NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    END; ONE PIECE - a million ways to fall in love with you | Doflamingo x Violet/Viola

    ลำดับตอนที่ #49 : If you want to know anything (โปรดเธอจงถามฉัน)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 382
      52
      14 พ.ค. 64



    ตอนที่ 41: If you want to know anything

    (โปรดเธอจงถามฉัน)




     

     

    เสียงลูกธนูแหวกอากาศดังวี้ดหวิว ก่อนมันจะพุ่งเลยเป้าหายไปในพงหญ้า มือบางง้างคันศรอีกครั้ง ปล่อยปีกขนนกให้ยิงออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนแล้วหนเล่า

     

    เจ้าหญิงอารมณ์ไม่ดีมิฮอร์คยืนมองภาพดังกล่าวด้วยสายตาพินิจ เด็กสาวหลงอยู่ในโลกส่วนตัวมุ่งมั่นยิงธนูโดยไม่สนผู้ใด ...เธอคงไม่อยากให้ใครก้าวก่ายแต่ยามนี้เขาคงต้องละเมิด

     

    สมาธิคือเครื่องวัดสภาพจิตใจได้ดีที่สุด... เสียงพุ่งแหวกอากาศดังแว่วหนึ่งครั้งก่อนปลายศรที่ท่านเคานต์ยิงจะปักที่กลางเป้าเหมือนจับวาง ถ้าจิตใจเธอหวั่นไหวยิงให้ตายยังไงมันก็ไม่เข้าเป้า ...หากเจอปัญหาสิ่งที่ควรทำคือเผชิญหน้ากับมัน ตรงดิ่งให้เหมือนลูกธนู

     

    บางทีท่านเคานต์ก็ดุเก่งเหมือนคุณพ่อฉันเลยนะ

     

    อืม ถือว่าหนวดฉันกับราชาริคุมีความงามใกล้เคียงกัน ฉันดูแลหนวดเคราของฉันดีมากเลยล่ะ ถึงจะงุ่นง่านแต่สาวน้อยก็เผลอหัวเราะยามอีกฝ่ายดันหยอกล้อ

     

    นั่นสิ ที่ผ่านมาเธอเอาแต่วิ่งหนีปัญหา หลังจากนี้ต้องรีบกลับไปเผชิญหน้าความจริง ต้องขีดฆ่าภาพเด็กสาวไร้เหตุผลทิ้งไป อุตส่าห์คิดว่าตัวเองนั้นมีสติควบคุมทุกอย่างได้แต่กลับพบว่ายามใดที่มีผู้ชายชื่อโดฟลามิงโก้โผล่เข้ามา ทุกอย่างของเธอมักจะรวนเร

     

    เธอรู้ตัวมาสักพักแล้วว่าเขาเริ่มมีอิทธิพลกับความรู้สึกเธอมากเกินไป

     

    สาวน้อยไม่อาจเพิกเฉย คิดว่าให้ยืดเยื้อต่อไปต่างฝ่ายต่างก็เจ็บ ตอนนี้ครบกำหนดสองวันตามที่บอกแต่ที่จริงมันเข้าวันที่สามแล้วที่เขาไม่มาวุ่นวาย หันมองมือถือตัวเองที่วางบนโต๊ะก็พบว่ายังเงียบสงบ เธอได้มันคืนหลังจากที่เจ้าพ่อมาส่งที่คฤหาสน์ เราทั้งคู่ไม่พูดอะไรจวบจนสุดท้ายความเงียบคือสิ่งที่เราบอกลากัน

     

    เด็กสาวรีบสางผมแล้วขอตัวจากท่านเคานต์เพื่อไปอาบน้ำ หลังจากกลับมาดูพี่ชายคนนี้พยายามจะบอกอะไรเธออยู่ตลอด เธอหวังว่าจะรู้แต่หลังจากเคานต์ดราคูลสบตาเธอ ...ชายหนุ่มมักเงียบไป

     

    คงเป็นอีกเรื่องที่เริ่มก่อกวนใจ ไวโอเล็ตเช็ดผมที่เปียกหมาดก่อนจ้องมองแล็ปท็อปอยู่ช้านาน เธอติดต่อหาคุณพ่อแล้ว คุณพ่อดุเธอยกใหญ่ว่าเธอหายไปทำไมไม่บอก เคยรู้บ้างไหมว่าท่านเป็นห่วงจนแทบบ้า ซึ่งเรื่องนี้ไม่อาจแก้ตัวเพราะความผิดมันชัดเจน เด็กสาวเล่าให้คุณพ่อฟังบางเรื่องแต่ละบางเรื่อง แน่แท้ท่านเข้าใจแถมไม่ซอกแซก ...คงไม่มีใครดีเท่าท่านอีกแล้ว

     

    ตอนนี้ปัญหาครอบครัวเคลียร์แต่เรื่องที่ยังไม่ชัดเจนคือเรื่องของเขา พอมาคิดทบทวนดูอีกครั้งแล้วเธอกลับพบว่า ยังมีสะเก็ดภาพที่หายไปเขาดูไม่พอใจมากตอนรู้ว่าเธอเข้าวงการ แถมเตโซโรยังบอกว่าคุณแม่เขาเป็นนักแสดงอีก

     

    สองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกันยังไง?’ เจ้าหญิงตัดสินใจเปิดหน้าจอขึ้นมาในฉับพลันก่อนทำการค้นหาส่วนรูปภาพที่ขาดหาย

     

    ถ้าเป็นนักแสดงก็ต้องมีข่าว เธอเริ่มต้นพิมพ์คำง่าย ๆ อย่างเช่นนามสกุลของเขากับคำว่าวงการบันเทิง ในเมื่อตัดสินใจแล้วสิ่งที่ควรเข้าใจอย่างแรกคือเรื่องของเขา สมัยนี้ทุกอย่างเคลื่อนไหวอยู่บนโลกอินเทอร์เน็ต ดังนั้นจึงไม่ใช่การยากที่เธอจะสืบรู้บางเรื่องได้ด้วยตนเอง

