คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #50 : At the end of January (เป็นแฟนกันไหม?)
ตอนที่ 42: At
the end of January
(เป็นแฟนกันไหม?)
‘เต้นไปบนฝ่ามือ’ คือสิ่งที่โดฟลามิงโก้นิยามหลังจากขบคิดเรื่องทั้งหมด
พิกัดสถานที่ คือข้อความที่จู่
ๆ เตโซโรก็ส่งมาหาหลังจากที่เขางุ่นง่านหาไวโอเล็ตไม่เจอ
เจ้าพ่อกัดฟันสายตาแววโรจน์ ไม่อาจเดาว่ามันกำลังเล่นเกมอะไร แต่แล้วหัวใจก็ต้องกระตุกวูบตอนอีกฝ่ายส่งเนื้อความมาประกาศกร้าวว่าพวกเรากำลังทำสงคราม
<พิกัดโรงแรมนะครับ ...และคุณทศกัณฐ์ควรรีบไปช่วยนางสีดาออกมาได้แล้วนะ> ข้อความชัดเจน เตโซโรมันอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไอ้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์! ไม่ต้องคิดเลยว่ามันวางแผนทุกอย่างเอาไว้หมดแล้ว
ตอนแรกโดฟลามิงโก้ไม่แน่ใจว่ามันคือกับดักหรือเปล่า แต่หลังจากกลาดิอุสต่อสายหาเขาคล้อยหลังข้อความมันไม่ถึงนาที
อสูรก็สิงร่างเขาทันที
พวกมันได้ตัวเธอไปก่อน
ช้ากว่าคนของเขาเพียงไม่กี่เสี้ยววิ คราแรกกลาดิอุสบอกไม่มั่นใจ แต่หลังจากสังเกตอีกทีก็พบว่านั่นคือเจ้าหญิง
กำลังจะปรี่เข้าไปคว้าตัวแต่อยู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้ชิงตัวเธอไปต่อหน้า
แน่นอนเส้นสายเขาเยอะ ผู้บริหารของเขาล้นความสามารถ พวกมันไม่มีทางคลาดสายตาและยิ่งได้เวอร์โก้ติดต่อมาว่าได้ข่าวของไวโอเล็ตจากทางตำรวจ ทุกอย่างก็ยิ่งชัดเจน
อุตส่าห์คิดว่าในเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้เขากับมันจะได้สะสางบัญชีกันให้จบ
แต่ทว่าหลังจากบุกไปยังที่หมายกลับพบว่าตัวการเป็นใครอีกคนที่มีอิทธิพลกับวงการบันเทิง
ถึงแม้จะเป็นผู้มากอำนาจเหมือนกันใครจะสน ในเมื่อมันกล้าแหย่จมูกเสือก็อย่าหวังว่าห่าฝนจะไม่ตกใส่หัวมัน!
เขาฆ่าหมอนั่นทันทีและพึ่งมารู้ทีหลังว่าไอ้หมอนี้มันขัดแข้งขัดขาเตโซโรอยู่
แมวมองไม่ชอบใจแต่ก็ไม่อยากให้มือตัวเองเปื้อน หมอนั่นเลยวางแผนฆ่าก้างโดยยืมมือเขา
มันออกอุบายให้คนอย่างเขามาฆ่าศัตรูให้มันแทน
ซึ่งเรื่องนี้โดฟลามิงโก้จะเก็บไปทบบัญชีกับไอ้เวรนั้นแน่นอน!
ทุกอย่างผ่านพ้นไป สุดท้ายนางสีดาต้องเป็นของทศกัณฐ์
เขาเล่าอดีตของตัวเองให้ไวโอเล็ตฟัง
แทบจะนอนตายอยู่ตรงนั้นยามเจ้าหญิงบอกว่าจะไม่กลับมาหาเขา ...ได้โปรดเขาจงทำใจ
‘เธอไม่สงสารเขาบ้างหรือ?’
คนอื้ออึงไม่รับรู้ เอาแต่บอกว่าเธอมันคนใจร้าย ยิ่งอยากจะบ้าเธอตอบมาว่าใช่
แล้วเธอถามเขาว่ากล้าเผชิญหน้ากับความกลัวรึเปล่า?
ถ้าเขาบอกว่าแน่เธอก็จะไป
แต่ถึงบอกว่าไม่เธอก็ไปอยู่ดี ส่วนที่เหลือคือชายหนุ่มกล้ารับมือกับมันไหม หากอยู่กับมันได้สิ่งนั้นคงช่างวิเศษเหลือเกิน
คำพูดเจ้าหล่อนโน้มน้าวใจได้ดีเหลือเชื่อ
จนโดฟลามิงโก้ต้องพ่ายแพ้ตอบรับแบบเบลอ ๆ ...ความคิดของเธอไม่อาจเข้าใจ จวบจนสุดท้ายเจ้าพ่อก็ต้องเดินกลับบ้านคนเดียว
คิดไว้ว่าอย่างน้อยเธอก็ให้เหตุผล
แถมเขาเองก็ไม่อยากฟุ้งซ่านปรุงแต่งเรื่องราว แค่คิดว่าวันนี้เธอยังอยู่เคียงกาย
เพียงแค่นั้นคือสิ่งที่ยืนยัน
และวันนั้นคือวันแรก
คือวันที่ใจเราไม่อิงแอบแนบชิด แม่ภูตใจร้ายตีจากอสูรไป ฟ้าดินเป็นพยานว่านับจากนี้เขาจะกวนเธอไปจนตาย!
