คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #62 : She’s drowning in her own tears (เรายังมีกันอยู่ใช่ไหม)
ตอนที่ 54: She’s
drowning in her own tears
(เรายังมีกันอยู่ใช่ไหม)
หิมะตกลงมาไม่ขาดสาย
ได้แต่เฝ้าหวังให้มันละลายลง เพราะหากเส้นทางปลอดโปร่ง เขาคงได้ไป
เด็กหนุ่มเป่าลมใส่กระจกและวาดเป็นรูปพระอาทิตย์
อีกไม่นานเขาจะได้ไปอยู่ในประเทศที่เห็นมันตลอดทุกวันแล้ว
...คงเป็นการปรับตัวที่ยากพอดู
“น้องแน่ใจนะว่าอยากทำแบบนี้” สนามบินคนจอแจ
แต่เพราะเลานจ์ส่วนตัวและคนคุ้มกันก็ทำให้เพียงกระซิบเขาก็ได้ยิน
“อือ”
“ชีวิตน้องยังเจออะไรอีกเยอะนะ
อย่าประชดด้วยการทำตามคำสั่งของคุณพ่อสิ”
“มันเป็นสิ่งที่ผมเลือกเอง
เขาสวยมากเลย และผมว่าผมรักเขา”
“น้องรู้ตัวเองดีว่าน้องรักใคร” น้องชายทำหน้าเจื่อน
หันมองเกล็ดหิมะที่ร่วงหล่นอย่างงดงามเป็นครั้งสุดท้าย พี่สาวเขารู้ทุกอย่าง
อ่านใจเขาได้เหมือนแม่ และตัวเขาเองก็รู้ดีที่สุด
“ข่าวมันออกไปแล้ว ผมทำอะไรไม่ได้”
“น้องกำลังทำให้เรื่องมันยุ่งยากนะซันจิ!” ซันจิ องค์ชายลำดับที่สามแห่งราชวงศ์วินสโมคกำลังอยู่ตรงนี้
ทำหูทวนลมไม่ฟังสิ่งที่พี่สาวเตือน
เขาอยากอยู่ที่ไหนก็ได้
ที่ไม่ใช่ที่นี่
“ผมรู้ ...ผมไปได้รึยังครับ
เพื่อนผมรออยู่นะ เครื่องดีเลย์คุณนามิต้องเขกหัวผมแน่ ๆ” ซันจิกระโดดลงจากเก้าอี้ครั้นสนามบินประกาศว่าสภาพอากาศพร้อมออกเครื่อง
เด็กชายเตรียมของทุกอย่างให้เรียบร้อย
แม้จะใกล้ไปแต่ครอบครัวที่เหลือของเขาก็ไม่มา
ก็ไม่ได้อยากให้มา...
“ไว้เจอกันนะครับ”
“อือ เดินทางดี ๆ นะซันจิ
ดูแลตัวเองด้วย มีอะไรก็ติดต่อหาพี่นะ” เด็กผมทองพูดขอบคุณ
ทั้งร่างโดนพี่สาวรั้งไปกอดไว้แน่น ซันจิยิ้มอ่อนใจ โบกมือลา ก่อนจะมุ่งหน้าสู่จุดหมายปลายทาง
…เหม่อมองปุยเมฆบนสายลม
และเคลื่อนกายสู่มหานครกรุงเทพฯ ในทันที
เขากำลังจะไปหาเจ้าหญิง
………………………
ณ ตึกสูงระฟ้า
หนึ่งอาทิตย์
เป็นเจ็ดวันแล้วที่ตัวเองไม่ได้ออกไปไหน ข้างนอกมีคนเฝ้า อยากกินอะไรก็มีคนหามาให้
ใช้ชีวิตเหมือนหญิงขายบริการทั่วไป เพราะค่ำคืนเธอต้องตอบแทนด้วยร่างกาย
และเป็นการตอบแทนที่สาหัสสากรรจ์
ไวโอเล็ตนั่งดูข่าวสารอยู่ในห้อง
มันเป็นข่าวที่ไม่ได้จรรโลงจิตใจอะไรเลย
มือบางกดปิดเสียงทันทีเมื่อเห็นข่าวดอฟฟี่พาลูกสาวสส.
