คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่5 +ตอบคอมเม้น
มารร้ายไร้เงาฝากตัวเป็นศิษย์กับยอดยุทธในกาลก่อนหลายท่านตั้งแต่นางยังเยาว์ ย่อมสืบทอดวิชาหลายสาย นางใช้เวลาครึ่งชีวิต คัดแยกรวบรวมวิชาที่เล่าเรียนมา ผู้คนเรียกขานว่า สามวิชาห้ากระบวน
ห้ากระบวนล้วนเป็นพื้นฐานอีกสามวิชา ‘ตั้งมั่น’ คือการย่อเข่ายืดแขนดำรงท่าเดิมโดยไม่ขยับเฉกเช่นศิลา ‘รอบทิศ’ คือการกวาดเท้ารอบกายราวกับสามารถเห็นรอบด้าน ‘หลีกเร้น’ คือการหลบหลีกว่องไวราวกับไร้ตัวตน ‘พลิกกับ’ คือการสนองกำลังคืนสู่ศัตรู ‘โอนอ่อน’ คือความอ่อนของกล้ามเนื้อ อย่างเลว ต้องยกขาตั้งขึ้นตรงได้ เข่าสัมผัสท้ายทอยได้ ศอกสองข้างแตะกันด้านหลังได้
ทั้งห้าแม้เป็นเพียงท่าฝึกพื้นฐานหากผู้ใดเชี่ยวชาญประสานทั้งสี่ท่าได้ ย่อมสามารถเอาตัวรอดต่อสู้กับชาวยุทธชั้นเลวด้วยมือเปล่าได้ไม่ลำบาก หากทั้งห้ากระบวนนี้ หลายประการต่างกันโดยสิ้นเชิง ผู้สามารถฝึกโดยคร่าวได้ครบทั้งห้ายังนับว่าหายาก
ส่วนวิชาทั้งสามประกอบด้วย หนึ่ง ‘ภูผาลั่น’ ล้วนเป็นวิชาอันแปลกประหลาด เบื้องต้นกำลังใช้ออกจากภายในไม่เน้นกำลังกายไม่ต่างจากวิชาลมปราณอื่น หากยิ่งฝึกเบื้องสูงขึ้น จำต้องหาสมุนไพรนับประการมาใช้บำรุง ต้องดูฤกษ์ยาม ใช้พลังออกคล้ายเป็นกำลังภายใน กำลังกาย ไม่อาจระบุได้
สอง ‘กระเรียนท่องนภา’ แต่เดิมครั้งแรกเป็นเพียงวิชาตัวเบาอันเรียบง่ายประการหนึ่ง หากเหล่าซือหลายรุ่นได้ดัดแปลงประสานกับวิชาดาษดื่นอีกถึงสองร้อยสามสิบเจ็ดวิชา สะกิดเท้าเพียงแผ่วเบา สามารถล่องลอยกับนกได้ไม่ต่างจากกระเรียนโผบิน
สาม ‘เพลิงผลาญทำลาย’ เป็นเพลงดาบอันเงียบเชียบว่องไวหนักแน่น ใช้ออกรวดเร็วไม่ทันตั้งตัว หากสังหารผู้คนอันฝีมือต่ำชั้นกว่ามาก สามารถสังหารได้โดยมิทันรู้ตน บั่นเศียรขาดเพียงเสี้ยววินาที
แต่เดิมนั้นครั้นผู่เยว่สำเร็จสามวิชาห้ากระบวน เชี่ยวชาญการใช้อาวุธนานาประการ นางตั้งใจแน่วแน่แต่แรกจะนำเลือดลูกหมาแซ่ลี่ล้างฮวงซุ้ยบรรพชน กลับพบเพียงบ้านหลังใหญ่ว่างเปล่าที่เมืองหลวง แปะป้ายชัดเจนยึดเป็นของหลวง สืบทราบได้ว่าตระกูลลี่ต้องพระอาญา บั่นเศียรเก้าชั่วโคตรแต่สองเดือนก่อน เห็นแก่รับราชการมานาน ได้ฝังศพนอกเมือง
ผู่เยว่ยามนั้นแค่นยิ้มสมเพช หากอดนึกโกรธแค้นไม่ได้...พวกแซ่ลี่กล้าตายก่อนบิดาจะมาสังหารมันได้เยี่ยงไรเล่า
นางไม่เห็นศพคนแซ่ลี่ย่อมไม่หายแค้น ตนเองก็มิคิดจะเหยียบฮ่วงซุ้ยคนแซ่ลี่ให้เป็นกาลกิณีแก่เท้าตน หาก...นางคณิกาชั่นต่ำเหยียบสุสาน ลูกหมานั่นย่อมไม่สามารถหลับตาอย่างสงบได้
ผู่เยว่คว้าเงินจำนวนหนึ่งจ้างวานนางคณิกาชั้นต่ำตามตรอก ให้แต่งกายด้วยชุดเปื้อนคาวโลกีย์ เอาเท้าขยี้ป้ายศพลี่ฮุ่ยชิง ขึ้นเหยียบผืนดินเหนือร่างมัน เช่นนั้น ย่อมถือว่านางได้ล้างแค้นเสียแล้ว มิจำเป็นต้องอาฆาตพยาบาทต่อให้วุ่นวาย
นางท่องเที่ยวตามชนบทอย่างที่ปรารถนาแต่แรก ใช้ชีวิตอย่างสงบ ยามหิววาดรูปแต่งกลอนขาย ยามเริงใจซื้อสุรายกดื่ม ควบซือเล่อทั่วแผ่นดินตามใจปรารถนา...
