คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #54 : So, let’s go on (ต่อจากคืนนี้)
ตอนที่ 46: So,
let’s go on
(ต่อจากคืนนี้)
“วันนี้ฟ้าสว่างจังนะ” เสียงทุ้มเปรยยามแหงนมองฟ้า
คืนนี้เป็นคืนเดือนหงาย พระจันทร์สว่างจ้าจนต้องหรี่ตา
ชายหนุ่มยังอยู่ข้างนอก
เพราะหลังจากผลักยัยองค์หญิงเข้าไปหาดอฟฟี่ เขาก็มายืนดูต้นทางอยู่ตรงนี้
มือหนาเสยผมที่ปลิวปกก่อนหันมองต้นเสียง ยามได้ยินใครเดินเข้ามา
“เดียมานเต้?”
“โย่ว ว่าไงโมเน่?” คนมาใหม่คืออดีตเลขาของบอส
หญิงสาวที่มีผมมรกตเงางามเป็นลอน เรือนผิวเจ้าหล่อนแทบจะขาวซีดยามกระทบแสงจันทร์
ชุดเดรสผ่าข้างทำให้ใครต่างรู้ว่าหล่อนมีเรียวขาที่งดงามขนาดไหน
“ฉันมาตามหานายน้อยน่ะเห็นออกมานานแล้ว
นายเจอบ้างรึเปล่า?”
“เจอสิ” เพราะเขาเจอดอฟฟี่ยืนอยู่คนเดียวกลางป่า
ทำหน้าปลดปลงจนต้องไปลากองค์หญิงมาเพื่อดูอาการ ...แต่ดูเหมือนเขาจะคิดมากไป
หารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วในใจเจ้าพ่อกำลังหวานเลี่ยนจนชีวิตกลายเป็นสีชมพู
“เฮ้อ
แต่เธอไม่ต้องเข้าไปหรอก เดี๋ยวจะเป็นก.ข.ค. เสียเปล่า ๆ ...ไม่ชินเลยนะ”
“อ๋อ
อยู่กับใครสินะ” หลังจากโมเน่ทำทีจะเดินเข้าไปแต่ครั้นได้ยินชายร่างสูงพูดแบบนั้น
เธอก็เปลี่ยนมายืนมองท้องฟ้ากับเดียมานเต้
ความเงียบเข้าเกาะกุมก่อนชายหนุ่มจะถามเสียงนิ่ง
“โมเน่
เธอคิดยังไงกับไวโอเล็ต?”
“เป็นคนอ่านความคิดยากละนะ”
“แค่นั้นเหรอ?” สาวผิวหิมะมองคนตั้งคำถามนิ่ง
ไม่อาจรู้ได้เลยว่าสายตาตนกับผู้ชายตรงหน้ามองกันลึกล้ำขนาดไหน ...เธอยิ้ม
หลับตาลงเล็กน้อยแล้วหันมองบรรยากาศรอบตัวที่ผ่อนคลายอย่างน่าประหลาด
“ถ้าให้พูดตามตรงก็อิจฉาแหละ” ใช่ ความอิจฉา ไม่ว่าใครต่างก็ตั้งแง่กับเจ้าหญิงแบบนั้นตั้งแต่แรก
ศูนย์กลางของพวกเราคือชายหนุ่ม
และหญิงสาวเป็นใครจู่ ๆ นายน้อยถึงพาเข้ามา เธอมีสิทธิ์อะไรถึงดึงความสนใจจากเขาได้ทั้งหมด หล่อนเป็นใครถึงทำให้นายน้อยคลั่ง เธอเป็นใครกันถึงมาทำให้เขาเปลี่ยนไป
...เธอใช่แม่มดรึเปล่า
พวกเธอระแวดระวังแต่หลังจากเฝ้าดูก็พบว่าสิ่งที่มีมันมากกว่านั้น
...เจ้าหล่อนวางตัวดี ทำงานเป็น และเก็บความรู้สึกเก่งเกินไป มันมากจนบางทีเธอก็รู้สึกอึดอัดแทน
นายน้อยนั้นร้ายใคร ๆ ก็รู้
แต่ความร้ายของเขานั้นมีที่มา จนแล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็กลับตาลปัตร
ทำไมจู่ ๆ ปิศาจถึงทำร้ายเด็กสาว ...ช่างไม่มีเหตุผลเลย
การกระทำทิ้งบาดแผลเป็นความโหดร้าย
เหลือไว้ให้เชือดเฉือนจิตใจ
ความหวาดกลัวนั่นมีอานุภาพแสนยิ่งใหญ่แต่ถึงกระนั้นเจ้าหญิงก็ยังเก็บมันไว้คนเดียว
...พวกตนเริ่มหวั่นวิตก ...พวกตนไม่เข้าใจ ความกังวลดึงให้บางคนเริ่มเปลี่ยนแต่บางคนก็ยังถือทิฐิ
ซึ่งคนที่ยึดทิฐินั้นรวมถึงเธอด้วย
ปล่อยให้มันดำเนินต่อไป
ทิ้งให้เด็กสาวอยู่คนเดียวและเริ่มพังทลาย ทุกคนรู้แต่เลือกที่จะเมินเฉย
จนแล้ววันหนึ่งความคิดที่มองไวโอเล็ตเป็นคนนอกก็เปลี่ยนไป...