ออกงานอีกแล้ว ความสัมพันธ์ที่บอกว่าเราเป็นแฟนกันนั้นหายไป
เราทั้งคู่ไม่เคยเปิดเผยมันตั้งแต่ต้น แล้วจะมาแก้ต่างว่าอะไร
...เป็นมือที่สามก็ถูกแล้ว
หลังจากงานเปิดห้าง
นักข่าวก็เขียนเรื่องกันสนุกปาก พาดหัวว่าทั้งที่เจ้าพ่อกับลูกสาวคบหากันชื่นมื่น
แต่จู่ ๆ ก็มีเจ้าหญิงหน้าด้านเข้ามาเป็นมือที่สาม
เธอโดนโจมตีและไม่มีใครช่วย
อำนาจของท่านสส. เริ่มมีมากขึ้น
อันที่จริงหากเธอไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับดอนกิโฮเต้แฟมิลี่
ตามปกติก็คงจะโดนเล่นข่าวทำนองนี้
...นักแสดงโนเนมดังเป็นพลุแตก
ใช้ร่างกายแลกงานเพื่อให้อยู่รอด ให้ท่าเจ้าพ่อจนฉุดกันออกงานไปกลางคัน
จนมีฉายาว่าเจ้าหญิงใจแตก
‘ใจแตก’ ตอนนี้ทุกคนคงว่าแบบนี้
คุณพ่อคงควันออกหูที่สื่อเล่นงานราชวงศ์จนย่อยยับ
มีลูกสาวก็เหมือนมีส้วมอยู่หน้าบ้าน มันช่างดูถูกและยอกอกเธอพอสมควร เพราะจนถึงวันนี้เธอยังไม่ได้อธิบายให้ท่านได้ฟัง
ตอนนี้โทรศัพท์ก็ไม่มี
ออกไปไหนไม่ได้ งานก็ไม่ได้ทำ ร่างแน่งน้อยจึงตัดสินใจทำสิ่งที่พอทำได้ให้เสร็จ
อย่างน้อยแค่เรื่องเรียนเท่านี้ที่ตัวเองต้องเดินหน้าต่อ
หากเรียบร้อยก็ไม่มีอะไรค้างคาใจ
เพราะมันคือสิ่งที่เธอตั้งใจมาตั้งนาน
เปิดหนังสือเล่มโทรม
ๆ ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยซ่อมขึ้นมา นิ้วบางจับปากกาแล้วเขียนด้วยสมาธิ
‘วันที่ 7 ที่ฉันเรียกคุณกลับมาไม่ได้’ ...ยิ่งเขียนก็รู้ว่าตัวเองทนเข้มแข็งไม่ไหว
ไวโอเล็ตจึงปล่อยน้ำตาให้รินไหล เสียงสะอื้นไม่มีเพราะมันไม่จำเป็น ก่อนเธอจะกลืนมันกลับเข้าไปตอนได้ยินเสียงเปิดประตู
เจ้าของห้องตัวจริงกลับมาแล้ว
ได้ยินเสียงช้อนส้อมอยู่ด้านล่าง แน่แท้เขาไม่ได้มานั่งกินข้าวคนเดียว
เพราะบัดนี้มันมีเสียงผู้หญิงสักคนลอยขึ้นมา ไม่ต้องลงไปดูก็รู้ว่าคือคน ๆ เดิมที่เขาปล่อยให้ทำร้าย
เสียงหัวเราะดูครื้นเครงทำไมมันแสลงหูเธอเหลือเกิน
เด็กสาวเลือกใส่หูฟังแล้วนั่งทำงานต่อไป
แต่ทุกอย่างก็พังทลายครั้นรู้ว่าเสียงหัวเราะมันกลายเป็นเสียงครวญคราง
แม้จะเปิดเพลงให้ดังแต่มันก็ลอยกระทบเข้าโสตประสาท ถ้อยคำน่ารังเกียจดังชัดไปทั่วชั้นล่าง
เหมือนทั้งคู่รู้จึงจงใจร้องให้ดังกว่านี้ เสียงขาโต๊ะสั่นกึงกังตอกย้ำในจิตใจเธอว่าพวกเขานัวเนียเร่าร้อนกันปานจะกลืนกิน
ไวโอเล็ตเปลี่ยนสองมือมาทึ้งหัว
พยายามกลั้นทุกสิ่งเอาไว้แม้มันจะปริแตกไปแล้วก็ตามที
“อ๊า ...โดฟลามิงโก้
แรงอีกสิคะ”
บอกตัวเองเป็นพันหนว่าเธอจะไม่ร้องแต่เธอก็ร้อง
สองมือปิดหูให้แน่นขึ้นอีก กดหูฟังให้ลึกที่สุดเพราะเธอไม่อยากได้ยิน
...เธอไม่อยากได้ยินว่าพวกเขากำลังเสพสมกันมีความสุข
‘ทำไมนะ ทำไมถึงไม่พากันไปทำที่อื่น’
ที่อื่นก็มีเยอะแยะทำไมต้องมาทำกันในนี้ เธอท้อสิ้น
ตัดสินใจพาร่างอ่อนแรงล้มลงนอน เลือกหนีความจริงพาสติลอยหาความฝัน พยายามกลืนยานอนหลับที่ไม่ได้กินมานาน
จนบางทีก็คิดว่าเธอไม่อยากตื่นขึ้นมาอีกเลย...
