเองมากกว่าการเอาแต่สั่ง เด็กสาวบิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะเริ่มระรัวนิ้วบนคีย์บอร์ด ไม่ลืมที่จะส่งข้อความลางานไปที่เจ้าของร้านสะดวกซื้อ
เธอเริ่มระรัวนิ้วไม่สนใจอะไร เอไอประจำตัวช่วยเปิดเพลงร็อกอย่างที่ทุกครั้งเธอจะเปิดฟังเวลาทำงาน มิราจชะงักไปเล็กน้อยกับการบริการที่เธอสามารถทำเองได้ง่ายๆ แต่ก็อยากจะรีบทำงานชิ้นนี้ให้เสร็จ จึงไม่ได้ว่าอะไรเหวิน เด็กสาวทำเพียงผละไปชงกาแฟสองรอบ ก่อนจะกลับมานั่งจ้องหน้าจอที่มีตัวเลขยึกยือ เธอถอนหายใจเบาๆ ขณะลากเมาส์ไปมา และเพิ่มประสิทธิภาพของโปรแกรมไปเรื่อยๆ
“คุณมิรครับ เช้าแล้วนะครับ” เหวินบอก เมื่อเห็นว่าเจ้านายสาวยังไม่เลิกทำงานสักที
เด็กสาวสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนหัวเราะแห้งๆเบาๆ เธออ้าปากหาวก่อนจะเอนตัวไปด้านหลังพร้อมกับหลับตาเพื่อพักสายตาสักชั่วโมง แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากเอไอประจำตน
“มีอะไรล่ะ” เธอถามอย่างงงๆปนหงุดหงิด ปกติเหวินจะไม่รบกวนเวลาที่เธอกำลังพักผ่อนอยู่เด็ดขาด แสดงว่าต้องมีเรื่องฉุกเฉิน หัวใจเด็กสาวกระตุกไปชั่วครู่...มิลาน
“คุณมิลานอยู่โรงพยาบาลแล้วครับ! รีบไปหาเขาเถอะ!”
เหวินบอกอย่างร้อนรน พร้อมกับควบคุมหุ่นยนตร์ที่มิราจสร้าง ให้นำบอร์ดมาให้ เด็กสาวไม่รอแม้กระทั่งจะเปิดประตู รีบรับมาก่อนจะกระโดดออกไปทางหน้าต่าง แล้วใช้บอร์ดของตนพุ่งไปทางโรงพยาบาลทันที
มิราจเร่งความเร็วจนสุด ขณะเอียงหลบรถคันอื่นที่เธอบินสวนทางมาอย่างไม่สนใจ เด็กสาวไม่ละสายตาจากเส้นทางตรงหน้า ในหัวตีกันถึงเรื่องนู้เรื่องนี้ ทั้งห่วงพี่ชาย ทั้งหาทางไปถึงได้เร็วที่สุด เธอหลับตาเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่มันไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากเสียงภาวนาให้พี่ชายของตนปลอดภัยที่ดังก้องในหัวของตนจนกระทั่งมาถึงโรงพยาบาล
มิราจรีบไปที่ห้องพักคนไข้ มือสั่นจนแทบเปิดประตูไม่ออก สภาพของพี่ชายทำให้เด็กสาวอดสบถออกมาไม่ได้ ใบหน้าของมิลานเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ และผ้าพันแผลที่มีเลือดซึมอยู่รอบกาย
เด็กสาวปล่อยบอร์ดที่ถือมาทิ้งอย่างไม่ใยดี มือหยาบอย่างคนทำงานหนักลูบใบหน้าของผู้เป็นพี่เบาๆอย่างอ่อนโยน สายระโยงระยางรอบกายและบอทที่คอยดูแลอาการใกล้ชิดแสดงถึงอาการที่เข้าใกล้ความตายทุกวินาที เด็กสาวตัวสั่นกลั้นแรงสะอื้นอยู่เกือบยี่สิบนาที ก่อนที่เสียงแหลมๆที่ดังอยู่ด้านนอกทำให้เธอต้องรีบผละออกจากร่างไร้สติของผู้เป็นพี่ แล้วผลักประตูออกไป
