คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : Sad story (วันที่เธอจากไป) - 100%
ตอนที่ 27: Sad story
(วันที่เธอจากไป)
แสงไฟที่ข้างทางสลับสาดส่องให้ใบหน้าเนียนดูคล้ายเคลื่อนไหว
ข้างนอกยังมืดมิดแถมรถสัญจรก็บางตาเสียจนรู้สึกเงียบเหงา ภายในรถไร้เสียง
มือหนายกฝ่ามือลูบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเบา ๆ ยามเจ้าของซบหน้าหลับใหลอยู่บนไหล่เขา
ไวโอเล็ตกำลังอ่อนเพลีย
เพราะเมื่อคืนวานจนถึงเช้าตรู่วันนี้พวกเขาทั้งคู่ก็เดินทางโดยไม่หยุดพัก
รีบหาเที่ยวบินเร่งด่วนกลับกรุงเทพฯ
ก่อนจะบินลัดฟ้าข้ามมายังบ้านเกิดของเจ้าหญิงโดยไม่รั้งรอ
เสียงล้อแล่นไปตามพื้นถนน
ยิ่งเข้าใกล้จุดหมายยิ่งดึงให้ใจเขาเต้นระส่ำ
ยังคงเฝ้ามองวงหน้านั้นไว้เพราะไม่อาจคิดฝันได้ว่าหากปล่อยเธอผ่านประตูราชวังไปแล้ว
เด็กสาวคิดจะทำการสิ่งใด
ฝังจมูกลงหอมคนข้างตัวก่อนจะเอนมองนอกรถครั้นดวงไฟตามทางดึงให้เหมือนหลงอยู่ในเมืองมายา
ตั้งแต่ก้าวพ้นสนามบินทั่วทุกหนแห่งต่างประดับประดาด้วยผ้าสีขาวสลับดำ
ธงบนเสาถูกลดเอาไว้เหลือเพียงครึ่ง ร้านค้าหรือที่ไหน ๆ ก็ไร้สุ้มเสียงบันเทิงใจ ทั่วทุกมุมกำลังถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศสีเทา
เพราะทุกคนกำลังตกอยู่ในห้วงอาลัยที่ต้องสูญเสียคนสำคัญของประเทศ
ริคุ สการ์เล็ต
เธอเป็นพระราชธิดาลำดับที่หนึ่ง 1 แห่งราชวงศ์ริคุ เป็นผู้มีสิทธิ์ตามกฎมณเทียรบาลที่จะได้ขึ้นครองราชสมบัติ
แต่พระเชษฐภคินีของไวโอเล็ตคงจะไม่อยากได้ เพราะจู่ ๆ
นางก็สละฐานันดรแล้วปิดข่าวคราวเงียบหายไป คนรุ่นหลังไม่รู้ว่าเจ้าหญิงพระองค์แรกหายไปไหนหรือไปทำอะไร
แต่คนรุ่นก่อน ๆ รู้ แน่นอนราชวงศ์รู้ ...และตัวเขาก็รู้
แต่มาวันนี้เรื่องของเจ้าหญิงที่เงียบหายก็หวนกลับมา
กลับมาพร้อมความโศกเศร้าที่รุมทึ้งคนทั้งประเทศให้ต้องหม่นหมอง
และเขาก็รู้ดีว่าเด็กสาวข้างตัวก็คงมีความรู้สึกนั้นอยู่เต็มหัวใจ
รถจอดสนิทแล้วแต่โดฟลามิงโก้ยังนิ่งอยู่ที่เดิม
จ้องมองสิ่งก่อสร้างตรงหน้าที่เขาเคยเข้าไปเยือนมาเมื่อไม่นาน แล้วพลันก้มลงกระซิบบอกเธอเบา
ๆ
“รถม้าฟักทองมาส่งถึงได้ตรงนี้นะ
ตื่นได้แล้ว ...ซินเดอเรลล่า” เจ้าหญิงตัวจริงขมวดคิ้วไปนิดก่อนจะผละตัวไปมองนอกรถแล้วก้าวขาออกไปทันที
“ขอบคุณที่มาส่งค่ะ” หญิงสาวในชุดสีดำจ้องมองอาคารตรงหน้านิ่งแล้วหันกลับมายามอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยมือเธอ “ปล่อยมือฉันได้แล้วล่ะน่า”
ทั้งคู่สวมชุดสีดำเหมือนกัน
แต่ที่เหมือนกันน่าจะมีแค่ชุด เพราะคนหนึ่งมีสีหน้านิ่งสงบแต่อีกคนกลับจดจ้องคนตรงหน้าไม่ลดละ
เหมือนไม่อยากปล่อยมือ
เพราะหากปล่อยไปแล้วเธอจะกลับมาหาเขาหรือเปล่า
“โดฟลามิงโก้?”
“ไว้เจอกัน” เจ้าของชื่อพูดเหมือนย้ำเตือนให้เธอกลับมา
เด็กสาวยิ้มรับคำก่อนหันหลัง ทิ้งให้เขายืนกลมกลืนไปกับความมืดมิด
เธอจากไป...
………………………
แสนคำนึงถึง
ทุกย่างก้าวช่างเต็มไปด้วยความทรงจำยามได้กลับมาเหยียบสถานที่ที่เรียกว่าบ้านอีกครั้ง
น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวเพราะหันไปทางใดก็พบเจอแต่ภาพวันวานที่อบอุ่นอยู่ในขั้วหัวใจ
เหล่าทุกคนในราชวังต่างเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือจะมีความสุขดี
เธอคิดถึง
ไวโอเล็ตพยายามปาดลำธารสายเล็ก
ๆ ที่ไหลอาบแก้มพร้อมสาวเท้าเดินเข้าหาคนที่เธอคิดถึง
คนที่เงยหน้าขึ้นมาสบตาเธอด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งที่คิดจะมอบรอยยิ้มให้เขาเห็นเป็นสิ่งแรก
แต่สุดท้ายแล้วลูกคนนี้ก็ทำได้เพียงส่งยิ้มหาคุณพ่อทั้งน้ำตา
“ลูกคิดถึงคุณพ่อ” สองร่างโผเขากอดกันในบัดดล ไม่ต้องมีคำพูดมากกว่านี้
ไม่ต้องมีการแสดงออกมากกว่านี้ ตอนนี้สิ่งที่พวกเธอทำคือกอดอีกฝ่ายให้แน่นที่สุดเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่หายไป
“พ่อก็คิดถึงลูก” รัชทายาทตัวเล็กกลับมาแล้ว ตอนนี้หล่อนกลับมาพร้อมความสุขเล็ก ๆ
ที่ทำให้หัวใจชายชราแบบเขาไม่ต้องทนเจ็บปวดทรมาน
ตอนนี้ลูกสาวคนเล็กกลับมาแล้ว
เหลือไว้แค่เพียงลูกสาวคนโตที่จะไม่มีวันหวนกลับคืน
………………………
เสียงลูกดอกเจาะบนผนังดังมาเป็นระยะ
เข้าเป้าบ้างไม่เข้าเป้าบ้าง
อันที่จริงมันจะไปเสียบอยู่ตรงไหนหรือจะไปเจาะหัวกบาลใครก็เรื่องของมัน เขาไม่มีอารมณ์จะมาสนใจ...