กระนั้นนางมิเคยลืม เหตุแห่งโทษประหาร ลูกสุนัขแซ่ชิวดูหมิ่นองค์ฮ่องเต้ อ๋องสิบสี่หลงหานเฟิงเป็นผู้กราบทูล ลงมือบั่นเศียรมันด้วยพระเอง...
ครานี้ผู่เยว่สืบทราบเรื่องราวเพิ่มเติม พบว่าอ๋องผู้นี้เป็นบุรุษทรงอำนาจอันรักสงบ เชี่ยวชาญวรยุทธ กลอนกาพย์บุ๋นบู๊ รับใช้พระเชษฐาด้วยภักดี ทั้งฝ่าบาทไว้วางพระทัย จุดประสงค์ผู้จ้างวานคงจะเป็นบั่นคลอนความมั่นคงราชวงศ์กระมัง
หากสังหารย่อมง่ายกว่า ไหนเลยต้องทำเรื่องราวให้วุ่นวายยุ่งยาก ประการสำคัญ ผู่เยว่ไม่สะดวกใจนัก...แม้จะเป็นเหตุบังเอิญ หากนับได้ว่าอ๋องผู้นี้ช่วยนางล้างแค้นคนแซ่ลี่ นับว่าเป็นผู้มีพระคุณท่านหนึ่ง ผู้ใดมิรู้จักคุณคน ยังสมควรเรียกตนเป็นคนอยู่หรือ
นางมิได้ชมชอบการกวัดแกว่งอาวุธมากนักก็จริงอยู่ หากไม่ได้ฆ่าลี่ฮุ่ยชิงด้วยมือตนเป็นความคับแค้นใจประการหนึ่ง...กระนั้น อ๋องผู้นี้อีกเช่นกัน ที่ทำให้นางไม่ได้สังหารลูกสุนัขโง่เง่า
นางถอนหายใจ เรื่องวุ่นวายน่าปวดหัวนี้ช่างน่าเบื่อหน่าย หากยามนี้คงจำต้องจับกุมอ๋องผู้นั้นเสียก่อน สำหรับนางชีวิตศิษย์พี่ทั้งสามล้วนสำคัญ แม้จะห่างเหินมานาน หากระลึกได้ครั้งยังเล็กได้ขี่ขอเรียกขานศิษย์พี่ๆ พวกมันล้วนเคยแบ่งปันขนมของกิน ลูบหัวสอนสั่ง ย่อมสำคัญกว่าบุรุษก้ำกึ่งผู้มีพระคุณกับศัตรูอันรู้จักเพียงผิวเผิน
ผู่เยว่มั่นใจเต็มสิบส่วนว่านางไม่เคยพบเจออ๋องท่านนี้แน่แท้ แม้ศิษย์ท่านตาหลากหลาย หากล้วนเป็นเพียงลูกคหบดี ขุนนาง คนมีตระกูล องค์หญิงองค์ชายล้วนพำนักในราชวัง เลือดมังกรไหนเลยจะเสด็จมายังบ้านชิวที่ห่างไกล
หากผู้คนกล่าวขานว่า...อ๋องผู้นี้กลับเป็นอีกหนึ่งท่านเช่นกันที่สามารถบรรเลงเพลงวิหคร้องเร่ได้
แม้จะไม่ไกล แต่เมืองก่อนหน้านี้ควบซือเล่อถึงหนึ่งคืน จึงจะถึงเมืองหลวง หากบุรุษสติวิปริตที่นางพบคราก่อนเป็นหลิ่ง ท่านอ๋องผู้นี้ย่อมไม่ใช่หลิ่งโดยแน่ ไหนเลยอ๋องผู้จำต้องเข้าเฝ้าทุกวันจะสามารถไปปรากฏตัวในเมืองเช่นนั้นได้
มันผู้นี้ไม่ใช่หลิ่ง ไม่ใช่ศิษย์ท่านตา หากแม้ศิษย์พี่น้องรู้จักวิหคร้องเร่หลายท่านจริงอยู่ หากผู้บรรเลงเพลงนี้ได้นับว่าน้อย แต่ละคนล้วนมีนิสัยอันแปลกประหลาด ย่อมไม่ถ่ายทอดให้ใคร
