คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : Blowing into the wind (ให้มันเอ่อล้นแล้วสะท้อนออกมา) - 1
ตอนที่ 10: Blowing into the wind
(ให้มันเอ่อล้นแล้วสะท้อนออกมา)
1
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มกำลังร้องบาดทุกแก้วหู รถยนต์สีดำนับสิบกำลังขับฉวัดเฉวียนไล่ล่ากันอยู่บนท้องถนนในยามราตรี
ทุกคันต่างปาดซ้ายแซงขวา ขับหลบชาวบ้านตาดำ ๆ
ที่เหยียบคันเร่งช้าเป็นเต่ากีดขวางทุกเส้นทาง
พวกเขาคือผู้ล่า
กำลังไล่ต้อนผู้ถูกล่าที่บังอาจมาท้าทายอำนาจบารมี
เป้าหมายคือรถบรรทุกจำนวนสามคัน
หากไม่นับความเร็วที่คนขับเหยียบมิดจมเท้าแล้ว
ดูภายนอกคงจะเหมือนรถขนส่งธรรมดาทั่วไป
เสียงล้อรถดังไล่มาเป็นระยะเมื่อฮันเตอร์กำลังเข้าใกล้เป้าหมาย
บรรดาชาวบ้านเริ่มจอดนิ่งเบี่ยงออกข้างทาง เพราะเสียงที่ได้ยินไม่ใช่แค่เสียงล้ออีกต่อไป
มันดังสนั่นคล้ายเสียงกัลปนาทฟาดลงที่ตรงพื้น
พวกเขากำลังเปิดฉากไล่ยิงกัน!
ทุกผู้ต่างหลบหนีเอาตัวรอด
ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาดูเหตุการณ์อันตรายที่แก๊งรถสีดำกำลังเริ่มก่อสงคราม
อกสั่นขวัญผวาเพราะถนนหนทางแถวนี้คือเส้นออกนอกเมือง กว่าผู้รักษาสันติราษฎร์จะออกโรง
ขบวนรถนักล่าคงทิ้งไปไกลลิบแล้ว
“ใกล้แค่นี้พอแล้วครับ” คนนั่งร้องบอกคนขับยามระยะห่างนั้นมากเกินพอที่จะทำการหยุดยั้งเป้าหมาย พวกเขาคือจ่าฝูง
เป็นคันเดียวที่เข้าใกล้เหยื่อได้มากกว่าคันอื่น ๆ มือคนขับกำพวงมาลัยแน่น
รักษาระยะห่างและความนิ่งเอาไว้ยามขับทะยานด้วยความเร็วมหาศาล
สายตาคมเหล่มองหาองศาการยิงที่จะทำให้ลูกน้องลั่นไกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เสียงปืนดังลั่น หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง!
ทุกนัดเข้าเป้าคล้ายจับวาง เสียงยางล้อรถแตกส่งผลให้รถบรรทุกเกิดอาการส่ายไปมาก่อนหักพลิกคว่ำไปที่ไหล่ทาง
...มันไม่ระเบิด
ทั้งคู่เห็นดังนั้นจึงปล่อยงานเก็บกวาดให้เป็นหน้าที่ของพวกที่กำลังตามมา
ก่อนเหยียบคันเร่งไล่กวดอีกสองคันที่เหลือต่อไป
หนึ่งในผู้หลบหนีเห็นท่าไม่ดี รีบยกอาวุธปืนขึ้นมาต่อสู้
ส่งเสียงสบถดังลั่นครั้นจู่ ๆ ผู้ออกล่าก็ปิดไฟหน้า แล้วเบี่ยงรถหลบกลืนหายเข้าไปในความมืดของรัตติกาล
“มันไปไหนแล้ววะ? หาสิเว้ย!” คนขับเริ่มลนลานอยู่ไม่สุข
รีบสั่งคนข้าง ๆ ให้สอดส่องหาเป้าหมาย
หันมองกระจกมองหลังทันทีเมื่อรถบรรทุกที่หนีตายมาด้วยกันพลิกคว่ำตามคันแรกไป เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นลั่นฟ้า
...ที่ปลายสายตามัจจุราชร้ายสีม่วงปรากฏขึ้นอีกครั้ง
กำลังพุ่งทะยานแยกเขี้ยวหยิบยื่นความตายเข้าหาตน
“เวร เวรเอ๊ย! ยิงมันสิ ยิงมัน!”