………………………
“จะไม่ไปส่งจริง ๆ เหรอคะ”
“ส่งหล่อนให้ถึงบ้านด้วย”
โดฟลามิงโก้บอกปัดคำพูด เอ่ยเสียงเรียบสั่งให้ลูกน้องพายัยลูกสาวสส.
กลับบ้าน แงะมือเรียวของหล่อนออก
ก่อนหมุนตัวปิดประตูตามหลังทันที
ได้ยินเสียงโวยวาย
...ก็แน่ล่ะ หลังจากหมดประโยชน์เขาก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ ตอนนี้ชักจะรำคาญความมักมากของผู้หญิงคนนี้เต็มทน
ถ้าไม่ใช่เพราะมีเป้าหมายเขาก็ไม่คิดจะดึงหล่อนเข้ามาวุ่นวาย
ไวโอเล็ตแสดงออกว่ามีผู้ชายมากหน้าหลายตาคอยอ้าแขนรับเธอ
และเขาเองก็อยากให้รู้ว่าตัวเองก็มีเหมือนกัน
ร่างหนายืนนิ่ง ก่อนจะก้าวขึ้นชั้นสองตอนทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
ห้องนอนมืดเพราะเจ้าของห้องไม่เปิดไฟ แต่ก็ช่างนวลละอองยามได้รับแสงจากดวงจันทร์
โดฟลามิงโก้นั่งอยู่ปลายเตียง
เอื้อมมือมาถอดหูฟังของเจ้าหญิงแล้วนั่งมองอยู่แบบนั้น วันเวลาไหลช้าเสมอตอนมองหน้าเธอ
คล้ายเคยเห็นภาพนี้ที่ไหนยามแสงนวลส่องกระทบใบหน้าเยาว์วัย
ลมหายใจของเธอแผ่วเบา
แม้จะไม่ชัดแต่เขาก็เห็นน้ำใส ๆ ประดับอยู่ที่แผ่ขนตา ...กวางน้อยร้องไห้
และหลับไปทั้งน้ำตาด้วยฝีมือของเขาเอง
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนแต่ชายหนุ่มยังนั่งมองคนบนเตียงไม่ไปไหน
แม้จะเสพสุขกับคนอื่นแต่ใจเขาก็ลอยมาหาใครอีกคน ส่งความปรารถนาที่ลุกโชนดึงให้เจ้าหญิงนิทราต้องลืมตาขึ้นมาพบความจริง
ไวโอเล็ตสะดุ้ง
เขยิบตัวชิดหัวเตียงยามเห็นใครนั่งอยู่ตรงนั้น สายตากวาดหาทางหนีครั้นพบว่าอีกฝ่ายกระตุกยิ้มเย็นชา
“เธอร้องไห้นี่” สาวน้อยนิ่งค้างตอนเจ้าพ่อเขยิบเข้ามาใกล้ เกลี่ยน้ำใส ๆ ออกจากวงหน้า ทำอะไรดูนุ่มนวลแต่คำพูดกลับต่างกันสิ้นเชิง
“หึหึ อยากมากจนหนีมานอนร้องไห้เลยเหรอ” ไวโอเล็ตปัดมือเขาออกทันที โดฟลามิงโก้หัวเราะ คว้าหมับเข้าที่กรอบหน้า แล้วจ้องหน้าเธอพลางถอดเสื้อตัวเองอย่างค่อยเป็นค่อยไป
ชายหนุ่มลุกขึ้นสลัดกางเกงแล้วย่างสามขุมมาใกล้
เด็กสาวพยายามจะกระเถิบตัวหนีแต่อีกฝ่ายก็กักตัวไว้ ได้แต่ยินยอมพร้อมเอ่ยถามอะไรเขาลอย
ๆ
“ก็จนกว่าจะสะสางบัญชีกับพวกมันเสร็จ ไม่ต้องห่วงหรอกเรื่องนี้พ่อเธอไม่เกี่ยว
หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยฉันจะส่งเธอคืนหาพ่อเธอทันที
แต่ระหว่างนี้เธอต้องชดใช้ที่กล้าทำเรื่องแบบนี้ลงไป!”