วันนั้นที่ชีวิตเจ้าหญิงแขวนอยู่บนเส้นด้าย
ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นกับความตาย ทุกคนเจ็บปวด ทุกคนทรมาน ทุกคนเห็นนายน้อยยืนเป็นบ้าจ้องห้องไอซียูอยู่เป็นชั่วโมง
วินาทีนั้นพวกตนก็รู้ดีว่าเด็กสาวได้กุมบางสิ่งในตัวเจ้านายเธอไปแล้ว
แม้จะเป็นแฟมิลี่แต่นายน้อยก็มีกำแพง
มีบางอย่างขวางกั้นที่ไม่ยอมให้ใครล่วงล้ำ หากก้าวไปหาก็จะตกลงเหว
หากเอื้อมมือเข้าไปสัมผัสจะถูกเชือดเฉือน ถึงจะเป็นผู้บริหารระดับสูงก็ไม่เว้น
...นายน้อยขีดเส้นแบ่งพวกเราอย่างชัดเจน
มีตัวตนบางอย่างที่ว่าใครก็ไม่สามารถแตะต้องได้เลย
แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็มีสะพานทอดมาหาพวกเรา
มีหนึ่งในแฟมิลี่ลองข้ามไป พวกเขาบอกว่าเห็นนายน้อยยิ้ม
ยิ้ม? ...รอยยิ้มจริง ๆ
นั้นเป็นไปได้หรือ
มีอีกคนทดสอบข้ามไปก็บอกว่าความตึงเครียดที่มีเริ่มเบาบาง
เราทั้งหมดพากันข้ามไปจึงพบว่าที่ตรงนั้นชายหนุ่มไม่ได้อยู่คนเดียว
สะพานไม้นั้นกวัดไกวตามพัดลมแต่หากใกล้ล้มก็จะมีมือใครคนหนึ่งคอยจับไว้
จูงให้เราเข้าไป
เพื่อให้พบว่าที่ตรงนี้คนที่ทุกคนรักนั้นไม่ได้อยู่คนเดียว
ข้างอสูรร้ายมีภูตพิทักษ์ ...เติมเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเพราะตัวเองไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป
“เมื่อก่อนใครก็คิดแบบนั้น ทั้งคุณและก็ฉัน
แต่ตอนนี้ฉันว่าดีแล้วละ ...ดีแล้วละนะที่โชคชะตาทำให้ไวโอเล็ตมาอยู่ในแฟมิลี่” แม้จะมีกระทบกระทั่งกันบ้างแต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่าคนที่เรารักมีความสุขขนาดไหน
แล้วพวกเธอจะหวังอะไรให้มากมาย
“หึ นางเอกจริง ๆ นะเธอนี่” เสียงหัวเราะดังปนเสียงใบไม้ พวกเขาแหงนมองท้องฟ้าอีกครั้งเพื่อเฝ้าดูว่าอีกไม่นานของขวัญสำหรับเจ้าหญิงคงใกล้จะแสดง
‘ดอกไม้ไฟ’ นายน้อยบอกว่าเจ้าหญิงชอบดอกไม้ แต่ให้แค่ดอกไม้มันธรรมดาไปรึเปล่า
เจ้าพ่อมาเฟียเลยมอบสิ่งสวยงามที่ลอยสู่ท้องฟ้าได้เป็นของกำนัล
เขาเนรมิตมันให้เธอ
และตอนนี้ของขวัญชิ้นนั้นก็ลอยค้างฟ้าอยู่ตอนนี้
เปล่งประกายระยิบระยับ
งดงามจนลืมความกังวล
ทว่าหลังจากอิ่มเอิบชมความงามไม่ทันไร
ทั้งคู่ต้องตวัดสายตามองตรงหน้าทันที
มีผู้ชายท่าทางอารมณ์เสียเดินลิ่วมาทางนี้...
“พวกนายนี่มันหยามหน้ามาก! ราชาริคุอุตส่าห์เชิญเข้าบ้านแท้
ๆ พวกนายก็ยังกล้าทำอะไรลบหลู่ท่านอีก! ไอ้พวกคนชั้นต่ำ!” เคานต์ดราคูล มิฮอร์คเดินมาพร้อมความโกรธ
สองหมัดนั้นกำแน่นคล้ายไม่อาจใส่หน้ากากคนดีได้อีกแล้ว
อีกฝั่งหยุดยืน
มองทั้งซ้ายและขวาก่อนจะเห็นว่าข้างหลังสองคนนั้นเหมือนมีคนอยู่
“เจ้าหญิงอยู่ข้างหลังนั้นใช่ไหม! พวกนายเอาเจ้าหญิงวิโอล่าไปไว้ไหน!”
“โห้
ผู้ชายคนนี้น่ากลัวจังเลยนะเดียมานเต้ แล้วนายเอาเจ้าหญิงไปไว้ที่ไหนเหรอ?”
“แหม ตีโพยตีพายจังนะ
การคุ้มกันรอบปราสาทแน่นหนาขนาดนี้ฉันจะพายัยนั่นไปไหนได้ ...อยู่แถวนี้แหละ ...มั้ง”
“พวกนาย!” เสียงบดฟันดังไกลมาถึงตรงนี้
โมเน่แอบกลัวนิดหน่อยเพราะผู้ชายตรงหน้าคือ Rainmaker ทั้งบู๊หรือบุ๋นพวกเขานั้นเป็นเลิศ
ตอนแรกก็คิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นคนสุขุม ดูสุภาพบุรุษ
แต่ตอนนี้คงต้องเปลี่ยนความคิดแล้ว
มิฮอร์คอารมณ์เสียมาก
หลังจากรับปากราชาว่าจะออกมาตามหาน้องสาว เขาก็เดินหาเธอ โถงทางเดินเงียบแปลก ๆ
เดินสวนเด็กคนหนึ่งที่เค้าลางว่าเป็นคนใต้อาณัติโดฟลามิงโก้ ขาไปก็ไปด้วยกันแต่ทำไมขากลับถึงมาคนเดียว
วินาทีนั้นเขาก็รู้สึกใจไม่ดี...