“ยอมแพ้ไม่ดีกว่าเร๊อะ!!! ฝั่งเราเสียคนไปหมดแล้วนะ
รถคุ้มกันก็พลาดท่าไปหมดแล้ว ไปไม่รอดแน่ ๆ โธ่เอ๊ย! ไม่น่ารับงานแบบนี้เลย!” จากที่หงุดหงิดอยู่แล้ว ยิ่งมาโดนเพื่อนร่วมงานพูดจาปอดแหกใส่
ยิ่งทำให้สติของคนขับขาดผึง
“อยากยอมแพ้ก็ยอมไปคนเดียวสิโว้ย!!!” ไม่พูดเปล่าก็ยกเท้ายันอีกคนแล้วถีบตกรถไปทันที
เขม็งมองหน้าศัตรูที่ขับมาเทียบที่ด้านข้าง อุตส่าห์นึกว่าร่างอดีตเพื่อนร่วมงานจะขัดขวางไม่ให้ไล่ตามมาได้เสียอีก
กัดฟันจนแทบหักก่อนตัดสินใจสะบัดพวงมาลัยเข้าใส่อีกคันในบัดดล
เสียงล้อรถเบรกดังเอี๊ยดครูดไปตามพื้นถนนจนเสียวฟัน
ทิ้งรอยไหม้เป็นทางยาวเมื่อต้องหยุดความเร็วกะทันหัน
คนบังคับคุมสติไว้ได้ดีเกินคาด สามารถเอายานพาหนะรอดพ้นจากการถูกบดขยี้แล้วเข้าเกียร์เร่งความเร็วเริ่มต้นเกมไล่ล่าใหม่
...คว้าปืนเข้ามาถือไว้ ก่อนเหยียบมิดทีเดียวจนกลับไปตีคู่ได้
‘ปีศาจ ไอ้หมอนี่มันปีศาจ!’ อ้าปากโวยวายด้วยความโมโห
มองเห็นลำกล้องปืนถูกชี้มายังตน กำลังจะหักพวงมาลัยชนอีกรอบ แต่มันก็สายเกินไป
และนั่น... คือสิ่งสุดท้ายที่มองเห็น
รอยยิ้มน่าขนพองสยองเกล้า
รอยยิ้มที่ถูกหยิบยื่นมาให้พร้อมกับความสิ้นหวัง
ผู้ชายคนนี้คือปีศาจสวรรค์ที่แท้จริง!
………………………
"ข้างหลังเก็บกู้มาได้แค่คันเดียวครับ อีกคันถูกเผาไม่เหลือซากเลย... ขอโทษด้วยครับ
เป็นความผิดของผมเอง” ลูกน้องวิ่งเข้ามารายงาน
ตอนได้รับแจ้งจากคนทางด้านหลังว่ารถบรรทุกสองคันที่เหลือสภาพเป็นเช่นไร
“ไม่ใช่ความผิดแกหรอก จับเป็นพวกมันมาได้ไหม?” เจ้านายยืนมองรถบรรทุกคันสุดท้ายที่พลิกคว่ำ
ทิ้งของในตู้คอนเทนเนอร์ให้ระเนระนาดเต็มพื้นถนน
คนตัวสูงกว่าเก็บปืนไว้ที่เดิมตอนลูกน้องเข้าไปยืนยันแล้วว่าคนขับรถตายคาที่ทันทีเมื่อเขาลั่นไก
“ไม่ได้เลยครับ ขอโทษด้วยนายน้อย”
“ก็บอกแล้วว่ามันไม่ใช่ความผิดของแก... สั่งคนให้มารีบขนยาออกจากไปให้หมด
อย่าให้เหลือหลักฐาน ติดต่อไปบอกเวอร์โก้ด้วยว่าช่วงนี้คงมีรายงานน่ารำคาญโผล่มา
อยากให้หมอนั่นอยู่รับหน้าให้หน่อย” โดฟลามิงโก้ออกคำสั่งต่อโดยไม่ทุกข์ร้อน รับรู้อยู่แล้วว่าทำธุรกิจใต้ดินต้องมีเรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น คิดไม่ถึงว่าหนอนบ่อนไส้มันจะกล้าขโมยของของเขาหน้าด้าน ๆ และที่ปั่นอารมณ์เขามากที่สุดก็คือจนถึงตอนนี้
ทั้งแฟมิลี่ยังไม่รู้ว่าไอ้หนูสกปรกตัวนั้นมันเป็นใคร!?