ผ่านมาสองวัน
เป็นสองวันที่เจ้าพ่อค้าอาวุธเอาแต่นั่งดื่มเหล้าไม่เป็นโล้เป็นพายอยู่ในห้อง ใช้มือขวาปาลูกดอกโง่
ๆ อยู่ในห้องทำงานที่ท่าเรือ
มือซ้ายยกบุหรี่ขึ้นมาสูบเมื่อพบว่าตอนนี้เขาต้องเดินออกไปหยิบเจ้าเหล็กปลายแหลมที่ฝังอยู่บนเนื้อไม้หากคิดอยากกลับมาเล่นใหม่
‘ช่างแม่ง’ กระแทกเสียงอยู่ในใจก่อนจะยกเท้าขึ้นมาพาดโต๊ะแล้วปล่อยควันสีเทาออกมายืดยาว
เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะพลันปรากฏใบหน้าใหญ่
ๆ ของผู้ชายมีหนวดเลอะเทอะทั่วทั้งโครงหน้า
“นี่ ๆ
ดอฟฟี่ฉันมีเรื่องจะถาม ...เหวอ อะไรเนี่ย!? ทำไมห้องมันเหม็นกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่ขนาดนี้เนี่ย!? ว่าแต่นายเลิกสูบแล้วไม่ใช่เหรอ?” เสนาธิการของกลุ่มร้องโวยวาย
เขม็งมองบุรุษผมทองที่นั่งหาเรื่องอยู่ตรงโต๊ะทำงาน
ท่าทางนั่งอ้าซ่ายกเท้าไว้บนโต๊ะ
แถมยังมองพวกตนด้วยความเย้ยหยันชวนให้หวนนึกถึงดอฟฟี่ของพวกเขาเมื่อสมัยนู้นไม่มีผิด
สมัยก่อนที่จะเปลี่ยนร่างเป็นคิตตี้ตัวเขื่องอยู่นานโข
สมัยที่ยังโหดเหี้ยมเดินกลับบ้านด้วยร่างโชกเลือดไม่เว้นแต่ละวัน
“มีอะไร?” โดฟลามิงโก้เปลี่ยนท่านั่ง คว้าขวดเหล้ามารินใส่แก้วก่อนกลับไปเอนกายพิงพนักเฝ้ามองทั้งสองคน
ตอนนี้คู่สนทนามีสองคนเพราะอีกคนหนึ่งคือ...
“ทำอะไรน่ะดอฟฟี่? ฉันว่านายควรจะไปอาบน้ำอาบท่าบ้างนะ หาอะไรรองท้องด้วย
เอาแต่กินเหล้าเดี๋ยวกระเพาะก็ทะลุหรอก” ผู้มาใหม่อีกคนคือพิก้า
เจ้าของคำพูดมีโทนเสียงแหลมสูงคล้ายตนเองเป็นนักร้องประสานเสียง
ซ้ำยังมีร่างกายใหญ่โตขัดกับผมสีม่วงอ่อนที่ดูน่ารักแบบไม่เข้ากันเลย
“พวกแกจะมาคุยเรื่องงานหรือจะมาคุยเรื่องให้ฉันไปอาบน้ำกินข้าว?
ถ้าเป็นอย่างหลังก็ไสหัวไป” บอสของแฟมิลี่ชักสีหน้าใส่ ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมาลอยคลุ้งเหมือนสิงห์อมควัน
“ทำตัวไม่สมกับเป็นนายเลยนะ
แล้วจะทำท่าหมดอาลัยตายอยากไปทำไม? ก็รู้ทั้งรู้ว่าหล่อนอาจจะไม่กลับมาก็ยังจะเลือกปล่อยไปอีก
...นี่ก็ผ่านมาสองวันแล้วนะ ตัดใจเถอะ นายโดนทิ้งแล้ว ...จ๊าก ๆๆ ร้อน ๆ ไหม้หมดแล้ว!” โดฟลามิงโก้โยนบุหรี่ใส่เทรโบลทันทีตอนมันพูดแทงใจดำ
‘โธ่เว้ย! ก็รู้อยู่ ก็รู้อยู่แล้วเว้ย! แต่มันก็...’ เปลี่ยนมาเทเหล้าลงคอทีเดียวหมดแก้ว แล้วย้อนนึกถึงคำพูดที่ไวโอเล็ตเคยบอกเขาเมื่อตอนนั้น
...คำพูดที่ทำให้เขายอมให้เธอไป
“ขอฉันกลับไปประเทศตัวเองนะ”
หลังจากเจ้าหญิงพูดจบทุกอย่างก็นิ่งสนิท
เขาไม่ทันตั้งตัว ไม่ทันได้เตรียมใจที่จะมาได้ยินคำขอร้องอะไรแบบนี้
จ้องลึกเข้าไปในนัยน์ตาเด็กสาว ลึกเสียจนเห็นตัวเขาเองสะท้อนอยู่ในดวงตาคู่งาม
“เธอคิดจะทำอะไร?” เลื่อนปลายนิ้วมาเกลี่ยเส้นผมออกจากวงหน้าพร้อมถามเธออย่างล่องลอย
“ฉันตัดสินใจบางอย่างได้นะ
แต่ก่อนจะเริ่มฉันอยากขอเวลากลับไปจัดการปัญหาทุกอย่างที่บ้านเท่านั้นเอง” โดฟลามิงโก้หยุดมือ ใช้สายตาเฝ้ามองเธออย่างอาวรณ์
“ถ้าเธออยู่กับฉัน
จะไม่มีทางหักหลังฉัน ฉันจะยอมให้เธอสยายปีกได้เต็มที่ ...เธอรู้ใช่ไหม?”
“อือ คุณเคยพูดหลายรอบแล้ว”
“เธอจะกลับมารึเปล่า?”
