คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #41 : Before sunrise (ก่อนเธอส่องประกาย)
ตอนที่ 34: Before
sunrise
(ก่อนเธอส่องประกาย)
สาวน้อยนั่งเคาะปากกาลงบนโต๊ะ
สามอาทิตย์ผ่านไปแล้วและวันมะรืนนี้ ตัวเธอจะได้ปลดแอกจากการซ้อมเชียร์สักที เจ้าหญิงควรจะตื่นเต้นแต่ยังมีอีกเรื่องที่ทำให้คิดไม่ตก
ไวโอเล็ตเปลี่ยนมานั่งเท้าแก้ม
สายตากวาดไปทั่วโรงงานก่อนจะทำหน้าปั้นไม่ถูกยามแทงค์เดินหอบเอกสารกองโตเข้ามา เธอมองยอดองครักษ์ก่อนจะเปิดปากถามอะไรเบา
ๆ จนดึงให้อีกคนสะดุ้ง
“แทงค์... สมมุตินะ
สมมุติแทงค์มีรูมเมทอยู่คนหนึ่งที่ตัวติดกันมาก แต่วันดีคืนดีแทงค์ต้องไปค้างที่อื่นที่ไม่ใช่ห้องตัวเองแล้วต้องปล่อยให้เขานอนคนเดียว
...แทงค์ว่าเราควรจะบอกเขายังไงดีไม่ให้เขาโมโหหรือน้อยใจน่ะ เพราะรูมเมทคนนี้เอาแต่ใจและงอแงผิดธรรมชาติมาก”
องครักษ์เก็บเอกสารเข้าที่ก่อนหันมาหาเจ้าของคำถาม
“องค์หญิงหมายถึงเจ้าโดฟลามิงโก้เหรอครับ?”
“ฮะ!?
ไม่ใช่ ๆ ฉันสมมุติขึ้นมาเฉย ๆ” สาวน้อยโบกมือเป็นพัลวัน
เลิ่กลั่กไปนิดหน่อยตอนโดนคาดคั้น ...แทงค์เห็นดังนั้นจึงได้แต่ถอนใจ ถึงจะไม่ชอบขี้หน้ามันแต่เขาก็ไม่อยากให้เจ้าหญิงซวย
แค่ที่ต้องมารายงานเรื่องราวองค์หญิงให้มันฟังก็แย่มากแล้ว
“เราไม่รู้หรอกนะครับว่าเรื่องมันจะเป็นยังไง
แต่อย่างน้อยเราก็ควรบอกเขาตรง ๆ นะครับ นั่นแหละบริสุทธิ์ใจที่สุดแล้ว ...แต่ถ้าพูดขนาดนั้นแล้วอีกฝ่ายยังไม่เข้าใจก็แสดงว่ามันบ้า!” สาวน้อยหยีตา ...ก็บ้าจริงนั่นแหละ แต่ถึงจะบอกหรือไม่บอก ผลลัพธ์มันก็ไม่เคยถูกใจเธอเลยสักครั้ง
“ว่าแต่เจ้าหญิงจะเปลี่ยนชุดไหมครับ?”
“อือไม่ล่ะ
ใส่ชุดนี้คุยน่าจะง่ายกว่า” ไวโอเล็ตคิด เพราะอาการดี๊ด๊ามันเด่นชัดตอนเธอใส่เครื่องแบบนั่นแหละ
“สรุปจะไปคุยกับรูมเมทสินะ?”
“ฮะ!?
ก็บอกว่ามันเป็นแค่เรื่องสมมุติไง”
“ครับ ๆ ...อ๋อ
เจ้าหญิงอย่าลืมกินวิตามินบำรุงด้วยนะครับ ช่วงนี้ทำงานหนักแถมนอนดึกอีก
ดูแลร่างกายด้วยนะ อีกสองวันก็จะถึงงานกีฬามหาลัยแล้วเดี๋ยวจะเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน
ส่วนเรื่องงานเดี๋ยวผมดูแลให้เอง”
“อืม ขอบใจนะ” เชียร์ลีดเดอร์ตอบรับโดยง่ายและใช่... เรื่องนี้แหละที่ทำให้เธอหนักใจ
อีกสองวันจะถึงวันงานและเหนือสิ่งอื่นใด เธอโดนบอกให้ค้างแรมที่หอพักรุ่นพี่ด้วย
จะบอกยังไงดีนะ
จะใช้ลูกเล่นยังไงดีว่า ‘พรุ่งนี้ฉันขอไม่กลับบ้านนะ
ได้โปรดอนุญาตให้ฉันนอนค้างที่อื่นเถอะค่ะที่รัก?’ แบบนี้เหรอ...