………………………
ที่ปราสาทท่านเคานต์
ถ้าไม่เข้าใจเรื่องราวคงคิดว่าตัวเองกำลังโดนคุกคาม
ไวโอเล็ตงัวเงียตื่นขึ้น สาละวนหาโทรศัพท์ตอนเสียงเมสเซจกระหน่ำเข้ามารัว ๆ
<ยัยคนใจร้าย! ยัยคนใจร้าย! ยัยคนใจร้าย!> เด็กสาวหยีตาอ่านข้อความนั้น มันยาวติดกันเป็นพรืดจนหน้าหวานต้องงอง้ำ
อุตส่าห์คิดสะระตะว่ามือถือตัวเองอาจโดนแฮ็กแต่มันคงไม่มีเรื่องเหลือเชื่อแบบนั้น
‘โดฟลามิงโก้สินะ?’ ร่างบางแอบพ่นลม ตัดสินใจต่อสายหาคนส่งเพราะเธอต้องการคำตอบ อยากรู้จริง ๆ
ว่าเขาจะตัดพ้อเธอไปอีกนานแค่ไหน
[......] ปลายสายกดรับ แม้จะรับไวแต่แสนแปลกที่เขาไม่พูดอะไร
“เป็นอะไรรึเปล่าคะ? ส่งข้อความมาหาตั้งแต่เช้าเลย”
[หึ!] ตอบมาแค่นี้คงรู้เรื่องหรอก
เจ้าหญิงเงียบไปแล้วปิดปากหาวฟอดใหญ่ หัวสมองครุ่นคิดก่อนถามอีกฝ่ายทันทีว่าอยากทำกิจกรรมร่วมกับเธอไหม
“จริงสิวันนี้ฉันไม่มีเรียนนะคะ
อยากออกมากินข้าวด้วยกันไหม?”
[......]
“ไม่ว่างเหรอคะ...”
[กี่โมง?]
“หือ?”
[ฉันถามว่ากี่โมง?]
‘เล่นตัวจริงแฮะ’ ไวโอเล็ตหัวเราะขึ้นจมูก จะท่ามากทั้งทีก็ไปได้ไม่สุด พักหลังมานี้เจออาการแบบนี้ทีไรเธอมักอมยิ้มตลอดเลยนะ
“ก็เดี๋ยวจัดการงานที่โรงงานเสร็จจะโทรไปนะคะ
คงไม่เกินบ่ายสาม ...ไว้เจอกัน”
เธอทิ้งท้ายไว้แค่นั้นแล้ววางสาย
หลังจากวันนั้นที่เขาเล่าอดีตของตัวเองให้ฟังนี่ก็ผ่านมา 2 อาทิตย์แล้ว
เธอไม่กลับ เธอโหดร้าย อันนี้รู้...
แต่นี้เป็นการตัดสินใจที่มาพร้อมเหตุผล
ส่งผลให้จวบจนบัดนี้ตัวเองยังพำนักที่อยู่ปราสาทท่านเคานต์
ชายหนุ่มไม่ยอมเป็นที่รู้กัน
เขาแข็งทื่อไปนานมากก่อนจะถามกลับมาว่าทำไมเธอทำแบบนี้ สาวตั้งมั่นไม่ตอบทำเพียงแค่ส่งยิ้มให้
แน่แท้เธอบอกว่าถึงจะไม่ได้ตัวติดกันแต่ก็ยังติดต่อมาเจอกันได้ เหตุอันใดเขาถึงกังวลใจ
‘แน่นอนความคิดเธอแสนลึกซึ้ง’
จนเจ้าพ่อตื้อตันหมดทางรั้ง สิ่งที่เธอทำมันไม่ใช่แต่หากไม่อยากให้เธอหายเขาต้องทำตาม
ตลอด 2 อาทิตย์นักแสดงมือใหม่โดนซีอีโอว่างงานส่งสารมาตีรวนทุกวัน
มีทั้งตัดพ้อบ้างทั้งรำพึงรำพันบ้าง แต่หลัก ๆ ก็บอกว่าเธอมันคนใจร้ายนั่นแหละ แถมนับจากนั้นสิ่งที่เขาแสดงคืออาการที่บอกว่าไม่ชอบเลย!
‘อืม ที่จริงก็ใจร้ายพอตัว’
ไวโอเล็ตขบคิดแล้วหันไปเริ่มต้นวันใหม่
ทุกอย่างกลับเป็นเหมือนเดิมแต่มีหนึ่งสิ่งที่เปลี่ยนไปคือเราไม่ได้อยู่ด้วยกัน
หากจะให้นิยามก็คงเป็นเรากำลังเริ่มต้นกันใหม่
เริ่มในแบบของคนธรรมดา
...นี่แหละคือสิ่งที่ฉันบอกคุณ
และคราวนี้เราจะเดินไปพร้อมกัน
………………………
ห้างสรรพสินค้าคนเยอะ และในร้านอาหารลือชื่อก็ไม่มีคำไหนอธิบายได้ดีกว่าคำว่ามหาศาล
พวกเธอนั่งกันอยู่ที่มุมเงียบ ๆ
ละม้ายคล้ายมีสายตาชำเลืองมองมาไม่ขาดสาย ปกติเจ้าพ่อก็มีคนคุ้นหน้าเยอะอยู่แล้วแต่ยิ่งมานั่งกับนักแสดงหน้าใหม่ที่กำลังถูกพูดถึง
ประเด็นถกเถียงระหว่างรออาหารคงหนีไม่พ้น ‘พวกเขาเป็นอะไรกัน’
“เป็นไงล่ะไม่ชอบละสิ ที่โดนสายตาคนคอยมองอยู่ตลอด”
“อืมก็นิดหน่อยนะ
แต่คุณอย่าลืมสิว่าเมื่อก่อนฉันเป็นเจ้าหญิงนะ เคยโดนจับตาดูยิ่งกว่านี้อีก”
“จิ๊!”
สาวน้อยวางเมนูลงแล้วเหลือบมองเขา
เห็นร่างสูงเคี้ยวฟันแบบไม่พอใจแล้วก้มอ่านรายการอาหารบ้าง เด็กสาวเท้าคางมอง
พักหลังดูเขาเอาใจยากแปลก ๆ งอแงไม่สมวัยแบบนี้ชักสนุกเสียแล้ว
“กินล็อบเตอร์ไหมคะ
คุณชอบไม่ใช่เหรอ?”