มันคือสิ่งที่เขากลัว หากปล่อยมือนี้ไปแล้ว
หากให้ไวโอเล็ตเป็นฝ่ายเลือกแล้ว... หญิงสาวจะกลับมาหาเขาหรือไม่?
“คุณเคยบอกให้ฉันเชื่อใจคุณแต่ตอนนี้ฉันอยากให้คุณเชื่อใจฉัน
...ขอฉันกลับไปประเทศนะคะ”
ยามนี้เธอเป็นฝ่ายเอื้อมมือขึ้นมาประทับข้างแก้มเขาบ้างแล้ว
รอยยิ้มอ่อนหวานถูกถ่ายทอดตอนเธอใช้มันอ้อนวอนให้เขายินยอม
เด็กสาวเริ่มจะจับจุดเขาได้เพราะตอนนี้เธอเป็นฝ่ายโน้มหน้าขึ้นมากระซิบกระซาบใกล้ชิดอีกหนึ่งริมฝีปากแล้วล่อลวงกัน
“ฉันขอเวลาสักพัก
ให้ฉันกลับไปนะโดฟลามิงโก้”
“สักพักของเธอคือนานเท่าไหน?”
“...ขอร้องนะคะ ให้ฉันกลับไปประเทศตัวเองนะ”
แพ้หมดท่า...
โดฟลามิงโก้เหม่อมองก้นแก้วที่ว่างเปล่ายามคิดทบทวนเรื่องราวดี ๆ
...ไม่มีเหตุผลที่เธอจะกลับมา
เป็นจริงดังนั้นเพราะนึกย้อนไปดี ๆ ไวโอเล็ตไม่ได้พูดว่าจะกลับมาหากันสักคำ
‘โดนทิ้ง?’
นี่เขาโดนเธอหลอกงั้นเหรอ? ไม่ ...อาจจะไม่ได้ทิ้ง
นี่มันผ่านมาแค่สองวันเอง แต่คิดอีกทีมันก็ผ่านมาตั้งสองวันแล้วต่างหากโว้ยที่เธอไม่ติดต่อไม่เคลื่อนไหวเลย! ตรวจดูสถานที่ก็พบว่ายังอยู่แต่ในราชวัง
จะโทรก็ไม่ได้เพราะเขาสัญญาที่จะให้เวลาเธอแล้ว
‘ไม่กลับมาหากันแล้ว???’
“แม่งเอ้ย!!!”
“อะไรดอฟฟี่?
เส้นทางเดินเรือมันไม่ดีงั้นเหรอ?” พิก้าเลิกคิ้วถามเพราะหลังจากอธิบายเส้นทางหลีกเลี่ยงการตรวจจับให้ฟัง
ดอฟฟี่ก็นิ่งเงียบไปเหมือนตกอยู่ในภวังค์
ก่อนคนเมาจะกระแทกแก้วลงบนโต๊ะแล้วอุทานออกมาเสียจนสุดเสียง
“เออ โง่มาก! คิดจะผลาญเชื้อเพลิงกับค่าส่วยสักกี่ด่านถึงจะพอ อ้อมไกลขนาดนั้นไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวขึ้นมาล่องเรือด้วยเลยล่ะ!? ...พอ! ยัดข้อหาให้พวกมันก็หมดเรื่องแล้ว
และก็ออกไปกันเลย! คนจะกินเหล้าย้อมใจ!” ผิดคาด...
บุรุษสองร่างใหญ่ที่คิดว่าดอฟฟี่ไม่ได้ตั้งใจฟังกลับสับสวิตช์สมองมาแก้ปัญหาให้เสร็จสรรพ
แต่ยังไงท่าทางฟาดงวงฟาดงาของเด็กตรงหน้าก็ทำให้เจ้าหนวดอยากแซวไม่เสื่อมคลาย
“อะไรเนี่ย!?
กู่ไม่กลับแล้วนะดอฟฟี่ ตอนนี้นายนี่มันยิ่งกว่าผู้หญิงมีระดูอีก
...แต่ก็เข้าใจนะโดนเมียทิ้ง เฮะ ๆๆๆ …เหวอ!” หากช้าไปเพียงนิดปลายจมูกที่เต็มไปด้วยน้ำมูกอาจต้องโดนขอบแก้วกระแทกหน้า
เทรโบลหัวเราะลั่นห้องแล้วรีบพาตัวเองออกไปเพราะดันไปจี้จุดกดชนวนระเบิดเข้าเสียแล้ว
ผู้บริหารระดับสูงที่ยังอยู่นิ่งมองหัวหน้าครอบครัวบ่นพึมพำพลางกระดกน้ำมึนต่อไม่หยุด
พิก้าคิดว่ามันดูดิบเถื่อนสมกับเป็นเจ้าพ่อดีแต่ก็คิดว่าปล่อยไปแบบนี้มันน่าเป็นห่วงยังไงพิลึก
“พรุ่งนี้บ่ายสองจะมีพระราชพิธีศพของลูกสาวคนโตนะ จัดที่สวนหลวงทางทิศใต้ ทางการประกาศให้คนนอกเข้าไปร่วมงานได้เผื่อนายอยากไป...” ชายร่างใหญ่เห็นดอฟฟี่หยุดแก้วในมือไปกะทันหันก่อนจะกลับไปยกมันเข้าปากเหมือนเดิม
“ฉันกลับไปทำงานก่อนนะดอฟฟี่ ...มีอะไรก็บอก แล้วถ้าจะไปก็ไปโกนหนวดให้เรียบร้อยด้วย
เดี๋ยวคนจะหาว่านายเป็นผู้ร้ายไปถล่มงานศพเขา”
“เออดี! คนจะได้รู้ว่าเป็นโจร จะได้ฉุดเมียมาปล้ำให้สมชื่อ”
โดฟลามิงโก้ทิ้งคำพูดไว้แค่นั้นก่อนจะถอนหายใจยืดยาว
ซดเหล้าปล่อยให้ความคิดมันจมอยู่กับตัวเอง
………………………
เธอคือราชนิกุล ทุกท่วงท่ากิริยาช่างดูสง่าผ่าเผยยามอยู่ในชุดสีดำงดงาม เรือนผมสีเข้มถูกเกล้าเป็นมวยปล่อยไรผมข้างหน้าให้เอนไหวตามแรงลม
บรรยากาศในพิธีศพช่างดูเศร้าหมองแต่ก็งดงาม
สีฟ้าของดอกไฮเดรนเยียผสมกับสีขาวของดอกเบญจมาศทำให้ทั้งงานคล้ายอยากจะหลั่งน้ำตาแทนทุกคนที่เดินเข้ามา
สการ์เล็ตแปลว่าสีแดงสด
ทุกคนต่างประดับกุหลาบสีนั้นไว้ที่อกเสื้อยามเฝ้ามองพระองค์หญิงที่มีชื่อเดียวกันนิทราสู่ชั่วกัลปาวสาน
ไวโอเล็ตไม่ร้องไห้
ยืนนิ่งมองตรงแน่วแน่โดยมือขวาคอยประคองแขนผู้เป็นพ่อไว้ จำต้องรีบก้มลงไปปลอบโยนเด็กข้างตัวยามอีกฝ่ายทำท่าจะสะอื้นไห้ออกมาอีกครั้ง
องค์รักษ์นั้นก็อยู่แต่ตอนนี้กลับดูไม่เหมือนผู้ชายร่างกำยำที่แข็งแกร่งมั่นคง
ตอนนี้หมอนั่นกลับยืนน้ำตาไหลเป็นสายเลือดถือไม้ค้ำยันเพราะขาซ้ายใช้การไม่ได้อีกต่อไป
‘เขาพาให้เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้’ โดฟลามิงโก้หรี่ตา... นั่นคือภาพครอบครัวของคนที่เขาอยากให้อยู่ด้วยกันเหรอ?