อึย แค่คิดก็จั๊กจี้แล้ว
………………………
ไวโอเล็ตกลับมาอยู่ที่บ้านแล้ว
เด็กสาวนั่งกระสับกระส่ายอยู่ปลายเตียง สายตาหลุกหลิกมองหน้าต่างบ้าง
มองคนผมทองบ้างยามเขานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ
‘โห้ ตอนโดฟลามิงโก้ทำงานนี้ดูเข้าถึงยากจัง’ เขานิ่งมาก ช่วงหลังเห็นแต่ทำตัวติงต๊องจนลืมไปว่าพ่อคุณมีโหมดจริงจัง
...เธอคิดอะไรตามนั้นแล้วเลือกเดินเข้าไปด้อม ๆ มอง ๆ เพื่อหาช่องคุย
แต่จำต้องยิ้มแหยตอนท่านประธานเงยหน้าขึ้นมาสบตา
“อะไร?”
“เอ่อคือ...
เหนื่อยหน่อยนะคะ”
“เป็นอะไรของเธอ” เจ้าพ่อเปลี่ยนมานั่งหน้าตรง วางแฟ้มลงบนโต๊ะก่อนจะจรดปากกาเซ็น
สาวน้อยเสยผมทัดหู จู่
ๆ ในห้องก็รู้สึกร้อนแปลก ๆ เธอยังไม่ได้เตรียมใจเลยคิดจะออกไปดื่มน้ำสักอึกสงบสติอารมณ์สักพัก
แล้วค่อยกลับมาคุยดีกว่า
แต่จู่ ๆ แขนขวาก็โดนคว้า
ทั้งร่างถูกดึงให้มานั่งเกยอยู่บนตักตอนเธอคิดหนี
“เป็นอะไร
ทำหน้าเหมือนมีอะไรอยากจะพูดงั้นแหละ ...มีเรื่องอะไรไหนบอกมาสิ?” สาวน้อยพยายามดึงกระโปรงลง และก็ตีมือเขาด้วยยามอีกฝ่ายเลื้อยเข้ามาให้มันยิ่งร่นจนแทบโป๊
ไฟลามกเขานี่มันจุดติดง่ายจริง
ๆ ...แต่ยังก่อน เธอต้องต่อรองก่อน
“ตอนเรียนคุณเคยต้องไปเข้าค่ายค้างแรมที่ไหนไหม?”
เธอตะครุบมือเขาไว้พลางส่งยิ้มกว้างให้ สาวน้อยไม่เห็นสายตาคู่นั้นแต่เดาได้ว่าพ่อหนุ่มคงใช้มันหยั่งเชิงเธออยู่แน่
ๆ
“ไม่เคยเพราะมันไร้สาระ
ไม่จำเป็นต้องมีคอนเนคชั่นกับคนที่ไม่มีประโยชน์” เจ้าหญิงกลืนลูกสะอึกลงคอ
‘โอ๊ยยยย
ตอบมาแบบนี้แล้วจะขอไปค้างที่อื่นยังไงเนี่ย!?’
“คือแบบว่าไม่เคยเลยเหรอ
เพราะมันเป็นเรื่องบังคับเลยจำเป็นต้องไปค้างที่อื่นอะไรแบบนี้?” คนพูดกัดฟันห่อไหล่ เห็นโดฟลามิงโก้เปลี่ยนมาทิ้งหลังลงพนักพลางลูบต้นขาเธอขึ้นลงโดยไม่แสดงอาการอะไร ...ชายหนุ่มยังมองเธอนิ่ง เขาน่าจะเดาออกแล้วว่าเธอจะขออะไรถึงได้เปลี่ยนมาถือพรตใบ้ใส่กันอีหรอบนี้
ไม่ให้แน่ ๆ เลย...
“เธอรู้ไหม...
บางทีฉันก็อยากจะจับเธอล่ามไว้กับเตียงไม่ให้ออกไปไหนได้เลย”
“แหะ ๆ คุณพูดอะไรได้ตรงและน่ากลัวมากเลยนะ แต่อันที่จริงคุณเคยบอกว่าจะให้อิสระฉันนะ” ร่างบางกลืนก้อนน้ำลายอีกครั้งพร้อมทำใจดีสู้เสือ สาวน้อยเห็นโดฟลามิงโก้เอียงคอเล็กน้อย เธอไม่อยากให้เขาทำแบบนี้เลยมันดูน่ากลัว
ความเงียบเข้าคืบคลาน
ผ่านไปลมหายใจคนโตกว่าก็ยังไม่พูดอะไร ก่อนอีกฝ่ายจะเกี่ยวนิ้วมารั้งคอเสื้อเธอพร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่ง
“นั่นสินะ
ฉันเคยบอกแบบนั้นนี่น่า ...ได้สิ ฉันให้ ...แต่มีเงื่อนไข”
“เงื่อนไข?” สิ้นคำประกาศเขาก็โน้มหน้าเข้ามากระซิบกระซาบ
“ขอร้องฉันสิ”
เด็กสาวหน้าแดง พยายามทำความเข้าใจว่าตอนนี้เธอก็ขอร้องเขาอยู่แล้วจะให้ขอร้องอะไรอีก
‘อ้อนก็ดีนะ’ อยู่ดี ๆ แว่วเสียงเอาตัวรอดก็ตะโกนก้อง