สายตามองผ่านระเบียงก็ทันเห็นร่างเด็กสาวถูกฉุดออกไปแล้วลากเข้าป่า
ไม่ต้องเดาเลยว่าคนที่ทำกิริยาทรามแบบนี้คงมีแต่คนของดอนกิโฮเต้
‘กลางบ้านกลางเรือนมันยังกล้าทำอะไรอุกอาจ!’
ชายหนุ่มก้าวฉับหวังตามตัว
อยู่ในเขตราชวังจะวิ่งไม่ได้จึงต้องเดินเร็ว ๆ
หาจนทั่วจนมาจบที่พบโจรร้ายยืนคุยกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ตรงนั้น
...ความโกรธตีปะทุ เห็นอยู่ตำตายังจะกล้าตีไขสือ
และนั่นแหละคือสาเหตุที่ท่านเคานต์เดินอารมณ์เสียมาถึงตอนนี้
“หลีกไป
เจ้าหญิงอยู่ข้างหลังใช่ไหม!”
“คงไม่ได้ว่ะตาเหยี่ยว
โทษทีนะ” เหมือนฉากต่อสู้ที่รอสัญญาณเปิดเริ่ม
...1 ต่อ 2 ไม่หนักหนาแต่อีกฝั่งดันมีสตรีอีก
ทำร้ายผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่ท่านเคานต์จะปฏิบัติทว่าหล่อนควรจะสิ้นสติเดี๋ยวนี้!
มหรสพสุดประทับใจ...?
สิ่งที่วิโอล่าคิดว่าจะเกิดขึ้นระหว่างคุณพ่อกับโดฟลามิงโก้
ตอนนี้มันดันเกิดกับท่านเคานต์และเดียมานเต้แทน
ราชวังเกิดการวางมวย
หากเจ้าหญิงรู้คงได้แต่บอกว่า...
ให้ตายสิ ท่านเคานต์หนอท่านเคานต์
งานเข้าเธออีกแล้ว
………………………
เกิดการตะลุมบอน
“คุณเป็นผู้ชายแน่รึเปล่าทำไมถึงโหดร้ายปานนี้
อ๊าย~”
“เฮ้ยโมเน่เป็นอะไรรึเปล่า? หน็อยแกตาเหยี่ยว”
“พวกนายมันเกะกะ!”
“ว๊าย~”
“กรี๊ด~” คล้ายจะตึงเครียดแต่ก็ไม่เลย
พริบตาเดียวมิฮอร์คก็ทะลุผ่านทั้งสองคนแล้วพุ่งเข้าไปในสวน
พวกมันโดนเขาจัดการแต่รีแอคชั่นที่ตอบกลับมาเหมือนกำลังเล่นตลก
ไม่มีความตึงเครียดสักนิด
ไอ้พวกนี้มันล้อเขาเล่นรึไง!
“วิโอล่า ...!??” ชายหนุ่มตะโกนหาทว่าไร้วี่แวว เมื่อครู่ดูเหมือนจะอยู่ตรงนี้แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว
ท่านเคานต์กวาดสายตาดูจนทั่วแต่สิ่งที่เห็นคือสวนสวยสุดจินตนาการ
“ไม่อยู่?”
“ห๊า อะไรนะไม่อยู่เหรอ
ตายแล้วพวกฉันเข้าใจผิดรึเนี่ย?”
“บอกแล้วว่าอย่าทำให้เขาเข้าใจผิดน่ะเดียมานเต้
ดูสิโดนเหยี่ยวคลั่งอาละวาดจนบ้าเลย ฮึ ๆๆ น่าขันจัง” มิฮอร์คเส้นเลือดแตก
พวกมันรู้อยู่แล้วว่าตรงนี้ไม่มีใครถึงยอมปล่อยให้เขาเข้ามาง่าย ๆ
มันล้อเขาเล่น! ไอ้พวกดอนกิโฮเต้มันทำเขาเป็นไอ้โง่!
‘ไอ้พวกนี้!!?’ พวกนายจบไม่สวยแน่! ...ว่าแต่ว่าแล้วเจ้าหญิงหายไปไหนกันล่ะเนี่ย!?
ทว่าคนที่หายตัวแท้จริงแล้วกำลังอยู่ตรงนี้
เสียงหอบหายใจดังมาเป็นระลอก
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นเต็มวงหน้ายามร่างกายต้องเคลื่อนไหวไม่หยุด
เสียงรองเท้าส้นสูงดังตามท้องถนน
ดึงเหล่าผู้คนที่ยืนอยู่ให้มองตาม พวกเขาเห็นชายหญิงที่แต่งตัวเป็นชุดสีเทาเข้าคู่กำลังวิ่งไปตามทางเดิน
...คงเป็นปาร์ตี้ที่น่าเบื่อสินะสองคนนี้ถึงพากันหนีออกมากลางคัน
ทั้งสองจูงมือกันวิ่งไปตามถนน
ทิ้งหางชุดและเสียงหัวเราะให้ลอยอยู่ข้างหลัง พวกเขาจะไปจบอยู่ที่ตรงไหน
และร้านดอกไม้เล็ก ๆ อาจคือปลายทางของคำตอบนั้น
นิ้วชี้กดกริ่งเพื่อเรียกคนที่อยู่ในนั้นออกมา
เห็นเจ้าหญิงกระชับเสื้อทักซิโด้ของเขาให้เข้าที่แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้ามาให้
หันไปคลี่ยิ้มตอนเธอส่งมันให้เขา
ไม่วายต้องก้มลงไปให้ใบหน้าใกล้กันแล้วขอได้ไหมให้เธอช่วยเช็ดเหงื่อให้ที
“คะ? ใครหรือคะ?” หญิงวัยกลางคนเปิดประตูออกมาหน้าร้าน
ใบหน้าเจ้าหล่อนเริ่มมีริ้วรอยเพราะอายุอานามก็มิใช่น้อยแล้ว คิ้วนั้นขมวดนิดหน่อยคงเพราะไม่ชอบใจที่มีใครมาเรียกกลางดึก
แต่เจ้าของร้านต้องมีอันสะดุ้งตกใจครั้นเห็นใครยืนอยู่หน้าประตู
“เจ้าหญิงวิโอล่า!?” ราชกุมารีส่งยิ้มแล้วโคลงศีรษะน้อย
ๆ หญิงกลางคนออกอาการลนลานดึงให้เธอต้องถามชายข้างตัวว่าพาวิ่งออกมาจากปราสาทเพื่อรบกวนคนอื่นทำไมนะ
“โดฟลามิงโก้คืออะไรเหรอคะ?”