ชุดนอนถลกขึ้นยามข้อเท้าถูกดึงให้มาชิดขอบเตียง
มันขาดวิ่น กลายเป็นเศษผ้าตัวที่เท่าไหร่ไม่รู้ตอนมือใหญ่กระชากด้วยเพลิงอารมณ์
บทรักทรมาน...
เป็นเช่นนี้ทุกครั้งตลอดหนึ่งอาทิตย์ เด็กสาวฝืนดันหน้าท้องคนตัวหนักไว้
แต่คนด้านบนก็ดึงออกแล้วตรึงเอาไว้กับพื้นเตียง
เสียงอารมณ์เกิดขึ้นไม่มีหยุดพัก
พยายามฝืนไว้แต่สัมผัสที่เขาสอดเข้ามาก็ลึกล้ำ ดอฟฟี่มักบังคับให้เธอมอง
หากไม่มองหน้า เธอก็ต้องมองตรงนั้น แม้จะหลับตาแต่เขาก็บอกให้จำ ว่าทุกคืนเธอเป็นของเขาอย่างไร
รู้สึกขยะแขยงเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาพึ่งไปทำแบบนี้กับใครมา
จนเธออยากจะควักหัวใจตัวเองออกแล้วให้เขาเอาเรือนร่างไปย่ำยีให้พอใจ
...เวลาก็ยังเดินต่อไป
คุ้มคลั่งเหมือนทุกครั้ง ไวโอเล็ตจ้องตาเขาตรง ๆ ...เพราะสุดท้ายแล้วเธอก็ยังอยากอธิบายให้เขาฟัง
“ดอฟฟี่”
“เงียบ! ฉันไม่อยากฟังเธอแก้ตัวอะไรทั้งนั้น ...ทำไม
ทั้งที่ฉันให้ทุกอย่างกับเธอ แต่เธอก็ยังหักหลังฉัน!”
“…ฉัน …กำลังช่วยคุณนะ”
“อ่า ช่วยให้ฉันตาสว่าง
ขอบคุณเธอมากจริง ๆ แบบนี้คงต้องตอบแทนให้สาแก่ใจแล้วล่ะนะ”
ร่างน้อยขยับไหวตามจังหวะของร่างหนา
ทั้งเตียงสั่นไหวตอนเขาใส่น้ำหนักทั้งหมด ทุกสิ่งที่เธอทำ เขาไม่เคยมองเห็น
ตลอดสามปีที่ผ่านมามันไม่มีความหมายเลยรึไง เหตุใดเขาถึงหันมาทำร้ายความรู้สึกของเธอโดยไม่รู้สึกอะไร
ไวโอเล็ตไม่รู้จะหยุดอย่างไร
ยิ่งพูดยิ่งแย่ ทุกวินาทีมีแต่ความเจ็บปวด ตัดสินใจโน้มหน้าเข้าไปใกล้
แม้จะโดนทำร้ายแต่เธอก็ยอม สองมือประคองแก้มสาก
อยากให้รู้ว่ามีคำหนึ่งที่เธอไม่เคยพูดให้เขาฟัง เหตุผลที่เธอยังอยู่และให้เขาถาโถมให้พอใจ
แม้จะเคยหลุดปากว่าเกลียดแต่แท้จริงแล้วเธอไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
...เธอ
“ดอฟฟี่ ฉันรั...” ปากบางฉกวูบลงมาอุดปากเธอทันที อีกฝ่ายไม่ยอมให้เธอพูด แค่จะบอกว่ารักเขายังไม่ยอมให้พูดเลย
โดฟลามิงโก้ตะโบมจูบให้สิ้นฤทธิ์
กลืนกินแม้กระทั่งลมหายใจ ก่อนจะผละหน้าออกมาพร้อมพลิกเด็กสาวให้นอนคว่ำ
กดหน้าเธอให้แนบไปกับหมอนแล้วตั้งหน้าตั้งตาขยับสะโพกต่อไป
เขาจะไม่มีทางให้เธอพูด
เพราะหากปล่อยให้เธอพูด
…จะเป็นเขาเองที่อ่อนแอ
ความรักมันเป็นสิ่งจอมปลอม