...ไวโอเล็ตลังเล ใช่ว่าเธอจะไม่เคยอ้อนเขามาก่อน โดฟลามิงโก้ชอบลูกอ้อนอันนี้ใช่
แต่รีแอคชั่นที่เขาตอบกลับนี่ลำบากเธอทุกที
ผู้ชายคนนี้เหมือนตายอดตายอยาก
เป็นไปได้ก็ไม่อยากเอาตัวเองใส่จานให้เขากินเลยจริง ๆ
“หืม นิ่งทำไมล่ะ? ไม่อยากไปค้างแรมหรรษาอะไรนั่นแล้วเหรอ? ...ว่าไง ไหนลองอ้อนให้ฉันพอใจสิ
เธอก็รู้ว่ามันได้ผลเป็นพิเศษตอนอ้อนที่ไหน” ทว่ามันคงไม่มีทางเลือก
ทันทีที่ความคิดจุดประกาย หญิงสาวหันมองคนเจ้าปัญหานิ่ง ยกยิ้มแบบมีมารยาตอนเธอค้นพบทางออกแล้ว
ร่างหนาคิ้วกระตุก ไม่รู้คิดถูกหรือผิดที่บอกให้เธออ้อนทั้งที่ตัวเองก็รับมือไม่ค่อยได้
เผลอกลั้นใจไปชั่วครู่ยามเจ้าหญิงเปลี่ยนมานั่งคร่อมเขาไว้ หล่อนไล้มือจากหน้าท้องแข็งแกร่งขึ้นสู่แผ่นอก
กรีดมันวนแบบนั้นก่อนจะใช้น้ำเสียงต่อรองให้ปิศาจหลงคารม
“คงไม่ต้องอ้อนหรอกเพราะว่าตอนนี้ฉันอยากให้คุณรู้ไว้...
ว่าฉันผูกก้านเชอร์รี่ในปากได้แล้วนะ ...อ๊ะ ๆ เดี๋ยวสิคะ!” เด็กน้อยรีบยกมือมาปิดปากเขาไว้ยามอีกฝ่ายต้องการพิสูจน์ความจริง
“หึ! ไร้เดียงสาแบบเธออย่ามาอวดอ้างว่าตัวเองจูบเก่งหน่อยเลย เดี๋ยวจะทำให้ดูว่าจูบจนโลกลืมมันเป็นยังไง” โดฟลามิงโก้พลิกหน้าหนีก่อนจะโน้มตัวมาขบใบหูเธอ สาวน้อยเอียงคอหัวเราะร่วนเพราะจะต้นคอหรือใบหูมันก็จุดอ่อนเธอทั้งนั้น
“โอ๊ย ๆ
ไม่เอา ๆ มันจั๊กจี้นะ ...นี่อย่าขบได้ไหม”
“คิดจะต่อรองกับปิศาจมันยังเร็วไปห้าล้านปี
...ข้าให้เวลาเจ้า 3 วิ มิเช่นนั้นเจ้าจะถูกจับกด ไหนพริ้นเซสมีอะไรมาแลกเปลี่ยนนอกจากบอกว่าใช้ลิ้นผูกปมก้านเซอร์รี่ได้อีกคะ?”
“โธ่!
รู้แล้ว ๆ จะยอมตามใจทุกอย่างหนึ่งวันก็แล้วกัน แต่ต้องหลังจากจบงานแล้วนะ” ไวโอเล็ตตะปบหน้าเขาไว้ก่อนจะทำสีหน้าทะเล้นกึ่งจริงจัง “คุณเป็นผู้ชายต้องอดทน ...ช่วงนี้ฉันต้องเก็บแรงไว้นะ เดี๋ยวเป็นลมกลางงานอายเขาแย่
ไว้เดี๋ยวจบเรื่องเมื่อไหร่ค่อยมาทวงแล้วกัน”
“จริงจังน่าดูเลยนะ
ไม่เคยทำกิจกรรมในรั้วโรงเรียนรึไง?”
“ก็เพราะเป็นเจ้าหญิงนั่นแหละ
นอกจากคนในวังแล้วเด็กคนอื่นก็ไม่กล้าเล่นกับฉันเลย ...ถือซะว่าให้ฉันได้กลายเป็นคนธรรมดาจริง
ๆ เข้าสักวันเพราะฉะนั้นอนุญาตได้ไหม?” เด็กสาวสีหน้าอ่อนลง
นึกขอบคุณเหล่ารุ่นพี่ที่เอ่ยชวนและนึกขอบคุณในความใจอ่อนของตัวเอง ...แม้จะเหนื่อยแต่เธอพบว่าการเต้นมันสนุกมาก
จนบางทีทำให้หลงคิดว่าเธอเองก็อยากจะเกิดเป็นคนธรรมดา...
ไม่ต้องมีเรื่องอะไรมาให้หนักใจแค่ใช้ชีวิตในแบบที่อยากเป็น
...พี่สาวรู้สึกแบบนี้เองสินะ พี่สาวถึงได้สละราชบัลลังก์ไป
“เป็นอะไร?
ฉันก็ไม่ได้ใจร้ายอะไรขนาดนั้นไม่เห็นต้องทำหน้าเศร้าเลย” อีกฝ่ายเปลี่ยนมาหยิกจมูกเธอเบา ๆ ...เด็กสาวปรับสีหน้าพลางไหวไหล่บอกว่าโทษทีแล้วรอฟังคำตอบจากเขา
ดึงให้โดฟลามิงโก้ต้องส่งยิ้มจาง ๆ ก่อนจะถามขึ้น
“ไปดูได้ไหม?”