     

    สีหน้ายิ่งกว่าปั้นยากยามข้อมูลทุกอย่างปรากฏแก่สายตา ...ทุกสิ่งที่เห็นคือสิ่งที่เรียกว่าความจริง

     

    โดฟลามิงโก้เป็นลูกชายของนักแสดงตามที่เตโซโรบอก เธอทำการค้นหาแบบไม่เจาะจงแต่ภาพข่าวสารทุกอย่างก็เด่นชัดเต็มหน้าจอ

     

    ...แม่ของเขาดังมาก

     

    ในนั้นมีภาพถึงหญิงสาวหน้าตาอ่อนโยนคนหนึ่ง ความงามของหล่อนช่างเปล่งประกายจนคนมองต้องหรี่ตา รอยยิ้มอ่อนหวานสะกดทุกผู้ให้หลงใหล ไม่อาจบอกคำใดได้ว่าเธอคือดาว

     

    คุณแม่ชายหนุ่มมีเส้นผมสีทองสลวย ได้คำตอบแล้วว่าเขาได้เรือนผมน่าอิจฉาแบบนี้มาจากไหน เรื่องราวนักแสดงงดงามมีเต็มไปหมด ดูเหมือนเมื่อ 10-20 ปีก่อนดารานำคนนี้จะดังค้างฟ้าจริง ๆ

     

    เธอลาวงการไปช่วงระยะเวลาหนึ่งแต่ชื่อเสียงก็ยังค้างอยู่ ในข่าวบอกว่าหญิงสาวได้พบรักกับนักธุรกิจไฟแรง คบหาดูใจกันสักระยะจนสุดท้ายก็ตกลงปลงใจแต่งงานกัน มีข่าวแม้กระทั่งว่าเธอท้องลูกชายด้วยและเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือดอนกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้

     

    เด็กสาวยิ้มเยาะเพราะขนาดเขาเป็นแค่เด็กชายแต่โดฟลามิงโก้ก็ส่อแววกวนประสาทคนตั้งแต่เล็ก นิ้วเรียวไล่อ่านทุกอย่างไปเรื่อย ๆ ...ชายหนุ่มมีน้องชาย เรื่องนี้เธอรู้อยู่แล้ว เด็กผู้ชายผมทองอีกคนที่ดูขี้อายและมีรอยยิ้มอ่อนโยนเหมือนผู้เป็นแม่ ...รอยยิ้มที่ทำให้ผู้พบเห็นหลงรักได้อย่างไม่ยากเย็น

     

    เผลอคิดไปว่าหากปิศาจเปลี่ยนมาใช้รอยยิ้มแบบนี้ล่อลวง แม้แต่เธอเองก็คงจะหลงเสน่ห์ได้อย่างไม่ยากเลย เธอสืบเสาะหาประวัติเขาอีกครั้งจนโตในช่วงเวลาหนึ่ง ไวโอเล็ตทำหน้ายุ่งเพราะหลังจากลูกชายคนโตอายุครบ 12 ข่าวสารทุกอย่างก็หายไป...

     

    นักสืบหรี่ตา ไม่ว่าจะพยายามหาเท่าไรเรื่องทุกอย่างมันก็หยุดแค่นั้น พยายามจะหาคำอื่นแต่ก็ไม่พบ พยายามจะค้นทุกหน้าแต่ก็ไม่มีเรื่องราว ...เหมือนภาพชีวิตในฐานะลูกชายของนักแสดงถูกหยุดไว้จนหาไม่เจอ

     

    สาวน้อยกอดอกหลวม ๆ ก่อนนึกย้อนคำพูดที่พอจะส่อเค้าไปยังอดีต

     

    เหมือนที่คุณแม่ของโดฟลามิงโก้ตัดสินใจไม่ร้างราวงการเพื่อกลับไปหาเขาไงล่ะครับ ไม่ลาวงการเหรอ? เด็กสาวเค้นหัวสมองคิด ...ทำไมถึงกลับเข้าวงการ แล้วหลังจากกลับไปแล้วชั่วระยะเวลาหนึ่งข่าวคราวเงียบหายไปไหน? เธอไม่อยากคิดร้ายแต่สัญชาตญาณก็ร้องบอกว่ามันคงจะเป็นอยู่อย่างเดียว

     

    มือบางพิมพ์คำบางคำลงไป... ปิศาจไม่เคยพูดถึงครอบครัว ปิศาจไม่เคยบอกว่าครอบครัวที่แท้จริงเป็นแบบไหน รู้อยู่ว่าครอบครัวที่เขามีคือแฟมิลี่ในตอนนี้ สาวน้อยขมวดคิ้วก่อนลังเลไปชั่วครู่แล้วกดค้นหาคำบางคำที่เธอเองก็ไม่ชอบใจ...

     

    คำว่า เสียชีวิต

     

    แทบแหลกสลาย ภาพข่าวน่าสลดประโคมใส่ความรู้สึก ข่าวครึกโครมของการสูญเสียทำให้ตัวเธอเจ็บรอน ๆ ...เขาตายทั้งเป็น สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากอุบัติรถยนต์ สูญเสียแม่ตัวเองไปเหมือนที่เธอสูญเสียพี่สาว

     

    คุณแม่โดฟลามิงโก้ประสบอุบัติเหตุ ในข่าวยังมีรูปภาพผู้หญิงอีกคนที่โชว์อยู่ที่มุมหนึ่งด้วย คือพี่น้องหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจแต่สรุปได้ว่าข่าวนี้มีผู้เสียชีวิต 2 คน

     