“เอาน่า เธอน่ะอยู่เฉย ๆ เถอะ”
โดฟลามิงโก้หันมาตอบเธอก่อนหันไปหาเจ้าของร้าน “...ว่าแต่ลูกสาวเธอน่ะช่วยเรียกออกมาหน่อยได้ไหม พอดีฉันกับเด็กนั่น make a deal กัน”
“ดีล?”
“หม่าม้าใครเหรอคะ ...!!?” เจ้าพ่อยิ้มกว้าง แม่หนูที่กล้าท้าพนันโผล่มาแล้ว ยัยเด็กน้อยตาถลนก่อนจะวิ่งหัวเราะร่ามาหา
เจ้าหล่อนกระโดดโลดเต้นแล้วชี้โบ้ยชี้เบ้ให้พ่อแม่ดูว่า ‘นี่ไง นี่เจ้าหญิงแหละ
เจ้าหญิงตัวเป็น ๆ เลย’
“พี่ชายเป็นเพื่อนเจ้าหญิงจริงเหรอเนี่ย!!!”
“โดฟลามิงโก้ฉันยังงงอยู่นะ”
วิโอล่ายิ่งกว่างงงันยามอีกฝ่ายไม่ตอบ ซ้ำยังทำเมินเหมือนเธอเป็นอากาศธาตุ
“นี่ยัยหนูของที่ตกลงกันล่ะ
เอามาเร็ว ๆ เลยเดี๋ยวไม่ทัน”
“อ๊า รอแป๊บหนึ่งนะ” เด็กหญิงผลุบเข้าไป หลังจากพวกเธอยืนคุยกับบรรดาพ่อแม่แห่งร้านดอกไม้สักระยะ คุณลูกสาวก็โผล่หน้าออกมา หล่อนขวักมือเรียกโดฟลามิงโก้ ...ไม่มีการอธิบาย ทุกผู้ต่างทิ้งวิโอล่าให้ยืนหมุนซ้ายหมุนขวารออยู่หน้าร้าน
สายตากวาดมองไปเรื่อยก่อนจะสะกิดใจเล็กน้อยตอนมองเข็มนาฬิกา
...ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแล้วทันใดเจ้าพ่อก็ปรากฏตัว
เธอเข้าข้างตัวเองอยู่ใช่หรือเปล่าเพราะตอนนี้เขากำลังยื่นช่อดอกกุหลาบให้เธอ
แถมเป็นช่วงเวลา 23:04 พอดีเป๊ะ ...เป็นช่วงเวลาที่เธอเกิดพอดีเลย
“ดอกไม้ไฟก็อย่างหนึ่งแต่อันนี้ต่างหากที่อยากจะให้ ...ห้าทุ่มสี่นาที สุขสันต์วันเกิดนะคะ” อีกแล้ว
หัวใจเธอพองโตอีกแล้ว เด็กสาวหัวเราะไปทั้งตาก่อนจะปรามเขาว่าเรื่องตกใจน่ะเพลา ๆ
หน่อยสิคะ
“โธ่ เลิกเซอร์ไพรส์กันบ่อย ๆ
สักทีสิหัวใจจะวาย นี่รู้กระทั่งเวลาเกิดฉันเลยเหรอ
แต่ให้เยอะขนาดนี้ไม่รู้จะตอบแทนยังไงแล้วเนี่ย ...ขอบคุณมากนะคะ” ยิ่งได้ยินเสียงคนกรี๊ดอยู่ในร้านยิ่งทำให้เธออาย
คนดูยังม้วนแล้วคนรับอย่างเธอเล่า กลายเป็นวงกลมไปแล้วล่ะ
สาวน้อยก้มมองดอกไม้ในมือ
มันเป็นช่อกุหลาบ 9 ดอก ที่ 8 ดอกนั้นคือสีขาวแต่หนึ่งดอกที่อยู่ตรงกลางเป็นสีม่วง
9 ดอกความหมายคือเธอและฉันชั่วนิรันดร์ เป็นคำซ่อนเร้นที่แฝงอยู่ในรูปดอกไม้
‘ชอบใช้ภาษาดอกไม้คุยกับเธออีกแล้วนะ
จะโรแมนติกไปไหนล่ะเนี่ย’
“อือ
แต่แปลกนะคะทำไมถึงพามาร้านเล็ก ๆ น่ารักแบบนี้ล่ะ ปกติเห็นชอบทำตัวอลังการ”
“ทำธุรกิจมันต้องได้กำไร
และเผอิญชนะพนันก็เลยได้มาฟรี ...ชอบไหมคะ?”