ส่วนเกินของตระกูลอย่างเธอคงไม่เหมาะจะอยู่ที่นี่นานนัก เด็กสาวหวังว่าจะออกไปก่อนที่คนข้างนอกจะทันเห็นเธอ แต่เสียงเรียกก็ทำให้เธอไม่สามารถจะหันหลังเดินไปได้ยังที่ต้องการ เด็กสาวจึงต้องหันกลับมามองคนด้านหลัง
หญิงสาวสองคน ยืนอยู่ข้างๆกับหญิงวัยกลางคนที่ศัลยกรรมหน้าจนดูไม่แก่เกินกว่าลูกเดินมา มิราจถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะไหว้ผู้ชายที่เป็นคนเรียกเธอ
“มิรมาเยี่ยมพี่หรือ” เขาถามเสียงน่าฟังเหมือนเดิม มิราจเพียงแค่นยิ้ม พยายามทำเป็นไม่สนใจเสียงแหลมของผู้หญิงสามคนนั่นที่ร้องไห้วี้ดว้าย แต่ยังอุตส่าห์ส่งสายตาจิกกัดมาที่เธอ เด็กสาวถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตอบด้วยเสียงราบเรียบ “ค่ะ”
“มิลานเป็นไงบ้าง”
“เชิญดูเองเถอะค่ะ หนูขอตัวก่อน” เธอตั้งใจจะผละออกมาหลังจากสนทนาเพียงแค่นั้น เธอรู้สึกอยากกลับบ้านของเธอเต็มที อยากกลับไปร้องไห้เงียบๆคนเดียว มิลานเป็นเหมือนญาติคนสุดท้ายของเธอ เป็นทั้งพี่ ทั้งเพื่อน ทั้งครู มิราจเองไม่แน่ใจว่าจะสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดีเท่าไรหลังจากที่เห็นสภาพของพี่ชาย
มกราถอนหายใจกับลูกสาวคนเล็ก อันที่จริงเขาก็อยากจะพูดกับมิราจที่ไม่ได้เจอกันนานอยู่เหมือนกัน แต่ว่าอาการของลูกชายที่ไม่น่านิ่งนอนใจทำให้เขาต้องส่งสายตาให้ภรรยาและลูกสาวรีบตามเข้ามาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยก่อน
“ยัยเด็กไม่มีแม่” โมร็อคพูดเบาๆ แต่ก็ดังพอที่จะให้มิราจได้ยิน เด็กสาวหันไปมองใบหน้าที่เหมือนกับมิลานอย่างกับพิมพ์เดียวกันที่ถูกฉาบไว้ด้วยเครื่องสำอางหนา เธอตัดสินใจปล่อยผ่านคำพูดนั้นไป ก่อนจะรีบเดินออกไป
“หึ คนอย่างเธอน่ะรีบๆกลับไปรังหนูซอมซ่อของตัวเอง อย่าเอาเชื้อโรคสกปรกมาติดตามิลาน” มีนาพูดใส่หน้าน้องสาวต่างแม่ เธอเป็นลูกสาวคนโตสุดของตระกูล ทำให้ติดนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก แม่ของสองสาวหัวเราะเบาๆอย่างสะใจ คราวนี้มิราจหยุดก่อนจะกลับหลังหัน ตรงเข้าไปตบหน้าสามแม่ลูกสุดแรง
มิราจไม่ใช่พวกยึดติดกับเทคโนโลยี อันที่จริงเธอใช้พวกมันเทียบเท่ากับยุคสองพันสิบสองเท่านั้น ทั้งๆที่ตอนนี้ก็สองพันห้าร้อย พวกสิ่งอำนวยความสะดวกที่เธอประดิษฐ์ส่วนใหญ่ก็ไม่เคยได้ใช้ คงไม่ต้องบอกว่าเธอแข็งแรงกว่าคนทั่วไปขนาดไหน รวมถึงงานอดิเรกอย่างศิลปะป้องกันตัว เด็กสาวหลบฝ่ามือของโมร็อคได้ไม่ยาก เธอถอนหายใจยืดยาวถีบร่างบางอย่างไม่สนใจว่าคนที่รับแรงฝ่าเท่าจะเจ็บแค่ไหน ก่อนจะรีบเดินออกมาอย่างไม่สนใจเสียงกรี๊ดกร๊าดเพราะซิลิโคนที่ยัดอยู่แตก หรือดั้งพลาสติกหัก เด็กสาวถอนหายใจอีกครั้งอย่างเหนื่อยหน่าย และรีบกลับบ้านทันที วันนี้เธอเหนื่อยเกินไปจริงๆ