    ทุกคนร่ำไห้ ดาวที่เคยจรัสแสงบัดนี้ได้หมดประกายลงแล้ว เห็นแม้กระทั่งภาพงานศพ ...ภาพงานศพที่เธอมองยังไงก็เหมือนเห็นตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าโลงศพพี่สาว

     

    ลูกชายคนโตไม่ร้องไห้ อันที่จริงสายตาเขาแข็งกร้าวจนดูน่าหวาดหวั่น ลูกชายคนเล็กดอนกิโฮเต้ โรซินันเต้ฟูมฟาย และแน่แท้ผู้เป็นบิดาก็แทบแหลกสลายยามมองร่างไร้วิญญาณของคนอันเป็นที่รัก

     

    เหล่าแฟนคลับหรือผู้ร่วมงานไว้อาลัย มีอนุสรณ์ไว้รำลึกถึงดวงดาราคนนี้ด้วย ไวโอเล็ตตัดสินใจจดที่อยู่นั้นก่อนจะปิดแล็ปท็อปแล้วขอท่านเคานต์ออกไปข้างนอกทันที ขอร้องอยู่นานจนสุดท้ายก็ได้บอดี้การ์ดติดตามมา 2 คน

     

    ท่านเคานต์ห้ามไม่ได้เพราะเธอกำลังทำตามที่เขาบอก

     

    ตอนนี้เราต้องพุ่งหาความจริงให้เหมือนดั่งลูกธนู

     

     

     


    ………………………

     

     


     

    มันเป็นสถานที่ที่ใช้ระลึกถึงบุคคลที่จากไป สวนเขียวแสนงดงามที่ตั้งอยู่หลังตึกสถานีโทรทัศน์ มีแท่งหินและกรอบรูปดาราที่เสียชีวิตหลายคนเติมแต่งอยู่ที่นี่ บางทีอาจดูเหมือนพิพิธภัณฑ์เพราะหากเดินผ่านจะได้พบม่านชีวิตของแต่ละคนลอยเศร้าคล้ายบทละคร

     

    เธอรับรู้ และเรื่องของผู้หญิงคนหนึ่งคือสิ่งที่เธอตามหา

     

    ที่แหล่งนี้มีคนบางตาแต่ยิ่งเดินลึกเข้าไปหวังพบม่านชีวิตของคุณแม่โดฟลามิงโก้ เจ้าหญิงก็มั่นใจว่าที่ตรงนั้นมีใครนั่งอยู่ก่อนแล้ว

     

    คิดแล้วว่าเธอต้องมาที่นี่ คนพูดไม่แม้นแต่หันมาสบตา ใบหน้าเขาเหม่อมองเหมือนภาพตรงหน้าสะกดสายตาเกินกว่าจะผละหนี ไวโอเล็ตยืนมองภาพนั้นก่อนจะวางช่อดอกไม้สีม่วงขาวไว้ใกล้ ๆ ไม่แปลกใจที่มันมีช่อดอกไม้ของใครวางอยู่ก่อนแล้ว

     

    เขาเองก็มาเยี่ยมคุณแม่เหมือนกัน

     

    ดอก sweet violets รู้รึเปล่าแม่ฉันชอบดอกไม้นี้ พ่อฉันปลูกมันเป็นสวนในวันครบรอบวันแต่งงาน และฉันได้กลิ่นมันจากตัวเธอในวันแรกที่เราเจอกัน ไวโอเล็ตไม่ตอบ หญิงสาวนั่งคุกเข่ามองผู้หญิงในรูปนิ่ง

     

    คุณรู้ภาษาดอกไม้จริง ๆ ด้วยสินะ ถึงให้ฉันใช้ชื่อนั้น

     

    มันคงดูเย้ยหยันดีถ้าวันหนึ่งเธอเปลี่ยนไปแต่ความหมายของชื่อมันยังไม่เปลี่ยน

     

    ไม่แปลกเลยนะที่รู้สึกแบบนั้นกับคุณตั้งแต่แรก

     

    เกลียดฉันน่ะเหรอ ...ก็คงต้องเกลียดแหละ คนบ้าอะไรจะมาตั้งชื่อคนด้วยสีชั้นใน ...แต่ฉันไม่เคยเสียใจที่มอบชื่อนั้นให้เธอ

     

    ต่างคนต่างเงียบ ร่างน้อยลุกขึ้นแล้วเปลี่ยนไปนั่งใกล้ ๆ เขา สายตาเฝ้าดูว่าตรงจุดนี้โดฟลามิงโก้มองเห็นอะไร ...ลมเย็นพัดเข้ามา เกี่ยวปลายผมให้ปลิวไสว ผมเธอยาวเกือบเท่าเดิมแล้ว นึกอยากให้สายลมพัดพากลิ่นกายเธอบ้างว่าตัวเองมีละอองอายแบบไหน

     

    คุณแม่คุณ... แสดงเก่งรึเปล่า?”

     

    เก่งจนใครก็เทียบไม่ติด หน้าบานทุกครั้งที่ใครก็อยากเป็นแบบเขา ...เธอคือดาวที่ทำให้ฉันภูมิใจ และเขาก็บอกว่าพวกฉันคือสิ่งที่เขาภาคภูมิใจ เหมือนน้ำเสียงเขาอ่อนลง ไวโอเล็ตไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงใครด้วยความอ่อนโยนแบบนี้ ...เข้าใจชัดเลยว่าผู้ชายคนนี้รักคุณแม่ขนาดไหน

     

    เธอเข้าใจเพราะเธอเองก็รักครอบครัวจากก้นบึ้งของหัวใจเหมือนกัน

     

    ฉันเสียใจกับการสูญเสียของคุณ คนข้าง ๆ ไม่ตอบ เขานั่งนิ่งเหมือนความจริงกลับสู่สมอง สาวน้อยเลือกที่จะไม่ถามต่อ เธอปล่อยให้บรรยากาศที่ไม่รู้จะสุขหรือจะเศร้าเคล้าอารมณ์ต่อไป แต่แล้วเจ้าหญิงก็ต้องหันมองเขาช้า ๆ ยามอีกฝ่ายพูดความหลังที่เขาเองก็ไม่อยากขับมันออกมา