สภาพของคนที่เขารั...
“กลับได้แล้ว” หยุดความคิดกะทันหัน เอนศีรษะลงกับเบาะแรง ๆ
ก่อนจะเอ่ยปากบอกคนขับรถให้กลับไปที่ท่าเรือเสียที ยกฝ่ามือขึ้นมาปิดทั้งหน้าเพราะขนาดเธออยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่หากคว้ามือไปก็ไม่อาจจับได้แม้ปลายเส้นผม
ได้แต่เฝ้ามองอยู่บนรถ เฝ้ามองเธอจากในที่ ๆ ไกลแสนไกล
‘เธอบอกว่าถ้าฉันทำตามความต้องการของเธอ
เธอจะทำตามความต้องการของฉัน... เธอบอกให้ฉันเชื่อใจเธอเพราะเธอเคยเชื่อใจฉัน...
หากครอบครัวของฉันทำร้ายครอบครัวของเธอ เธอจะกลับมาเป็นครอบครัวของฉันไหม?
หากเธอไม่กลับมาหรือว่านี่จะคือปลายทาง... ที่ฉันควรจะปล่อยเธอไป...’
………………………
- 50% -
วันที่สี่
ช่างเป็นสี่วันที่ล่วงเลยไปอย่างทรมาน การเฝ้ารอใครสักคนให้กลับมามันบีบคั้นจิตใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หลอกตัวเองคิดในแง่ดีว่าหลังพิธีศพจบลงเจ้าหญิงจะปรากฏกาย แต่จนแล้วจนรอดแฟรี่ก็คงจะไม่ลดตัวลงมาเกลือกกลั้วโลกโสมมที่ปิศาจร้องขอ
นั่งทับถมกับตัวเองก่อนจะฟังวิทยุออนไลน์ที่พิก้ามันเปิดทิ้งไว้ในคอมฯ
แบบเลื่อนลอย
[[ …แต่คนถูกทิ้งก็เป็นอย่างเนี๊ยะ
จะมีทางไหนให้ฉันหลีกหนีให้ดีไปกว่าจมอยู่กับน้ำตา... ♪
]]
[[ …แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม
เลือกให้เธอไม่ไปได้รึเปล่า... ♫ ]]
[[ …เพราะคนไม่จำเป็นก็ต้องเดินจากไป
ถึงแม้ว่าภายในใจจะรักเธอแค่ไหน... ♪ ]]
[[ …ทำถูกแล้ว ที่เธอเลือกเขาและทิ้งฉันไว้ตรงกลางทาง...
♫ ]]
[[ …ขอบใจนะที่ครั้งหนึ่งเธอก็ยอมฝืนใจตัวเอง
ขอบใจนะฉันรู้ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว... ♪ ]]
“ห่าขั่วมึงเอ้ย!!! มีแต่เพลงอกหักรึไง! รวมหัวกันเปิดใช่ไหม? คลื่นอะไรมั่งวะจะยุบให้หมด ...เวร!” คนฉุนเฉียวกัดฟันก่อนจะลุกไปจ้องหน้าจอด้วยแรงอารมณ์
‘คนยิ่งคิด ๆ มากอยู่ด้วยดันมาเปิดเพลงบั่นทอนจิตใจซะเกือบทุกคลื่นเลย!’ แต่ระหว่างที่กำลังระบายโทสะลงบนแป้นพิมพ์ก็ได้ยินเสียงเคาะประตู
โดฟลามิงโก้เดินขยี้ผมอย่างหัวเสีย
ตลอดสี่วันนี้มีแต่พิก้ากับเทรโบลนั่นแหละที่กล้าขึ้นมา ...ก็ดี เดินมาให้ด่าถึงที่จะได้ระบายอารมณ์เสียหน่อยว่าเปิดเพลงให้หมูหมากาไก่ที่ไหนฟัง
“จะฟังเพลงก็ฟังไปคนเดียวสิเว้ย! จะมาเปิดทิ้งไว้ทำ... !!!”
“เอ๊ะ
ก็ไม่นะคะโทรศัพท์ฉันก็ไม่ได้เปิดเพลงอยู่ ...ว่าแต่ทำไมคุณอยู่ชุดเดิมล่ะเนี่ย?”
ทั้งคู่จ้องกันนิ่ง
ตอนนี้ทุกอย่างกำลังหยุดเคลื่อนไหว...
เธออยู่ตรงนี้...? เหมือนหัวใจกำลังหยุดเต้น
เธออยู่ตรงนี้
คนที่เขาคิดถอดใจว่าเธอจะไม่กลับมาหากันแล้ว
...แต่ตอนนี้เธออยู่ตรงนี้
‘ไม่ได้ตาฝาดไป
เขาไม่ได้คิดไปเอง?’ โดฟลามิงโก้ยกมือขึ้นไปสัมผัสคนตรงหน้าเพราะตัวเขาไม่แน่ใจว่าเธอคือภาพจริงหรือความฝัน
“อะไรคะ? เป็นอะไร? ดึงแก้มฉันอยู่นั่นแหละมันเจ็บนะ” ไวโอเล็ตหลับตาเอ่ยบอกเพราะจนถึงตอนนี้อีกฝ่ายก็มีสีหน้าตะลึงพรึงเพริดพร้อมหยิกแก้มเธออยู่แบบนั้น
“ตัวจริงใช่ไหม?”