“เหวิน เอาบอทมารับฉันที แล้วก็เตรียมข้อมูล ความน่าจะเป็น หลักฐานทั้งหมด เสร็จแล้วปลุกฉันด้วย” เธอโทรเข้าโทรศัพท์ เอไอของเธอเป็นคนรับสาย ก่อนที่มิราจจะสั่งให้เอาบอทมารับผิดกับปกติ เธอเหนื่อยเกินไปจะขี่บอร์ดกลับเองแล้ว หลังจากที่ต้องเจอเรื่องน่าปวดหัวเยอะเกินไป เด็กสาวตั้งใจจะหลับสักพัก เพื่อที่เธอจะได้ไม่เพลียเกินไปตอนตรวจสอบข้อมูลที่เหวินหามา
บอทที่มารับเป็นเหมือนกับกล่องลอยได้คล้ายรถ แต่ว่านั่งได้แค่ที่เดียว ดูเหมือนเหวินตั้งใจจะให้เธอพักผ่อน เพราะว่าเบาะนั่งของบอทตัวนี้ไม่ต่างอะไรกับโซฟาหนังตัวนุ่มที่บ้าน เด็กสาวนั่งหลับตลอดทาง จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังเล็กแล้ว แต่มิราจก็ยังไม่รู้สึกตัวจนกระทั่งได้ยินเสียงปลุกจากเอไอ เธอจึงรีบเดินขึ้นไปด้านบนเพื่ออ่านข้อมูลที่เตรียมเอาไว้
“มีของมาส่งตั้งแต่เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วครับ จากคุณมิลาน ดูเหมือนจะส่งมาตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน จะให้นำมาเลยไหมครับ”
“พี่งั้นเหรอ...เอามาเลย” เธอบอก พร้อมกับอ่านข้อมูลคร่าวๆ ตอนที่มิลานถูกทำร้ายเป็นมุมอับกล้องวงจรปิดในห้องที่บริษัทพอดี ส่วนบอทที่เธอส่งไปถ่าย ก็ถูกคลื่นแม่เหล็กรบกวนจนระเบิด ภาพสุดท้ายก็เห็นเพียงภาพสั่นๆของผู้เป็นพี่ชายกำลังก้มหน้าก้มตากับหน้าจอทัชสกรีนใสขนาดใหญ่ที่บริษัท มิราจปารูปพวกนั้นทิ้ง ก่อนจะหยิบรายชื่อคนที่เข้าข่ายน่าสงสัยมาดู
เด็กสาวสบถอย่างหัวเสีย เธอเพิ่งเริ่มจับตาดูไม่ถึงหนึ่งวัน ทำให้ไม่สามารถรวบรวมอะไรได้ นอกจากคนที่เข้าใกล้มิลาน ส่วนพวกที่ทำท่าทีน่าสงสัยก็ไม่มี เด็กสาวปามันลงไปรวมกับกองแรกอย่างอารมณ์เสีย พร้อมกับสบถยืดยาวต่อ...มิลานเองก็ไม่คิดว่าคนร้ายจะลงมือเร็วขนาดนี้
มิราจหันไปดูกล่องที่บอทเพิ่งอาเข้ามาวาง เธอฉีกเทปกาวออก แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นของที่อยู่ด้านใน ก่อนจะตัดสินใจหยิบเอาไดรฟ์ที่ใส่มาไปเสียบที่คอม
“...สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเดย์ เป็นเอไอที่คุณมิลานสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือคุณมิราจกรณีที่คุณมิลานไม่สามารถทำงานตามความต้องการต่อไปได้ กรุณายืนยันตัวตนด้วยการตอบคำถามด้วยค่ะ” เสียงคล้ายเด็กผู้หญิงของเอไอดังมาตามลำโพง “คำถามแรก ถ้าหากมีหมาหนึ่งตัว แมวสามตัวกัดกัน แมวหรือหมาจะชนะเอ่ย? คำถามข้อที่สองถ้าคอมที่เกิดฉันตายไป เธอจะทำตามที่ฉันขอไหม?”