     

    แม่ฉันเป็นดาราและลาวงการทันทีหลังฉันเกิด หันมาใช้ชีวิตตามประสาคนธรรมดาทั่วไป ตื่นมาทำข้าวเช้า ไปรับไปส่งเราพี่น้องที่โรงเรียน มาร่วมกิจการ เป็นครอบครัวสุขสันต์ธรรมดาทั่วไป ทั้งที่คิดว่ามันจะเป็นแบบนั้นไปตลอดแต่ก็ไม่ใช่... โดฟลามิงโก้หันมามองเธอแล้ว ใบหน้าแสดงถึงความทนทุกข์ที่เคยเห็นเขาทำตอนอยู่ที่สนามกีฬา

     

    สีหน้าที่เธอรู้สึกเจ็บปวดไปพร้อมกัน

     

    เธอเองก็เคยรู้ว่าการเสียคนที่รักเป็นยังไง ...เธอเข้มแข็งและทนได้ แต่เชื่อไหมว่าฉันทนไม่ได้ ...เคยคิดว่าตัวเองผ่านมันไปแล้ว แต่มาวันนี้ วันที่ฉันรู้สึกเหมือนจะเห็นภาพนั้นอีกครั้ง วันที่ฉันต้องมองเธอผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ฉันก็รู้ได้ในทันทีว่าตัวเองยังย่ำอยู่ที่เดิม

     

    ภายในตัวฉันมืดมิดและยุ่งเหยิงมากนะไวโอเล็ต แต่ถ้าเธอไม่ว่าอะไรขอฉันถามเธออีกครั้งได้ไหม ...เธออยากรู้อดีตของฉันรึเปล่า ถ้าเป็นตอนนี้ฉันจะเล่าทุกอย่างของฉันให้เธอฟังถ้าเสียงที่ปริแตกคือเสียงกำแพงที่ทลายตอนเรากีดกั้นซึ่งกันและกัน จะปล่อยให้เสียงนั้นมันดังก้องต่อไป สักวันมันคงจะเปลี่ยนเป็นท่วงทำนองที่ขับเคลื่อนไปพร้อมกับหัวใจ และเราคงได้ใกล้กัน

     

    ตอนนั้นที่ฉันไม่เอ่ยถามเพราะรู้ดีว่ามันต้องเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดและฉันไม่อยากให้คุณนึกถึงมัน ...แต่ตอนนี้

     

    ...คุณช่วยแบ่งเบามาให้ฉันได้ไหมคะ ให้ฉันได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของคุณด้วยเถอะ

     

    ให้ฉันได้ก้าวเข้าหาคุณ

     

     

     


    ………………………

     

     


     

    ที่แห่งนี้คือมนตรา มีเพียงปิศาจที่รู้ทางเข้าและมีเพียงปิศาจที่แพร่งพรายความลับให้รู้ได้

     

    ใจกลางความโกลาหล หากคุณมีกุญแจและเลือกที่จะจับมือเขา เดินเข้าไปอีกนิดจะพานพบความมหัศจรรย์ที่เสาะหาได้แค่ในความฝัน

     

    รอบตัวคือทุ่งดอกหญ้า ปลายยอดเจ้าช่างสูงยาวจนไล้มาสัมผัสหลังมือยามคิดผ่าน ละอองแดดส่อละมุน หากไม่ติดว่าเสื้อผ้าของเราทั้งสองไม่กลมกลืน สาวน้อยคงคิดว่ากำลังฝันไป

     

    สืบเท้าเข้าไปใกล้ก็จะพบสวนดอกหวานแสนรัญจวน หากคิดจะเอ่ยชื่อนั้นคงต้องบอกว่าเจ้าคือ my sweet violet

     

    กลิ่นของเธอช่างหอมฝัน หากภูตปล่อยมือแล้วเร้นกายหนี เจ้าของสวนคงจนปัญญาว่าแฟรี่ของเขาไปซ่อนตัวที่ดอกไหน

     

    สองมือเกี่ยวกันหลวม ๆ เพราะ ณ ปลายทาง สิ่งที่เห็นมาทั้งหมดทำให้เราสองต้องลืมตาขึ้นมาจากห้วงนิทรา

     

    สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือป้ายหลุมศพที่จารึกเด่นชัดด้วยคำว่า แด่ครอบครัวอันเป็นที่รัก และต่อจากนั้นเรื่องราวในนิยายก็ถูกคั่นด้วยโลกความจริง

     

    พวกเขาถูกฝังอยู่ที่นี่ ทั้งพ่อ แม่ โรซี่ ...นอนข้างกันอยู่ใต้พื้นดินอันหนาวเย็น

     

    สวนทั้งหมดนี่เป็นของคุณเหรอ?”

     

    เป็นของแม่ฉัน พวกเราสร้างมันให้เธอ และหลังจากนั้นมันก็เป็นของพ่อฉัน และเป็นของน้องชายฉัน ...พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นี่ เขาให้ความสำคัญ ทุกตารางนิ้วถูกจัดและดูแล ไม่เคยคิดเลยว่าโดฟลามิงโก้จะมีสถานที่งดงามแบบนี้ เด็กสาวยังคงเฝ้าดู พยายามนึกให้ออกถึงภาพครอบครัวเวลาเขาอยู่ด้วยกัน 4 คน

     

    มันก็คงจะมีความสุขเหมือนภาพครอบครัวของเธอล่ะมั้ง

     

    พ่อฉันเป็นนักธุรกิจเธอรู้เรื่องนั้นแล้วใช่ไหม ไวโอเล็ตตอบรับ ไม่อยากขัดความรู้สึกที่เขาตั้งใจร้อยเรียงให้ฟังเพราะตอนนี้ชายหนุ่มกำลังเปิดใจให้เธอ