“หึ...ดี! เอาใจฉันให้เยอะ ๆ เพราะขอบอกว่าฉันโกรธเธอมาก โคตรน้อยใจ! คนเขาอุตส่าห์เล่าอดีตของตัวเองให้ฟังยัยคนเย็นชา!”
“จ้า” โดฟลามิงโก้แทบอยากจะดีดหน้าผากเด็กตรงหน้ายามเธอยิ้มล้อเลียนใส่
พนักงานเดินมาหาก่อนหล่อนจะหันไปสั่งทุกอย่างที่เขาอยากกินกับเด็กเสิร์ฟ
‘เธอรู้ได้อย่างไรว่าเขาอยากกินอะไร?’ พักนี้รู้สึกเหมือนเธอแอบมานั่งในใจ ไม่ว่าจะคิดอะไรต้องการสิ่งไหน
ช่วงหลังมานี้ไวโอเล็ตมักอ่านใจเขาออกหมด มั่นใจว่า Poker face ของเขายังดีอยู่แน่เลยฉงนว่าแม่ภูตตนนี้ต้องมีวิวัฒนาการ
นี่แฟรี่ของเขาแอบไปร่ำเรียนวิชาอ่านใจมาจากแห่งหนตำบลใด
เหตุไฉนถึงเข้าใจกันไปเสียหมด
แถมจะว่าไป...
“แล้วเมื่อไหร่เธอจะย้ายออกมาจากบ้านพี่ชายสุดที่รักเธอสักที
ไม่รู้รึไงว่าไปนอนค้างบ้านผู้ชายนาน ๆ มันเป็นขี้ปากชาวบ้าน”
“ถ้าจะโดนก็คงโดนตั้งแต่ฉันไปอยู่กับคุณแล้วละ...
ว่าไปเรื่องนี้ฉันเองก็คิดมาสักพักแล้วนะ ไปอาศัยบ้านคนอื่นนาน ๆ
มันค่อนข้างจะเสียมารยาทอย่างที่ว่า และถ้าจำไม่ผิดคุณซื้อคอนโดแถวมหาลัยฉันไว้ด้วยนี่น่า
...ก็เลยคิดว่าถ้าคุณไม่ได้ใช้ขอฉันเช่าต่อได้ไหมคะ?”
สาวน้อยพูดไปพลางก็แกะกุ้งแกะปลาให้เขากิน เธอตักข้าวเข้าปากคล้ายไม่ใส่ใจแต่ใจจริงแสนคอยคำตอบ
โดฟลามิงโก้มองนิ่ง
อันความจริงเขาอยากให้เธอกลับมาอยู่ด้วยกันแต่เหตุผลของเธอมันก็ค้านความคิดนั้นไว้
“ไม่ให้เช่าเพราะฉันให้เธอเข้าไปอยู่ฟรี
ๆ ได้เลย”
“จะให้ฉันเข้าไปอยู่ฟรี ๆ
ทำไมล่ะคะ เราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” บทสนทนาว่างเว้น
เจ้าหญิงไม่ทันเอะใจว่าตนเองกำลังโดนจ้องด้วยความนัยหลากหลาย
ความนัยที่บังคับให้เธอตั้งตัวไม่ทัน
“...ถ้างั้นมาเป็นแฟนกันไหมล่ะ?”
ไวโอเล็ตสำลักคำโต เด็กสาวรีบยกน้ำขึ้นมาดื่มแล้วหน้ามองโดฟลามิงโก้พรวด
ตกใจไม่น้อยว่าเขาพูดอะไรออกมา
‘ขอเป็นแฟนเหรอ!?’ คนอึ้งชักไม่แน่ใจแต่ต้องกัดปากตอนโดนเจ้าพ่อยิ้มใส่ โดฟลามิงโก้ไม่สะทกสะท้าน
เธอเป็นฝ่ายบอกเองให้เรามาเริ่มต้นกันใหม่ ในเมื่อเธอขอเขาก็จะให้ แถมต้องบอกเลยว่าผู้ชายคนนี้พุ่งคว้าโอกาสที่เธอมอบอย่างสุดกำลัง
...แม่ภูตเปิดช่องมีหรือปิศาจอย่างเขาจะพลาด
“เธอบอกเองนะว่าอยากให้เรามาเริ่มต้นกันใหม่
นี่ฉันไม่ข้ามขั้นขอเธอแต่งงานก็ดีเท่าไหร่แล้ว ...ว่าไงเป็นแฟนกันไหม? ต้องขอบอกเลยว่าถ้าเธอตกลงเธอจะกลายเป็นแฟนคนแรกของฉัน หึ ๆ เป็นไงประทับใจเลยล่ะสิ
ผู้หญิงอะไรโชคดี๊โชคดีได้เกิดมาเป็นแฟนฉัน”
“ไม่เบาเลยนะความหลงตัวเองของคุณเนี่ย
แล้วฉันไม่ใช่แฟนคนแรกของคุณหรอก ก็เห็นข่าวคุณควงคนนู้นคนนี้ไปทั่วแถมเปลี่ยนบ่อยด้วย”
คนผมบลอนด์คิดเข้าข้างตัวเองเป็นรอบที่ล้านยามรู้ว่าเจ้าหญิงแอบสืบเรื่องของเขาด้วย
ทว่าข่าวที่เธอรู้มันเหลวไหลทั้งเพ
“พูดตามตรงฉันไม่เคยขอพวกหล่อนคบ ผู้หญิงพวกนั้นคิดไปเองทั้งนั้น ...ถึงได้บอกไงว่าตอนนี้เธอเป็นแฟนคนแรกของฉัน”
“เฮ้ ฉันไม่ได้ความจำเสื่อมนะ
คำว่าตกลงเป็นแฟนคุณฉันพูดตอนไหนกัน”
“ก่อนหน้านี้ฉันถามเธอว่าอะไรนะ?”
“จะมาเป็นแฟนกันไหม”
“ได้สิ ตกลง”
“โอ๊ย!