หลังจากนี้เขาจะไม่ไขว่คว้าอีกแล้ว จะไม่ยอมให้ใครมาล่อลวงจนตาบอดอีก
...เขาจะไม่เชื่อมัน
ทิ้งมันลงพื้น ตอกมันให้แน่น
โดยหารู้ไม่ว่าตะปูที่ตอกลงไป เขากำลังตอกมือตัวเอง ...ให้ไม่อาจไขว่คว้าเธอได้อีกตลอดกาล
………………………
ณ สถานบันเทิง
อึกทึกครึกโครม
พักหลังโดฟลามิงโก้มาขลุกอยู่ที่นี่บ่อย
จะปล่อยให้ตัวเองคิดมากไม่ได้ เขาจึงมานั่งเทเหล้าลงคอและให้เสียงวุ่นวายทำให้ตัวเองไม่ฟุ้งซ่านไป
ผู้บริหารของเขาทุกคนอยู่ที่นี่
แสยะยิ้มมองพิก้าหักข้อนิ้วซีซาร์ด้วยความรื่นใจ เสียงร้องโหยหวนทำให้รู้สึกดี
เพลิดเพลินเหมือนได้เข้าออกในตัวเธอ
“ขอร้องล่ะโจ๊กเกอร์
ฉันทำงานให้นายนะ ทดลองยาแสนสำคัญให้นาย นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!” มาเฟียหนุ่มไม่สนใจ
ผละตัวไปหยิบแท่งเหล็กเจาะน้ำแข็งแล้วแทงให้มันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เอียงคอมองซีซาร์นิ่ง ระบายยิ้มละมุนแล้วด่ามันให้ถึงใจ
“ใช่ แต่แกทำเกินหน้าที่
ฉันเคยเตือนแกแล้วซีซาร์ แต่แกก็ยังแอบไปทำเรื่องระยำดึงปัญหาเข้ามาไม่หยุดหย่อน
ฉันเตือนแกแล้ว” นักวิทยาศาสตร์เหงื่อแตก
เห็นโจ๊กเกอร์เทวิสกี้ใส่แก้วก่อนคว้าแทงเหล็กสีเงินแล้วย่างสามขุมมาหา
“...โจ๊กเกอร์”
“แกรู้ไหมว่าเรื่องวิปลาสที่แกทำมันไปเตะตาชาวบ้าน
และตอนนี้แกกำลังเรียกตีนคนอื่นให้มารุมกระทืบแฟมิลี่ฉันอยู่”
“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ
ใครจะรู้ว่าไอ้เด็กพวกนั้นมันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร
นายอย่าลืมสิว่าฉันทำให้ธุรกิจค้ายาของนายกว้างไกลนะ” ชายผิวซีดตอบลิ้นพันกัน ร้องเสียงหลงยามคอหอยโดนโจ๊กเกอร์เอาเหล็กปลายแหลมมาจี้
แต่แล้วซีซาร์ก็พลันโล่งใจ
ครั้นเห็นโดฟลามิงโก้อมยิ้มพลางครางรับว่า ‘นั่นสินะ’
“ใช่ อย่างที่แกพูด ฉันลืมไม่ลงเลย”
“จะ...โจ๊กเกอร์
นายจะไม่ทรมานฉันแล้วสินะ”
“ใช่ ฉันจะไม่ทรมานแกแล้ว ...เพราะตอนนี้ฉันจะฆ่าตัดตอนแก
เพื่อให้ไอ้พวกโง่นั้นมันได้ชมเป็นขวัญตา ว่าอย่ามาท้าทายฉัน!” พูดจบเจ้าพ่อก็แทงเหล็กลงบนมือซีซาร์ทันที เสียงร้องดังลั่นเรียกทุกคนให้หัวเราะ
การทรมานดำเนินต่อไป ก่อนพวกเขาจะทำให้นักวิทยาศาสตร์กลายเป็นแพะ ที่มีสภาพเละเทะเหมือนเรื่องที่มันเคยทำ!