“อืม ชอบสิคะ” หน้ามันจะเกร็งไปหมดแล้ว
คนตัวสูงพยายามเมินเฉยยามได้ยินเด็กข้างหลังพูดว่า ‘เห็นไหมล่ะบอกแล้วต้องชอบ’ ก่อนวิโอล่าจะขอบคุณทุกคนในร้านและพาเขาปลีกตัวออกมา
“ก็อยากจะค่อยเดินไปอยู่หรอกแต่หนีกันออกมาแบบนี้คงวุ่นวายใหญ่แล้ว
กลับกันเลยนะโดฟลามิงโก้” อยู่ดี
ๆ อีกฝ่ายก็เงียบไป วิโอล่าชะเง้อคอสงสัย
ตะกี้ยังหวานใส่เธออยู่เลยแต่ทำไมตอนนี้ถึงเชิดหน้าใส่เสียเล่า
‘เป็นอะไร’
“โดฟลามิงโก้คะ?” เธอกลายเป็นวิญญาณล่องหนแล้วหรือเปล่าเหตุใดเขาถึงไม่มองหรือตอบคำถามเธอเลย
...เด็กสาวเดินตาม เรียกสองสามครั้งอีกฝ่ายก็ไม่หัน นี่เธอต้องเรียกยังไงเขาถึงจะหันมา
หรือว่าเธอต้องเรียก...
“ดอฟฟี่คะ?”
“คะ ว่ายังไงคะ?” ทีงี้ล่ะหันมายิ้มกว้างเชียว
สาวน้อยหัวเราะท้องแข็ง ไม่วายต้องโดนลากไปจูบขมับเสียหนึ่งที
พระเจ้า
...ทำไมท่านถึงสร้างสิ่งมีชีวิตที่น่าหยิกได้ขนาดนี้นะ
นี่เธอกำลังเดินเข้าสวนต้องห้ามแล้วรึเปล่า
………………………
ห้าวันผ่านไป
เป็นช่วงเวลาที่อยู่บ้านเกิดโดยไม่ได้ไปไหน
ห้ามก้าวพ้นจากเขตราชวัง ห้ามติดต่อใครทั้งนั้น นั่นคือสถานะของวิโอล่าในปัจจุบัน
‘โดนทำโทษ’ หลังจากกลับมาจากการหนีนอกปราสาทก็พบว่าราชวังวุ่นวายกันยกใหญ่
คุณพ่อโกรธเกรี้ยว ท่านเคานต์เลอะฝุ่น ไม่ต้องสืบเสาะให้มากมายก็รู้ว่าเขาไปมีเรื่องกับใคร
สะใจลึก ๆ ที่เดียมานเต้สภาพยับเยินและก็ตกใจไม่เบาที่โมเน่ผมเผ้ายุ่งเหยิง
ความโกลาหลไม่มากนักเพราะแขกส่วนใหญ่ได้กลับไปแล้ว
แต่เรื่องที่ว่าเธอหายไปกับไอ้โจรห้าร้อยซ้ำยังเป็นด้วยความสมัครใจอีก
...กลับมาถึงระเบิดก็ลงทุ่งจนราบเป็นหน้ากลอง
น่าแปลกที่โดฟลามิงโก้ไม่พูดอะไร
ยืนอมยิ้มยอมให้คำด่าของคุณพ่อทะลุเข้าหูซ้ายออกหูขวา
คิดว่าเรื่องมันจะดีขึ้นเสียอีกตอนชายหนุ่มไม่เถียง
แต่พอเขาเอาแต่ทำเฉยคุณพ่อเลยคิดว่าโดฟลามิงโก้มายียวนกัน ส่งผลให้ ณ
ขณะนี้ลูกสาวคนนี้ต้องโดนกักบริเวณตลอดห้าวันเต็ม
อันที่จริงเจ้าหญิงไม่ทุกข์ร้อน
ให้อยู่แต่ในห้องทั้งวันยังได้เพราะที่ประเทศมีงานให้ทำตลอด
ก่อนที่จะกลับไปเธอต้องดูแลและวางแผนเรื่องในบ้านเมืองให้เรียบร้อย
นั่งทำงานหลังคดหลังแข็งจนสุดท้ายทุกอย่างก็ลุล่วง
‘เสียใจไหม’ ก็นิดหน่อยที่ไม่ได้เที่ยวชมความเป็นอยู่ของทุกคนข้างนอก
แต่แค่วันนั้นที่เธอปีนกำแพงออกไปจึงพอเห็นมาบ้างว่าประชาชนของเธอยังมีความสุขดี
...เท่านี้ก็โล่งใจ
ทุกอย่างราบรื่นทว่าพระกายาหารค่ำคืนนี้
เด็กสาวคงต้องงอนง้อพระบิดาอีกเป็นหลายชั่วโมง เรื่องเอาใจเธอคิดว่าตัวเองชักเริ่มจะถนัดขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ
เป็นการเอาตัวรอดที่เริ่มจะชำนาญ
คนที่ภูมิต้านทานไม่ดีอาจจะต้องระวังตัว
เพราะคุณอาจเผลอเห็นฉันใช้มันในการแสดงไปแล้ว
เด็กอยากลองวิชาโคลงหัวน้อย ๆ
ก่อนเลือกลุกไปเปลี่ยนน้ำดอกไม้ในแจกันดีกว่า
ดอกกุหลาบที่เขาให้ยังมีสภาพใกล้เคียงเดิม แล้วก็น่าประทับใจไม่หยอกเพราะโดฟลามิงโก้ไม่หยุดทำตัวน่ารักแต่เพียงแค่นั้น
ไม่มีใครรู้หรอกว่าขากลับพ่อคุณจะช่างสังเกตแวะซื้อรองเท้าแตะให้เธอด้วย
เขาบอกว่ายืนมาทั้งวันอาจจะเมื่อยพร้อมอาสาเดินหิ้วรองเท้าส้นสูงให้แล้วพากลับวังทันที
‘กำแพงเธอไม่มีเหลือแล้วล่ะ?’ วิโอล่ายิ้มพลางเดินเข้าหาแจกัน กำลังจะหยิบมันออกมาเพื่อเปลี่ยนน้ำแต่แล้วประกายวาววับบางอย่างในดอกไม้ก็สะท้อนสายตา
เด็กสาวก้มลงไปดู หยิบมันออกมาจากดอกสีม่วงที่อยู่ตรงกลาง
สัมผัสเรียบลื่นนั้นทำให้ใจเธอสั่น
วินาทีนี้เจ้าหญิงยืนนิ่งไม่ไหวติงยามเห็นแล้วว่าสิ่งใดที่อยู่ในมือเธอ...
เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่สะท้อนประกายทุกล้านความหมาย
คิดอยู่แล้วว่าคนอย่างเขาไม่ยอมให้อะไรธรรมดาเหมือนคนทั่วไปหรอก
………………………
ท่ามกลางห้องประชุม
ห้องสี่เหลี่ยมนั้นกว้างขวางแต่เพราะมีคนนั่งทุกเก้าอี้ทำให้ทางไหนก็อึดอัด
บรรยากาศดูตึงเครียดเพราะไม่บ่อยที่ประธานบริษัทจะหันมาร่วมประชุม
โดฟลามิงโก้นั่งอยู่ในบอร์ดผู้บริหาร
หมุมปากกาเล่นพลางคิดว่าบริษัทเขามีพนักงานหน้าเหมือนซาลาเปาด้วยเหรอ
คำบรรยายไม่เข้าหู อันที่จริงโครงสร้างและทิศทางของบริษัทหากไม่มีเรื่องสะดุดเขาก็วางแผนมาหมดแล้ว
ชายหนุ่มจึงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมอะไรให้เสียเวลา ทำงานตอนเช้ามันไม่ใช่นิสัยเพราะชีวิตมาเฟียของเขามันเริ่มตอนกลางคืน
ทว่าพักหลังมานี้กลับเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ไม่รู้เลยว่าเผลอติดนิสัยตื่นเช้าจากไวโอเล็ตมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ไอ้ครั้นจะเอ้อระเหยลอยชายอยู่ที่บ้านก็ดูจะว่างเกิน
หากไม่ทำงานปล่อยให้มีเวลาว่างเดี๋ยวจะคิดถึงใครไม่รู้ตัว
สุดท้ายก็ลงเอยมาเป็นไม้ประดับอยู่ในห้องประชุมแบบนี้แหละ
มานั่งดูอาการประหม่าของพนักงานตัวเองมันก็ตลกดี
ร่างสูงนิ่งงัน มือขวาวางอยู่บนโต๊ะ
เคาะหลังโทรศัพท์เป็นพัก ๆ เพราะกำลังฟุ้งซ่านว่าเจ้าหญิงความรู้สึกช้าไปรึเปล่า
ผ่านมาตั้งนาน อ่อยมาตั้งหลายทีแต่ไวโอเล็ตก็ยังเฉย ๆ
นี่ต้องบอกรักอีท่าเดียวใช่ไหมเด็กสาวถึงจะเขินได้
ว่าแล้วก็ลองเปิดเกมรุกหน่อยดีกว่า ไม่ได้หยอดเลยเดี๋ยวน้ำตาลจะไม่ขึ้น
<ถึงรึยังคะ?>
<แน่ใจนะว่าไม่อยากให้ไปรับ>
เงียบเป็นเป่าสาก...
ประธานชักขมวดคิ้ว
จะว่าไปหลังวันเกิด ไวโอเล็ตไม่เคยทักทายสวัสดีวันจันทร์อะไรกับเขาเลยนี่หว่า
เครื่องก็ปิด พิกัดก็ไม่เคลื่อนที่หรือว่า...
‘เดจาวู’ นี่เขาโดนเมียทิ้งอีกแล้วเหรอ!?
“แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว!?”
“ไม่ใช่เหรอครับ!? ขะ...ขออภัยครับท่านประธาน มันไม่ดีใช่ไหมครับเดี๋ยวผมจะไปแก้มาให้ใหม่
...ขอโทษครับ!”