มั่วนิ่ม!” อีกฝ่ายหัวเราะเสียงทุ้มยามสาวน้อยส่งค้อนมาหนึ่งวง
ต้องรีบกล่อมเธอว่าเรื่องของเรามันไปไกลกว่านั้นแล้ว หากไม่รับข้อเสนอคนที่เสียหายคือฉันทั้งนั้น
“เธอนี่เป็นผู้หญิงใจยักษ์จริง
ๆ นะ นี่เธอคิดจะฟันฉันแล้วก็ทิ้งงั้นเหรอ ...นี่ฉันยอมเสียตัวถวายความบริสุทธิ์ให้เธอเลยนะ
เธอต้องรับผิดชอบฉันสิ มาสู่ขอฉันเดี๋ยวนี้!”
“เฮ้อ ขึ้นคานไปก่อนนะคะฉันไม่มีเงินหรอก
ถ้ารอไม่ไหวก็หาคนอื่นไปเลยก็ได้นะ ขอให้คุณเจอคนที่ดีค่ะ”
“คิดว่าข่าวมันจะดังไหมถ้ามีนักแสดงโดนปล้ำกลางร้าน!”
“ล้อเล่นหรอกน่าของขึ้นง่ายจัง
...รีบกินข้าวสิคะ เดี๋ยวขากลับรถจะติดนะ” หนุ่มโดนแกล้งยังคงนั่งนิ่ง
เธอยังทำเฉยจนโดฟลามิงโก้ต้องหรี่ตาแล้วถามย้ำคำถามที่ยังไม่ได้รับคำตอบ
“ฉันรอคำตอบเธออยู่นะไวโอเล็ต”
“คำตอบอะไรคะ?”
“...เธอจะเป็นแฟนฉันไหม?”
“อืม” คล้ายหัวใจมันอบอุ่น
คำพูดนี้ใช่ไหมที่ทำให้เขามีความสุข คราวนี้ไวโอเล็ตเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มเรียบง่าย
ปากอิ่มนั้นเฝ้าบอกคำตอบที่นับจากนี้มันจะกลายเป็นความทรงจำที่ดีไปตลอดกาล
“แต่เอ๊ะ คิดอีกที
เปลี่ยนมาเป็นแค่คนคุยก่อนได้ไหมคะ?”
“ได้
แต่คุยด้วยภาษากายเท่านั้นนะ”
“อ่า... งั้นเป็นแฟนกันเลยดีกว่าค่ะ”
ระยะห่างระหว่างเรามันสั้นลง
เขาเคยร้องขอแต่เธอไม่เคยก้าวเดินแต่เวลานี้เธอพร้อมแล้ว แม้จะเป็นคำของ่าย ๆ
แต่ความธรรมดาแบบนี้เนี่ยแหละที่เด็กสาวแสวงหา
ตลอดระยะเวลาโดฟลามิงโก้ไม่เคยทำให้มันเข้าที่เข้าทาง
ก่อนหน้านี้สถานะของเราคืออะไรเธอไม่เคยรู้ ทว่านับจากนี้ความสัมพันธ์ของเรามันคือความชัดเจน
...และเธอเองก็มีบางเรื่องที่อยากจะบอกคุณแฟนเหมือนกัน
“คุณรู้ไหมว่าคุณเองก็เป็นแฟนคนแรกของฉันนะ”
“รู้อยู่แล้วละ” อ่อนลง ...ตอนนี้เธอสัมผัสความหมายจากรอยยิ้มของเขาได้จริง ๆ ทั้งที่เมื่อก่อนคิดว่ามันมีแต่ความกวนประสาทแต่ทำไมตอนนี้มันถึงทำให้กายสั่นไหวแปลก
ๆ
‘แย่แล้วละ อาการแบบนี้’ เสียงหัวใจของเธอมันชักแย่แล้วละ
………………………
หลายวันต่อมา
โกสต์พริ้นเซสห้อยตัวติดเจ้าหญิงยามได้รับฟังข่าวสารปานใจหาย
อุตส่าห์เฝ้าเพ้อว่าทุกอย่างมันไปได้สวย ตัวเองกำลังจะมีเพื่อนแล้วแท้ ๆ
แต่อยู่มาวันหนึ่งไวโอเล็ตก็เข้ามาบอกว่าตนเองต้องขอตัวลาจาก
คนหน้าใสกล่าวขอบคุณและเริ่มเก็บสัมภาระ
อันที่จริงเจ้าหญิงก็แค่เก็บห้องให้เรียบร้อยเพราะตัวเองไม่มีอะไรติดตัวเลย บรรยากาศรอบตัวเธอดูผ่อนคลาย
ทั้งท่านเคานต์และไอดอลมองแผ่นหลังนั้นพร้อมมองหน้ากัน
แน่แท้เพโรน่าอยากห้ามแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงลงเอยด้วยการงอแงแล้วออดอ้อน
มิฮอร์คยิ่งแล้วใหญ่
หลังจากวันนั้นเขาก็ดูงุ่นง่านและตามคาดคั้นเจ้าหญิงเสมอว่า ‘แน่ใจเหรอ? เธอจะอยู่ที่นี่ต่อก็ได้นะ ไม่มีใครว่าเธอหรอก
...ไม่อยู่เหรอ อยู่ต่อเถอะ คือฉัน...’ ชายหนุ่มถามวนไปวนมาไม่จบสิ้น
ทว่าคำตอบที่ได้รับก็เหมือนเดิมทุกคราไป
ไวโอเล็ตแน่วแน่และมั่นคง
ไม่มีผู้ใดรั้งเธอได้เลย
“ยังไงก็อย่าลืมติดต่อมาหานะ
ฮือ ๆๆ” ร่างเล็กของเพโรน่าลอยตามแรง แม้จะกอดเอวเจ้าหญิงไว้แต่ไวโอเล็ตก็แข็งแรงมาก
ขนาดไอดอลทิ้งน้ำหนักลงมาทั้งตัวแม่สาวก็ไม่ยี่หระ เดินลากเธอต่อไปจนถึงหน้าประตูโดยไม่หืดหอบ
ดราคูล
มิฮอร์คไม่พูดอะไร เดินตามน้องสาวเงียบเหมือนกำลังตกอยู่ในภวังค์ กำลังจะพลั้งปากห้ามอีกครั้งทว่าทั้งคู่กลับต้องขู่ฟ่อยามเห็นใครบางคนยืนล้วงกระเป๋ารออยู่หน้าประตู
“แก! ไอ้นกกระแตแต้แว้ดโง่!”