………………………
ห้องกลับมาเงียบสงบ
บนโต๊ะคาวไปด้วยเลือด
ผู้บริหารคนอื่นนั่งหน้าเครียด
พยายามวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี
“อย่างที่บอก
เอาเจ้าซีซาร์มันเป็นแพะแล้วกันนะดอฟฟี่ เดี๋ยวจะให้นายจัดการในฐานะคนของรัฐบาล เอาตำแหน่ง Rainmaker ไปใช้เครดิตดีเห็น
ๆ”
“แล้วกลุ่มหมวกฟางล่ะ” พิก้าเอ่ยถาม คิดไม่ตกเพราะไอ้พวกนั้นมันแสบจริง ๆ
“เห็นข่าวบอกว่าหัวหน้ากลุ่มมันชื่อ
มังกี้ D. ลูฟี่ เป็นหลานของพลโทการ์ปน่ะ
มิน่าล่ะโมเน่ถึงบอกว่าแบ็คมันดี นายว่าไงดอฟฟี่ เราจะเอายังไงดี” ทั้งสามหันไปมองหัวหน้าแฟมิลี่ที่นั่งสาดเหล้าลงคอไม่หยุด
“มันไม่สำคัญ
กับรัฐบาลยังพอคุยได้ พลโทการ์ปเองก็ดูจะไม่ชอบใจที่หลานมันเป็นนักเลง
ที่สำคัญคือไอ้เด็กลอว์ต่างหาก ไอ้เด็กนรก! ...พวกแกหามันเจอรึเปล่า
ฉันล่ะอยากจะไปทักทายมันจริง ๆ”
“ไร้ร่องรอย
ใครเล่าจะคิดว่ามันคือ Rainmaker คนสุดท้ายที่ตาแก่เซ็นโงคุไม่ยอมเปิดเผยชื่อ
ไม่แปลกที่เตโซโรมันกล้างัดข้อกับเรา มันได้ Rainmaker มาหนุนหลังนี่เอง” พวกเขารู้แล้ว
เพราะตามสืบมันจากร่องรอยของไวโอเล็ต แต่คนผมทองไม่เกรงกลัว
“ลอว์มันก็มีแค่ชื่อตำแหน่งแหละ
ดูไปแล้วไม่เห็นมันจะมีอะไรมาสู้กับเราได้ เงินหรืออำนาจก็ไม่มี
แต่จะปล่อยมันไปก็รกหูรกตา หามันให้เจอแล้วฆ่ามันซะ!
เตโซโรมันก็ด้วย คงต้องเริ่มเดินตามแผนที่วางไว้สักที กระชากพวกมันลงมาเอาให้สิ้นหวังกันไปเลย!”
“ดอฟฟี่แล้วเรื่องไวโอเล็ต...”
ทุกคนที่เหลือชะงัก พูดมาถึงตอนนี้ดอฟฟี่ก็กระแทกแก้วลงบนโต๊ะ
ตวัดสายตาคมกริบกำราบทุกคน
ชายขายาวลุกขึ้นก่อนเท้ากระจกมองความวุ่นวายในผับที่ด้านล่าง
เวลานี้ทุกอย่างกลับมาเป็นในแบบที่ควรเป็น
เขากลายมาเป็นนักธุรกิจสีดำคนเดิม แค่ปล่อยให้แสงสว่างมันเล็ดลอดเข้ามาหน่อยเท่านั้น
แต่ทำไมข้างในถึงยังหงุดหงิด อารมณ์ที่เอาแต่ทะยานขึ้นสูงไม่มีทีท่าว่าจะลด ...เขาควรจะเอาไปลงที่ไหนดี!