คำถามที่ดังออกมาไม่ใช่เสียงเดิมแต่เป็นเสียงของมิลาน มิราจสั่นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยถามคำถามที่กวนประสาทในสถานการณ์ที่ตัวเองกำลังจะเป็นจะตายก็ยังไม่รู้
“ข้อแรกตอบให้นายลองไปกัดกับแมวสามตัวดู! ข้อสองตอบไม่...ไม่รู้โว้ย!!!” เด็กสาวเผลอตวาดออกไป เสียงคล้ายในเกมส์โชว์เวลาตอบคำถามถูกดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของชายหนุ่มเช่นเดิม “ปิ๊งป่อง ฮ่าๆ ตัวจริงต้องตอบอย่างนี้ล่ะ...ฝากด้วยนะ”
“ไอ้พี่บ้า” มิราจพึมพำ น้ำตาซึมเมื่อคิดถึงคนที่ถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัส ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องเกิดเรื่องแบบนี้ เธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ใช่บอดี้การ์ดมาดูแล ทั้งๆที่ครอบครัวเจริญวิทยาจัดเป็นเศรษฐีอันดับต้นๆด้วยซ้ำ
“คุณมิราจคะ คุณมิราจ”
“คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ”
“เปล่าๆ ขอโทษที” เธอรีบตอบเอไอทั้งสองที่ถามอย่างเป็นห่วง ก่อนที่เดย์จะเอ่ยขึ้น “เกี่ยวกับการกำจัดไวรัส ขอแนะนำว่าให้เข้าไปนำข้อมูลมาจากแบล็ค เขาเป็นเอไอที่รับบทเป็นบอสใหญ่ และยังบันทึกข้อมูลต่างๆเกินครึ่งของเกมส์ นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับระบบได้โดยตรงค่ะ”
“แบล็ค?”
“ค่ะ เอไอที่ฉลาดเทียบเท่าโปรแกรมเมอร์หัวกะทิ เขาเป็นคนป้องกันและแก้ไขระบบกรณีถูกไวรัส เป็นผลงานชิ้นโบแดงของคุณมิลานร่วมกับโปรแกรเมอร์ปริศนา ซีเคร็ตค่ะ”
“ถ้าแบล็คเก่งขนาดนั้นแล้วฉันจะทำอะไรได้” มิราจถามอย่างไม่เข้าใจ ถึงจะเป็นมนุษย์ เหมือนกับคนที่สร้างเอไอพวกนั้น แต่เธอก็ไม่คิดว่าเธอจะเก่งถึงขั้นจะเทียบเคียงกับสมองกลที่อัจฉริยะอย่างมิลานกับซีเคร็ตสร้างได้หรอก
“ไม่ค่ะ คุณถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเลยนะคะ นี่เป็นข้อมูลของซีเคร็ตค่ะ ฉันได้รับข้อมูลว่าเขาเป็นเพื่อนกับคุณมิลาน และเขายินดีจะช่วยคุณเท่าที่ช่วยได้ แต่เพราะเขาต้องการปกปิดตัวตน ทำให้ส่วนใหญ่คุณต้องจัดการเองเท่านั้น”