โดฟลามิงโก้ขมวดคิ้ว ‘นกกระแตแต้แว้ดอะไรวะ!?’
แถมเจอหน้ากันไม่ทันไรยัยเด็กนี่ก็มาด่าเขาเฉย
“เธอสิโง่ยัยเตี้ย! อายุเท่าไหร่เนี่ยทำไมขาสั้นงี้ ลืมข้อเข่าไว้ในท้องแม่รึเปล่ายัยเตี้ย! แถมฉันยังไม่ลืมนะที่เธอบังอาจมาถีบฉันจนหัวโขกน่ะยัยเตี้ย!”
“อ๊าย! นี่นายจะด่าฉันว่าเตี้ยอีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ
อีกอย่างนายก็ไม่มีสิทธิ์มาหาว่าฉันเตี้ยนะถึงจะเตี้ยจริงก็เถอะ ...แถมคนอย่างนายน่ะสมควรโดนมากกว่ารองเท้าไอดอลด้วยซ้ำเจ้าเสาโทรเลข!”
จู่ ๆ โดฟลามิงโก้ก็เปลี่ยนไปยืนแยกเขี้ยวกับเพโรน่า เลือดขัตติยะทั้งสองปล่อยให้ทั้งคู่ยืนเถียงกันแล้วพาร่างหลบมุมมา
“แน่ใจนะว่าอยากทำแบบนี้
เธอคิดดีแล้วใช่ไหม?” ไวโอเล็ตยิ้มตอบก่อนจะสั่นศีรษะน้อย ๆ ...เธอบอกว่าไม่เป็นไรหรอก
ยิ่งเห็นสีหน้าท่านเคานต์จึงยิ่งไม่มั่นใจว่าเขากังวลเรื่องไหน
“ไม่เอาน่า
ท่านเคานต์ขี้กังวลไปแล้วนะคะ ว่าจะไปช่วงหลายวันมานี้คุณมีอะไรอยากบอกฉันสินะ
แต่ไม่บอกก็เป็นไรหรอก ...ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรคุณก็ยังเป็นพี่ชายของฉันเสมอนะ”
“เจ้าหญิง”
“คะ?” ไวโอเล็ตสบตามิฮอร์คนิ่ง แทบอยากจะหายไปจากตรงนี้ยามอีกฝ่ายพูดความจริงแบบไม่ให้เธอทำใจ
“ยาที่มันให้เธอกินวันนั้นฉันเป็นคนทดลองมันขึ้นมาเอง
มันคือหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ ...ฉันขอโทษ”
“อืม ช่วงที่เราไม่ได้ติดต่อกันคุณไปทำอะไรมาบ้างล่ะเนี่ย
...แต่ช่างมันเถอะค่ะ อย่าพูดถึงมันเลย”
“เจ้าหญิง” เจ้าของชื่อเลิกคิ้วอีกครั้งยามอีกฝ่ายเรียกเธอเป็นครั้งที่สอง ไวโอเล็ตกังวลใจแปลก
ๆ จำต้องเอ่ยถามว่าเขาอยากพูดอะไร
“คะ... ฉันรอฟังอยู่”
“คือฉันรู้เรื่องหมดแล้วนะ
เรื่องทุกอย่างเลย รวมถึงเรื่องที่เธอโดนมัน... เอ่อ...”
“ข่มขืนเหรอคะ?”
หัวใจคนฟังกระตุกวูบ ใช่...เรื่องนั้นแหละ เรื่องที่หากมีใครพูดออกไปก็เขย่าขวัญทั้งคนเอื้อนหรือคนรับ
...เรื่องที่หากเปิดเผยก็ทรมานแต่ถ้าเก็บไว้กลับกัดกินยิ่งกว่า
มิฮอร์คเคยตั้งปณิธานกับตนแล้วว่าจะตามสืบเรื่องของหล่อนด้วยตัวเอง
และตอนนี้ทุกความจริงคือสิ่งที่เขารู้ ...คนของเขาบอกว่าช่วงแรก ๆ เจ้าหญิงเข้าโรงพยาบาลบ่อยมาก
แต่ไม่อาจล่วงรู้ถึงข้อมูลการรักษาเพราะทุกอย่างถูกเก็บเป็นความลับ
มันมิดชิดเกินไปจนชายหนุ่มชักไม่แน่ใจ
เธอรักษาตัวที่โรงพยาบาลดรัม
ดร. ทรีนู ผู้อำนวยการของโรงพยาบาลนั้นเขาจำหล่อนได้ เจ้าหล่อนเคยชี้หน้าด่าเขาอยู่สองสามหนว่าเขามันพวกสัปดนที่คิดค้นยานรกตัวนั้นขึ้นมา
คราวนั้นมิฮอร์คเดินทางผิดและเขาไม่ใส่ใจ แต่มาวันนี้หากผู้อำนวยการคนนั้นอยากจะฟังคำขอโทษแบบไหน
ท่านเคานต์ก็พร้อมบอกให้ฟัง
แม่มดแห่งวงการแพทย์
หล่อนไม่ได้ขาวสะอาดแต่ก็ไม่ได้ดำมืดไปเสียทั้งตัว ผู้หญิงคนนั้นเป็นสีเทา
เจ้าแม่ทำหน้าไม่พอใจตอนรู้ว่าพวกโลกมืดเกี่ยวข้องกับคนไข้ของหล่อนอีกแล้ว ดร.