………………………
เป็นเช้าอีกวันที่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ในห้องรกรุงรัง เสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้น เลอะไปด้วยคราบโลกีย์ที่ดอฟฟี่ละเลงไม่ปราณี
เมื่อคืนเขาเมาหนัก เสียดสีและรุนแรง อาจจะมากกว่าด้วยซ้ำเพราะเธอไม่รู้ว่าชายหนุ่มไปโดนรังแตนมาจากไหน
ไวโอเล็ตลุกขึ้น เผลอครางออกมาเบา ๆ ยามรู้สึกระบม ไม่อยากก้มมองเพราะมันคงประทับด้วยร่องรอยน่าละเหี่ยใจ ที่เขาคอยตีค่าบอกว่าเธอไร้ราคา
สาวน้อยนั่งนิ่งรอให้ความเจ็บปวดค่อย ๆ ทุเลา หัวใจกระตุกไปหลายจังหวะครั้นมองที่ข้างตัวแล้วเห็นดอฟฟี่ยังนอนอยู่ตรงนั้น
‘ทำไมถึงไม่ไป’ เธออยากให้เป็นเหมือนที่ผ่านมา ที่เขามาหายามค่ำคืนแล้วจากไปในรุ่งเช้าของอีกวัน ความรู้สึกมันโดนทำลายจนชักจะชินชา ได้แต่เหม่อมอง สติหายไปนานมากจนจำไม่ได้ว่าตัวเองนั่งอยู่แบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว
มือบางยกขึ้นมากุมขมับ ทำไมเธอถึงรู้สึกปวดหัวขนาดนี้ เด็กสาวกดมันจนขึ้นเป็นรอยแดงก่อนตัดสินใจว่าทุกอย่างมันต้องจบเสียที...
ก้าวขาย่องลงจากเตียง แอบควานหาโทรศัพท์กับกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงเขา ทุกการกระทำเธอจ้องดอฟฟี่ไม่วางตา ภาวนาว่าอย่าพึ่งให้เขาตื่นขึ้นมาตอนนี้เลย
ของในมือทุกอย่างครบ เผลอหันมองปืนสีเงินที่วางอยู่ข้างหัวเตียงเขา ไวโอเล็ตยืนลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนตัดสินใจทิ้งมันไว้แล้วรีบแต่งตัว ฝืนเดินเร็ว ๆ แม้กึ่งกลางร่างจะร้องเตือนทุกความเจ็บปวด รีบส่องออกไปนอกประตูเพื่อวางแผนการ แปลกใจไม่น้อยว่าลูกน้องเขาหายไปไหน
‘แต่นี่แหละโอกาส!’ เธอใส่หมวกปิดหน้าก่อนพุ่งออกนอกห้อง ยืนกดลิฟต์ย้ำ ๆ หวังต้องการให้มันรีบเลื่อนลงมาหา หันซ้ายมองขวาตลอดก่อนจะเข้าไปนั่งในรถบีเอ็มเขาทันที ล้วงมือถือขึ้นมาแล้วปลดล็อกโทรศัพท์ชายหนุ่มโดยไว
ไวโอเล็ตจำรหัสเขาได้
ถือว่าดอฟฟี่สะเพร่าที่ไม่คิดจะเปลี่ยนหลังทำเรื่องแบบนี้กับเธอ
สาวน้อยโทรหาลอว์
ที่จริงเธอควรจะโทรหาท่านเคานต์ แต่เรื่องที่เริ่มเธอต้องจบมันด้วยตัวเอง
หนีเสือปะจระเข้ชัด ๆ ไม่ว่าจะไปทางไหน คนที่เธอคิดติดต่อหลังจากนี้จะต้องซวย
[......] ลอว์รับแต่ไม่พูด เจ้าหญิงจึงรีบบอกเขาว่าเธอต้องการความช่วยเหลือ
“ลอว์นี่ฉันเองนะ”
[คุณไวโอเล็ตเหรอ
นี่เบอร์ใคร? เกิดอะไรขึ้น
ผมติดต่อหาคุณไม่ได้หลายวันแล้ว?]
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน
แต่เธอช่วยติดต่อหาแทงค์ให้หน่อยได้ไหมคะ บอกให้เขาไปอยู่กับเคานต์ดราคูลด่วนเลย
และอีกเรื่องหนึ่ง...”
[...?]