“ฮึ ๆ ไม่ใช่ค่ะ เป็นตัวปลอมเวอร์ชั่นอัปเกรด
ว่าแต่คุณไหวไหมคะเนี่ย? ไปหา...”
“...นึกว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว” เหมือนโลกหยุดหมุน ทั้งร่างถูกรวบไปกอด อ้อมแขนนั้นกอดเธอแน่น
มันแน่นเสียจนรู้สึกว่าเหมือนเขากำลังอดทนอะไรสักอย่าง สาวน้อยปล่อยให้เขากอดรัดไว้แบบนั้นแล้วหันมองอีกฝ่ายนิด
ๆ พลางพูดกลั้วหัวเราะเบา ๆ
“อะไรคะเกิดอะไรขึ้น? ทำไมสภาพคุณดูไม่จืดเลยล่ะเนี่ย? ได้อาบน้ำบ้างรึเปล่า... ทำไมหนวดขึ้นเต็มหน้าเลย งานยุ่งเหรอคะ?”
“อืม”
“แปลกจริงด้วย
ปกติเห็นเนี้ยบอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ต้องถ่ายเก็บไว้แบล็คเมล์ไหมนะ?”
“มันไม่มีกะจิตกะใจทำ
...อยากลองไว้หนวดเป็นตัวร้ายบ้าง เดี๋ยวโกนแล้วจะกลายเป็นพระเอก”
“ฮึ ๆ กลับมาพูดจาแบบเดิมแล้วนี่... ถ้างั้นคุณพระเอกควรจะไปลอกคราบตัวร้ายออกได้แล้วนะคะ... เหม็นกลิ่นเหล้ากลิ่นบุหรี่มากเลยเนี่ย แล้วเดี๋ยวฉันจะหาอะไรให้ทาน โดนฟ้องมาว่าคุณไม่ยอมกินข้าว... เด็กดื้อจะโดนตีนะรู้ไหม?” เจ้าหญิงค่อย ๆ แกะตัวออกแต่ก็พบว่าเขายังคงกอดเธอไว้แน่นเหมือนเดิม
“โดฟลามิงโก้?”
“ยอมให้ตีเลย...
แต่ขอสักพัก ขอฉันอยู่แบบนี้สักพักนะ อย่าพึ่งไปไหน...” คนร่างเล็กปล่อยให้เขาโอบกอดซบไหล่เธอต่อไป ไม่รู้ว่าเขาจะกอดเอาไว้สักหนึ่งชั่วโมงหรือถึงแรมปีแต่เธอก็ปล่อยให้เขาทำ สองมือเคลื่อนมากอดตอบเขาเบา ๆ เพราะจู่ ๆ เวลานี้คนที่แข็งกระด้างเสียจนสุดทนกลับอ่อนไหวเสียจนสุดใจ
“ไม่เป็นไร...
ฉันกลับมาแล้วนะคะ ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว”
เขาดูอ่อนแอ
………………………
“นี่พิก้า… แกว่าพาดอฟฟี่ไปเจอเจ้าหญิงอีกสักประเทศดีไหม? เผื่ออาการจะดีขึ้น”
“ไม่น่าช่วยได้ น่าจะอยู่ที่ตัวบุคคลมากกว่า” มาเฟียสองคนยืนกอดอกคุยกัน เฝ้ามองลูกน้องทำงานอย่างขยันขันแข็งครั้นพบว่าเจ้านายกำลังมองดูอยู่
“แบบว่าไม่ค่อยชินที่ดอฟฟี่มีหนวด
...นี่ ๆ โจรเลยนะ ไรหนวดขึ้นเขียวเลย ทำไมไม่ keep look เป็นเพลย์บอยต่อล่ะ?”
“มีหนวดก็ดูเถื่อนดีออก”
“แกนี่รสนิยมแปลก ๆ นะ” ชายมีหนวดตัวจริงสูดจมูกยามคู่สนทนาตอบรับเสียงหลงในคอ
ทั้งคู่ปล่อยบทสนทนาไว้แค่นั้นเพราะต่างจนปัญญาว่าจะบังคับให้คนซกมกลุกขึ้นมาอาบน้ำกินข้าวได้อย่างไร
สุดท้ายแล้วตัวเลือกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือไปลักพาตัวเจ้าหญิงออกมาจากหอคอยเท่านั้นนั่นแหละ
ระหว่างที่กำลังยืนจนแต้มอยู่ในท่าเรือก็มีเสียงผู้หญิงเอ่ยทักทาย
“เอ่อ สวัสดีค่ะ” เจ้าของเสียงถอยหลังไปหนึ่งก้าว
นึกกลัวสายตาของชายร่างใหญ่ทั้งสองที่ถลึงขวับมาหาทันที “ฉันมาผิดเวลารึเปล่าคะ?”
“อ่า! ยัยเจ้าหญิง นึกว่าจะไม่กลับมาซะแล้ว ไปเลย...ขึ้นไปเลย ช่วยไปดูดอฟฟี่เร็ว
ๆ เลย พวกฉันนี้ประสาทจะกินกันอยู่แล้ว” ไวโอเล็ตเอี้ยวตัวหลบหยดน้ำมูกที่ลอยคว้างมาก่อนจะยิ้มแหย
ๆ ยามอีกฝ่ายพูดอะไรชวนหัวหมุน
“อะไรคะ? เกิดอะไร? เขาเป็นอะไรเหรอ?”
องค์หญิงเลิกคิ้วก่อนจะโดนมือหนักของพิก้าบีบมั่นที่หัวไหล่มน
“วานเธอที
ดอฟฟี่นอนเป็นผีตายซากอยู่ข้างบน ...ช่วยไปพูดอะไรหน่อย พวกฉันเป็นห่วงมาก” เธอพยักหน้าเข้าใจเพราะนอกจากจะรู้ว่าโดฟลามิงโก้อาการไม่ปกติแล้ว คนที่ชื่อพิก้าที่สาวน้อยพึ่งเคยเจอวันแรก
ดันมีเสียงแหลมจนอยากจะพาไปเดบิวต์สักรายการ
‘ทุกคนในดอนกิโฮเต้มีเอกลักษณ์กันจริง
ๆ ด้วย’ เด็กสาวเดินเกาหัวนิดหน่อย
ไม่วายได้ยินทั้งสองคนตะโกนบอกให้เธอบังคับให้ชายหนุ่มกระเดือกข้าวด้วย
ก่อนสองขาจะเลือกทิ้งเสียงหัวเราะชั่วร้ายที่ไล่หลังมาแล้วเดินขึ้นชั้นลอยไป
ด้วยเหตุนี้หลังจากเคาะประตูแล้วพลันประจักษ์ร่างของเจ้าพ่อแก่สายตา
ทุกข้อสงสัยที่เธอเคยมีมันก็ไขความจริงออกมาหมด
‘คุณพ่อคะ
หลังลูกกลับมาก็เจอมนุษย์โครมันยองตัวเป็น ๆ เลยค่ะ
…เอ๋~ ทำไมโดฟลามิงโก้ไว้หนวดแล้วล่ะ!?’