คุเรฮะถามว่าเขามีอะไรมาให้ แลกกับข่าวสารที่ท่านเคานต์อยากจะรู้
แน่นอนสิ่งที่คุยกันง่ายที่สุดก็คือเรื่องเงิน
ไม่เคยนึกขอบคุณในความมั่งคั่งของตนที่ใช้เป็นใบเบิกทางได้
ผู้อำนวยการเดินพาเขาเข้าไปในห้องห้องหนึ่งก่อนหล่อนจะโยนแฟ้มมาให้เขาหนึ่งเล่ม
ในนั้นคือประวัติคนไข้ของผู้ที่เขาอยากรู้
แต่แล้วชายหนุ่มต้องล้มทั้งยืนตอนได้อ่านทุกอย่างผ่านสายตา
เจ้าหญิงถูกกระทำชำเรา
เกือบซึมเศร้าและเกือบตาย...
หนแรกเด็กสาวพยายามฆ่าตัวตาย
หนที่สองเธอโดนชนและถูกยิง นึกขอบคุณในสวรรค์และคุณหมอที่ช่วยหล่อนให้มีชีวิตรอดมาเจอเขาได้
สาปส่งไอ้เวรนั้นที่ย่ำยีหล่อน ด่ามันอย่างเดียวไม่พอเพราะคนอย่างมันควรตายทั้งเป็น
นึกขัดใจมากนักที่ตอนนั้นปลายคมดาบไม่อาจเฉือนหน้ามันได้
‘โคตรหวังที่จะได้กรีดเลือดชั่ว
ๆ ของโดฟลามิงโก้ออกมาจริง ๆ’
ยิ่งนึกก็ยิ่งทำให้ท่านเคานต์ปะทุ
พยายามสงบสติอารมณ์ไม่ทำอะไรโผงผางเพราะเรื่องนี้มันยังต้องเป็นความลับ
...ราชาริคุจะรู้ไม่ได้ จะให้พ่อของเจ้าหญิงรู้ไม่ได้ เพราะหากท่านรู้การสูญเสียจะถือกำเนิดและเขาจะไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง
...มิฮอร์คไม่อยากให้ราชวงศ์ต้องสูญเสีย
และก็ไม่อยากให้น้องสาวกลับไปอยู่กับหมอนั่น
“ฉันอยากให้เธอคิดดี
ๆ เธอแน่ใจแล้วนะที่จะกลับไปอยู่แบบนั้น เธอแน่ใจจริง ๆ เหรอ?”
“ฉันไม่ได้กลับไปอยู่กับเขาหรอกค่ะ” คำตอบทำให้มิฮอร์คตกใจ
พี่ชายของเธอทำสีหน้าเหมือนอยากถามสาวน้อยจึงไม่รีรอที่จะอธิบายเพิ่ม
“เราตกลงกันแล้วค่ะ
โดฟลามิงโก้กับฉัน แม้ถึงฉันจะออกจากปราสาทท่านเคานต์ฉันก็ไม่ได้กลับไปอยู่กับเขาหรอก
...ฉันแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวน่ะ”
“แบบนั้นยิ่งไม่ได้ใหญ่!
ลืมแล้วเหรอว่าตัวเองพึ่งโดนลักพาตัวน่ะ!”
“ชู่ว
ใจเย็นก่อนสิคะ ทั้งท่านเคานต์และโดฟลามิงโก้เองรู้ตัวการแล้วไม่ใช่เหรอคะ? ถ้ารู้หน้าค่าตาศัตรูเรื่องรับมือก็ไม่ใช่เรื่องยาก”
“คิดง่าย ๆ
แบบนั้นได้ยังไง!? สังคมใต้ดินน่ะมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น …เธอไม่เข้าใจหรอก”
“ฉันเข้าใจดีเลยล่ะค่ะ
ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ด้วย ตอนนี้ฉันเข้ามาอยู่ในโลกของพวกคุณแล้วนะ
สิ่งที่ต้องทำคือเผชิญหน้ากับมันไม่ใช่เหรอคะ มันเปลี่ยนอะไรไม่ได้แล้ว ฉันไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ” มิฮอร์คสะอึก เขาเป็นคนบอกให้เธอเผชิญหน้า ...ใช่
และตอนนี้เขากลัวความหัวรั้นของเจ้าหญิงสุดหัวใจ
สายตานี้เขาจำมันได้ดี
หากมันแสดงออกผ่านแววตาคู่นั้นแล้วเจ้าหญิงวิโอล่าจะไม่มีทางหันหลังกลับ
ก็ได้ ครั้งนี้เขายอมแพ้
...แต่ว่า
“หมอนั่นมันเล่าทุกอย่างให้เธอฟังแล้วใช่ไหมว่าใครคือตัวการ?”
“ค่ะ”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าต้องระวังตัวยังไง?”
“อือ”
“ห้ามเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายอีกนะ
เวลาเจอเรื่องแบบนี้ให้หนี หนีไปเลย ...เธอเข้าใจใช่ไหม?”
“ช่วงนี้ท่านเคานต์ทำตัวเหมือนพ่อจริง
ๆ ด้วยนะคะ” ไม่ทันจะได้เอ่ยขอบคุณทั้งร่างก็โดนสุภาพบุรุษกอดไว้
ไวโอเล็ตหัวเราะน้อย ๆ ยามแรงปะทะทำให้จุกนิดหน่อย น้องสาวเลือกปลอบประโลมบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร
ขอบคุณท่านเคานต์จากหัวใจและสัญญาว่าหลังจากนี้เธอจะระวังตัว
ช่างเป็นบรรยากาศแสนอบอุ่น
อ้อมกอดของคนที่เปรียบดั่งครอบครัวเธอไม่ได้สัมผัสมันมานานแล้ว
ทั้งสองส่งผ่านความรู้สึกห่วงหากันอยู่นานจนไม่ทันได้รู้ว่า ...สองพระหน่อที่ยืนเถียงกันจนถึงชั่วครู่กำลังมองด้วยอารมณ์หึง
“อ๊าย! เลิกกอดกันเดี๋ยวนี้เลยนะมิฮอร์ค!
ตอนอยู่ในสวนก็ทีหนึ่งแล้วนะ อย่ามาทำบ่อย ๆ ได้ไหมรู้ไหมว่ามันอิจฉา!”