“…เธอช่วยพาฉันไปหาคุณเซ็นโงคุหรือคุณอิชโชหน่อยได้รึเปล่า ฉันต้องการความช่วยเหลือของพวกเขา ตอนนี้เราช้าไม่ได้แล้ว” เธอต้องรีบ ทุกอย่างมันต้องทำให้เสร็จโดยไว
...ข้างหน้าคือหน้าผา
แต่ข้างหลังคือปีศาจที่กำลังไล่ตาม หากเธอไม่กระโดดลงไป ตัวเองก็จะโดนอสูรย่ำยี
………………………
โดฟลามิงโก้ยกมือขึ้นมากุมศีรษะ
เมื่อคืนเขาเมาหนัก แถมใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดโถมเข้าใส่จำเลยจนเตียงแทบทรุด
เวลานี้คงเช้าอยู่
ร่างหนารู้สึกหนาวประหลาดจึงวาดมือไปข้างตัวหวังสัมผัสหาไอกายจากอีกคน
แต่แล้วตาต้องเบิกโพลง
กระเด้งตัวขึ้นทันทีตอนรู้แล้วว่าบนเตียงไร้วี่แววของเจ้าหญิง กรามแกร่งบดหากันแน่น
ลุกขึ้นสวมกางเกงลวก ๆ
แล้วพลันใจหาย ยามข้างในไม่มีแม้กระทั่งโทรศัพท์หรือกุญแจรถเขา
เส้นเลือดปูดข้างขมับ
รีบสาวเท้าลงไปชั้นล่างแล้วไล่หาทุกตารางนิ้ว เธอไม่หนีหรอก เธอไม่มีทางหนี
...แต่จะหายังไงมันก็ไม่มี หาเท่าไหร่ก็ไม่มี!
‘เธอเล่นเขาแล้ว! เธอบังอาจปีกกล้าขาแข็งแผลงฤทธิ์แล้ว!’
เจ้าพ่อปัดของทุกอย่างลงพื้น
รีบคว้าเสื้อมาสวมก่อนเตรียมออกจากห้อง แต่แล้วประตูห้องก็ถูกทุบโครม ๆ
...ชายหนุ่มคว้าปืนขึ้นมา หวังจะใช้มันยิงแสกหน้าหากคนนอกประตูไม่มีเหตุผลที่ดีพอ
“นายน้อยครับ แย่แล้วครับ! นายน้อยอยู่รึเปล่าครับ!?” คิ้วบางขมวดขึ้น
เดินไปกระชากประตูออกแล้วจ้องพวกมันตาแข็ง
ลูกน้องลอบกลืนน้ำลายครั้นเห็นว่าเจ้านายขึ้นไกเตรียมพร้อมฆ่าทุกคน
“บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าแกจับตัวไวโอเล็ตได้!” พูดเสียงรอดไรฟัน ลูกน้องเหงื่อตก กลั้นใจเตรียมรับผลกรรมที่ตนเองปล่อยให้หน้าที่เฝ้ายามบกพร่องไป
“มะ...ไม่ทันครับ
แต่หนึ่งในพวกเรากำลังขับรถตามไปอยู่ ทันเห็นว่าหล่อนใช้รถนายน้อยขับออกไปพอดีครับ
...อั้ก!” เสียงปืนดังขึ้นหนึ่งนัดตอนคนรายงานโดนยิงสีข้าง
ลูกกะจ๊อกที่เหลือหน้าเสีย กระวีกระวาดรายงานทุกอย่างแทนคนที่ล้มลง
“นายน้อยใจเย็น ๆ ก่อนครับ
คือพวกเรากำลังไล่ตามไปอยู่ครับ”
“แล้วตอนนี้ยัยนั่นอยู่ที่ไหน!!!”
“ดะ...ดูเหมือนเธอจะขับออกนอกเมืองครับ”
คนขายาวก้าวออกจากห้อง
ต่อสายหากลาดิอุส นึกอยากฆ่าทุกคนที่มากล้าเกะกะขวางตา ลูกน้องรับสายแล้ว และตอนนี้เขาอยากจะไปปรากฏตัวต่อหน้าเธอจริง
ๆ
“กลาดิอุส
เอารถมอเตอร์ไซค์มาให้ฉันเดี๋ยวนี้! และแกก็ไปหาของที่ฉันบอกมาให้ด้วย!”
...เพราะตอนนี้เขากำลังจะไปเด็ดปีกภูต!
───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ
อิรุงตุงนังไปหมด
และเจ้าดอฟ เจ้ากำลังทำตัวเองนะ
หลังจากนี้พระเอกเรื่องนี้จะเป็นบ้าไม่ลืมหูลืมตา
ต้องรอดูว่าเจ้าหญิงจะทนได้ถึงเมื่อไหร่
#ใครสอบอยู่ ก็ขอให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเน้อ
ใกล้ปีใหม่แล้ว เตรียมพร้อมรับมหกรรมความสุขนะฮะ
เลิฟ ๆ จ้า
─────────────
ความคิดเห็น