เพลงนี้เรียบง่าย หากใช่เลวจนจะลอกเลียนได้...แล้วเหตุใดเล่า อ๋องสิบสี่จึงสามารถบรรเลงเพลงนี้
นั่น...ย่อมเป็นปริศนาอันสับสนประการหนึ่งที่ผู่เยว่มิอยากยุ่งเกี่ยวโดยแน่แล้ว
ข่าวดี มาอัพแล้วจ้า เนื่องในโอกาสที่ได้หยุดเรียนพอดี เลยพอว่างมา คันมือมาก
ข่าวร้าย ดองอีกนานแน่ อาจจะถึงเดือนสาม มีสอบ ให้กำลังใจด้วยนะ!
สรุปตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเดาไม่ถูกว่าหลิ่งเป็นใครกันนะ
ปล.อย่าลืมเม้นน้า ได้โปรด
แวะมาดู เลยมาตอบเม้นด้วยเลยจ้า
1 2 เคยตอบแล้วน้า
3 ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ ส่วนหลิ่งนั้นคือ...(ติดตามต่อไปจ้า)
4 ขอบคุณค่า บอกแล้วว่ายุ่ง แต่ว่าถ้าเปิดคอมแล้วได้เขียนจะมาลงให้อ่านกันค่า
5 ทราบแล้วนะคะ ว่าหลิ่งคืออ๋องสิบสี่หรือเปล่า ส่วนเรื่องที่สั้นนั้น...จนปัญญาจะแก้ไขเหมือนกันค่า
6 ขอบคุณมากค่า ด้วยความยินดี มีเม้นมาถือว่าเป็นกำลังใจแล้วค่า
7 น้อมรับคำชมเจ้าค่ะ
8 โฮ่ คนมันเก่ง ล้อเล่นจ้า ขอบคุณที่ติดตามนะ
ปล.เล็กน้อย 7 8 นี่คนเดียวกันใช่ไหมอ่ะ ยังไงก็ขอบคุณมากๆนะคะที่ติดตาม
9 ขอบคุณที่ติดตามค่า
10 ตอบยากสุดเลยแฮะ ไม่ถนัดตอบเม้นเชิงลบอ่างนี้อ่ะ ไม่ได้หมายความว่าไม่ดีนะ คือมันพูดยากนะในความรู้สึกของคนเขียน มีเม้นติอย่างนี้มาก็คงไม่มีใครรู้สึกดีหรอกเนาะ แต่ก็ไม่ได้โกรธคนอ่านที่มีเม้นอย่างนี้นะ ยังไงก็ต้องขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคะ ถ้าทำให้คนอ่านรู้สึกไม่ดีก็ต้องขออภัยด้วย โปรดรับรู้ไว้ว่าไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้น
...คือรู้สึกตัวเหมือนกันว่าดำเนินเรื่องเร็ว มันเป็นข้อเสียของไรท์ว่าถ้าไม่เขียนเก็บไว้แก้หลายๆครั้งจะเร็วไป ยังไงก็พยายามแก้ไข ส่วนเรื่องตัวดำเนินเรื่อง จะเห็นได้ว่าหลิ่งโผล่มาเหมือนเป็นปริศนามากกว่าตัวดำเนินเรื่องนะคะ ยังไงก็ตามจะนำความเห็นนี้ไปปรับปรุงแก้ไขค่า
ตอนหน้าอาจเป็นตอนพิเศษสั้นๆ เพราะอย่างที่บอกว่าไม่ค่อยมีเวลา ใครอยากรีเควสแบบไหนว่ามาเลย ไรท์จัดให้
จงเม้นเถิด จะด่า จะว่าก็ยังดี
T^T
ความคิดเห็น