“มันเป็นงานเปิดนะ
คนนอกเข้าได้อยู่แล้ว ...แต่อย่ามาเลยมันเขินน่า”
“แบบนี้สิยิ่งต้องไปดู
อยากเห็นเธอเขิน” สาวน้อยร้องวุ้ยในใจแล้วพยายามเขยิบออกห่าง
จำต้องยืนยันให้แน่ชัดว่าเขาอนุญาตจริงไหม
“แล้วตกลงว่า…ค้างได้หรือไม่ได้?”
“ต้องไปค้างที่ไหน?”
“หอพักแถวมหาลัย
เขากลัวจะเตรียมอะไรไม่ทันเลยขอให้ไปค้างที่นั่นดีกว่า” คนเจ้าเล่ห์ตัวจริงยกยิ้ม
เธอสงสัยว่าเขาจะยิ้มทำไมแต่ต้องทำจมูกย่นเพราะผู้ชายคนนี้ไม่เคยทำอะไรตามสามัญสำนึกทั่วไปเลยจริง
ๆ
“หึหึ ฉันคงต้องบอกเธอว่า
...ฉันมีความคิดที่ดีกว่านั้นอีก”
………………………
บ่ายสามครึ่ง
ช่วงนี้มหาวิทยาลัยช่างครึกครื้น
การเรียนการสอนก็แทบไม่มีเพราะอาจารย์หรือคณบดีต่างปล่อยให้นักศึกษาทำกิจกรรมกันให้เต็มที่
แว่วเสียงเซ็งแซ่ดังขึ้นตามจุดพักต่าง ๆ ไม่ว่าคณะหรือที่ไหน ๆ ต่างก็พากันจับกลุ่ม
ซุ่มซ้อมและแอบทำของนานาชนิดให้คณะตัวเองเด่นไม่เป็นสอง
ไวโอเล็ตซบหน้าลงกับผ้าเย็นเมื่อพบว่าการซ้อมหนักครั้งสุดท้ายสิ้นสุดลงสักที
พวกเขาซ้อมกันไม่เย็นหรอกเพราะเดี๋ยววันพรุ่งนี้จะไม่มีแรงไปแสดงให้ใครดู ระหว่างที่กำลังนั่งพักหายใจแก้มก็ถูกแตะเบา
ๆ ด้วยขวดเย็นสีใสจนต้องขนลุก
“ดื่มนี่สิคะ
น้ำมะนาวโซดาสูตรของทางร้านพี่เอง” เจ้าหญิงกล่าวขอบคุณรุ่นพี่ปี
3 ตอนเขาส่งน้ำหวานรสอร่อยมาให้ ...คนยื่นเป็นหนึ่งในลีดกลางเหมือนกันและเป็นผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักมากจริง
ๆ ...เครื่องหน้าจิ้มลิ้มตอบรับกับใบหน้ารูปไข่ ผมยาวสีเขียวเข้มทำให้รุ่นพี่แสนคล้ายกับนางเงือกก็ไม่ปาน
“อ๊ะ
มีเผื่อทั้งสองด้วยนะ” นางเงือกจำแลงหันไปชูขวดที่เหลือให้ผู้ร่วมอุดมการณ์อีกสองคน
“หึ
ของไร้รสนิยมแบบนั้นฉันไม่กินหรอกย่ะ ...เจอกันพรุ่งนี้นะ อย่าทำอะไรขายขี้หน้าให้ภาพลักษณ์ของมหาลัยป่นปี้ล่ะ” หญิงสาวอายุมากสุดในกลุ่มบอกปัด ก่อนหล่อนจะสะบัดผมดำสลวยให้ปลิวไปด้านหลังแล้วเดินจากไป
เธอคือโบอา แฮนค็อก
นางงามคนล่าสุด ...ไม่ต้องอธิบายก็คงจะรู้ว่าหล่อนงดงามมากขนาดไหน
เหล่าชายหญิงต่างมามุงดูเธอให้แน่นขนัดตา ปฏิเสธไม่ได้เพราะเธอเองยังชอบในความสวยแบบถือตัวของรุ่นพี่เลย
“แหม
ท่าทางน่าอร่อยจัง ขอฉันกินด้วยคนได้ไหม?”
“อ๊ะนี่จ้ะ
เชิญเลย” คนสุดท้ายเดินเข้ามาสมทบ รุ่นพี่คนนี้ต่างจากทุกคนที่เหลือเพราะหล่อนมีผิวสีน้ำผึ้งสะท้อนแสง
ดวงหน้าคม ไม่ว่าจะตาหรือจมูกก็ชัด ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยเป็นเอกลักษณ์ เธอมีผมดำตัดตรงเป็นหน้าม้า เครื่องหน้าแบบนี้ทำให้เจ้าหล่อนคล้ายพวกสายลับสุดเซ็กซี่ในหนังเปี๊ยบ
“ยังไงพรุ่งนี้ก็ได้แสดงจริงแล้ว
มาพยายามให้เต็มที่เถอะนะคะ” สาวผมดำรับขวดไปดื่มด้วยท่วงท่าที่เธอคิดว่ายังดูเท่เลย
“อื้ม!