     

    ก็เหมือนคู่รักทั่วไปที่เจอกัน รักกัน คบกันแล้วก็แต่งงานกัน เป็นชีวิตสมบูรณ์แบบของนักแสดงที่ทุกคนอวยพร ...หาใครสักคนดูแล ใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวตลอดจนบั้นปลายชีวิต คนพวกนั้นคิดว่ารู้ตอบจบแต่หารู้ไม่ว่าระหว่างทางมันไม่ได้สวยงามเหมือนในหนังสือ ใบหน้าคมหันมามองเธอ อีกฝ่ายบีบมือเธอแน่นเหมือนเรื่องที่พูดเธอต้องทำใจรับฟัง

     

    แม่ฉันออกจากวงการเพราะพ่อบอกว่าดูแลเธอไหว ไม่ต้องให้เธอทำงานแค่กลับบ้านมาทำหน้าที่ภรรยาและแม่ที่ดีเท่านี้คือสิ่งที่เขาต้องการ

     

    ...ช่วงแรกมันไปได้สวย ฉันก็คิดว่าตัวเองนี่เกิดมาโดยพระเจ้ารักชัด ๆ เกิดบนกองเงินกองทอง ขออะไรก็ได้ดั่งใจคิด มีทุกอย่างที่เด็กวัยเดียวมีไม่ได้ พ่อก็ดี แม่ก็อ่อนโยน น้องชายก็ซุ่มซ่าม ...เฮอะ ฉันนี่โตมาโดยไม่ขาดตกบกพร่องอะไรเลยนะ เป็นเด็กที่น่าอิจฉาจริง ๆ แม้คำพูดจะดูเหมือนโอ้อวดแต่เจ้าหญิงก็มั่นใจว่าเขาประชดประชันตัวเอง

     

    แต่โลกสวยงามที่เราอยู่เป็นเพราะพ่อฉันสร้างเกราะกำบังให้ ไม่เคยยากลำบาก ไม่เคยรับรู้เรื่องคาว ๆ ไม่เคยรู้เลยว่า...ธุรกิจที่ทำอยู่มันกำลังโดนฉ้อโกงจนแทบล้มละลาย

     

    คนที่ไว้ใจที่สุดกลับหักหลัง คนที่เคยคิดว่าจะช่วยได้กลับหันหลังให้ ...พวกมันไม่เคยแยแสว่าจะทำให้ใครต่อใครต้องทนทุกข์ และนั่นคือวันที่ฉันได้รู้จักคำว่ามาเฟียเป็นครั้งแรก มาเฟียที่ขโมยทุกอย่างไปจากเรา

     

    พ่อฉันไม่เคยลดตัวไปทำเรื่องสกปรกแต่ศัตรูกลับเน่าเฟะเสียยิ่งกว่าขยะ จนแล้วจนรอดสิ่งที่เคยมีมันก็หายวับไปในพริบตา พวกเราหมดตัว พึ่งรู้จักกับคำว่ายากแค้นแสนเข็ญเป็นเพื่อนรับเทอมใหม่ อดมื้อไม่ได้กินสิบมื้อ ทุกอย่างดิ่งลงเหวจนแม่ฉันทนไม่ไหว ปล่อยให้พ่อที่หมกตัวอยู่แต่ในห้องแบกรับภาระคนเดียวต่อไปไม่ไหวแล้ว

     

    ...คืนนั้นฉันจำได้ดี แม่ฉันเข้ามาบอกให้ฉันดูแลพ่อและน้องชายแทนเขาด้วย เขาพูดพร้อมจ้องฉันด้วยความรู้สึกที่มี เขากอดฉัน ไม่เคยคิดเลยว่านั่นเป็นอ้อมกอดครั้งสุดท้ายที่ได้สัมผัส

     

    ...และวันรุ่งขึ้นเขาก็จากไป

     

    ทำไมเขาต้องทิ้งฉันไป เป็นคำถามที่ย้ำเป็นพันครั้ง โรซี่ร้องไห้ พ่อฉันแทบเป็นบ้า สิ่งที่สูญเสียมันเกินกว่าพวกเราจะรับไหว ...ฉันโกรธแม่ แค้นว่าทำไมเขาถึงทิ้งเราไป ทำไมเขาถึงเห็นแก่ตัวทิ้งให้พวกเราจมอยู่กับกองทุกข์เพียง 3 คน เดินหนีทุกครั้งยามเห็นภาพแม่ตัวเองโลดแล่นอยู่ในทีวี นึกเกลียดว่าทั้งที่พวกเรากินน้ำตาแทนข้าวแต่ทำไมหล่อนถึงยังยิ้มไม่ทุกข์ร้อนอยู่ในแสงสีได้

     

    ฉันไม่เคยคิดถามและเขาก็ไม่เคยบอกต่อ จนวันหนึ่งความอัดอั้นที่มีมันก็เกินเยียวยา วันนั้นฉันบุกไปด่าทอเขาถึงกองถ่าย ภาพที่แม่ฉันมองฉันนิ่งยังตามหลอกหลอนฉันทุกวันนี้ ทั้งที่ฉันด่าเขาสารพัดแต่เขากลับยิ้มแล้วตอบฉันกลับมาคำเดียวแค่ว่า ลูกโตและดูดีขึ้นมากเลยนะ แค่นั้นจริง ๆ ...เธอตอบฉันกลับมาแค่นั้นจริง ๆ

     

    วินาทีไวโอเล็ตอยากให้เขาหยุด แต่คนข้าง ๆ ก็ยังระบายเรื่องราวต่อไปไม่หยุด เขาเจ็บปวดเธอก็เจ็บปวด ตอนนี้เธออยากให้เขาไม่ต้องเล่าอะไรอีกแล้ว แต่ในเมื่อเธอเลือกที่จะรับฟัง เราทั้งสองต้องก้าวไปให้ถึงปลายทาง

     

    เธอรู้ไหมว่าฉันพยายามไม่เข้าใจ พยายามไม่อยากรู้ว่าแม่ฉันจะทำอะไรอยู่ที่ไหนยังไง และตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่สนใจเรื่องของเขาอีกเลย เวลาผ่านไปเป็นปีแต่ว่าความจริงมักเป็นสิ่งไม่ตาย ...เตโซโรเธอจำหมอนั่นได้รึเปล่า?”