“อะไรนะยัยเตี้ย! สองคนนี้เคยกอดกันมาก่อนด้วยเหรอ!? หน็อย...ไอ้เหยี่ยวหน้าด้าน!
นี่แกคิดจะเล่นชู้รึไงฮะ!?”
บรรยากาศมันเกือบจะดีอยู่แล้วเชียว ติดเพียงแค่ว่ายามพวกเธอร่ำลากันตามประสาพี่น้องกันไม่ถึงห้านาที
เจ้าพ่อขี้หึงกับแม่ไอดอลขี้วีนก็โดนลมหวงตีขึ้นมาทันที
อยู่ดี ๆ ความอยากแกล้งก็ตีตื้น
ไม่รู้อะไรดลใจแต่ทั้งท่านเคานต์และเจ้าหญิงเกิดเห็นพ้องตรงกันว่าเหล่าคนขี้หวงต้องโดนหยอกสักที
“ที่ผ่านมาฉันมาคิดดูดีแล้ว
ๆ ไม่คิดว่าเราควรกลับไปคิดเรื่องแต่งงานกันให้จริงงั้นเหรอเจ้าหญิง?”
“อืม นั่นสินะคะ
นิสัยเราก็คล้าย ๆ กันด้วย หากให้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันต้องราบรื่นแน่ ๆ”
“ถ้างั้นเรามา...”
“ฝันไปเถอะเอ็ง! ...มานี่เลย กลับเดี๋ยวนี้! แล้วเธอน่ะยัยเตี้ย
เป็นสาวเป็นนางก็หัดใช้มารยามัดใจผู้ชายเสียบ้าง
ดูไม่ออกรึไงว่าตาเหยี่ยวมันเก็บกด สนองให้มันสักทีสิมันจะได้เลิกยุ่งกับแฟนชาวบ้าน!”
“ฮะ!? อะไรนะ... มัดใจเหรอ? ทำยังไงน่ะ?”
“รุกเร้าสักทีสองทีก็ไปไหนไม่ได้แล้ว”
“รุกเร้าเหรอ?” ไวโอเล็ตลอยตามโดฟลามิงโก้ทันทีตอนโดนเขาดึง
แม่ตากวางเห็นเพโรน่ากำลังจะร้องไห้โวยวายเธอจึงยกมือขึ้นขอโทษ
ยิ่งได้ท่านเคานต์คอยช่วยขยายความ
ไอดอลสาวจึงเปลี่ยนจากโวยวายมาเป็นอายม้วนกับคำพูดของเจ้าพ่อแทน
ท่านเคานต์ยิ้มมีเลศนัยส่วนเด็กโกสต์ยืนอายปิดหน้า
เจ้าหญิงเหลือเชื่อกับภาพนั้นก่อนจะโบกมือลาทั้งสองยามโดนยัดเข้ารถ
หันมองประตูบ้านอีกครั้งแล้วเลือกจดจำว่า... ไม่ว่าระหว่างทางเขาจะเคยเป็นอะไรแต่ท่านเคานต์ก็ยังคงเป็นพี่ชายของเธอเสมอ
ขอบคุณวันนั้นที่เราเจอกัน
………………………
ประหนึ่งภาพหนังม้วนเดิมที่ฉายซ้ำเหตุการณ์ไม่รู้ลืม
ฉากต้อนรับที่แสนคุ้นตาประเดิมเข้ามาเสียจนรู้สึกชื่นใจ
เธอกับโดฟลามิงโก้กลับมาที่คฤหาสน์แล้ว เป็นไปตามคาดว่าคำเอ่ยทักมันคุ้นหูเหมือนเคยได้ยิน หากยังเอะอะมะเทิ่งกันต่อไป อีกไม่นานเจ้าบ้านต้องขอตัว
...ซึ่งมันก็ไม่ผิดเลย หลังการทักทายด้วยความห่วงหาจบลง
โดฟลามิงโก้ก็ปลีกตัวลากเธอเข้าบ้านทันที หลงคิดไปว่าอาจจะมีถ้อยคำตัดพ้อลอยมาแทงใจเล่น
ๆ แต่น่าแปลกที่มันไม่มีเลย
พวกเธอเดินเข้ามาอยู่ในห้องนอน
ชายขายาวเดินวนไปทั่ว ไม่มีคำพูดห้ามปรามเพราะรู้ดีว่าห้ามไปก็รั้งไว้ไม่ไหว
ไวโอเล็ตเลือกเก็บของจำเป็นลงกระเป๋าก่อนจะได้ยินเสียงเขาทิ้งตัวลงบนเตียงแรง ๆ
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจดังมาเป็นระลอก
อันที่จริงมันถี่เสียจนหญิงสาวมั่นใจว่าเขากำลังเรียกร้องความสนใจ
ร่างบางเลือกเก็บเสื้อผ้าต่อไปไม่วายต้องเหล่มองนิดหน่อยยามอีกฝ่ายคุยกับตุ๊กตา
“นี่ดองกี้แกว่าหล่อนใจร้ายไหม?