พยายามอยู่แล้ว ...กลับบ้านไปก็อย่าลืมพักผ่อนกันนะ ดื่มนมก่อนเข้านอนด้วยนะทุกคน”
“ฮึ ๆ
รุ่นพี่เนี่ยอารมณ์ดีเสมอเลยนะคะ” สายลับผมดำเอียงคอส่งยิ้ม
ไวโอเล็ตได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ในบทสนทนาของทั้งคู่ ...ทำไมนะ? ทั้งที่คุยกันอยู่แท้
ๆ ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าแต่ละคนพูดกันไปคนละเรื่องเลยล่ะ ก็ไม่ได้รังเกียจหรอก แต่เธอปรับอารมณ์ตามแต่ละคนไม่ทันเลยจริง
ๆ
………………………
เจ้าหญิงนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะม้าหิน
สาวน้อยขมวดคิ้วหน่อย ๆ ตอนพบว่าวิชาที่เปลี่ยนมาเรียนนี่ยากไม่หยอก ปกติเรื่องระบบประสาทของมนุษย์มันก็ซับซ้อนอยู่แล้ว
ถ้าเธอจำได้หมดนี่ก็คงเท่ดี
เด็กสาวยกโทรศัพท์ขึ้นมาดูตอบพบว่ามีข้อความส่งมาหา
แปลกแต่จริงที่ว่ากลุ่มเพื่อนที่เธอเจอบนเกาะทางใต้ก็เรียนที่นี่ด้วย คำว่าบุพเพอาละวาดนี่คงจะเหมาะกับสถานการณ์นี้ที่สุด
สาวน้อยอมยิ้มพลางพิมพ์ตอบข้อความพวกเขาก่อนจะเลือกลุกไปซื้อเครื่องดื่ม
โดฟลามิงโก้บอกว่าจะพาเธอไปส่งที่หอพักรุ่นพี่...
เธอไม่ค่อยเข้าใจเพราะตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาสักพักแล้ว อีกฝ่ายก็ยังทำขรึมไม่บอกว่าอยู่ที่ไหน
...ดูท่าจะไม่ชอบใจหนักที่เธอขอมาค้างที่อื่น ซ้ำร้ายเขาก็ยังไม่ยอมบอกอีกว่าเมื่อวานตัวเองมีความคิดอะไรดี
ๆ
‘ให้เดาใจเขานี่บางทีก็ยากกว่าคิดสูตรฟิสิกส์ควอนตัม’
ระหว่างที่เดินไปซื้อน้ำที่ร้านขายของเล็ก ๆ ริมถนน หูเธอไม่ได้ฝาดไปใช่ไหมถึงได้ยินเสียงใครขับรถตามไม่ห่างหาย
เธอพยายามก้าวเท้าให้ไว แม้ตอนนี้จะยังไม่มืดแต่อยู่ ๆ มีคนมาขับตามนี่มันก็น่าระแวง
คงต้องรีบเดินเข้าไปในกลุ่มคนแต่เสียงคนในรถก็เอ่ยขึ้น
“หนู ๆ 1,500
ไหม? ...1,500”
เธอไม่หันไปมองแม้จะเอะใจว่าเสียงมันคุ้น ๆ แต่เธอก็ไม่หันไปมอง ...รีบตอกกลับไปว่าวิธีการทักแบบนี้มันหยาบคาย
และเธอไม่ได้ขายบริการนะ อย่ามากวนประสาทกัน!
“หยาบคาย! และก็ถูกไปค่ะไม่ไป!”
“ไม่ ๆ
พี่หมายถึงมีให้ยืม 1,500 ไหม? พี่ไม่มีตังค์” ไวโอเล็ตรีบหันขวับไปหวังจะต่อว่า แต่ก็ต้องแยกเขี้ยวใส่ตอนรู้ว่าคนที่ทักนี่เป็นใคร
“โอ๊ยเล่นอะไรของคุณเนี่ย!
ไปตรงนู่นเลยนะ!” โดฟลามิงโก้ฉีกยิ้มกลับตอนโดนสาวน้อยชี้นิ้วไล่
“แหม ยืมเงินแค่นี้หน่อยก็ไม่ได้
...งกจัง” ชายหนุ่มว่าพลางจอดรถแล้วเดินลงมาหาเธอ “แล้วนี่จะไปไหน?”
“หิวน้ำ จะไปกินน้ำ...
นั่งรอใครก็ไม่รู้นานมาก อยู่ที่ไหนก็ไม่ยอมบอก ชอบอมพะนำ”
“แหม อยากเจอฉันขนาดนั้นก็ไม่บอก แต่ไม่เอาสิ สุดที่รักเธองานยุ่งนะ ...เอ้านี่ ซื้ออะไรมาให้รองท้องด้วยสิ ...หิวจังรถก็ติด” เจ้าพ่อสอดธนบัตรใส่เอวเด็กสาวแล้วสะบัดไล่บอกให้เธอไปซื้อของ ชายหนุ่มหมุนตัวไปยังโต๊ะหินอ่อนใกล้
ๆ เนื่องจากเห็นแล้วว่าเธอวางของไว้ตรงไหน
“คุณเลิกทำเหมือนฉันเป็นอีหนูคุณได้แล้วนะ”
“ห๊า!?