     

    อือจำได้สิทำไมจะจำไม่ได้ ก็เขาเป็นคนแต่งเรื่องให้เราสองคนมาจบอยู่ตรงนี้

     

    หึ หมอนั่นมันก็เหมือนฉันเมื่อก่อนแหละ ยังเป็นเด็กตาสีตาสาไม่รู้เรื่องราว แฟนไอ้บ้านั่นมันทำงานเป็นผู้จัดการให้แม่ฉัน ...ชื่ออะไรนะสเตล่าอะไรเนี่ยแหละ เย็นวันหนึ่งหลังฉันกำลังจะกลับ ผู้หญิงคนนั้นก็เข้ามาหา เธอลองเดาสิว่ายัยนั่นมันบอกฉันว่าอะไร

     

    ...คุณแม่คุณรักพวกคุณ ความรู้สึกนั้นทิ่มแทง เจ้าหญิงมั่นใจว่าเขาร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาสักหยด เขาบีบมือเธอแน่นเธอบีบสู้ ...ใช่ ความจริงมันเป็นสิ่งไม่ตาย หากเรารักใครสักคนเราก็จะทำเพื่อเขาทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่คุณแม่โดฟลามิงโก้เอง

     

    เธอบอกว่าเขาทำเพื่อพวกฉัน กลับเข้าวงการ ทำงานตัวเป็นเกลียวเพื่อหาเงินมาจุ้นเจือพวกเรา แม้จะโดนไอ้มาเฟียนั้นกลั่นแกล้งแต่เธอก็ยังกัดฟันสู้ ...เหอะ ฉันนี่เป็นเด็กอกตัญญูจริง ๆ เป็นไอ้เด็กสารเลวที่ชี้หน้าด่าแม่ปาว ๆ ทั้งที่เขาช่วยพวกเรา อยากจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้แต่ผู้หญิงคนนั้นก็บอกว่าถ้าฉันไปแม่ฉันจะไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ปล่อยให้เขามีสมาธิกับสิ่งที่เขาตั้งใจเถอะ

     

    แล้วเธอรู้รึเปล่าว่าเรื่องมันเลวร้ายที่สุดตรงไหน... เธอรู้บ้างรึเปล่าว่าวันนั้นวันที่ฉันด่าแม่ คือครั้งสุดท้ายที่ฉันได้พบหน้าเขาตรง ๆ

     

    ชายหนุ่มหยุดพูดแล้ว เขาถอนหายใจเบา ๆ เหมือนความหนักอึ้งมันสุ่มอยู่ในอก โดฟลามิงโก้พูดเสียงนิ่งแต่ทุกความหมายมันดังชัดอยู่ในหัวใจของเธอ

     

    ที่เธอบอกว่าต้องการใช้เงิน วินาทีนั้นฉันโมโหไปหมด เหมือนเห็นภาพแม่ตัวเองซ้อนทับขึ้นมาจนอยากบ้า รู้ดีว่าตัวเองมันก็ย่ำอยู่ที่เดิมถึงดึงให้คนข้างกายพูดแบบนี้ ฉันอยากจะใจเย็นอยากจะคุยด้วยเหตุผล แต่ฉากสุดท้ายของดาราค้างฟ้าคนที่ฉันรักก็ดึงให้ฉันขาดสติจริง ๆ

     

    เธอเดินจากฉันไปเหมือนที่แม่ฉันจากไป ...หากอยากเห็นหน้าต้องมองผ่านโทรทัศน์ หากอยากคุยก็ทำได้แค่ฝัน

     

    แม่ฉันไม่เคยติดต่อมาเพราะรู้ดีว่าฉันจะห้าม แต่ฉันคิดว่าความอึดอัดแบบนี้มันต้องยุติ กำลังจะไปหาเพื่อบอกว่าฉันขอโทษ อยากให้เธอเลิกแบกรับภาระคนเดียวแล้วเรื่องต่อจากนี้อยากให้เราช่วยกันทั้ง 4 คน แต่สุดท้ายมันก็สายเกินไป

     

    ...เธอตายในคืนนั้น เธอตายโดยที่เราจากกันด้วยความหมางเมิน เธอตายโดยที่รับรู้ว่าคำพูดสุดท้ายที่ฉันบอกกับเธอคือฉันเกลียดเธอ

     

    คืนนั้นเขาทำงานหนักเหมือนทุกครั้ง กลับดึกและเหนื่อยล้า พวกนักข่าวมันตามเธอจ้าละหวั่น ดักหน้าล้อมหลังปาดรถแม่ฉันไปมาจนสุดท้ายรถเธอก็เสียหลัก และข่าวที่แพร่ไปทั่วประเทศในวันรุ่งขึ้นคือดารานำเสียชีวิต...