“กลาดิอุส บอกให้พวกผู้บริหารที่ออกมากลับไปรวมกันที่โรงงาน” เจ้าของชื่อพยักหน้าก่อนโทรกระจายคำสั่งให้ทุกคนได้รับรู้
รีบขึ้นรถไปพร้อมนายน้อยที่ผละตัวออกจากที่เกิดเหตุทันทีเมื่อมีคนมารับช่วงต่อ
………………………
บรรดารถยนต์ที่จอดหลบไว้ในโกดังล้วนถูกถอดแผ่นป้ายทะเบียนออกหมด
โดฟลามิงโก้และกลาดิอุสมาถึงโรงงานเป็นคู่สุดท้าย ทั้งคู่เดินขึ้นชั้นสอง
ก้าวเข้าหากลุ่มคนที่ยืนคุยกันอยู่ในห้องทำงานเพียงหนึ่งเดียวของโรงงาน
“ไล่ดูกล้องวงจรปิดหมดทุกตัวแล้ว แต่ก็อย่างที่เดา ๆ กัน
ข้อมูลถูกลบไปจนหมดไม่เหลือสักตัวเลย แย่ แย่มากเลยนะยะ!”
“ทุกตัวเลยสินะ แสดงว่าหัวเรี่ยวหัวแรงต้องเป็นคนระดับหัวหน้างานขึ้นไป
ลูกน้องธรรมดาไม่มีทางรู้ตำแหน่งของกล้องทั้งหมดแน่นอน-จี”
“กลาดิอุส จับใครกลับมาเค้นข้อมูลได้บ้างรึเปล่าล่ะ-อิน”
“ตายหมดเลย ขอโทษที… ฉันพลาดเอง”
“จะเอายังไงต่อล่ะดอฟฟี่?”
“ไม่ต้องทำอะไร บอกคนของเราให้จับตาดูทุกคนในโรงงานเป็นพิเศษ
หลอกมันไปว่าเราจะขนส่งสินค้าทางเรือแต่ของจริงให้ใช้รถบรรทุกเหมือนเดิม
ตอนของออกไปได้ประมาณหนึ่งในสามของเส้นทาง
ค่อยแกล้งทำข่าวหลุดเพื่อดูท่าทีว่าใครมันโผล่หางออกมาบ้าง” บอสของแฟมิลี่เอ่ยเสียงเรียบก่อนหันมองรอบห้องแล้วเดินไปหยุดยืนอยู่ที่จอมอนิเตอร์ข้างโต๊ะทำงาน
บนหน้าจอปรากฏตำแหน่ง GPS ของรถสินค้าทุกคัน ใช้มืออิงโต๊ะก่อนจะจ้องเขม็งที่ตำแหน่งสีแดงสามจุดที่โชว์หราอยู่บนหน้าจอสี่เหลี่ยม
ตำแหน่งสามจุดที่พวกเขาพึ่งไปเก็บกวาดมา ...จ้องมองมันเนิ่นนานก่อนเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้วจะไหลเข้าสู่ความทรงจำ
“ถ้าโทรมาด้วยเรื่องปัญญาอ่อน
ฉันจะเอาปืนไล่ยิงแก เทรโบล!”
“จะยิงก็ได้
แต่นายต้องมาหาฉันด่วนเลยดอฟฟี่? เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
หลังจากโดนอีกฝ่ายพูดจาร้อนรนใส่
โดฟลามิงโก้ไม่วายรีบหุนหันออกจากห้องไปทันที
ผละตัวออกมาหลังสังเกตดูแล้วว่าแม่กุหลาบงามของเขาหลับไปแล้วจริง ๆ
ขายาวแตะลงบนโถงบ้าน ก่อนพลันปรากฎร่างผอม ๆ
ของชายหนุ่มคาดผ้าปิดปาก
“เทรโบลบอกว่าให้ผมไปพร้อมนายน้อยครับ”
“แกรู้รายละเอียดรึเปล่า?”