…อะไรนะแกก็คิดงั้นเหมือนกันเหรอ? …เนี่ยไม่รู้ว่าไปทั้งที่จะพาแกไปอยู่ด้วยรึเปล่า? น่าสงสารจังต้องนอนเหงาหงอยคนเดียว …ต้องหนาวมากแน่
ๆ เลย”
“เสร็จแล้วละค่ะ
ไปกันเลยไหม?” ไวโอเล็ตฉวยตุ๊กตานกสีชมพูมาแล้วหนีบไว้ใต้แขน
ยืนมองเจ้าพ่อนิ่งยามเขานอนมองเธอท่าเดิม โดฟลามิงโก้ชูมือขึ้นเหมือนให้เธอฉุดเขาขึ้นไปหน่อย
เจ้าหญิงทำตามไม่เกี่ยงงอนแต่ในทันทีที่จับมือนั้น
...ทั้งร่างก็โดนดึงให้ล้มลงไปกองบนตัวเขาทันที
“ดูละครมากไปรึเปล่าคะทำไมถึงชอบทำฉากชายหญิงมาล้มกองกันบนเตียง”
“อืม เจ้านกนั้นมันบอกเธอใจร้าย”
“อือ
ก็พานกตัวนั้นไปอยู่ด้วยแล้วไงคะ แต่คุณนกตัวนี้ต้องเลิกขี้เกียจแล้วลุกขึ้นมาได้แล้วนะ
เดี๋ยวกลับบ้านมืด ๆ มันอันตราย”
หนุ่มใต้ร่างจ้องเธอนิ่งก่อนจะสวมกอดเอวบางไว้ให้แนบใกล้กว่าเดิม
“วงการบันเทิงมันเละเทะกว่าที่เธอคิดนะ
คนดีแบบเธอน่ะตามเขาไม่ทันหรอก แถมฉันก็ไม่ไว้ใจเตโซโรมันด้วย” นักแสดงยิ้มตอบ เธอใช้หนึ่งมือลูบเส้นผมหลังท้ายทอยเขา
“วันนั้นคนที่ลักพาตัวฉันไปบอกฉันว่าหากคิดจะอยู่รอดในวงการนี้ต้องมีหนุนหลัง
แสงสีในโลกมายามันน่ากลัวจริงด้วยทำให้ที่ผ่านมาฉันคิดมาตลอด...
โดฟลามิงโก้คะ... คุณช่วยเป็นคนนั้นของฉันได้ไหม? คนที่คอยผลักดันและปกป้องกัน ...คนที่อยู่ด้วยกันแม้จะต้องใช้ชีวิตอยู่ในแวดวงบันเทิง” ใช่ ...มันคือสิ่งที่เขาต้องเผชิญ คราวนี้ชายหนุ่มมีทั้งเงินและอำนาจ คงไม่มีสิ่งไหนที่เขาปกป้องไม่ได้
...หากเงาในอดีตของเขายิ่งใหญ่ก็ให้เขาเผชิญหน้ากับมัน
และโปรดจงเชื่อมั่นว่ายังมีฉันอยู่ข้างคุณ
เจ้าพ่อยิ้มตอบ
ไม่อาจรู้ว่าเธอคิดจะทำการสิ่งไหนทว่าคำร้องที่เธอขอน่ะ
“Until the end of the world” เขายินยอมจะทำไปจนตาย
สองสายตาจ้องกันนิ่ง
รับรู้ว่าเขาล้วงมือไปหยิบอะไรสักอย่างก่อนสัมผัสเย็น ๆ
ของทองคำขาวจะไล้อยู่ที่ต้นคอ มันเป็นสร้อย 1 กษัตริย์เส้นเล็กที่ตรงกลางเป็นรูปดอกสวีทไวโอเล็ตฝังเพชรเม็ดจ๋อย
แม้จะดูเรียบง่ายแต่สาวน้อยก็รู้ว่ามันคงไม่ธรรมดา ทั้งเรื่องราคาและความหมายของมัน
“ที่จริงกะจะให้ตั้งแต่วันคริสต์มาสแล้ว
อาจจะช้าไปบ้างแต่มันคือของขวัญที่ฉันอยากให้เธอ เป็นแฟนกันนะ?”
เสียงหัวใจที่เต้นตึกตัก
ก้อนเนื้อที่อกซ้ายเคลื่อนระส่ำไม่เป็นจังหวะ เจ้าหญิงรู้สึกเหมือนหมู่นกที่โผบิน
คล้ายละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายอบอวลอยู่ในหัว
‘จริงด้วยมันแย่แล้วล่ะ
สัญญาณแบบนี้มันแย่แล้วจริง ๆ’ เพลานี้เริ่มจะชัดเจน ยิ่งมาทะเลาะกันแล้วต้องห่างกัน
ยิ่งทำให้รู้ว่าความคำนึงถึงมันก่อขึ้นในจิตใจ ...เธอพยายามปิดกั้น
สร้างกำแพงแสนกว้างใหญ่ บอกตัวเองว่าอย่าให้ใครเข้ามา
ทว่ากำแพงของเธอมันเปราะบาง
รู้ตัวอีกทีอสูรร้ายก็ประทับพันธสัญญาฉุดรั้งให้เราต้องเดินไปด้วยกัน
ปฏิเสธไม่ได้
มีแต่ต้องยอมรับ
คำพูดเธอส่งต่อ จุมพิตเธอมอบให้
...ไวโอเล็ตผละหน้าออกมาก่อนกระซิบหยอกว่าสิ่งที่เขาถาม เธอตอบตกลงไปตั้งแต่วันนั้นแล้วนะ
เขาจำมันไม่ได้หรืออย่างไร
“นี่สินะที่เรียกว่าพ่อคนขี้ลืม”
───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ
บทที่แล้วคืออะไร ทำไมบทนี้เป็นเยี่ยงนี้ล่ะ
และไรท์ซ่อนไว้อีกแล้วล่ะ
ก่อนวันคริสต์มาสมิงโก้นางหาของขวัญจะไปเซอร์ไพร์เจ้าหญิงอยู่นะ (จริงอยู่ที่หวังจะฟัดให้หน่ำใจแต่มันมีอย่างอื่นอยู่ด้วย)
แต่กลับต้องมาทะเลาะกันเลยยังไม่ได้ให้
ตอนนี้ก็ให้ไปแล้วนะแถมคำพูดยังไม่ธรรมดาอีก
หึหึ หวานนัก ลำไย
และตลอดเวลาที่นางเอกไม่เคยเล่นด้วยนั่นก็ตามนั้นเลย
เพราะพระเอกไม่เคยขออะไรให้มันชัดเจนไงล่ะ
เอาแต่ทีเล่นทีจริงใครเล่าจะไปรู้
คนอย่างเจ้าหญิงต้องมีความชัดเจนค่ะ มิงโก้มาถูกทาง
#see you next chap. naka
ใครกำลังสอบก็ขอให้ผ่านไปได้ด้วยดีนะ
─────────────
ความคิดเห็น