     

    แม่ฉันตาย ตายลงพร้อม ๆ กับตัวฉันครึ่งหนึ่งที่พังลงไป

     

    แฟนของเตโซโรมันก็อยู่ในรถนั่นด้วย มันคงเป็นเหตุผลที่หมอนั่นมันเกลียดฉันนั่นแหละ มันโทษว่าเพราะแม่ฉันทำให้แฟนมันต้องตาย แต่ก็ช่างหัวมันเพราะฉันก็เกลียดมัน ถ้ายัยผู้จัดการนั่นไม่ดื้อดึงให้แม่ฉันรับงานเรื่องมันคงไม่เกิด ถ้ายัยนั่นมันไม่ล่อลวงให้แม่ฉันกลับเข้าวงการเรื่องทั้งหมดมันก็จะไม่เป็นแบบนี้ ทุกอย่างมันก็วนเวียนอยู่แค่เรื่องเดียวคือพวกเราต้องการใช้เงิน

     

    ฉันเกลียดนักข่าวและพวกที่อยู่เบื้องหลังทุกคน พึ่งมารู้ว่ามันเป็นคนของไอ้มาเฟียที่ฉ้อโกงพ่อฉันจนสิ้นเนื้อประดาตัว พวกมันปิดข่าวให้คนของตัวเอง ฉันสูญเสียแต่พวกมันลอยนวล ...ทุกความเกลียดชังพุ่งหาไอ้เวรนั้นทันที ไอ้บัดซบนั้นที่ทำให้เราต้องเป็นแบบนี้

     

    ฉันจำหน้ามันได้ไม่มีวันลืมเลยตัดสินใจบุกไปหามัน พยายามบอกว่าอย่างน้อยก็เลิกใส่สีทำให้ครอบครัวฉันดูแย่ได้แล้ว แต่มันก็หัวเราะเยาะ ด่าฉันว่าโลกนี้ไม่มีที่ยืนสำหรับคนโง่

     

    ใช่ คนฉลาดเท่านั้นถึงจะอยู่รอด ในเมื่อโลกนี้มันเละเทะนักถ้างั้นต่อจากนี้ฉันจะช่วงชิงทุกอย่างมาด้วยมือของตัวเอง ถ้าเป็นคนแพ้แล้วสูญเสียถ้างั้นก็ต้องเป็นคนชนะ

     

    ...และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้เจอกับพวกเทรโบล พวกเขาทั้งสี่อยู่ในห้องนั้น นั่งนิ่ง ๆ มองการกระทำทุกอย่างของฉัน เด็กที่สูญเสียทุกอย่างในวันนั้นคว้าปืนขึ้นมาแล้วยิงหัวคนตรงหน้าทันที คิดว่าตัวเองต้องตายอยู่ตรงนั้นแล้วตอนฆ่าหุ้นส่วนของพวกเขา

     

    แต่ก็อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ พวกนั้นไม่ได้ทำอะไรฉันเลย ทำเพียงแค่ถามฉันง่าย ๆ ว่า ฉันเกลียดโลกใบนี้รึเปล่า?’ แน่นอนคำตอบของฉันคืออะไรเธอก็รู้ แล้วหลังจากนั้นแฟมิลี่ก็ถือกำเนิดขึ้น

     

    ฉันถามว่าทำไมพวกเขาถึงเปลี่ยนข้าง คำตอบมันคือสายตา...ที่พวกเทรโบลบอกว่าคนประเภทเดียวกันเท่านั้นถึงดูออก บอกตามตรงว่าตอนนั้นฉันไม่เข้าใจ แต่ถ้าพวกนั้นรับปากว่าจะทำให้ฉันแก้แค้นทุกสิ่งทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ ก็ไม่เห็นจะต้องสนอะไร

     

    คนที่ทำให้ครอบครัวฉันย่อยยับไม่ได้มีแค่คนเดียว และนั่นแหละคือการเริ่มต้นเดินบนเส้นทางที่ได้เงินกับอำนาจไว้ในครอบครอง คือการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของฉันในฐานะมาเฟีย ...นี่คือตัวฉันที่เป็นมาตลอด 20 ปี ...นี่แหละคือตัวตนของฉันไวโอเล็ต เจ้าหญิงฟังนิ่ง ชายหนุ่มเล่าจบและทุกอย่างที่เขาเล่ามาคือความโกรธแค้นที่ฝังใจ

     

    ตอนนี้เข้าใจเลยละว่าทำไมโดฟลามิงโก้ถึงเกลียดทุกสิ่งและทุกคนนัก แม้จะทำเป็นยิ้มแต่ลับหลังเขามักสั่งให้ลูกน้องไปไล่คิดบัญชีนักข่าวทุกคนที่กล้าถ่ายรูป เคยได้ยินคนในแฟมิลี่คุยกันว่าเขาสั่งให้หักนิ้วนักข่าวต่อรูปหนึ่งใบ แต่หากจำนวนรูปมันเกินก็ถอนเล็บพวกมันออกมาเสีย

     

    โหดร้าย แต่พอคิดตามเรื่องที่เขาเล่ามันก็ชักจูงให้เหลือแค่หนทางเดียว เธอเคยคิดว่าสิ่งใดที่หล่อหลอมเขาให้เป็นแบบนี้แต่หลังจากได้ฟังเรื่องทั้งหมด ความแค้นคือเหตุผลของทุกสิ่ง เนื้อแท้เขาไม่ใช่เลยแต่เพราะไม่อยากสูญเสียผู้ชายคนนี้เลยเลือกที่จะเป็นฝ่ายทำลายเสียเอง

     

    แต่เราไม่ควรใช้เลือดล้างเลือดทุกคำพูดที่เขาบอกตอนอยู่บนเกาะทางใต้ตอนนี้เจ้าหญิงเข้าใจถ่องแท้แล้ว จะผิดไหมที่ตอนนี้เธอรู้สึกสงสารเขาจับหัวใจแต่อีกใจก็อยากให้เขาเลิกเดินบนทางสายนี้

     

    ส่วนพ่อกับน้องชายฉัน...