………………………
ณ ห้องหรูสไตล์โมเดิร์นคลาสิก
กลิ่นอบเชยลอยฟุ้งดึงให้ภายในห้องอบอวลไปด้วยความหอมติดตรึงใจ อุณหภูมินั้นคงที่
ได้ยินเพียงเสียงใบมีดขูดไปตามผิวเนื้อยามสิ่งที่กระทำมันนั้นสำคัญมากกว่าคำพูด
เสียงตีมือดังเพียะกระจายกึกก้อง
ขาปูจอมลวนลามจำต้องหยุดชะงักเพราะไม่อาจไต่สะเปะสะปะเข้าหาเนื้อตัวของคนที่นั่งบนขอบโต๊ะได้มากกว่าใจคิด
“หึ ๆๆ” ที่ตรงนี้มีอดีตโจรขำค้างคอ พยายามยื่นหน้าเข้าคลอเคลียเด็กตรงหน้า แต่สุดท้ายก็ต้องรีบครางเสียงต่ำยามต้นคอถูกสันเหล็กกดเอาไว้เพราะอีกคน ไม่อยากให้ครีมโกนหนวดมันมาเลอะเธอเอาเสียเลย
“อยู่เฉย ๆ สิคะ
อยากโดนมีดบาดรึไง?”
เจ้าหญิงดุก่อนจะดันคางคนตัวสูงให้หันไปทางอื่น เธอทำหน้าที่ไม่ได้ยามพ่อคุณคิดจะลวนลามทั้งที่มีมีดจ่อคอหอยอยู่
เจ้าพ่อนิ่งค้างแสนจำยอม ไม่มีอะไรจะดีไปกว่ามาขอให้เธอโกนหนวดให้อีกแล้ว
และเมื่อเด็กสาวเห็นว่าอีกฝ่ายปฏิบัติตามแต่โดยดี เธอจึงเริ่มทำหน้าที่อีกครั้ง
“หึ ๆๆ” โดฟลามิงโก้ขำอีกแล้ว ไวโอเล็ตทำหน้าปลดปลง เกิดหมั่นไส้ขึ้นมาก ๆ
เดี๋ยวก็เอามีดโกนปาดคอเสียเลย ไม่เข้าใจว่าทำไมเขายอมให้เธอเอาของอันตรายมาจี้ลูกกระเดือกแบบนี้
นี่ไม่กลัวตัวเองขึ้นข่าวหน้าหนึ่งรึไง ...แต่เป็นข่าวหน้าหนึ่งในเรื่องฆาตกรรมน่ะนะ
ให้ตายสิ ผู้ชายคนนี้เข้าใจยากจริง
ๆ
หลังจากปล่อยให้มนุษย์โครมันยองกอดอยู่นานสองนาน คนดึกดำบรรพ์ก็ยอมนั่งรถกลับโรงแรมแต่โดยดี นึกโล่งใจคิดว่าห้องพักเขามันจะคลุ้งไปด้วยกลิ่นอบายมุขเหมือนท่าเรือเสียที ...นับว่าโชคดีที่ไม่ใช่ พูดให้ถูกน่าจะบอกว่าเขาน่าจะไม่ได้กลับมาใช้เลยมากกว่า เพราะทุกอย่างมันเหมือนพึ่งเข้ามาเช็คอินไม่ผิดเพี้ยน
ไวโอเล็ตเดินเล่นมั่วซั่วไปทั่วห้อง
เห็นแล้วว่าอีกคนเตรียมตัวจะเข้าไปอาบน้ำ เธอจึงตัดสินใจออกไปข้างนอกดีกว่า แต่ระหว่างที่ขาใกล้ถึงหน้าประตูห้อง
เอวเธอก็ถูกสวมกอดเอาไว้ทันที...
พยายามจะหันกลับไปมองแต่ก็ทำไม่ได้เพราะโดนมืออีกคนรวบปลายเก็บไปด้านซ้าย
ก่อนเขาจะฝังริมฝีปากชื้น ๆ เข้ามาที่หลังต้นคอ
“จะไปไหน?”
“นึกว่าเข้าไปอาบน้ำแล้วเสียอีกนะ”
ต่างคนต่างเงียบ แต่ทว่าก็เพียงไม่นานเพราะคนที่เป็นฝ่ายยอมแพ้ก่อนก็คือเธอ ไวโอเล็ตเขยิบตัวพลิกกายหนียามคนด้านหลังเริ่มจะไม่จบเพียงแค่การกอด “…อือ ไม่ได้ไปไหน ฉันแค่จะลงไปซื้อของข้างล่างเท่านั้นเอง”
“แน่นะ...
งั้นซื้อครีมโกนหนวดสูตรอ่อนโยนต่อคุณผู้ชายมาด้วย ใช้ของโรงแรมไม่ได้ผิวหน้าฉันบอบบาง”
‘หน้าบอบบาง? ใครเขาบอกคุณเนี่ย?’ เจ้าหญิงไม่ต่อล้อต่อเถียง
รีบตกปากรับคำก่อนจะลงไปซื้อของด้วยความรวดเร็ว แต่พอกลับขึ้นมาสุดท้ายเธอก็ต้องมานั่งโกนหนวดให้เขาแบบที่กำลังทำอยู่ตอนนี้
…นึกว่าจะทำเองเสียอีก เลี่ยงไม่ได้เลยสิเนี่ย?
ไวโอเล็ตใช้สมาธิ
นัยน์ตาคู่คมมองหญิงสาวไม่วางตายามเธอจดจ่ออยู่กับกรอบหน้าเขา
...เธอตัดผม
กลับไปตัดเป็นผมสั้นที่ละอยู่แถวต้นคอแบบเดียวกับที่เคยเจอวันแรก แม้จะเป็นทรงเดียวกันแต่ในใจก็เฝ้าบอกว่ามันดูต่างไป
...เธอดูโตขึ้น นิ้วยาวเกี่ยวปอยผมขึ้นมาแบบเผลอใจ คิดจะเอ่ยทักตั้งแต่แรกแต่ก็ไม่ได้ถามมาจนถึงตอนนี้
“ฉันตัดผมนะ
ขอโทษด้วยที่ไม่ได้ทำตามที่คุณบอก” คนฟังทอดมองใบหน้าเธอ
ยิ้มตอบตอนเธอส่งยิ้มมาให้ หักห้ามใจไม่ได้ทุกครั้งไปเวลาที่เธอยิ้มให้ทีไรเป็นอันต้องตอบรับอยู่ร่ำไป
“อืม
แต่หลังจากนี้ห้ามตัดอีกเข้าใจไหม?”