“ฮะ? ...อ๋อ
เออ ให้ตายสิทำงานทั้งทีก็ให้มันดี ๆ หน่อย ฉันไม่ว่างมานั่งฟังความผิดพลาดของพวกแกหรอกนะ”
อุตส่าห์คิดว่าตัวเองก็พึมพำในใจแต่อนิจจาทำไมเสียงหลุดออกไปนะ
‘ไม่ได้การต้องเก๊กขรึมหน่อยเดี๋ยวคนจะรู้ว่าเขาไม่ได้หมายถึงเรื่องประชุม’
คนเนียนเลิกคิดมากก่อนจะหันมากอดอกทำทีเป็นตั้งใจทำงาน
แต่สติต้องกระเจิงครั้นมือถือเขาก็มีความเคลื่อนไหวแล้ว
เธอเปิดเครื่อง อยู่ที่สนามบินและกำลังตอบข้อความเขา
<ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณประชุมอยู่ไม่ใช่เหรอคะ>
<พอดีฉันกลับมาพร้อมท่านเคานต์ เดี๋ยวเขาไปส่ง>
<...และนี่คือหลักฐานเผื่อคุณคิดมากนะว่าฉันสนิทกับท่านเคานต์เกินไป>
ว่าจบไวโอเล็ตก็ส่งรูปยัยเด็กเตี้ยทำสีหน้าทะเล้น
แลบลิ้นปลิ้นตามาให้เขา โดฟลามิงโก้หัวเราะหึ ช่างเป็นคุณแฟนที่ทำตัวได้น่ารักจริง
ๆ ...ดันมารู้เสียอีกว่าเมื่อกี้เขาเกือบโดนลมบ้าหมูตี
<ฝากบอกยัยนั่นว่าน่าเกลียด>
<และรู้ไหมเธอหายไปนานมากเลยนะ>
<...นึกว่าหายสาบสูญไปแล้ว>
<อือ โดนทำโทษน่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังนะคะ>
บทสนทนาขาดช่วง
เจ้าพ่อกะเวลาให้เธอถึงห้องก่อน แล้วเริ่มเตรียมตัวเปิดเกมรุกอีกครั้ง แต่ทว่า...
<นาฬิกาใครเอ่ย? เห็นหล่นอยู่ที่โซฟา>
<ป่านนี้เจ้าของคิดถึงแย่แล้วมั้ง?>
โดฟลามิงโก้ยิ้มกว้าง
‘อือฮึ เรื่องนี้แหละ’
เรื่องที่ทำให้เขาคิดว่าเจ้าหญิงความรู้สึกช้า
อันตัวเขาจงใจทิ้งนาฬิกาข้อมือไว้ที่ห้องเธอตั้งนานแล้วแต่แม่สาวพึ่งจะมารู้ตัว
นี่เขาทำเซอร์ไพรส์เธอตั้งหลายอย่างเธอเอะใจอะไรบ้างไหมเนี่ย
หรือวันหลังเขาควรจะทำอะไรให้โจ่งแจ้งไปเลย
<ก็ว่าอยู่หาตั้งนาน
...เอามาให้ทีสิ>
<ไม่ล่ะ จะเก็บไปขาย>
<อืม
เอามาเปลี่ยนดีกว่า>
<เรือนนั้นมันถูกไป
ฉันมีเรือนที่แพงกว่านั้นเยอะ>
<ขี้อวดจริง ๆ เลยคุณเนี่ย>
<ขอให้โจรขึ้นบ้าน>
<โจรน่าจะขึ้นไปแล้วล่ะ>
<เพราะตอนนี้จิตใจฉันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย>
<คิดถึงใครตลอดเวลา>
<…เป็นอะไรก็ไม่รู้>
<เป็นบ้า>
คนขายาวเกือบหัวเราะพรืดยามโดนแม่กวางเบรกหัวทิ่ม
มุกหวานน้ำตาลจ๋าแบบนี้สาวที่ไหนโดนมีอันต้องหลง ทว่าก็ลืมคิดไปหน่อยว่าเจ้าหญิงน่ะชอบกินชาเย็นเลยเป็นคนเย็นชา
การหยอกล้อดำเนินต่อไปและโดฟลามิงโก้เองก็รู้ไม่หรอกว่าสิ่งที่เขาทำนั้น
คือจุดเริ่มต้นของเรื่องซุบซิบที่ว่าท่านประธานมาดร้ายกำลังแชทจีบแฟนสาวกลางห้องประชุม...
โธ่ถัง
ลือกันให้แซ่ดยิ่งกว่าปีนี้บริษัทจะแจกโบนัสกี่เปอร์เซ็นต์เสียอีก
ท่านประธานจะรู้ตัวไหมนะ
………………………
การประชุมจบไปแล้ว กินเวลากว่าที่คิด
พนักงานต่างล่อกแล่ก เพราะเห็นขาเข้าท่านประธานก็ดูนิ่ง
ๆ แต่ขากลับเนี่ยยิ้มแก้มปริ
ทุกคนต่างเบาใจเพราะดูเหมือนวาระประชุมจะไม่กลายเป็นพายุดีเปรสชั่นถล่มไม่เหลือซาก
ไม่แน่ใจว่าเรื่องที่อภิปรายมันถูกใจหรือเรื่องคุยกับแฟนมันถูกใจกันแน่
แต่ทุกคนก็คิดว่าหากงานไม่เข้าก็ช่างมันเถอะ
โดฟลามิงโก้เดินลิ่วกลับขึ้นไปทำงานก่อนจะปรายตาเล็กน้อยยามเลขายิ้มแก้มแตกมาหา
“ท่านประธานมีแขกรออยู่ในห้องนะคะ”
“แขก?”
“ค่ะ แขกสุดพิเศษ” ซีอีโอเลิกคิ้ว จำไม่เห็นได้ว่านัดใครมา
กำลังจะผลักประตูเข้าไปแต่ก็ต้องยืนค้างที่เดิมยามเห็นแล้วว่าแขกที่ว่าคือใคร
ไวโอเล็ตอยู่ที่นี่... นั่งหันหลังอ่านอะไรสักอย่างคล้าย
ๆ ว่าเป็นบทละคร
แม่สาวยังไม่รู้ตัวถือว่าโชคดีที่ตอนเข้ามาไม่ได้ทำตัวโผงผางหนวกหู
การประชุมมันใช้เวลาเยอะแน่ ๆ เจ้าหญิงถึงมีเวลากลับไปคอนโดฯแล้วมาหาเขาได้ทันอีก
ชายหนุ่มเดินเข้าหา
ย่องเข้าไปช้อนหลังก่อนจะโน้มตัวลงมาหวังจะหอมให้เต็มรักแต่ทว่าเด็กสาวกลับลุกขึ้นพรวด
...เสียงดังตุ้บ
เจ้าหญิงผงะไป
หันมองข้างหลังยามรู้สึกเหมือนได้ยินใครหัวทิ่ม
“เอ๊ะโดฟลามิงโก้...
คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วเมื่อกี้ล้มเหรอคะ?”
“เปล่านี่ไม่ได้ล้ม! ...ว่าแต่เธอเรียกชื่อฉันซะเต็มยศอีกแล้วนะ ไม่เมื่อยลิ้นบ้างรึไง!” โดฟลามิงโก้ทำหน้าเหลอหลาพร้อมจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่ประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ทั้งที่ความจริงพึ่งเอาหน้าไปวัดเบาะมา
ร่างบางยิ้มอ่อนใจก่อนชูนาฬิกาเขาขึ้นมาให้ดู
แถมเมื่อก่อนเธอก็เรียกชื่อเขาเต็ม ๆ มาเป็นปีไม่เห็นบ่น
“ฉันเอานาฬิกามาให้คุณน่ะ และถามจริงเถอะว่าคุณจงใจลืมรึเปล่า?”
“ฉันเองก็หาไม่เจอ เธอคิดว่าฉันจงใจลืมไหมล่ะ?”
“ก็มีคิดอยู่แต่อือช่างเถอะ แล้วจะว่าไปไม่ทราบว่าอันนี้คุณเองก็จงใจลืมรึเปล่าคะ? ...ฉันเกือบไม่เห็นแล้วนะรู้ไหม วันหลังก็ให้ดี ๆ สิ” แหวนสีเงินทองส่องประกายอยู่บนนิ้วเจ้าหญิง
...อ่าใช่ แหวนเพชรวงเล็กวงนั้น
เขาซ่อนมันไว้ในช่อดอกกุหลาบเองนั่นแหละ
เป็นอีกเรื่องที่คิดว่าเจ้าหล่อนอาจจะไม่รู้
แต่ตอนนี้ก็ไม่อาจหุบยิ้มได้เพราะไวโอเล็ตหาเจอแล้ว
“เซอร์ไพรส์ไหมล่ะ?” แม่หญิงหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะจับวัตถุเย็น ๆ ที่นิ้วเล่น
“ที่จริงมันคับนะ เกิดใส่ไม่ได้เสียดายของแย่
...เอาไปแก้ดีกว่าค่ะ”
“เพราะเธอใส่ผิดนิ้วไงล่ะ
แต่ก็เข้าใจนะอาจจะเป็นเพราะเธออ้วนก็ได้”
“คุณเนี่ยน้า เอาคืนไปเลย”
“ล้อเล่นน่า
ถอดมาก่อนสิเดี๋ยวจัดการให้”
การถอดทุลักทุเลแต่หลังจากส่งแหวนคืนให้เขาแล้ว อีกฝ่ายก็หมุนตัวไปยังโต๊ะทำงาน
สาวน้อยเห็นเขาทำอะไรยุกยิกก่อนจะส่งคืนให้เธออีกครั้ง
“เอานี่ น่าจะได้แล้ว” ไวโอเล็ตไม่เกี่ยงงอน รับมันกลับมาก่อนจะสวมไว้ที่นิ้วกลาง
มันใส่ง่ายกว่าเดิมก็จริงแต่ทำไมมันถึงรู้สึกลื่น ๆ เหนียว ๆ
“คุณทาอะไรไว้ในนี้น่ะ?”
“กาวตราช้างสิบแปดตัว”
“ฮะ!!?” เจ้าหญิงอ้าปากกว้าง รีบก้มไปแงะแหวนออกจากนิ้วตัวเองแต่ก็อย่างที่พูด
...นี่เขาทากาวไว้จริงรึ!? ทำไมถอดไม่ออกล่ะ!!?
“หึหึ เธอพลาดแล้วนะ โดนฉันจองแล้ว
...ถอดไม่ออกหรอก”
“โอ๊ยอย่ามาล้อเล่นแบบนี้นะ!”
ไวโอเล็ตบ่นพึมพำ ให้ถอดแหวนก็ยากแล้วแต่พ่อคุณยังมาขยี้หัวเธอเล่นอีก
ทำไมถึงชอบกวนโมโหกันนักนะเดี๋ยวก็ก้านคอเสียหรอก
สาวน้อยหัวเสีย
ตัวเองบอกว่าให้ปิดความสัมพันธ์ของเราเป็นความลับแท้
ๆ แต่ให้ใส่แหวนเด่นหราขนาดนี้คงรอดหรอก
‘โธ่เอ๊ย! เล่นอะไรพิเรนท์!’ แบบนี้ความแตกก็อย่ามาว่าเธอละกัน แช่งขอให้โดนแฟนทิ้ง!
...แต่เอ๊ะ ปัจจุบันเราก็เป็นแฟนเขาไม่ใช่เหรอ?
...หรือเราควรจะทิ้งเลยดีไหมนะ?
───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ
ทิ้งเลย!
และเซอร์ไพรส์เก่ง
วัน ๆ งานการไม่ทำเอาแต่หมกมุ่น
และแอบใส่เหตุผลว่าทำไมทุกคนในแฟมิลี่ถึงร้ายและกลับมาดีกับไวโอเล็ตได้นะ
ก็ตามนั้นแหละ
และหนทางของทั้งคู่จะเป็นเช่นไร โปรดติดตามจ้า
ช่วงนี้ก็เบา ๆ สบาย ๆ ไปก่อนนะคะ หึหึหึ
เจอกัน
─────────────
ความคิดเห็น