     

    พอแล้วล่ะค่ะไม่ต้องพูดอีกแล้ว ...ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว คุณยังมีชีวิตอยู่นะ คุณยังคิดถึงพวกเขาได้นะ เหมือนความแข็งกระด้างได้พังลงไป ความรู้สึกที่พวยพุ่งกลับมานิ่งสงบยามสัมผัสได้ถึงเสียงหัวใจของเธอที่เต้นอยู่ตรงนั้น เด็กสาวเอื้อมมือมากอดเขาเอาไว้

     

    อ้อมกอดที่ยังยืนยันว่ามันช่วยเขาเสมอมา

     

    เหมือนตัวเองอ่อนแอและได้เธอมาโอบอุ้มให้ยังหายใจ เขามันก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรหรอกเพราะสุดท้ายสิ่งที่ต้องการก็แค่อยากมีใครสักคนอยู่ข้างกาย อยากรั้งให้คนสำคัญอยู่ข้างกันตรงนี้คอยทดแทนในอดีตที่เขาไม่เคยได้สัมผัส

     

    ตลอดเวลาที่เธอไม่อยู่ ฉันก็รู้ว่าฉันเสียเธอไปไม่ได้ ...เธออย่าหายไปแบบนี้อีกได้ไหม อย่าบอกให้เราต้องห่างกันอีกนะ ฉันไม่อยากให้เธอไปเพราะฉันไม่รู้ว่ามันคือวันสุดท้ายที่ฉันจะได้พบเธอรึเปล่า กลับมาอยู่กับฉันนะ

     

    “……” เด็กสาวกระชับสองแขนให้แน่นขึ้น รับรู้ว่าอีกฝ่ายเลื่อนมาจับมือเธอไว้ให้เราไม่ต้องแยกจาก ...เขากำลังวิ่งหนี เงาในอดีตกำลังตามกลืนกิน แค่เธอเลือกกลับไปทุกอย่างก็เข้าที่ แต่ไวโอเล็ตคิดว่าแล้วยังไงต่อล่ะ?

     

    ไม่ได้อยากแช่ง ไม่ได้อยากให้ร้ายแต่ถ้าเกิดวันหนึ่งวันใดมันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกล่ะ ทุกสิ่งมันคงก็วนอยู่เหมือนเดิม ไม่ใช่แค่เธอไม่ใช่แค่เขาแต่เราต้องเปลี่ยน

     

    มือบางรั้งให้ชายหนุ่มหันมาสบตา เธอจ้องโดฟลามิงโก้นิ่งก่อนจะยิ้มแล้วพูดในสิ่งที่ชายหนุ่มคงไม่อยากรับฟัง การกระทำที่เราทั้งสองต้องเผชิญ

     

    ที่ฉันพูดต่อจากนี้คุณอาจจะไม่ชอบนะโดฟลามิงโก้ แต่ฉัน...

     

    จะไม่กลับไปอยู่กับคุณนะ

     

    เธอเป็นคนใจร้ายรึเปล่านะ






    ───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ


    ใจร้ายหรือไม่นั้น สำหรับพระเอกก็อาจจะใช่


    และรู้ไหมการเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ในงานศพเป็นจุดหนึ่งที่ทำให้มิงโก้มีการเปลี่ยนแปลงนะคะ

    (หากใครจำได้ก็ฉากที่นางนั่งมองไวโอเล็ตอยู่ในรถนั่นแหละ)

    เพราะไม่ใช่แค่ไวโอเล็ตที่เห็นภาพตัวเองซ้อนทับกับภาพงานศพคุณแม่โดฟลามิงโก้

    แต่โดฟลามิงโก้เองก็เห็นภาพนั้นเหมือนกัน

    แถมมันเป็นจุดเล็กๆ ที่ไรท์ซ่อนไว้

    ...ในความคิดของโดฟลามิงโก้ มีประโยคหนึ่งที่นางไม่ได้ต่อคำว่า 'รัก' ให้จบ

    แต่ตอนที่แล้วเขารู้ตัวแล้วนะ เขาเปิดใจให้กันจริง ๆ แล้วนะ


    และที่เจ้าหญิงไม่ถามตอนนั้นก็เพราะรู้ดีว่าไม่มีใครอยากรื้อฟื้นความทรงจำที่เจ็บปวดจึงปล่อยผ่านไป ทว่าตอนนี้ไม่แล้ว

    เจ้าหญิงกำลัง fall นะแต่ fall อะไรกันเอ่ย

    fall down or fall in love


    แถมความจริงเรื่องตั้งชื่อมาเฉลยตอนนี้เองล่ะ ซ่อนมาตั้งแต่ตอนที่สอง ><

    ดอกไวโอเล็ตเป็นดอกไม้สายพันธุ์เดียวกับดอกวิโอล่า หรือก็คือดอกหน้าแมว

    เป็นดอกไม้ประจำเดือนเกิดของคนเมษายน และไวโอเล็ตเกิดเดือนเมษายน

    และภาษาดอกไม้ของดอกไวโอเล็ตก็คือ ความอ่อนโยน อ่อนน้อมถ่อมตน

    ก็ตามที่พระเอกของเราบอกนั่นแหละค่ะ ถ้าให้เจ้าหญิงใช้ชื่อนี้แล้วพามาอยู่ในโลกมาเฟีย หากวิโอล่าเปลี่ยนจากความอ่อนโยนไปเป็นแข็งกระด้าง มันคงเย้ยหยันดี

    (ความคิดมิงโก้ตอนองก์แรกน่ะร้าย)


    บทนี้เป็นการเล่าความหลังโดยผ่านคำพูดของตัวละครเอง อาจจะแปลก ๆ ไปสักหน่อยแต่ไรท์อยากให้มิงโก้เป็นคนบอกความรู้สึกออกมาเอง

    แน่นอนยังมีปมที่ยังไม่เฉลยอีกเล็กน้อย จะพยายามเรียบเรียงองก์นี้ให้ดีที่สุดนะคะ


    ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ยังอ่านจนถึงตอนนี้

    #โปรยใจและเลิฟยูวค่า



    ─────────────

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×