“ครับผม ...เอาล่ะ
เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ตัวประกอบ C เลื่อนขั้นมาเป็นตัวประกอบ B แล้วนะ หนวดไม่มีแล้ว” ภารกิจแปลงโฉมเจ้าพ่อเสร็จสิ้น สาวน้อยเอียงคอดูผลงานตัวเองก่อนส่งสีหน้าบอกให้เขาไปล้างหน้าด้วย
เพราะถ้าเธอจำไม่ผิดรู้สึกคนในครอบครัวโดฟลามิงโก้จะตะโกนบอกให้เธอพาเขาหาข้าวหาปลากิน
ชายโดนสั่งน้อมรับคำ
พลิกตัวหันหลังเข้าห้องน้ำปล่อยให้เด็กสาวนั่งเช็ดมีดโกนอยู่ที่เดิม
‘ไม่บ่อยนักที่เขาจะอาบน้ำนาน’ สาวน้อยพิลึกใจเพราะจวบจนเธอซื้อของเสร็จแล้วกลับขึ้นมาตระเตรียมวัตถุดิบพร้อมนั่นแหละ
เจ้าพ่อถึงจะนุ่งผ้าเช็ดตัวออกมายื่นมีดโกนส่งให้เธอ
ไวโอเล็ตเก็บด้ามโลหะให้เรียบร้อย
รีบหมุนตัวไปเตรียมอาหารให้พร้อมก่อนเขาจะออกมา วางถ้วยสีขาวไว้บนโต๊ะยามทุกอย่างปรุงเสร็จ
หางตาเหลือบไปเห็นมือคนเอาเสื้อมาวางพาดบนเก้าอี้ ก่อนจะต้องร้องเสียจนหลุดบุคลิกยามเห็นการกระทำจาบจ้วงของอีกคน
“เย้ย! อะไรเนี่ย!?” ดวงตาเบิ่งโต หันคอหนีแทบไม่ทันเพราะเจ้าของห้องไม่ยอมทำตามสามัญสำนึกของคนธรรมดาทั่วไป นี่มันครั้งที่เท่าไรแล้ว... ทำไมเขาต้องมายืนแก้ผ้าแต่งตัวต่อหน้าเธอด้วย!?
“เย้ยเหรอ? ศัพท์ตกใจแต่ละคำของเธอนี่ตลกดีนะ” ชีกอพูดกลั้วหัวเราะ
จงใจโยนผ้าเช็ดตัวไปทางเด็กตัวแดง ยิ่งอารมณ์ดีขึ้นไปอีกตอนเด็กสาวตกใจเอี้ยวตัวหลบเสียจนโอเวอร์
“ทำไมคุณไม่แต่งตัวในห้อง?”
“กลัวเธอหาย
ต้องมายืนเฝ้าไว้ก่อน” จงใจเดินเข้าใกล้ก่อนจะหยุดสวมกางเกงแล้วรูดซิปเสียงดัง
“จะเขินไปทำไม? ก็เคยเห็นไม่ใช่เหรอ?
แถมทำมากกว่าเห็นด้วย”
“ลามก” หันมาถลึงตาใส่เพราะเห็นว่าเขายอมสวมท่อนบนแต่โดยดี
หากไม่ใส่แม้เพียงกางเกงเธอจะไม่หันไปมองให้เขินอายหรอก
“แล้วทำอะไรให้ฉันกิน?”
โดฟลามิงโก้ว่าพลางพับแขนเสื้อขึ้น ที่จริงเขาก็ถามไปงั้นเพราะเห็นแล้วว่าหล่อนทำอะไรให้เขากิน
“ข้าวต้มกุ้ง
คุณไม่ได้ทานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาหลายวันไม่ใช่เหรอ? กินอะไรอ่อน
ๆ ไปก่อนนะ”
“อืม”
“อ่ะ นี่ค่ะ”
“อืม”
“อะไรคะ... ไม่อยากกินข้าวต้มเหรอ?”
มือบางเลื่อนชามให้ นึกสงสัยว่าโดฟลามิงโก้ไม่ชอบอาหารเหลว ๆ
หรือเปล่าเขาถึงได้เสตาไปทางอื่น
“อืม...แบบว่า ป้อนหน่อยได้ไหมคะ?” ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม รีบรั้งเอวบางไว้แนบตักยามไวโอเล็ตทำท่าจะเดินหนี
“เฮ้อ... กินเองนะคะ
จะบอกว่าไม่มีแรงคงไม่ใช่เพราะตอนนี้ก็เห็นปกติดี”
“ไม่ปกติเพราะสี่วันมานี้เธอทำให้ฉันไม่เป็นผู้เป็นคน
ต้องรับผิดชอบ”
“ฉันไปจับคุณมัดไว้ไม่ให้อาบน้ำกินข้าวรึไง?”
“เธอจับฉันมัดไปกับเธอต่างหาก” สาวโดนใส่ความทำหน้าล้อเลียนก่อนจะหัวเราะขึ้นจมูก
“เจ้าชู้ เอ๊ย! ปากหวานจริงด้วย ...แต่ถึงยังไงก็กินเองนะไม่ป้อนหรอก” เธอไม่ตกหลุมพรางหรอก เขาอ้างเหตุผลโดยเอาสีข้างเข้าถูชัด ๆ
แค่เธอกลับบ้านแล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับกินข้าวกินน้ำไม่ลงกัน ...อ้อนน่ะสิ
“ก็ได้ ไม่ป้อนก็ได้...
แต่ไม่กินแล้วทำอย่างอื่นดีกว่า อย่างที่เธอบอกนั่นแหละฉันยังเหลือแรงอีกเยอะ
มาเถอะ เราไปนอนคุยกันบนเตียงนะ…” รีบเอาช้อนกระแทกปากเขาทันที!
“ไวโอเล็ต!”