อยากเปลี่ยนมาเป็นเมียฉันแล้วเหรอ? แต่เธอต้องรับบัตรคิวนะ”
“ฮะฮะ ตลกตาย” ไวโอเล็ตทำหน้าเฉยแล้วหัวเราะประชด ตัดสินใจไปซื้อของแล้วบอกให้เขาไปส่งเธอดีกว่า
...ไม่อยากเสวนาด้วยแล้ว!
………………………
ที่บนรถร่างบางกำลังนั่งอ่านหนังสือแล้วขีดเขียนอะไรลงไปในสมุด เด็กสาวใส่แว่น โดฟลามิงโก้แทบจะจ้องเธอจนพรุนตอนได้เห็นมุมอื่นที่เขาไม่เคยเห็น นี่เจ้าหญิงสวมบทเป็นเด็กเรียนก็ดีไม่หยอก
เขายังคงนั่งมองต่อไป หอพักรุ่นพี่บ้าบออะไรของเธอมันอยู่ไม่ไกล
แต่เพราะรถมันติดจนไปไหนไม่ได้เจ้าพ่อเลยมีโอกาสได้เคลิ้มนาน ๆ
“เดี๋ยวฉันลงเดินก็ได้นะ
ที่จริงจากมหาลัยเดินไปแค่ 15 นาทีก็ถึงแล้ว” เจ้าหญิงว่าพลางเงยขึ้นดูรอบตัวแล้วกลับไปทำรายงานต่อ
“ขึ้นมาแล้วจะลงทำไม
และฉันก็ไม่ได้จะพาเธอไปหอพักรุ่นพี่อะไรนั่นด้วย”
“เอ๊ะ?”
ไวโอเล็ตเอียงคอสงสัย
‘เดี๋ยวก็จูบซะเลยนี่’ อีกฝ่ายเพ้อ ...อย่ามาทำหน้าใสซื่อโดยที่ยังสวมแว่นพร้อมใส่ชุดนักศึกษาแบบนี้นะ! มันทนไม่ค่อยจะได้...
“แล้วจะพาฉันไปไหน?”
“เดี๋ยวรู้เองน่า
...ก็บอกแล้วไงว่าฉันมีความคิดที่ดีกว่านั้นเยอะ” ไวโอเล็ตหรี่ตาเหมือนไม่ไว้ใจ
ก่อนจะรีบสะกิดเขาบอกว่าไฟมันเขียวแล้ว พ่อคุณควรเลิกจ้องหน้ากันแล้วหันไปขับรถสักที
โดยที่ไม่เร็วเกินไปหรือไม่นานเกินรอ
ล้อรถก็แล่นมาจอดหน้าคอนโดมิเนียมสุดหรูใกล้มหาวิทยาลัย เธอกวาดตาไปโดยรอบก่อนจะเปรยกับเขาเบา
ๆ
“รุ่นพี่ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่นะ”
“ใช่
แต่เราจะนอนที่นี่”
“ห๊า!!?”
เจ้าหญิงก้าวออกไปเกาะขอบประตูรถไว้ยามโดฟลามิงโก้หยิบถุงคลุมสูทออกมา
อีกฝ่ายทำท่าจะเดินไปหยิบกระเป๋าเสื้อดึงให้เธอต้องร้องทัก “เดี๋ยวสิ
นี่มันคืออะไรน่ะ?”
“เธอบอกแค่ว่าเพราะกลัวจะเตรียมอะไรไม่ทันเลยต้องนอนค้างใกล้มหาลัยไม่ใช่เหรอ?
…นี่ ก็ใกล้มหาลัยแล้วไง แถมใกล้กว่าที่เธอจะไปค้างด้วย”
“แต่...”
“บอกรุ่นพี่ของเธอซะว่าเธอจะไม่ไปค้างแล้ว
และพรุ่งนี้ก็ไปทันแน่นอน ...โทรไปเกทับยังได้เลยว่า ‘ฉันถึงก่อนแน่นอนย่ะไอ้บ้า’
แบบนี้” ชายหนุ่มกระตุกยิ้ม รีบคว้ากระเป๋าเสื้อของตนเองกับเจ้าหญิงมาถือแล้วเดินลิ่วนำหน้าไป
เด็กสาวอ้าปากหวอมองตาม
นี่เขาทุ่มอะไรขนาดนี้เนี่ย นอนคนเดียวแถมแค่วันเดียวยังไม่ได้เลยรึไง แล้วเมื่อก่อนนอนมาได้ยังไงตั้ง
30 กว่าปี ...เธอเนี่ยอยากจะรู้เหลือเกิน!?