“ไม่ครับ
คาดว่าทุกคนน่าจะได้ฟังพร้อมกันทีเดียว” กลาดิอุสบอกพร้อมก้าวขาตามร่างสูงที่เดินไว ๆ
ออกไปยังลานจอดรถ
คนผมทองมองหน้าอีกฝ่ายนิ่ง
รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ก่อนเปลี่ยนมือไปคว้ากุญแจรถแมคลาเรน 675LT สีม่วงสง่าแล้วรีบขับออกไป
เอารถที่สมรรถนะสูงที่สุดไปน่าจะดีกว่า?
ที่โรงงานสภาพย่ำแย่
มองเห็นรอยเลือดและร่องรอยการต่อสู้อยู่เต็มไปหมด เหล่าลูกน้องนอนระเกะระกะอยู่ตามจุดต่าง ๆ
น้อยคนที่ยังหายใจรวยรินร้องเจ็บปวดทรมาน แต่ส่วนใหญ่สิ้นใจไปแล้ว
หัวหน้ามาเฟียก้าวขาเลยไม่แยแสเหล่าคนเจ็บ
ก่อนเข้าไปสมทบบรรดาคนในแฟมิลี่ที่ใจกลางจุดเกิดเหตุ
“ดอฟฟี่!
นายตัดสายฉันทำไมตั้งสองสามรอบ รู้ไหมว่าเกิดเรื่องใหญ่น่ะ!?” เทรโบลโวยวายดังลั่นครั้นเห็นอดีตปลายสายก้าวเดินเข้ามา
“ก็ถ่อมาแล้วนี่ไง
เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?”
“เอ้า ๆ นายน้อยมาแล้ว
เล่ารายละเอียดให้ฟังเดี๋ยวนี้!” มัคไวส์หิ้วร่างลูกน้องโชกเลือดขึ้นมาคนหนึ่ง
ก่อนรั้งหัวมันให้ผงกขึ้นมาบอกเล่าเรื่องราว โดฟลามิงโก้ยกคิ้ว ปกติเขาไม่คิดจะจำหน้าพวกลูกกะจ๊อกหรอกแต่คลับคล้ายคลับคลาว่าไอ้หมอนี่หน้าตามันดูคุ้น ๆ
“วะ...วันนี้มีกำหนดส่งสินค้าครับ
ละ...แล้วระหว่างที่กำลังเตรียมการอยู่ จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้โผล่มา
มันบอกว่าจะเอาของไปทั้งหมดแล้วเปิดฉากยิงพวกเราทันที พะ...พวกเรา โอ๊ย
พวกเราพยายามสู้แล้วครับ แต่สุดท้ายมันก็เอาของไปได้”
“อะไรนะ!!!
พวกแกนี่มันเลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ
ย้ำนักย้ำหนาแล้วใช่ไหมว่าวันนี้ยังไงก็ห้ามพลาดน่ะ!” เขาพอจะเอะใจอยู่แล้วเชียว
ไม่คิดว่าเรื่องที่เลวร้ายที่สุดจะกลายเป็นเรื่องจริง
“เดี๋ยวสินายน้อย
ต่อยมันไปก็ไม่ได้อะไรหรอกนะ-จี พวกมันได้ของไปแล้ว” เหลาจีรีบเข้าไปห้ามทัพเมื่อเห็นนายน้อยทำท่าจะพุ่งหมัดเข้าใส่พ่อหนุ่มโชกเลือด
“แค่ต่อยมันยังน้อยไปนะยะ
ของเราหายนะ! แล้วรู้ไหมว่าคนซื้อน่ะคือใคร!”
“...ใคร?”
“ไคโดไงล่ะตาแก่ เบเฮะ ๆ
พวกเราตายกันหมดแน่”
“ว่าไงนะ!