“อ๊ะโทษทีค่ะ เห็นคุณอยากให้ป้อนก็เลยป้อนให้แล้วนี่ไง
ทำไมไม่เปิดปากล่ะคะ? แบบนี้ช้อนมันก็กระแทกปากหกหมดสิ ...มาเดี๋ยวเช็ดให้นะ” สาวน้อยทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ก่อนจะหันมาเช็ดปากให้เป็นการเอาใจ บางทีเขาก็ชอบพูดอะไรโจ่งแจ้งจนเธอต้องสรรหาของมาอุดปากเขาเสียเลย
“งามหน้านัก!? คิดจะหาเรื่องกันใช่ไหม!?” ตบฝ่ามือลงบนโต๊ะก่อนจะมองหาเรื่อง
กล้าดียังไงเอาช้อนมาตีปากเขา!
“กินอีกคำนะ
ดูสิกุ้งตัวโตจะตาย เดี๋ยวเป่าให้นะคะ” รีบยิ้มหวานก่อนจะบรรจงเป่าแล้วยื่นให้เขา
“อ้าปากสิคะ ป้อนให้แล้วนี่ไง”
‘อีกหนึ่งคดี’ โดฟลามิงโก้คาดโทษแม่ตัวดีไว้อีกครั้งแต่ก็ยอมเปิดปากรับของที่อยู่ในมือเธอไปกิน
สายตาจดจ้องคนบนตักไม่ว่างเว้นก่อนจะคิดว่าเดี๋ยวนี้เจ้าหญิงใช้ลูกอ้อนเก่งมาก
เล่นมาทีทำเอาเขากลายเป็นเด็กอนุบาลที่พึ่งเคยเจอเพศตรงข้ามอย่างไรอย่างนั้น
เด็กอนุบาล...?
‘เฮ้ยเดี๋ยวนะ! ฉันคือดอนกิโฮเต้ โดฟลามิงโก้ ชายผู้รวยรูปแถมรวยทรัพย์ ผู้หญิงทุกคนต้องหลงเสน่ห์ฉัน! ไม่ใช่นั่งเอ๋อเป็นเด็กภูมิต่ำแพ้ลูกอ้อนแบบนี้!’
“อะไรติดผมคุณน่ะ” ได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ สัมผัสอยู่ที่ปลายเส้นผม ก่อนเด็กสาวจะเป่าออกไปด้วยท่วงท่าละมุนละไมพร้อมส่งยิ้มมา
‘อืม เปลี่ยนใจเป็นเด็กอนุบาลดีกว่า เผลอลวนลามไปสาวจะได้ไม่โกรธ’
“แล้วคุณคิดจะกลับไปกรุงเทพฯ
เมื่อไหร่คะ?” ไวโอเล็ตเอ่ยถามเพราะอยู่ดี ๆ โดฟลามิงโก้ก็หัวเราะตลอดระหว่างโดนป้อนข้าว
...เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก
“ ‘เรา’
ต้องกลับกรุงเทพฯ แล้วก็เมื่อไหร่ก็ได้ที่เธอพร้อม… ต้องอยู่ทำอะไรอีกรึเปล่า?”
ยื่นหน้าเข้าไปรับข้าวต้มคำสุดท้ายพร้อมจ้องมองเธอแบบมีนัยยะ
“ไม่มีแล้วล่ะค่ะ
…หือ อะไรคะ?” เธอกำลังจะยกถ้วยไปเก็บแต่ต้องหันตามแรงยามโดนเชยให้มาสบตา
ทั้งสองมองกันนิ่งก่อนชายหนุ่มจะพูดอะไรให้เธอต้องส่งยิ้มบาง ๆ
“นึกว่าเธอจะไม่กลับมาแล้ว”
“อืม
ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะกลับมาเหมือนกัน ในเมื่อฉันทำตามที่คุณบอกแล้ว ถ้างั้นก็...”
“ตามสัญญา”
“ค่ะ ตามสัญญา”
“อย่าทำแบบนี้อีกนะ” สายตาเด็กสาวอ่อนลง ก่อนจะนิ่งงันรอรอยประทับที่เขายื่นเข้ามาตีตราบนหน้าผาก
รอยประทับที่บ่งบอกว่าตอนนี้ทั้งเธอและเขาได้ทำตามคำมั่นที่เคยให้ไว้แก่กันแล้ว...
“เชื่อใจฉันนะ หลังจากนี้ฉันจะทำให้เธอเห็นว่ามันจะไม่มีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นอีก” ใช้นิ้วโป้งคลึงริมฝีปากจากซ้ายไปขวา แล้วจ้องมองมันครั้นรู้สึกอยากครอบครอง
เลื่อนสายตามองวงหน้านั้นไว้ก่อนจะถามเธอด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“...แต่ก่อนหน้านั้น ฉันมีเรื่องสำคัญต้องถามเธอ”
“อะไรคะ?”
“ฉันโกนหนวดแล้วดูเป็นพระเอกรึยัง?”
“จะเป็นตัวร้ายที่โดนยิงตายเพราะคุณเล่นมุกแบบนี้นี่แหละค่ะ” เด็กสาวหลุดขำจนยั้งไม่อยู่ ไม่ทันได้เตรียมตัวตั้งรับมุกหลงตัวเองแบบนี้
เสียงหัวเราะแสนกังวานดึงให้คนนั่งฟังต้องเกิดความรู้สึกนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
‘อ่า ความรู้สึกนี้แหละ’ ความรู้สึกแบบนี้...
หากจะหาความเป็นสุภาพบุรุษจากตัวเขามันคงไม่เจอ
แต่หากเป็นการเย้าหยอกให้เธอต้องหลุดยิ้มงดงามแบบนี้ล่ะก็
เชื่อเถอะ... เขามีมันล้นอยู่ภายในใจนี้
───────────── Talk with write ( ̄▽ ̄)ノ
- 100 % -
แชร์เพลงเก่ง (คนเขียนเนี่ย)
ตอบเพลงถูกไม่มีรางวัลให้ เพราะมีแต่ใจให้ไปไม่คิดอะไร
คำว่าห่าขั่วมึงเอ๊ย เป็นคำอุทานภาษาอีสาน
มิงโก้อุทานภาษาอีสาน(?) Naniii~
และมนุษย์โครมันยอง(?)
- 50 % -
เหงาก็เลยมาอัพให้เล็กน้อย
เพราะเจ้าพ่อโดนทิ้งก็เลยอยากให้ได้อ่านกัน
ฉากกลับบ้าน เป็นฉากบรรยายน้อยแต่ความรู้สึกมันมากมายเลยนะ
และพระองค์หญิงช่างสง่างามมาก
(เครดิตนักแสดงชาวจีนชื่อ: Dilraba Dilmurat)
ความคิดเห็น