“ทำไมไม่ให้เขาแฮกและแก้ไขเลยล่ะครับ” เสียงของเหวินถามบ้างหลังจากเงียบมานาน
“คุณมิลานเคยลองนำโปรแกรมต้านทานของเขาไปใช้ดูแล้วค่ะ แต่มันใช้ไม่ได้ค่ะ อีกอย่างการแฮกเกมส์เสมือนจริงจากบุคคลภายนอกนับว่าอันตรายต่อผู้เล่นสูง เพราะอาจส่งผลต่อคลื่นสมองได้น่ะคะ”
“หมายความว่าต้องจัดการจากภายใน ต้องเข้าไปเล่นเกมส์เสมือนที่มีการตรวจสอบตัวผู้เล่นร้อยเปอร์เซ็นต์ คนที่ต้องการปกปิดตัวจึงไม่ทำสินะ”
“ค่ะ”
“หมายความว่าคุณมิราจต้องเล่นเกมส์เสมือนจริงหรือครับ” เหวินทวนอย่างเป็นห่วง เริ่มคิดว่าไวรัสนั่นคงจะไม่มีทางถูกกำจัดโดยมิราจเด็ดขาด ตราบใดที่ต้องเข้าไปเล่นในโลกเสมือนแบบนั้น เท่าที่จำได้ นอกจากโลกเสมือนที่สองพี่น้องเอาไว้คุยกันเดือนละครั้ง แต่ละครั้งไม่เคยเกินสามชั่วโมง ก็ไม่เห็นเธอจะเล่นอะไรพวกนี้ แล้วเกมส์ออนไลน์ที่ออนทีทั้งคืน แถมไวรัสพวกนั้นก็มีจำนวนมากขนาดนั้นอีก จะต้องเข้าไปกี่ครั้งกัน คิดว่าคนอย่างมิราจจะยอมเล่นหรือไง?
“ค่ะ นั่นเป็นอุปกรณ์ใช้เล่น ส่วนไอดีต้องสมัครเองค่ะ”
“แล้วเธอพอจะมีเบาะแสของคนที่ทำร้ายมิลานไหม” เด็กสาวถอนหายใจพร้อมกับยีหัวตัวเองเบาๆ เดย์เงียบไปชั่วครู่ขณะค้นหาข้อมูล “...ไม่มีข้อมูลที่ค้นหาค่ะ คุณมิลานไม่ได้ใส่เอาไว้ อ่า...มีโน้ตว่าถ้าคุณถามให้บอกว่า‘ถ้าฉันรู้ฉันก็คงจัดการมันแล้วล่ะ’ค่ะ”
“กวนประสาท” มิราจพูดเสียงสั่นๆ ก้มหน้านิ่งๆชั่วครู่ ก่อนที่จะพยักหน้าให้เอไอสาวแสดงข้อมูล
“เฮ้ย!!!” เด็กสาวอย่างตกใจ ก่อนจะรีบกระเมาส์มาคลิกและระรัวแป้นคีย์บอร์ด เพราะทันทีที่แสดงข้อมูล ไวรัสก็รุมเข้าใส่คอมพิวเตอร์ลูกรักจนตั้งตัวไม่ทัน
“วะ....ไว...ระ...รัส...คะ...ครับ...แบบที่เอไอ...ไม่...ต่อต้าน......ต่อต้านไม่ได้” เสียงแหบๆไม่เป็นภาษาของเหวินดังขึ้น มิราจสบถ ไอ้มิลานส่งบ้าอะไรมาเนี่ย!
ลืมบอกอ่ะ เวลาเราลงเรื่อง
50% คือยังลงไม่ครบ ไม่ได้ตรวจสอบ และจะมีการแก้ไขที่อาจเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด
90% คือลงครบ รอการแก้ไขเพียงเล็กน้อย
100% คือสมบูรณ์เรียบร้อย ไม่มีการแก้ไข
ขอบคุณที่ติดตามนะเออ เม้นบ้างก็ดี
ความคิดเห็น