เธอรีบตามเขาเข้าไปข้างใน
แอบลดเสียงลงเล็กน้อยเพราะข้างในนี่มันอลังการยังกับโรงแรม
“โดฟลามิงโก้... ไม่เอา ฉันจะไปค้างกับรุ่นพี่” เจ้าของชื่อตวัดโครงหน้ามาทางนี้ตอนเด็กสาวยังดื้อดึง
“คะยั้นคะยออยากนอนจริง!
รุ่นพี่เธอเนี่ยผู้หญิงหรือผู้ชาย!?”
“ผู้หญิงสิ”
“น่าเบื่อ เธอควรเปลี่ยนบรรยากาศมานอนกับผู้ชายบ้างนะ เช่นฉันเป็นต้น”
เด็กสาวกรีดร้องโดยไม่มีเสียง พึ่งรู้ว่าทุกวันนี้เธอนอนกับต้นกระบองเพชร ...เธอจนใจจึงได้แต่ยืนกอดอกทำหน้าบึ้งอยู่หน้าลิฟต์พร้อมประกาศกร้าวว่าเขาน่ะพูดไม่รู้เรื่อง
“ตามใจคุณเลย
อยากนอนก็นอนไปคนเดียวนะคะ ฉันจะไปค้างที่อื่น ...ขอกระเป๋าด้วย ...โอ๊ย” เจ้าหญิงเซไปซบอกแกร่งทันทีตอนร่างสูงใช้ขาเกี่ยวเธอให้เข้ามาในลิฟต์ “เล่นอะไรอีกล่ะเนี่ย?”
“เสียมารยาทน่าเปิดลิฟต์ค้างไว้
คนอื่นเขาก็ต้องใช้เหมือนเธอนะ”
“แหม ทีงี้ล่ะเป็นคนดีขึ้นมาเชียวนะ
ถ้างั้นก็ช่วย...” ประโยคหาย เธอไม่ทันระวังตัว อีกฝ่ายก็ก้มลงอุดปากเย้ายวนที่เถียงเขาฉอด
ๆ ...ในนี้จะมีกล้องหรืออะไรก็ไม่สนเพราะเขาอยากจะทำแบบนี้ตั้งแต่อยู่บนรถแล้ว
ใช้ทั้งร่างดันสาวน้อยให้ติดผนังเพราะสองมือไม่ว่าง แต่จำต้องปล่อยกระเป๋าในมือซ้ายลงแล้วเปลี่ยนมารั้งให้เธอหันมาแลกรสสัมผัส
ปลายลิ้นตวัดต้อนยามเธอเผยอปาก
ครางรับในลำคอตอนสาวน้อยเริ่มจะพลิกสู้แล้วมอบบทจูบที่ดูดดื่มยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ
คนจู่โจมผละหน้าออกมาครั้นได้ลิ้มลองจนพอใจ
ไม่วายที่จะระบายยิ้มเมื่อเห็นวิญญาณหญิงสาวหลุดลอยออกไปครึ่งร่าง
“หึหึ ฉันรอวันที่เธอจะคอยตามใจไม่ไหวแล้ว” ไวโอเล็ตเบลอไปนิดหนึ่งก่อนจะรีบทำหน้ายู่ใส่ หยิบปลายผมมาไขว้ปากเพราะกลัวว่าเขาจะดูดวิญญาณเธออีกรอบ
“อย่ามามั่วนิ่มนะ
คุณยังไม่ได้ทำตามคำขอของฉันเลยเพราะฉะนั้นเรื่องที่คุยกันไว้โมฆะ ...ฮึ ตามจงตามใจอะไรไม่มีทั้งนั้น!”
“เป็นโมฆะเลยสินะ ...ถ้างั้นคืนนี้ก็เตรียมรับศึกประเดิมห้องใหม่ได้เลย แหม...อยากได้แบบไหนล่ะจะจัดให้แบบนอนสต็อป” คนตัวโตหัวเราะร่วนตอนเด็กสาวกระโดดมางับข้อมือเขา ทั้งคู่ต่อสู้กันอยู่นานกระทั่งประตูลิฟต์เปิดออก
หญิงสาวเห็นทีว่าจะแพ้เลยพลันวิ่งแจ้นออกไป
ไวโอเล็ตยืนตีหน้าโหดสางผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงด้วยแรงมุ่งร้าย
เริ่มเดินหาเรื่องยามเขานำไปที่ห้องห้องหนึ่งในชั้น ตอนนี้เธอโมโหแต่เขาชอบ ‘...เพราะแหม เสื้อผ้ายับย่นขนาดนี้เหมือนพึ่งไปฟัดกับใครมา และเธอคงไม่รู้หรอกว่ากระดุมเสื้อเธอมันหลุดอยู่
...ให้ตายสิ กระตุ้นเสือหิวโดยแท้’
โดฟลามิงโก้เลือกปล่อยให้เจ้าหญิงแผ่แม่เบี้ยอยู่ข้างหลังแล้วเปิดประตูเข้าไป
ห้องนั้นกว้างขวาง เด็กสาวตาโตอ้าปากค้าง ...ความโอเวอร์นี่มันอะไรกัน!? ในนี้นี่มันอลังการกว่าล็อบบี้อีก
ภายในห้องนั้นเป็น 2 ชั้น โดยที่ฟากหนึ่งเป็นหน้าต่างสูงจรดฝ้าเห็นวิวเมืองหลวงได้ชัดเจน ภายในก็ถูกออกแบบด้วยสไตล์คลาสสิกร่วมสมัย โทนห้องเน้นสีเทาผสมกับสีน้ำตาลของไม้โอ๊ก
ขับเฟอร์นิเจอร์หินอ่อนขอบทองให้ยิ่งดูหรูหรา ทั้งส่วนนั่งเล่นหรือห้องครัวก็ครบครันจนเรียกว่าใช้ชีวิตอยู่ได้แบบคนสมบูรณ์พูนสุข
ไวโอเล็ตชักสังหรณ์ประหลาด
เธอยืนนิ่งอยู่ที่เดิมจนดึงให้เจ้าของห้องต้องหันกลับมา
“คีย์การ์ดอีกใบอยู่นี่นะ
...วันไหนเธออยากใช้ ก็เข้ามาใช้ได้”
‘ตาเถร!