ขอต่อยสักทีได้ไหมเนี่ย!” ลูกน้องแสนโชคร้ายหลับตาปี๋คิดว่าตนเองต้องตายเป็นแน่แท้
แต่ไม่ทันจะได้สัมผัสเพลงหมัด ร่างทั้งร่างก็ร่วงลงไปนอนแอ้งแม้งกับพื้นเสียก่อน
“ทำไมพวกมันถึงรู้วันและเวลาขนส่งได้แม่นยำ?
พอจะระแคะระคายใครว่าเป็นหัวขโมยบ้างไหม? จะได้กะเส้นทางหลบหนีถูก”
เป็นกลาดิอุสที่ดึงความเยือกเย็นออกมาได้ก่อน
ทุกคนกำลังตันในความคิด สุดท้ายต้องตัดสินใจเลือกกระจายคนออกไปค้นหาก่อน
“อะ...เอ่อคือ เราแกะรอยจาก GPS
ก็ได้นะครับ” คนนอนเจ็บอยู่บนพื้นร้องบอกตอนเห็นพวกผู้บริหารเริ่มเคลื่อนไหว
“GPS อะไรของแก? พูดให้มันรู้เรื่อง” โดฟลามิงโก้หันมาเขม่นใส่ลูกน้องปัญญาอ่อน
คิดว่าสติมันน่าจะเลอะเลือนเพราะเสียเลือดมาก แต่หลังได้ฟังคำพูดจากปากมัน
ความร้อนรนก็หายไปหมด จังหวะหัวใจกลับมานิ่งสงบ จู่ ๆ
ความคิดก็ลอยไปหาใครบางคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
“รถบรรทุกทุกคันติดแท็กไว้อยู่ครับ
เพราะเห็นว่าบางทีเส้นทางขนส่งมันแปลกไป คุณไวโอเล็ตเลยขอให้ผมไปติดเอาไว้
เราตามจับได้จากมอนิเตอร์ในห้องทำงานครับ ผะ...ผมจะบอกรหัสเข้าให้”
“ทำไมถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้!
ปากแกอมอะไรอยู่!"
“อมเลือดครับ โอ๊ย!” เตะมันไปหนึ่งที ตอนนี้เจ้าพ่อมาเฟียนึกหน้ามันออกแล้ว ที่แท้มันก็คือไอ้ลูกน้องโง่ที่ชอบมายืนส่งยิ้มแพรวพราวข้าง ๆ
ไวโอเล็ตทุกครั้งที่เขามารับนี้เอง
“ทำไมเจ้าหญิงถึงบอกแกแทนที่จะบอกพวกเราล่ะ?
เบเฮะ”
“เพราะเธอบอกว่ายิ่งคนรู้เยอะ
ความลับมันจะแตกง่ายครับ”
“ให้ตายสิ ทำแบบนี้มันอันตรายนะ
เหลือเกินจริง ๆ ยัยหนูคนนี้” ดูท่าจะต้องกลับไปอบรมสั่งสอนเสียหน่อยว่าสังคมของมาเฟียมันไม่ใช่เรื่องง่ายดาย
ทิ้งลูกน้องไว้ที่เดิม
ก่อนจะพาร่างขึ้นไปติดตามหารถบรรทุกที่หายไป
ที่หน้าจอเป้าหมายกำลังเคลื่อนห่างจากตัวเมือง
โดฟลามิงโก้สั่งทุกคนให้รีบขับตาม ก่อนเขาจะพาคนที่ยิงปืนแม่นสุดนั่งไปด้วย
ผลสุดท้ายจึงก่อเกิดเป็นการไล่ล่าที่ชวนน่าหวาดเสียวไปโดยปริยาย
ผลลัพธ์ก็อย่างที่ประสบพบเจอมา
พวกเขาเก็บมาได้สองและเสียหายไปหนึ่ง…
“เหลือเชื่อเลยนะ
ที่ลูกสาวราชานึกเรื่องแบบนี้ออกน่ะ แบบนี้ไม่ชมคงไม่ได้แล้วนะ เฮะ ๆๆ นายด้วยนะกลาดิอุส
...ยิงปืนแม่นเหมือนเดิม” เทรโบลเลือกนั่งลงที่โซฟาใกล้ ๆ
ก่อนหันมองเหล่าลูกน้องกำลังทยอยขนสินค้าที่เกือบจะสูญหายเข้ากลับมาได้ใหม่
“ไม่หรอกครับ
ผมจัดการได้แค่คันเดียวเองอีกคันนายน้อยทำ และถ้าไม่ได้แท็กติดตามของไวโอเล็ต
คงทำแบบนั้นไม่ได้” ใช่แล้ว สิ่งนั้นมันช่วยกู้สถานการณ์ให้พวกเขาได้มาก
หากไม่มีมัน มีหวังดอนกิโฮเต้แฟมิลี่ได้เปิดฉากทำสงครามกับกลุ่มร้อยอสูรแน่นอน
แม้จะเก็บกู้มาไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็มแต่ของไม่เสียหายเกินครึ่งก็นับว่าโชคดีอยู่
สถานการณ์เริ่มผ่อนคลายจนหัวหน้าครอบครัวต้องเอ่ยปากบังคับให้ทุกคนทิ้งวันหนักหน่วงไว้ด้านหลังแล้วก้าวเดินต่อไป
“กลับกันไปได้แล้ว
ตอนนี้กระวนกระวายไปมันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา... กลาดิอุส
อย่าลืมติดต่อหาเวอร์โก้ด้วย ส่วนพวกนายที่เหลือทำตามแผนที่วางไว้
ถ้าปล่อยให้มันขโมยของได้อีก ก็เลิกเป็นไปเถอะ มาเฟียเนี่ย!” จอมวางแผนแอบบ่น ก่อนเอนกายลงบนเก้าอี้ทันที ไล่ทุกคนให้กลับไปพักผ่อนเพราะเวลานี้ใกล้จะสว่างแล้ว
“แล้วนายไม่กลับเหรอดอฟฟี่?”
“ยัง...จะอยู่ด่าพวกมันก่อน
พวกลูกน้องไม่ได้เรื่อง! จะจับถ่วงน้ำให้หมด!”
“แค่คิดก็พอนะ เบเฮะ ๆ สมัยนี้หาคนไว้ใจได้ยาก ถึงพวกมันจะอ่อนแอแต่ก็ซื่อสัตย์นะ...อย่าลืมพักผ่อนล่ะ แหะ น้ำมูกไหลเลย”
“เออ” ชายหนุ่มเอนคอตอบก่อนทอดสายตามองร่างเทอะทะของอีกฝ่ายหายลับไป
ห้องทำงานเงียบเชียบ
แว่วเสียงลูกน้องกำลังตะโกนเซ็งแซ่ทำงานกันอยู่ด้านล่าง ใช้เวลาอยู่สักพัก
พวกสุนัขแสนซื่อสัตย์ก็เข้ามารายงานว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว
โดฟลามิงโก้พิงพนักรับฟัง ก่อนปล่อยความคิดให้หมุนวนไปทั่วห้อง
แม้แต่ที่นี่ก็ยังได้กลิ่นของเธอ
น่าแปลกแต่มันทำให้เขาอารมณ์เย็นได้อย่างน่าประหลาด
หันมองข้าวของที่ถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย
แลมองภายในห้องก็ดูสะอาดสะอ้านจนคิดว่ากำลังอยู่ในแหล่งปลอดเชื้อ
ไม่ใช่แค่ในห้องแต่ชายหนุ่มรู้สึกว่าทั้งโรงงานมันก็ดูสะอาดไปเสียหมด …องค์กรตรวจสอบมาตรฐานคงจะปลื้มน่าดู
นั่งบนเก้าอี้ที่เธอใช้ทำงานประจำก่อนเหลือบมองเส้นทางรถบรรทุกที่แสดงอยู่บนหน้าจอ
อย่างที่ทุกคนว่า...
ถ้าไม่มีมันทุกอย่างคงจะเลวร้ายกว่านี้
ถ้าไม่มีเธอเรื่องราวมันจะจบลงที่ตรงไหนกันนะ?
นอกจากความกวนแล้วผมก็บู๊เป็นนะครับ
ส่วนรถที่นางขับนี่ ถ้าเป็นชีวิตจริงขอบอกเลยว่าหล่อมาก
#สวัสดีปีใหม่ค่ะ
ความคิดเห็น