นี่อย่าบอกนะ’
“นี่คุณซื้อเหรอ!?” ซื้อทำไม ซื้อเพื่ออะไร ซื้อเพราะไม่อยากนอนคนเดียวเหรอ!? ร่างน้อยยังคงอ้าปากค้างดึงให้คนมองต้องขำสีหน้าตลก ๆ ของเธอ
“ทำหน้าอะไรของเธอ?
ซื้อของแบบนี้มันก็เป็นทางลงทุนอย่างหนึ่งนะ แถวนี้มันทำเลดีนับวันก็มีแต่จะยิ่งแพงขึ้นเรื่อย
ๆ ...เอาไปขายต่อเก็งกำไรได้เห็น ๆ” เรื่องที่เขาบอกมันก็ใช่แต่เธอชักหวั่นใจ
“เดี๋ยวนะ...
นี่คุณพึ่งซื้อหรือซื้อนานแล้ว?” ชัดเจน! คำตอบทุกอย่างมันประดับอยู่บนรอยยิ้มที่หน้าเขาชัดเจน
ไม่ต้องถามอะไรต่อให้มากความ เพราะเธอคิดเผื่อให้ด้วยว่าเขาต้องไปใช้เส้นสายอะไรซื้อมันมาแน่
ๆ เพราะปกติคอนโดมิเนียมย่านทำเลทองมันขายหมดตั้งแต่ยังลอยเป็นอากาศ แถมคิดต่ออีกนิดว่าเขาต้องแวะมาจัดการความเรียบร้อยก่อนแล้วถึงได้ไม่บอกว่าเมื่อตอนบ่ายตัวเองอยู่ไหน
‘เจ้าแผนการ’ และการเป็นมาเฟียนี่ดีจังนะ ลองเป็นมั่งดีไหมจะได้ไถ่ประเทศคืนได้
มีอำนาจเหนือทุกสรรพสิ่งนี้ดีจริง ๆ
“เลิกอึ้งได้แล้ว
...แล้วจะว่าไปเธออ่อยฉันอยู่เหรอ? คิดจะยืนโชว์เสื้อในตัวเองอีกนานไหม?”
“ฮะ!!?
โอ๊ย! ทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้เล่า ...ยังไงก็เถอะตอนนี้ฉันจะนอนแล้ว
พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ราตรีสวัสดิ์!” เด็กน้อยรวบคอเสื้อขึ้น
ไม่วายจะทิ้งค้อนวงโตก่อนเดินวกไปวนมาเพราะหาห้องน้ำกับห้องนอนไม่เจอ แถมเจ้าพ่อเจ้าประคุณก็ทำแค่นั่งอมยิ้มไม่บอกเธอด้วยว่ามันอยู่ตรงไหนอีก
‘วุ้ย!
ทำไมห้องนี้มันมีแต่กระจกเนี่ย และคำถาม... หากเธอยันโดฟลามิงโก้ตกเก้าอี้เธอจะโดนอะไรมั่ง
...คำตอบก็ช่างมันเถอะ ค่อยไปจินตนาการในฝันแล้วกัน
เพราะในชีวิตจริงทำไปนี่ความซวยบังเกิด เก็บไปนอนฝันหวานก็คงจะดี’ เออออกับตัวเองเสร็จเจ้าหญิงก็ค้นพบประตูห้องน้ำเจอ
เด็กสาวรีบอาบน้ำอาบท่าแล้วชิงเข้านอนหนีความวุ่นวายให้ไว
เพราะในความฝัน เขาจะลวนลามอะไรก็ทำไปเถอะเธอไม่รู้ตัว
หากไม่รู้ตัวก็จะคิดได้ว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น และหากไม่เคยเกิดขึ้นก็เฮ้อ... สบายใจแล้วเรา
───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ
เขาบอกว่าคนที่ใช้ลิ้นผูกก้านเชอร์รี่ได้ จะจูบเก่ง(?)
และตอนนี้เบา ๆ นะฮะ ตอนหน้าค่อยว่ากันใหม่ จะถึงวันงานกีฬาสีแล้ว
─────────────
ความคิดเห็น